Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2557
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
17 กรกฏาคม 2557
 
All Blogs
 
..กระถินกลิ่นขี้ควาย..บทที่ 19



บทที่ 19





หลายเดือนต่อมา


รอบตัวถิ่นมีแต่ความเงียบเหงา..
งานว่าความของตามีมากขึ้น ทุกเช้าเข้ากรุงเทพฯ กับพี่ตั้ม บางวันยายก็ไปด้วย ทิ้งให้ถิ่นรับผิดชอบงานบ้านงานไร่ เลี้ยงเจ้าบอน บางทีต้องดูแลเรื่องการไปโรงเรียนและอาหารการกินของนายทุยนายจ้อยด้วย

อย่าว่าแต่ม่านสวยที่ยายคาดหวังไว้เลย แม้แต่บ้านและไร่สวนก็พลอยหมองหม่นเพราะขาดคนดูแล..สาเหตุสำคัญที่ทำให้ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงเพราะความเจริญก้าวหน้าที่เกิดขึ้นกับครอบครัว..ทำไม?

กิเลสตันหาของสิ่งมีชีวิตมีไม่สิ้นสุดตั้งแต่เกิดจนตายแล้วแต่ใครจะยั้งใจได้..ของถิ่นมีกับเขาด้วยเหมือนกันแต่เบาบางและถูกกำจัดได้ด้วยตัวเองและหน้าที่การงานที่รับผิดชอบอยู่ ประกอบกับเวลาเล็กน้อยที่เพิ่งล่วงมาและอีกยาวนานที่จะมีโอกาสเข้ามาอีก

สำหรับผู้ที่ยังเหลือเวลาไม่มากและโลกที่ถูกจำกัดให้แคบลง กิเลสน้อยนิดที่เกิดขึ้นกลับยิ่งใหญ่..นี่ละ..เหตุผลที่ยายต้องตามตาเข้ากรุงเทพฯ..มันไม่ใช่ตันหาของยายเสียทีเดียว ของตานั้นละมากกว่า..ข่าวว่าตาแอบมีอีหนูที่กรุงเทพฯ

ตั้มปิดปากเงียบแม้ยายจะเคี่ยวเข็ญถามสักเท่าไร ต๋องนั้นแล้วใหญ่ไม่เคยโผล่หน้ากลับบ้านเลยตั้งแต่เข้ากรุงเทพฯ พี่ริดห้อยกระปี่มาที่ไร่สองสามครั้งแล้วเงียบหายเช่นกัน พี่เบิ้มขลุกอยู่กับเมีย ส่งเสียงอยู่ในห้องทั้งวันทั้งคืน บางครั้งเปิดประตูทิ้งไว้ เล่นเอาถิ่นใจเต้นตูมตาม




“ถิ่นจะไปไหน?” เสียงนายทุยดังจากเล้าหมู

“เข้าไปทำอะไรในนั้น?” ถิ่นถามกลับ..ภาพที่เพิ่งเห็นคือทุยยืนยุกยิกกับตัวเอง

“เปล่า..” ทุยเสียงสั่น..ความจริงถ้าเขาอยู่เฉยๆ ไม่ออกตัว ถิ่นก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ตรงนั้น

“ฮะ..ฮะ..” ถิ่นหัวเราะกลบเลื่อน..เขารู้เดี๋ยวนั้นเองว่าทุยทำอะไร “ฮะ..ฮะ..รู้นะทำอะไรอยู่”

“อะไร..อะไร..” ทุยออกจากเล้าหมูมาที่ถิ่น..ไม่รู้สึกเขินอาย ถามคำถามเดิม “ถิ่นจะไปไหน?”

“ไม่รู้สิ..” วันนี้ยายเข้ากรุงเทพฯ งานประจำหลักๆ ของถิ่นเรียบร้อยแล้ว “ว่าจะเดินเที่ยวไปเรื่อยๆ”

“ไปด้วยคนสิ..” ทุยชูหนังสือเรียนให้ดู “เบื่อท่องหนังสือ ไปเที่ยวเสียบ้างเผื่อจะขยันขึ้น..อุ๊ป!..” หนังสือการ์ตูนเล่มหนึ่งหล่นลงมา

“เฮ้ย!..” ถิ่นคว้าได้ทัน “เกือบหล่นลงน้ำแล้วสิ”

“ของเรานะ!” ทุยร้องห้าม

“ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย..” ถิ่นรู้สึกทะแม่งกับการร้อนตัวอีกครั้งของทุย “ขอดูหน่อยนะ”

“อย่าเปิด!” ทุยเสียงหลง

“โห!..” ถิ่นพลิกหน้าหนังสือการ์ตูน..น้ำลายสอไม่รู้ตัว “ทุย..ทุย..นายก้าวหน้าจัง”

“ถิ่นอย่าบอกใครนะ..” ทุยสังเกตเห็นถิ่นหน้าแดง “เราให้ยืม..เข้าไปในเล้าหมูสิ!”

“เรื่องของเด็กๆ..” ถิ่นปิดหนังสือคืนทุย “เราโตแล้วไม่ทำอย่างนั้นหรอก” พูดไปทั้งใจยังสั่น เป้ากางเกงตื่นตัว

“ตกลงถิ่นจะไปต่อหรือกลับเข้าบ้าน” ทุยซุกหนังสือการ์ตูนในกอตะไคร้ข้างเล้าหมู

“อ๋อ..มิน่า..” ถิ่นตบไหล่ทุย “ถึงต้องมาทำที่เล้าหมู”

“ถามจริง..” ทุยตบเป้ากางเกงถิ่น “ไม่อยากทำหรือ?”

“โอ๊ะ!..” วันนี้ช่างง่ายดาย “ไม่..ไม่..” เป้ากางเกงถิ่นเปียกดื้อๆ “ไม่อยากทำ”



ความจริง ถิ่นตั้งใจไปวัดดงขนุน แน่ใจว่าพระป๋องอยู่ที่นั่น แต่ทุยตามแจตลอดทั้งวันและอีกหลายวันต่อมาทำให้ถิ่นไม่ได้ไป

“สิ่งที่เห็นกับสิ่งที่ไม่เห็นบางทีก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง” ถิ่นพูดกับจักรที่กำลังเย็บเศษผ้าเล่นฆ่าเวลา

“เหมือนแม่ใช่ไหม?..” ทุยนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาหวาย “ทำเข้ม..ที่แท้ก็หวงพ่อจะเป็นจะตาย”

“เราไม่ได้หมายถึงยาย..” ถิ่นหยิบผ้าม่านตัวอย่างคลี่ดู “ยายไม่ได้ทำเข้มแต่ยายเข้มแข็งเพราะต้องเลี้ยงทโมนสามคนและมาอยู่ไร่นาอย่างนี้..” คลี่ผ้าลายดอกฟักทองลงบนพื้น ทาบม่านตัวอย่างลงไป “ยายอ่อนหวานเหมือนผู้หญิงทั่วไป..ไม่อย่างนั้นจะอยากมีผ้าม่านสวยทำไม..” อ้ากรรไกรงับลงบนดอกฟักทองที่อยู่ริมผ้า “เพียงแต่ยายไม่มีเวลาเหลือพอจะแสดงออกถึงความอ่อนหวานนั้น”

“ถ้าอย่างนั้นถิ่นหมายถึงอะไร หมายถึงใคร” ร้อนตัวอีกครั้งของทุย

“เราหมายถึงทั่วไปไม่ใช่เฉพาะมนุษย์..หมายถึงทุกสิ่งบนโลกนี้” หนึ่งในความหมายที่ถิ่นไม่พูดออกมาคือทุยที่ดูเหมือนเคร่งครึมแก่เรียน แต่ที่แท้ไวไฟมากกว่าใคร

“แก่แดด!..”

“ก็แก่แล้วจริงๆ นี่..” ถิ่นเปลี่ยนใจไม่กล้าตัดผ้า..เล็มเป็นริ้วเล็กๆ หยิบขึ้นบนจักรลองเย็บดู “เลิกคุยแล้ว ทำตัวให้เป็นประโยชน์ดีกว่า”

“หุ..หุ..” ทุยลงจากโซฟามานั่งบนพื้นหน้าจักรเย็บผ้า “ถิ่นอายุเท่าเราแถมไม่ได้ออกไปพบโลกพบผู้คนมากเท่าไหร่ทำไมถึงรู้ดี ทำไมเป็นคนดีนักล่ะ”

“อายุน้อยแต่คิดมาก..คิดไปคิดมาจึงได้ข้อสรุป..” ขยับขาที่ทุยกำลังลูบเล่น “อายุสิบห้าไม่ใช่เด็กแล้ว”

“เย็บดีๆ นะ..” ทุยเปลี่ยนเรื่องพูด “ระวังเข็มจะตำนิ้วอย่างวันนั้นอีก”

“รู้ด้วยหรือ?”

“เห็นอีกด้วย..”

“เห็นอะไร?” เป็นถิ่นที่ร้อนตัว..มากกว่าทุย

“สองวันต่อมา เรากลับบ้านตามต๋องมาติดๆ” ทุยหยุดกลืนน้ำลาย “เห็นต๋องป้อนไอติมให้นาย..เห็น..เห็น..”

“แล้วไง?..”

“ไม่อย่างไรหรอก..” ทุยทำไม่รู้ไม่ชี้พูดไปอีกทาง “นายมีขนมากกว่าเรา” ลูบไล้ท่อนขาถิ่นที่เต็มไปด้วยขนอ่อนและกล้ามขา “ขาเราใหญ่พอกับนายแต่ขนไม่ยาวเท่า”

“เทียบกันสิ..” ไหนๆ เรื่องลุกลามถึงขนาดนี้..ไม่มีอะไรเหลือให้เคลือบแคลง..ถิ่นยื่นขาจากใต้จักรทาบขาทุย

“ถึงจะดูดีกว่าแต่เราว่าแข็งแรงไม่แพ้กัน” ทุยลูบขาตัวเองและของถิ่นที่ทาบอยู่..จู่ๆ ทุยดึงขนถิ่น

“โอ๊ย!..” ขาถิ่นกระดกโดนหน้าทุยที่ก้มอยู่ใกล้

“เฮ้ย!..” ทุยหงายหลังตึง

“ก็นายนี่น้า..” ถิ่นโดดผลุงจากจักรเข้าประคอง


ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับหัวทุยนอกจากมะนาวลูกย่อม แต่ทุยไม่วายอ้อนถิ่นให้พาขึ้นข้างบน..ผ่านห้องพี่เบิ้ม ทั้งถิ่นและทุยแทบไม่ต้องส่งสัญญาณต่อกัน





Create Date : 17 กรกฎาคม 2557
Last Update : 17 กรกฎาคม 2557 17:37:55 น. 0 comments
Counter : 631 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดาเรน
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add ดาเรน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.