Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2550
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
11 ธันวาคม 2550
 
All Blogs
 
《ต้าฮั่นเทียนจื่อ 一》 四十七(๔๗)


สารบัญ | ตอนที่แล้ว | ตอนถัดไป

จอมจักรพรรดิ์ ฮั่นอู่ตี้ ภาค ๑ - ตอนที่ ๔๗


๒๙ เมษายน ๒๕๕๑ / ปรับปรุงแก้ไข :



๔๗-๑


ณ พระตำหนักก่วนเถา

เฉินอาเจียวเดินวนไปเวียนมาอยู่ในห้อง เมื่อเห็นเงาคนที่หน้าประตูจึงตะโกนถาม “ใครน่ะ”

หนุ่มผู้เป็นคู่ขาของก่วนเถากงจู่ค่อยๆโผล่หน้าเข้ามา “คุณหนูเฉิน วันนี้ข้านำเอาเครื่องประดับแบบใหม่มาน่ะครับ ก่วนเถากงจู่ต้องการให้ข้านำมาให้ดู”

“ที่แท้ก็เจ้านี่เอง” เฉินอาเจียวคลับคล้ายคลับคลาใบหน้าของชายหนุ่ม “เจ้าก็คือคนที่เป็นเพื่อนชายของแม่ข้าไม่ใช่หรือ”

“ข้าน้อยไม่บังอาจหรอกคุณหนู ข้าน้อยเปิดร้านขายอัญมณีและไข่มุก จึงต้องคอยรับใช้พวกคุณหนูคุณนายถึงที่บ้านน่ะครับ”

“มาไม่รู้จักเวล่ำเวลา วันนี้เป็นวันฝังพระศพอดีตหวงตี้ แม่ข้าจะอยู่บ้านได้ยังไงล่ะ”

“จริงด้วยสิ” ชายหนุ่มนึกขึ้นได้ “งั้นข้าน้อยค่อยมาใหม่วันหลังก็แล้วกัน”

ชายหนุ่มหันหลังออกเดิน แต่ถูกเฉินอาเจียวเรียกไว้

“เดี๋ยวก่อน”

“คุณหนู อยากจะดูก่อนไหม” ชายหนุ่มคิดว่าเฉินอาเจียวอยากจะดูของที่ตนเองนำมา

“ข้าไม่อยากดู” เฉินอาเจียวปฏิเสธแล้วเอ่ยชวน “เจ้าเล่นหมากกระดานเป็นใช่ไหม เล่นกับข้าสักกระดานสิ”

“คุณหนูอยากจะเล่นวางหมากล้อม(手谈)หรือ แต่ว่าฝีมือวางหมาก(棋艺)ของข้าน้อยสนิมจับหมดแล้ว เกรงว่าถ้าเล่นไปก็โดนคุณหนูดักทางได้หมด”

“นี่..พล่ามให้มันน้อยๆหน่อย ทีกับจ่างกงจู่เจ้ายังรับใช้ได้ ทีกับข้าเจ้าจะประจบสอพลอบ้างไม่ได้หรืออย่างไร”

“เอ่อ..ข้า..ยินดีรับใช้..ยินดีรับใช้ ครับ” ชายหนุ่มรีบประจบ

เฉินอาเจียวตะโกนสั่งสาวใช้ให้เตรียมกระดานสำหรับการวางหมาก(棋局)

ก่อนจะเริ่มเล่นชายหนุ่มได้เอ่ยถาม “คุณหนูชอบถือหมากฝ่ายไหน ฝ่ายขาวหรือดำกันล่ะ”

“ข้าไม่สนหรอกนะว่าจะฝ่ายขาวหรือว่าฝ่ายดำ ฝ่ายเจ้าก็คือเหลียง(梁) ส่วนฝ่ายข้าก็คือเช่อ(彻)”

เหลียง(梁) กับ เช่อ(彻) งั้นเหรอ” ชายหนุ่มงง

“ไม่เข้าใจเหรอ ไม่เข้าใจก็ไม่ต้องเข้าใจ ยังไงวันนี้ข้าก็จะต้องให้ชนะเจ้าให้ได้” เฉินอาเจียวพูดจบก็ทำท่าจะเริ่มวางหมาก แต่ก็ได้แต่จดๆจ้องๆไม่วางสักที จึงได้ตัดสินใจเอ่ยถามขึ้นว่า “แล้วข้าต้องวางหมากตรงไหนล่ะ”



๔๗-๒


หลังจากที่กรีดเลือดสาบานกับนายทหารของกองกำลังรักษาวังหลวงแล้ว โต้วอิงก็รีบแต่งชุดไว้ทุกข์เดินทางเพื่อมาเข้าร่วมพิธี ไม่คาดคิว่าจะได้เจอหลี่กว่างยืนคุมเชิงอยู่ที่เชิงบันไดจึงได้เอ่ยทักทาย “อ้าว ท่านนายพลอาวุโส ท่านมายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้”

“ข้าก็มายืนคุ้มกันให้กับอดีตหวงตี้เป็นครั้งสุดท้าย มันไม่สมควรอย่างนั้นหรือ”

“ข้าแค่จะบอกว่าใกล้เวลาพิธีฝังพระศพแล้ว เชิญท่านนายพลอาวุโสเข้าไปในตำหนักดีกว่า”

“ตาแก่คนนี้รู้จักแต่ยืนเฝ้ายาม ไม่รู้เรื่องพิธีอะไรนั่นหรอก”

“เอางั้นก็ได้ ตามใจท่านก็แล้วกัน” โต้วอิงพูดจบก็ขอตัวเข้าไปในงานพิธี



๔๗-๓


ในห้องพิธีทุกคนต่างยืนเข้าแถวรอคอยพิธีที่จะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้า หลิวหลิงที่แต่งกายคล้ายชายคิดจะหยอกล้อผิงหยางกงจู่เล่น ได้เดินเข้าไปใกล้ๆที่ด้านหลังแล้วเอื้อมมือไปแตะที่บ่าของผิงหยางกงจู่

“ให้เกียรติกันหน่อยสิ” ผิงหยางกงจู่ไม่พอพระทัยรีบสะบัดไหล่ให้มือที่มาแตะอยู่นั้นหลุด

หลิวหลิงเห็นผิงหยางกงจู่ไม่สนใจที่จะหันมามองจึงคว้าเอามือของผิงหยางกงจู่มากุมไว้ ผิงหยางกงจู่ตกพระทัยเงยพระพักตร์ขึ้นมอง เมื่อเห็นเป็นหลิวหลิงจึงยิ้มให้ แล้วเดินตามนางไป

“น้องหลิง เจ้ามาถึงเมื่อไรเนี่ย” ผิงหยางกงจู่ตรัสถาม

“พี่หญิง ท่านรู้หรือยังว่าหวงตี้องค์ใหม่เป็นใคร”

“พี่ไม่รู้หรอก แล้วเจ้ารู้เหรอว่าเป็นใคร”

“ข้าก็ไม่รู้หรอก”

“จริงสิ พ่อของเจ้าพอจะมีหวังบ้างไหม”

ทันใดนั้นเสียงของขันทีก็ประกาศดังขึ้นว่า “เรียนเชิญเชื้อพระวงศ์ ขุนนางฝ่ายบุ๋นฝ่ายบู๊ และนางในวังทั้งหลาย เข้าประจำที่ หวงไท่โห้วจะเสด็จแล้ว”

“ลุ้นให้ตายยังไงก็ไม่มีใครพูดสนับสนุนเค้าหรอก” พูดจบหลิวหลิงก็เดินกลับไปประจำที่ ส่วนผิงหยางกงจู่ก็เสด็จไปยืนอยู่เคียงข้างก่วนเถากงจู่

“หนุ่มคนเมื่อกี้เป็นใครกันเหรอ” ก่วนเถากงจู่ถามหลานสาว

“ดูท่านจะสนใจผู้ชายเหลือเกินนะ” ผิงหยางกงจู่เหน็บป้าของตนเอง



๔๗-๔


เมื่อไท่โห้วโต้วเสด็จเข้ามาในห้อง ทุกคนต่างคุกเข่าถวายความเคารพ

“ทุกคนลุกขึ้นเถอะ” ไท่โห้วโต้วรับสั่งให้ทุกคนยืนขึ้นก่อนจะตรัสต่อไปว่า

“แผ่นดินเผชิญกับเคราะห์กรรม(国难当头) โชคร้ายไม่หยุดหย่อน(祸不单行) หวงตี้ทรงประชวรจากการทรงงานอย่างหนัก(积劳成疾)จนสิ้นพระชนม์(如山之崩) เดิมทีไท่จื่อหลิวเช่อควรจะเป็นผู้ที่สืบทอดราชบัลลังก์ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะทรงจากไปโดยไม่หวนกลับมาเช่นกัน” ตรัสมาถึงตรงนี้ก็ทรงกรรแสง ทำเอาทุกคนต่างร่ำไห้

“การสิ้นพระชนม์(薨)ของไท่จื่อ นำมาซึ่งความเจ็บปวดเสียใจเป็นที่สุด นี่คงเป็นความตั้งใจของสวรรค์ที่คอยสร้างอุปสรรคให้กับราชวงศ์ฮั่นของเรา ไท่จื่อทรงเป็นเด็กหนุ่มที่ขยันศึกษาใฝ่หาความรู้ทั้งด้านการเมืองและการทหาร อีกทั้งเพิ่งจะฉลองพิธีประดับมาลา(弱冠之礼 ในสมัยโบราณชายหนุ่มเมื่อมีอายุยี่สิบปีก็จะมีพิธีประดับหมวก เพื่อแสดงว่าชายหนุ่มผู้นั้นได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว)ไปหมาดๆ เพิ่งจะทรงเป็นผู้ใหญ่แท้ๆ..”

“ไท่จื่อทรงคิดถึงอดีตหวงตี้และกตัญญูต่อพระองค์มาก ความคิดถึงทำให้ทรงล้มป่วยประชวรไม่หาย ความกตัญญูนี้ได้นำความซาบซึ้งไปสู่ฟ้าดิน ด้วยเกรงว่าดวงพระวิญญาณของอดีตหวงตี้จะทรงโดดเดี่ยวอยู่บนสรวงสวรรค์ จึงประสงค์ที่จะจากไปอยู่เป็นเพื่อนพระองค์”

“ไม่ได้แล้ว ข้าจะต้องเข้าไปเปิดโปง(戳穿)เสด็จย่า” ไท่จื่อที่ยืนอยู่ข้างนอกห้องได้ยินที่ไท่โห้วโต้วตรัสแล้วก็ร้อนใจจะเข้าไปในห้อง แต่ถูกจางทังห้ามเอาไว้ว่า “ยังไม่ถึงเวลา”

ไท่โห้วโต้วเสด็จไปยืนต่อหน้าโลงพระศพแล้วตรัสเชิดชูพระเกียรติคุณ “อดีตหวงตี้ทรงทุ่มเทพระวรกาย ทรงมุ่งมั่นพยายามที่จะพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรือง ประเทศรุ่งเรืองประชาชนก็เข้มแข็ง เพื่อคุณงามความดีที่ทรงทำไว้ต่อแผ่นดิน จึงมีกำหนดให้ฝังพระศพไว้ที่หยางหลิง(阳陵)”

“ส่วนไท่จื่อหลิวเช่อนั้น แม้จะยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์เพราะสิ้นพระชนม์ไปก่อน ก็ให้จัดพิธีฝังพระศพเฉกเช่นหวงตี้ และให้ฝังพระศพ(陪葬)ไว้ที่หยางหลิง(阳陵)ด้วยเช่นกัน ท่านทั้งหลาย พวกท่านยังมีความคิดเห็นอะไรเป็นอื่นอีกหรือไม่”

ทุกคนในที่นั้นต่างเอ่ยขึ้นพร้อมกันว่า “ข้าพระองค์ขอน้อมตาม พระเจ้าค่ะ”

ไท่สื่อลิ่ง(太史令)ซือหม่าถาน(司马谈)” ไท่โห้วโต้วทรงหันไปตรัสเรียกซือหม่าถานผู้มีหน้าที่บันทึกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ประจำราชสำนัก

“พระเจ้าค่ะ” ซือหม่าถานเตรียมน้อมรับพระบัญชา

“จงจดบันทึกลงไปในบันทึกประวัติศาสตร์(史书)ตามนี้ว่า ให้เฉลิมพระนามร่วมเรียกอดีตหวงตี้จิ่งตี้กับไท่จื่อหลิวเช่อว่าสองจักรพรรดิ์

“กราบทูลหวงไท่โห้ว ข้าพระองค์ไม่อาจทำตามพระบัญชาได้ พระเจ้าค่ะ”

“เพราะอะไร” ไท่โห้วโต้วต้องการทราบเหตุผล

“ไท่จื่อก็คือองค์รัชทายาท อันที่จริงก็มีธรรมเนียมปฏิบัติสำหรับองค์รัชทายาทอยู่แล้ว ไม่อาจที่จะใช้ธรรมเนียมปฏิบัติการฝังพระศพเช่นเดียวกับหวงตี้ได้ ข้าพระองค์ไม่กล้าที่จะล่วงละเมิด(违反)กฎบัญญัติที่บรรพหวงตี้ได้ทรงกำหนดไว้(祖制)ได้ พระเจ้าค่ะ”

“ถ้าหากว่าเค้าไม่ประสบเคราะห์ร้ายไปเสียก่อนป่านนี้เค้าก็ได้เป็นหวงตี้ไปแล้ว”

“แม้จะเป็นหวงตี้แค่วันเดียวก็สามารถใช้ธรรมเนียมปฏิบัติของหวงตี้ได้ แต่เกือบได้เป็นหวงตี้แม้จะช้าเพียงหนึ่งวันก็ไม่นับเป็นหวงตี้ พระเจ้าค่ะ”

อ๋องเหลียงได้เข้ามาตรัสแทรกขึ้นว่า “ทุกอย่างล้วนมีข้อยกเว้น ถือเป็นความกรุณาจากเบื้องบนไม่ได้หรือไง”

“ที่ท่านอ๋องตรัสว่า เป็นความกรุณาจากเบื้องบนนั้น ไม่ทราบว่าจากเบื้องบนไหนหรือพระเจ้าคะ” ซือหม่าถานย้อนถาม

“ก็ต้องเป็นหวงไท่โห้วสิ”

ซือหม่าถานยังยืนยันคำเดิม “ถึงจะเอากฎบัญญัติที่บรรพหวงตี้ได้กำหนดไว้มาเปิดดูหลายรอบ ก็ไม่มีบทบัญญัติไหนกล่าวไว้เช่นนี้ ตัวของข้าพระองค์เป็นสื่อกวน(史官)ทำหน้าที่จรดพู่กันจดบันทึกประวัติศาสตร์ตามพระประสงค์ของปฐมหวงตี้เกาจู่ ข้าพระองค์จึงไม่อาจน้อมรับพระบัญชาจากหวงไท่โห้วได้”

“งั้นพระประสงค์ของปฐมหวงตี้เกาจู่มีว่าอย่างไรล่ะ” ไท่โห้วโต้วตรัสถาม

“มีสองประโยค พระเจ้าค่ะ หนึ่ง หากมีกฎให้ทำตามกฎ สอง หากไม่มีกฎให้ทำตามธรรมเนียมปฏิบัติที่สืบกันมา แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยปรากฎว่ามีคนที่ไม่ได้เป็นหวงตี้แล้วใช้ธรรมเนียมปฏิบัติสำหรับหวงตี้ ราชวงศ์ฮั่นไม่มีธรรมเนียมปฎิบัติเช่นนี้ พระเจ้าค่ะ”

“ถึงราชวงศ์ฮั่นไม่มี แต่ก่อนราชวงศ์ฉินมีนี่” อ๋องเหลียงเถียง

“งั้นข้าพระองค์ขอทราบรายละเอียดด้วย พระเจ้าค่ะ”

“อ๋องฉินได้รับชัยชนะรวบรวมแผ่นดินจีนเป็นหนึ่งเดียวจนได้ขึ้นเป็นหวงตี้ หลังจากสถาปนาตัวเองเป็นฉินสื่อหวงตี้(秦始皇帝 จิ๋นซีฮ่องเต้)แล้ว ก็ทรงไล่แต่งตั้งบรรพชนทั้งห้ารุ่นของตนเองเป็นหวงตี้ คนเหล่านั้นของอ๋องฉินแต่ก่อนมีใครคนไหนได้เป็นหวงตี้สักวันเดียวบ้างล่ะ”

“ท่านอ๋องตรัสไม่ผิด แต่ว่าคนที่แต่งตั้งพวกเค้าเป็นหวงตี้ ไม่ใช่หวงไท่โห้ว พระเจ้าค่ะ”

ไท่โห้วโต้วได้ยินแล้วก็ทรงพระสรวลด้วยเสียงอันดังแล้วตรัสเรียกชื่อซือหม่าถาน “เจ้ากำลังคิดเอาเหตุผลนี้มากระทบเราสินะ รับสั่งของหวงไท่โห้วไม่นับ ต้องให้หวงตี้รับสั่งเท่านั้นใช่ไหม”

“ขอพระองค์ได้โปรดทรงอภัยให้ข้าพระองค์ด้วย มีเพียงรับสั่งของหวงตี้เท่านั้น พระเจ้าค่ะ”

“ได้..ถือว่าเราตรัสเร็วไปหน่อย งั้นก็เชิญหวงตี้ให้เป็นผู้ตรัสก็แล้วกัน” ตรัสจบไท่โห้วโต้วก็ทรงหยิบพระพินัยกรรมออกมา เสียงซุบซิบกันของเหล่าขุนนางที่อยู่ในห้องดังขึ้น

ไท่สื่อลิ่งซือหม่าถาน นี่เป็นพระพินัยกรรมของอดีตหวงตี้ ขอให้ท่านเปิดอ่านต่อหน้าทุกคน”

ซือหม่าถานรับพระพินัยกรรมมาเปิดอ่านให้ทุกคนได้ยินทั่วกันว่า “ร่างกายของเราได้รับความเจ็บป่วยอย่างแสนสาหัส จนยากที่จะเยียวยารักษาด้วยโอสถและการฝังเข็ม(药石)ได้ เรารู้ตัวดีว่าคงจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน แต่ว่าแผ่นดินฮั่นจะต้องดำรงอยู่สืบต่อไป เราขอฝากความหวังทั้งหมดไว้กับผู้ที่จะมาเป็นหวงตี้องค์ใหม่ให้เป็นผู้นำความเจริญรุ่งเรือง(宏图)มาสู่แผ่นดินฮั่น เราขอยกราชบังลังก์ของเราให้แก่อ๋องเหลียง

เสียงเซ็งแซ่ของเหล่าขุนนางดังขึ้นทันทีที่ซือหม่าถานอ่านพระพินัยกรรมจบ ทุกคนต่างมองหน้ากัน

ไท่โห้วโต้วรีบกล่าวคำถวายพระพรให้แก่บุตรชายทันที “ขอให้หวงตี้องค์ใหม่ ทรงพระเจริญ หมื่นปี หมื่นๆปี”

เหล่าขุนนางสกุลโต้วยกเว้นเชื้อพระวงศ์กับขุนนางบางส่วนต่างคุกเข่าลงถวายพระพรให้กับอ๋องเหลียงกันอย่างเซ็งแซ่ “ขอให้ฝ่าพระบาท ทรงพระเจริญ หมื่นปี หมื่นๆปี”



๔๗-๕


“ไม่ทันแล้วล่ะ” หลี่หลิงเอ่ยขึ้น

ไท่จื่อได้ยินแล้วก็ร้อนใจจนยืนแทบไม่ติดรีบหันหน้าไปทางจางทัง แต่จางทังบอกให้ทุกคนรวมทั้งไท่จื่อใจเย็นๆเอาไว้อย่าเพิ่งวู่วามให้อดทนรอดูเหตุการณ์ไปก่อน(稍安勿躁) “นี่เป็นโอกาสที่ดีที่หาได้ยากของท่าน ที่ท่านจะได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของแต่ละคนนะ”

“รอให้ข้าขึ้นครองราชย์ก่อนแล้วค่อยดูก็ยังไม่สายนี่” ไท่จื่อใจเย็นไม่ไหว

“สายไปแล้วล่ะ เมื่อตอนนั้นมาถึง แต่ละคนก็จะมีใบหน้าที่แฝงด้วยรอยยิ้มแบบเดียวกันจนท่านแยกแยะไม่ออก” จางทังเตือนสติ



๔๗-๖


“ทำไม..พระพินัยกรรมของอดีตหวงตี้ก็อยู่ที่นี่แล้ว ยังมีใครกล้าไม่ยอมรับ ยังมีใครกล้าที่จะขัดพระบัญชาอยู่อีกหรือ” ไท่โห้วโต้วตรัสเสียงดัง

อ๋องหวยหนาน

“พระเจ้าค่ะ”

“การที่อ๋องเหลียงขึ้นครองราชย์ ท่านก็สนับสนุน(拥戴)เค้าเต็มที่(极力)ด้วยไม่ใช่หรือ” ไท่โห้วโต้วโยนลูกให้อ๋องหวยหนาน

อ๋องหวยหนานตกใจจนพูดไม่ออก “เอ่อ..หม่อม..หม่อมฉัน..เอ่อ..”

“ทูลหวงไท่โห้ว ท่านพ่อของหม่อมฉันตั้งใจจะกราบทูลว่าให้ลองฟังความคิดเห็นของเหล่าขุนนางทั้งหลายก่อน เพคะ” หลิวหลิงช่วยทูลแทนให้ แล้วหันมาทางบิดา “ใช่ไหม ท่านพ่อ”

“ชะ..ใช่แล้ว พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันอยู่ที่หวยหนานเสียนาน จึงเสมือนเป็นคนต่างถิ่นของฉางอัน ควรจะต้องฟังความเห็นของคนฉางอันก่อน พระเจ้าค่ะ”

“ก็ดี งั้นมาฟังความเห็นของคนฉางอันดู” ไท่โห้วโต้วตรัสเสร็จก็ทรงหันไปทางเหล่าขุนนางสกุลโต้ว “ทุกท่านก็อยู่ที่ฉางอันมานาน พวกท่านลองให้ความเห็นดูทีสิ ว่าแต่ใครจะเป็นคนพูดก่อนล่ะ”

“ข้าพระองค์สนับสนุนอ๋องเหลียงให้ขึ้นครองบังลังก์ พระเจ้าค่ะ” โต้วอิงทูลเสนอความเห็นเป็นคนแรก

ขุนนางสกุลโต้วต่างส่งเสียงสนับสนุนอ๋องเหลียงเช่นกัน

ผิงหยางกงจู่เห็นดังนั้นก็ไม่รอช้ารีบกราบทูล “หม่อมฉัน มีเรื่องทูลถาม”

ผิงหยาง เจ้ามีอะไรที่อยากจะพูดงั้นหรือ”

ผิงหยางกงจู่พยักพระพักตร์ “หม่อมฉันจำได้ว่า เสด็จย่าเพิ่งจะตรัสบอกไป ว่าตอนที่เสด็จพ่อสิ้นพระชนม์(驾崩)นั้นไท่จื่อหลิวเช่อโศกเศร้าจนล้มป่วยใช่ไหมเพคะ”

“ใช่ ย่าพูดแบบนั้น เรื่องจริงก็เป็นเช่นนั้น”

“ในเมื่อเป็นแบบนั้นแล้ว ก็หมายความว่า เสด็จพ่อทรงสิ้นพระชนม์ไปก่อนแล้วไท่จื่อค่อยสิ้นพระชนม์ตาม”

“ก่อนหลังห่างกันเพียงไม่กี่วัน” อ๋องเหลียงตรัสแทรก

“ถึงจะห่างกันแค่หนึ่งทวิชั่วโมง หม่อมฉันก็อยากจะถามว่า ลำดับก่อนหลังนี้คงไม่ผิดใช่ไหม เพคะ”

“ไม่ผิดแน่นอน” อ๋องเหลียงตอบ

“เสด็จย่า หม่อมฉันขอถามอีกครั้งว่าตอนที่เสด็จพ่อสิ้นพระชนม์ไปนั้น ไท่จื่อหลิวเช่อยังคงมีพระชนม์ชีพอยู่ใช่ไหม เพคะ”

ผิงหยาง เจ้าคิดจะพูดอะไรกันแน่” ไท่โห้วโต้วทรงสงสัยในการถามย้ำหลานสาว

“งั้นก็ไม่ถูกแล้วล่ะเพคะ”

“มีอะไรที่ไม่ถูก” ไท่โห้วโต้วตรัสถาม

ผิงหยางกงจู่หันไปทางเชื้อพระวงศ์ “เสด็จลุงเสด็จอาและเชื้อพระวงศ์ทุกท่าน ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ทั้งหลาย พวกท่านลองตรึกตรองดูดีๆ ตอนที่หวงตี้ทรงมีพระชนม์ชีพนั้นคนที่ทรงโปรดมากที่สุดก็คือหลิวเช่อ ทรงฝากความหวังทุกอย่างไว้ที่เค้า เราจำได้ว่าตอนที่เค้าอายุได้เก้าชันษาก็ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงพระยศเป็นไท่จื่อ ซึ่งถือได้ว่าเป็นการเตรียมการส่งมอบราชบัลลังก์ให้กับเค้าในภายภาคหน้า ไม่ทราบว่า พวกท่านยังจำได้อยู่หรือไม่”

“ยังจำได้ติดตา(历历在目)พระเจ้าค่ะ” ขุนนางคนหนึ่งตอบ

“ยังจำได้ไม่ลืมเลือน(记忆犹新)พระเจ้าค่ะ” ขุนนางอีกคนตอบ

“นอกจากนี้แล้วข้าพระองค์ก็ยังได้รับพระบัญชาให้เป็นผู้จดลงในบันทึกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ด้วย ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใดๆทั้งสิ้น พระเจ้าค่ะ” ซือหม่าถานสนับสนุนยืนยันอีกหนึ่งเสียง

ผิงหยางกงจู่ตรัสต่อไปว่า “และพวกเราก็ไม่เคยได้ยินว่าหวงตี้ทรงไม่พอพระทัยอะไรไท่จื่อ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะทรงถอดถอนเค้าออกจากตำแหน่งรัชทายาท(储君) เราอยากถามอีกว่า ในเมื่อเสด็จพ่อยังอยู่และไท่จื่อก็ยังแข็งแรงดีอยู่ ทำไมจู่ๆถึงทรงฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าควรจะมอบราชสมบัติให้กับอ๋องเหลียง ถ้าเป็นไปอย่างที่ว่าแล้วล่ะก็ เราก็อยากจะถามทุกๆท่านว่าเสด็จพ่อจะทรงจัดการยังไงกับไท่จื่อ”

เสียงอื้ออึงของเชื้อพระวงศ์และเหล่าขุนนางดังขึ้น

“เจ้าเป็นผู้หญิงจะไปเข้าใจอะไร” ไท่โห้วโต้วตรัสขึ้น

“หม่อมฉันเป็นผู้หญิง เพราะไม่มีทางเลือก ในเมื่อเสด็จพ่อ เสด็จแม่ให้กำเนิดหม่อมฉันมาแล้ว แม้กายหม่อมฉันจะเป็นหญิง แต่ความกล้าหาญดั่งชายก็มีอยู่ไม่น้อย จึงขอให้ทุกๆท่านช่วยคืนความยุติธรรม(公道)ให้กับไท่จื่อด้วย”

ไท่โห้วโต้วทรงกริ้วหลานสาวขึ้นมาทันที “หุบปาก หุบปากให้หมดทุกคน”

ซือหม่าถานรีบกราบทูลไท่โห้วโต้ว “ข้าพระองค์เห็นว่า การแต่งตั้งหรือถอดถอนไท่จื่อนั้นล้วนเป็นเรื่องใหญ่สำหรับราชวงศ์ ราชสำนักและประเทศชาติ จะต้องทำด้วยความรอบคอบ พระเจ้าค่ะ เมื่อตอนที่แต่งตั้งหลิวเช่อดำรงพระยศเป็นไท่จื่อนั้น ในพิธี อดีตหวงตี้ก็ได้ทรงเรียกขุนนางทุกฝ่าย เชื้อพระวงศ์ผู้ใกล้ชิด ร่วมกันสักการะกราบไหว้ศาลบรรพชน(太庙) เพื่อแจ้งแก่เหล่าบรรพหวงตี้ในอดีต อีกทั้งยังได้มีการบันทึกไว้ที่แผนภูมิหยกประจำราชวงศ์(玉牒)ที่เก็บรักษาสืบทอดต่อกันมาเอาไว้ด้วย ถ้าหากว่าอดีตหวงตี้ทรงเปลี่ยนพระทัยที่จะถอดถอนไท่จื่อไม่ให้เป็นผู้สืบทอดราชสมบัติแล้ว ก็จะต้องทรงนำเหล่าขุนนางไปสักการะกราบไหว้ศาลบรรพชนเพื่อแจ้งแก่บรรพหวงตี้ในอดีตด้วยเช่นกัน ไม่ทราบว่าได้มีการประกอบพิธีนี้ขึ้นแล้วหรือไม่ พระเจ้าคะ”

“ตอนนั้นอดีตหวงตี้ทรงประชวรหนักอยู่บนแท่นบรรทม จะทรงลุกขึ้นเดินก็แทบลำบาก นี่ยังจะให้เค้าไปสักการระกราบไหว้ศาลบรรพชนอีก ดูจะไม่เป็นการบังคับเค้าเกินไปหน่อยหรือไร”

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ทำไมในพระพินัยกรรมจึงไม่ได้เอ่ยถึงไท่จื่อสักคำเดียวเลยล่ะ พระเจ้าคะ ไม่ได้เอ่ยถึงแม้กระทั่งความผิด การถอดถอนโดยปราศจากความผิดนั้น ขอให้หวงไท่โห้วได้โปรดชี้แนะสื่อกวนคนนี้ด้วยเถิดว่าข้าพระองค์ควรจะบันทึกลงไปอย่างไรดี พระเจ้าค่ะ”

“เจ้าดูจะพูดมากเกินไปแล้ว ตำแหน่งไท่สื่อลิ่ง ถ้าเจ้าไม่อยากเป็นก็ลาออกไป แล้วปล่อยคนอื่นมาเป็นแทน” ไท่โห้วโต้วตรัสประชดซือหม่าถาน

อ๋องหวยหนานทูลขึ้น “สำหรับเรื่องความผิดของไท่จื่อนั้น หม่อมฉันได้ยินข่าวลือ(风闻)มาเรื่องหนึ่ง”

“ข่าวลือเรื่องอะไร”

“ข้าพระองค์ได้ยินมาว่า ไท่จื่อเคยเสด็จหนีออกจากวังไปที่เมืองเยี่ยนชื่อ และยังได้ก่อเรื่องใหญ่ขึ้นจนเจ้าเมืองเยี่ยนชื่อต้องตัดสินลงโทษประหารชีวิต เรื่องนี้เป็นความจริงหรือไม่ พระเจ้าคะ”

“ไม่จริง ไม่จริงอย่างแน่นอน” ไท่โห้วโต้วรีบปฏิเสธ

อ๋องหวยหนานหันไปทางอ๋องเหลียง “ท่านอ๋อง ขออภัยที่ตอนนี้ข้าจำต้องเรียกท่านว่าท่านอ๋อง ท่านก็ได้ไปที่เมืองเยี่ยนชื่อ เพื่อไปจัดการเรื่องนี้ให้ไท่จื่อด้วยไม่ใช่หรือ”

“ไม่ใช่ ข้าไปที่นั่นด้วยเรื่องราชการ” อ๋องเหลียงปฏิเสธ

“งั้นแสดงว่าท่านก็ไม่ได้ยินข่าวคราวที่เกี่ยวกับไท่จื่อเลยสักนิดเดียวอย่างงั้นน่ะสิ”

“ข้าสาบานได้ว่าไม่มีอย่างแน่นอน” อ๋องเหลียงยืนยันคำเดิม

“สงสัยว่าข่าวลือ(道听途说)ที่ข้าได้ยินมา ก็คงจะเป็นข่าวลือที่ลือกันผิดๆ(以讹传讹)”



๔๗-๗


เฉินอาเจียววางหมากไปนั่งใจลอยไป

“คุณหนู” ชายหนุ่มเรียก

เฉินอาเจียวตื่นจากภวังค์ทำท่าจะวางหมากต่อ

“เสมอ(和棋)แล้วล่ะ” ชายหนุ่มบอก

“อะไรนะ เสมอเหรอ” เฉินอาเจียวงง

“เมื่อกี้บังเอิญเสมอกันน่ะครับ”

“ไม่ได้นะ” เฉินอาเจียวพูดพร้อมกับเอามือปัดหมากที่อยู่บนกระดานทิ้ง “วันนี้ไม่เจ้าก็ข้าต้องตายไปข้าง ไม่มีคำว่าเสมอ เล่นใหม่ๆ”



๔๗-๘


ในห้องตั้งพระศพ เหล่าขุนนางและเชื้อพระวงศ์ต่างถกเถียงกันไปมา ส่วนไท่จื่อกับพรรคพวกที่ยืนอยู่ด้านนอกนั้นก็คอยฟังคอยลุ้นอย่างใจจดใจจ่อ

หวงโห้วหวังตัดสินพระทัยรวบรวมความกล้าเข้าไปกราบทูลต่อไท่โห้วโต้ว





Create Date : 11 ธันวาคม 2550
Last Update : 29 เมษายน 2551 9:52:26 น. 3 comments
Counter : 3292 Pageviews.

 
นั่งลุ้นจนมือเย็นแล้วค่ะ


โดย: เสี่ยวฉิน IP: 192.55.18.36 วันที่: 29 เมษายน 2551 เวลา:20:57:43 น.  

 
ติดตามตลอดคับ หนุกมากๆๆ

ลุ้นคับลุ้นๆๆ


โดย: prezcot วันที่: 30 เมษายน 2551 เวลา:10:32:31 น.  

 
อัพเร็วๆๆนะคร้าา

รออยู่คร้าาา

ลุ้นมากมายอะ

อิอิ


โดย: nATaSia IP: 202.28.27.6 วันที่: 30 เมษายน 2551 เวลา:17:38:38 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

WangAnJun
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add WangAnJun's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.