เมื่อมาถึงสิงคโปร์แล้วก็ได้ทานอาหารกลางวันทันที สิงห์พาพวกเราไปชิมติ่มซำร้านดัง Lei Garden ขอบอกว่าน่าทานทุกอย่าง เสียดายที่จขบ. แพ้กุ้งและปู เลยไม่ได้ชิมอะไรไปตั้งหลายเมนู แต่อะไรที่ได้ทานขอยืนยันว่าอร่อยมากจริงๆ จากนั้นก็เดินทางไปชมความอลังการของโรงแรม Marina Bay Sands ที่ทุกวันนี้กลายเป็นสถาปัตยกรรมโดดเด่นประจำเมืองไปแล้ว ไกด์ปล่อยให้เราเดินเล่นและช้อปปิ้งตามอัธยาศัย แต่เราสนใจด้านนอกของตึกมากกว่า เพราะจากจุดชมวิวริมอ่าวมารีน่านี้ เราสามารถมองเห็นส่วนหนึ่งของสนามแข่งอยู่บนฝั่งตรงข้าม เห็นเมอร์ไลอ้อนอยู่ลิบๆ ด้วยเช่นกัน และแน่นอน แกรนด์สแตนด์มารีน่าเบย์อยู่เยื้องไปทางขวานั่นเอง เห็นแค่นี้ก็อดตื่นเต้นไม่ได้แล้ว อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้เสียงรถฟอร์มูล่าวันก็จะกระหึ่มไปทั่วสนาม แม้มันจะเบากว่าปีก่อนๆ ก็ตาม
ระหว่างรถบัสเคลื่อนตัวออกจาก Marina Bay Sands คุณเอกหัวหน้าทัวร์ก็ประกาศสิ่งสุดเซอร์ไพรส์ ผู้บริหารสิงห์ติดต่อให้เราทุกคนได้เข้าไปถึงการาจเร้ดบูลในเย็นนี้!! ตายๆๆ เราดีใจจนอยากเป็นลมเสียทันที เรากับจุ๊บแจงนั่งมองหน้ากันอมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ถือเป็นเรื่องไม่คาดฝันจริงๆ แม้คืนก่อนเดินทางจะนอนไปแค่ 3 ชั่วโมง แต่ตอนนี้ไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิด ใจจดจ่อรอสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นตรงหน้า
ทางเข้าแพดด็อกของสนามสิงคโปร์ร่มรื่นดีค่ะ จริงๆ ก็แทบจะทั้งเมืองที่ยึดคอนเซ็ปต์สวนสวยในเมืองใหญ่ เราเดินเข้ามาทางประตู 2 แล้วขึ้นสะพานลอยข้ามมายังโซน 1 ซึ่งเป็นบริเวณที่จะเข้าแพดด็อกได้ เร้ดบูลส่งคุณทิม หนุ่มมิวนิก ไม่แน่ใจว่าเป็นฝ่ายการตลาดหรือประชาสัมพันธ์มารับพวกเราเดินเข้าไปทั้งกลุ่มใหญ่ แต่ความที่บัตรอนุญาตจากเอฟโอเอ็มที่สำหรับคณะของเราจะเข้าไปในแพดด็อกได้มีอยู่ 3 ใบเท่านั้น พวกเราทั้ง 24 คนจึงต้องแบ่งออกเป็น 8 กลุ่ม โดยมีเวลาทีมละประมาณ 15 นาทีและมีคุณทิมคนนี้คอยเวียนมารับเราเป็นกลุ่มๆ ไป
ระหว่างที่ยืนรอเพื่อนกลุ่มอื่นเข้าไป เราก็ฆ่าเวลาด้วยการสอดส่ายสายตาสำรวจบริเวณนั้น ใจก็คิดว่าลำพังตัวเราจะให้ซื้อบัตรโซนวีไอพีแบบนี้ก็คงทำไม่ได้ นี่เราโชคดีมากจริงๆ ที่ได้มากับสิงห์ครั้งนี้ ระหว่างที่คิดอะไรเพลินๆ ตาก็เริ่มเห็นของดี โอ้ว...การยืนรออยู่ตรงหน้าปากทางเข้าแพดด็อกนี้ทำให้เราเห็นใครหลายคนที่เคยเห็นอยู่ในโทรทัศน์ อย่างเช่น เดมอน ฮิลล์ แชมป์โลกปี 1996 ที่ตอนนี้เป็นพิธีกรของช่องสกายเอฟวัน จอห์นนี่ เฮอร์เบิร์ต สวนกันอยู่ 2-3 ครั้ง ไค เอเบิ้ล พิธีกรคนดังของเยอรมันประจำช่องอาร์ทีแอลก็เพิ่งเดินผ่านไป แต่เอ๊ะ! เซอร์ แจ๊กกี้ สจ๊วร์ต แชมป์โลกสามสมัยนี่นา ว้าววว...ไม่ทันใช้สมองคิด ขาก็เดินไปประชิดตัวท่านเซอร์เสียแล้ว เราเรียกจุ๊บแจงมาถ่ายรูปพร้อมกัน ถึงแกจะรีบแต่ก็ใจดีกอดคอพวกเราถ่ายรูปจนเรียบร้อย ยืนตรงนี้มันคุ้มมากเลยนะเนี่ย
เมื่อถึงคิวเราก็รับบัตรเอฟโอเอ็มจากเพื่อนกลุ่มก่อนหน้ามาคล้องคอแล้วรีบเดินจ้ำเข้าไปด้วยความกลัวว่าถ้ามัวชักช้าจะเสียเวลาช่วงนาทีทอง เรากับจุ๊บแจงเดินเข้าไปพร้อมกับพี่แวน ผู้สื่อข่าวในคณะของเราคนหนึ่ง ระหว่างทางเจอชาร์ลส์ พิค ด้วย จุ๊บแจงเรียกเพื่อจะขอถ่ายรูป แต่เขาหันมาแว้บเดียวแล้วรีบเดินเข้าไป ไม่เป็นไร เราคงได้เจอคนดังอีกหลายคน คุณทิมบอกเราว่าห้ามถ่ายรูปบริเวณแพดด็อก เว้นแต่ส่วนที่เขาจะบอกให้ถ่ายได้ และการเดินเข้าหลังการาจก็ต้องเดินด้วยความระมัดระวัง ห้ามจับหรือเหยียบอุปกรณ์ใดๆ อย่างเด็ดขาด ความรู้สึกแรกที่ได้ก้าวขาเข้าไป...มันเป็นอะไรที่เหลือเชื่อมาก นี่หรือที่เราเห็นนักขับ ทีมบอส หรือทีมงานเดินกันอยู่ทุกครั้งในโทรทัศน์ เรากำลังเดินตามรอยเท้าพวกเขา นี่เป็นเรื่องจริงใช่มั้ย?
เมื่อเลี้ยวซ้ายและทะลุตรงออกมาด้านหน้ารถหมายเลข 1 ของเซบาสเตียน เวทเทล ก็ตื่นตาตื่นใจไปกับภาพที่เห็น ขณะนั้นใกล้เวลาซ้อมรอบแรกแล้ว ทั้งตัวรถ ทั้งอุปกรณ์ต่างๆ ได้รับการเตรียมพร้อมจากทีมงานมืออาชีพของเร้ดบูล คุณทิมให้เวลาเราแชะภาพ 2 นาที เรากดรัวๆ แบบไม่ต้องคิดอะไรมาก ที่จริงเคยเห็นรถฟอร์มูล่าวันมาแล้วเมื่อครั้งที่ลงพิตเลนที่เซปังช่วงต้นปีที่ผ่านมา แต่ครั้งนี้ใกล้มากจริงๆ ยิ่งรวมกับบรรยากาศที่กำลังเห็นทีมงานง่วนกับรถด้วยแล้ว บอกได้คำเดียวว่าสุดยอด ระหว่างหันซ้ายหันขวาก็หันมาเจออีกคนสำคัญ กิโยม ร็อกเกอแลง หรือ "ร็อกกี้" วิศวกรการแข่งขันประจำรถของเวทเทลเดินผ่านมาพอดี เราไม่รอช้ารีบขอเขาถ่ายรูปด้วยความรวดเร็วเพราะรู้ว่าใกล้ถึงเวลาเข้าประจำการของเขาแล้ว ตอนที่เราขอบคุณเขาก็เห็นว่าทำหน้านิ่งๆ เหมือนดุ แต่ดีใจที่กลับมาดูแล้วเห็นว่ารูปที่เขาถ่ายกับเรา เขาอมยิ้มเล็กๆ ให้ด้วย น่ารักจังพี่ร็อกกี้