Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
29 พฤศจิกายน 2550
 
All Blogs
 
《ต้าฮั่นเทียนจื่อ 1》 四十五


สารบัญ | ตอนที่แล้ว | ตอนถัดไป

จอมจักรพรรดิ์ ฮั่นอู่ตี้ ภาค ๑ - ตอนที่ ๔๕


๓๐ มีนาคม ๒๕๕๑ / ปรับปรุงแก้ไข :




๔๕-๑


จางทัง เจ้าวางกระบี่ลงเดี๋ยวนี้” เจ้ากรมศาลกรมวังสั่งจางทัง

จางทังยอมทำตามพร้อมกับส่งเสียงเป็นเชิงขอร้อง “ท่านปล่อยให้ข้าไปเถิดนะ”

“ศาลกรมวังเป็นหน่วยงานเกี่ยวกับกฎหมายและการตัดสินอรรถคดีตามตัวบทกฎหมาย ตัวเจ้าเองก็เป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องตัวบทกฎหมายและพระราชกฤษฎีกา ผู้รู้กฎหมายต้องการทำผิดกฎซะเองอย่างนั้นนะหรือ”

“ขอบคุณท่านเจ้ากรมฯที่ยกกฎหมายขึ้นมาเตือน เมื่อครั้งปฐมหวงตี้เกาจู่ปราบกบฎล้มล้างราชวงศ์ฉินอย่างกล้าหาญแล้วก็ตั้งเมืองหลวงที่ฉางอันนั้น อันดับแรกที่ทรงทำก็คืออาศัยนายกรัฐมนตรีเซียวเหอ(萧何)เป็นผู้ตรากฎหมายและพระราชบัญญัติ[ที่เรียกว่า ซันฉื่อฝ่า(三尺法) คำว่า ฉื่อ(尺)นี้เป็นหน่วยวัดความยาว โดยที่ความยาว 3 ฉื่อ(尺)มีค่าเท่ากับ 1 เมตร ในสมัยฮั่นเกาจู่จะมีการตรากฎหมายและพระราชบัญญัติต่างๆไว้บนแผ่นไม้ไผ่ที่มีขนาความยาว 3 ฉื่อ(尺)]แล้วใช้กฎหมายนั้นปกครองแผ่นดิน นับแต่นั้นมาทั้งประเทศไม่ว่าจะเป็นมณฑล แคว้น หรือแม้แต่ตำบล ล้วนถูกปกครองด้วยกฎหมาย ข้าขอถามสักหน่อย ที่จางทังถูกกักตัวไว้อยู่แต่ภายในห้องของศาลกรมวังฯ เห็นกันอยู่ชัดๆว่ามาช่วยราชการ แต่ความเป็นจริงกลับห้ามเข้าออก เป็นเสมือนนักโทษ(囚犯)ยังไงยังงั้น ไม่ทราบว่าข้าทำผิดกฎข้อไหนมาตราไหนของแผ่นดินฮั่นเหรอ”

“ไม่มีใครพูดว่าเจ้าทำผิดกฎหมายนี่”

“งั้นก็ให้ข้าออกไปสิ”

“นี่เป็นพระประสงค์ของหวงไท่โห้วและก็เพื่อคุ้มครองดูแลเจ้า”

“ตอนนี้สองพระองค์สิ้นพระชนม์ แผ่นดินล้วนโศกเศร้า ทุกคนที่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณล้วนแต่งกายไว้ทุกข์ เตรียมส่งเสด็จทั้งสองสู่สวรรคาลัย ข้าจางทังแม้คิดอยากจะไปร้องไห้ให้อดีตหวงตี้กับไท่จื่อก็ทำไม่ได้เชียวหรือ ท่านเจ้ากรมฯ ในฐานะที่ท่านมีหน้าที่รับผิดชอบดูแลกฎหมายทั่วทั้งแผ่นดิน ขอให้ท่านช่วยค้นดูให้หน่อยสิว่ามีกฎข้อไหนห้ามไม่ให้จางทังไปแสดงความเศร้าสลดเสียใจบ้าง”

ท่านเจ้ากรมฯอึ้งไปสักครู่ แล้วสั่งให้เจ้าหน้าที่ของศาลฯทั้งหมดออกไปจากห้อง

“ท่านเจ้ากรมฯ ที่หวงไท่โห้วมีรับสั่งให้กักตัวจางทังไว้นั้นก็เพราะกลัว..กลัวว่าจางทังจะไปให้การจงรักภักดีต่อไท่จื่อ ตอนนี้ไท่จื่อก็จากโลกนี้ไปแล้ว จางทังจะสามารถไปจงรักภักดีกับใครได้อีก หรือยังกลัวว่าข้าจะทำอะไรโง่ๆอีกอย่างนั้นหรือ”

“ก็เพราะข้ากลัวว่าเจ้าจะทำอะไรโง่ๆนะสิ จางทัง..เจ้าเป็นคนมีความสามารถ และต่อแต่นี้ไปข้ายังต้องพึ่งการช่วยเหลือ(借重)จากเจ้าอีกมาก”

จางทังไม่สามารถไปร้องไห้ต่อหน้าพระศพอดีตหวงตี้ถือว่าไม่จงรักภักดี(不忠)ไม่สามารถไปส่งพระศพไท่จื่อถือว่าเนรคุณ(不义) คนที่ไม่จงรักภักดีและเนรคุณแบบนี้ แม้ว่าท่านเจ้ากรมฯกล้าที่จะเรียกใช้งานข้า แต่ว่าคนทั่วทั้งแผ่นดินจะยอมรับข้าได้หรือ”

ท่านเจ้ากรมฯนิ่งคิดตัดสินใจสักครู่แล้วเอ่ย “งั้นเจ้าไปเถอะ แต่ว่าพรุ่งนี้ให้ร้องไห้อย่างเดียวเท่านั้นนะ และก็ห้ามก่อเรื่องขึ้นล่ะ”

“ขอบคุณใต้เท้า”



๔๕-๒


“พี่หญิง เค้าเป็นยังไงบ้าง..เค้าเป็นยังไง” เฉินอาเจียวเอ่ยปากถามผิงหยางกงจู่ทันทีที่มาถึงตำหนักผิงหยาง

“เค้า..เค้าก็สบายดีนี่”

“ถ้างั้นรับสั่งของหวงไท่โห้วล่ะ”

“ดูพูดเข้า จะรบกับข้าศึกก็ต้องมีกลลวง(兵不厌诈)บ้างสิ”

เฉินอาเจียวโล่งใจ “เฮ้อ..ทำเอาข้าตกอกตกใจหมดเลย”

“เจ้าดูสิ ขนาดคนอื่นๆยังเชื่อสนิทในคำพูดพวกนี้ ใจเจ้าก็ควรจะหนักแน่นเอาไว้นะ”

“ตอนแรกข้าก็ไม่หวั่นไหวหรอกนะ แต่พอถูกแม่ข้าพูดย้ำหนักๆเข้า ใจก็เลยหวั่นไหว”

“จริงสิ ระหว่างทางที่เจ้ามา มีคนเห็นเจ้าหรือเปล่า”

“ไม่มีๆ เวลานี้แล้วยังจะมีใครมาสนใจข้าอีกล่ะ พี่หญิง ข้ากลับก่อนนะ พี่ช่วยดูแลเค้าแทนข้าให้ดีด้วยล่ะ”

“เจ้าเองก็ระวังตัวนะ”

เดินไปได้ไม่ทันไร เฉินอาเจียวก็หันกลับมา “จริงสิ พี่หญิง ตอนนี้เค้าเป็นยังไงบ้าง ข้าอยากจะไปเจอเค้าสักหน่อย”

“เจ้าจะไปหาเค้าเหรอ ตอนนี้มันกี่โมงแล้ว เค้าคงหลับไปแล้วล่ะ พี่ว่าเจ้ายังไม่ต้องไปหาเค้าหรอก”

“หลับแล้วเหรอ คืนนี้ทั้งคืนคนทั้งฉางอันยังจะมีใครหลับตาได้ลงอีกล่ะ บ้างก็เอาแต่ร้องไห้ บ้างก็เอาแต่หัวเราะ ทั้งหมดก็เพราะเค้านั่นแหละ หากเค้ายังสติดีอยู่และหลับแล้วจริงๆ ข้าก็อยากจะขอไปดูให้เห็นกับตา”

“น้องอาเจียว พี่ว่า เจ้าอย่าไปเลยดีกว่านะ ยิ่งกำแพงมีหู(隔墙有耳)อยู่ด้วย อีกอย่างเจ้าก็ทนมาได้ตั้งหลายชั่วยามแล้ว ทนอีกสักไม่กี่ชั่วยามก็คงไม่เป็นไรล่ะมั๊ง ตกลงมั๊ย”

“พี่หญิงอ่ะ ข้าก็แค่อยากจะดูเค้าให้เห็นกับตาแป๊บเดียวเท่านั้นเอง..นะๆๆ” เฉินอาเจียวใส่ลูกอ้อน

“ก็ได้ๆ เจ้าเนี่ยนะ..ไปก็ไปสิ”



๔๕-๓


ผิงหยางกงจู่เดินนำเฉินอาเจียวไปที่หน้าห้องพักของไท่จื่อ ผิงหยางกงจู่ใช้นิ้วจิ้มไปที่หน้าต่างจนเป็นรูแล้วมองลอดเข้าไปเห็นไท่จื่อนอนอยู่บนเตียง จึงหันมาบอกเฉินอาเจียว

“เจ้าค่อยๆนะ ดูเหมือนว่าเค้าจะหลับแล้วล่ะ อย่าส่งเสียง ดูแป๊บนึงแล้วก็ไปนะ”

ระหว่างนั้นไท่จื่อพลิกตัวจนผ้าห่มหลุด เฉินอาเจียวมองลอดผ่านเข้าไปในห้องเห็นหญิงสาวกำลังห่มผ้าให้ไท่จื่อก็เกิดอาการลมเพชรหึงขึ้นหน้า หันมาถามผิงหยางกงจู่ “ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร”

“นาง..นางคือคนที่อยู่คอยรับใช้ไท่จื่อเป็นพิเศษน่ะสิ”

ได้ฟังแล้วเฉินอาเจียวยืนไม่ติดรีบเดินจ้ำอ้าวไปผลักประตูเปิดเข้าไปในห้องทันที

“อย่าแตะต้องตัวเค้านะ” เฉินอาเจียวตวาดใส่เว่ยจื่อฟูแล้วเดินไปที่เตียง

“นางเป็นใครกัน” เฉินอาเจียวส่งเสียงถามจนไท่จื่อต้องตื่น

“อาเจียว เจ้าจะทำอะไรน่ะ” ผิงหยางกงจู่ฉุดมือรั้งตัวเฉินอาเจียวให้ถอยออกมา “เจ้าต้องการจะปลุกคนทั้งฉางอันให้ตื่นหรืออย่างไร”

“พี่หญิง ท่านทำผิดต่อข้า ท่านแอบซ่อนผู้หญิงไว้ให้เค้า”

“ข้าเป็นหญิงรับใช้ของกงจู่ ถูกส่งให้มาปรนนิบัติไท่จื่อ” เว่ยจื่อฟูรีบแนะนำตนเอง

“ปรนนิบัติเค้าอย่างเดียว ไม่ได้ทำอย่างอื่นแน่นะ” เฉินอาเจียวไม่เชื่อ

ไท่จื่อรู้สึกเซ็งจึงต่อว่าเข้าให้ “อะไรกันนักหนา ดึกดื่นเที่ยงคืนป่านนี้แล้ว เจ้าถึงกับต้องแล่นมาหึงหวงถึงที่นี่เชียวหรือ หึงได้แม้กระทั่งหญิงรับใช้”

เฉินอาเจียวได้ยินแล้วจี๊ด สวนกลับไปว่า “เพื่อเจ้าแล้วใจข้าได้แต่กังวลจนนอนไม่หลับสักวันเดียว แต่เจ้ากลับดีนี่ มาหลงระเริงมีความสุขอยู่กับหญิงสาวที่นี่”

ผิงหยางกงจู่กับเว่ยจื่อฟูค่อยๆเลี่ยงเดินถอยฉากออกไปอยู่ห่างๆ ปล่อยให้ทั้งสองคนปรับความเข้าใจกันเอง

“จะให้ข้าแม้แต่หญิงรับใช้ก็เรียกใช้ไม่ได้ มองก็มองไม่ได้อย่างงั้นเหรอ”

“ไม่ได้ ก็คือไม่ได้”

“งั้นใครจะมาดูแลข้าล่ะ ข้าไม่สามารถทำได้เองทุกอย่างหรอกนะ”

“ก็ขันที(太监)ไง ต้องการจะเรียกใช้เท่าไรก็ได้ทั้งนั้น”

“ถ้าข้าไม่ตกลงล่ะ ยังไงข้าก็ต้องการหญิงรับใช้”

“ถ้าจะทำอย่างนั้นเจ้าก็ไม่ต้องเป็นหวงตี้”

“นี่เจ้าพูดเองนะ”

“ใช่ ข้าพูดเอง”

“เจ้าอย่ามาเสียใจภายหลังล่ะ”

“เสียใจภายหลังก็ไม่ใช่ข้า เฉินอาเจียวน่ะสิ”

“ก็ดี” ไท่จื่อล้วงหยิบของที่อยู่ในเสื้อออกมา “นี่คือพระพินัยกรรมที่เจ้าให้ข้าเก็บเอาไว้ เจ้าจะเอาไปเผาไฟ เอาไปฉีก หรือจะเก็บเอาไว้เล่นก็ได้ ข้าไม่ปงไม่เป็นมันแล้วหวงตี้น่ะ เจ้าเอาคืนไปสิ” ไท่จื่อเขวี้ยงพระพินัยกรรมใส่เฉินอาเจียว

เฉินอาเจียวเห็นไท่จื่อทำแบบนี้กับตนก็เกิดอาการน้อยใจร้องไห้คร่ำครวญ “เจ้าไม่ต้องการข้าแล้ว เจ้าไม่ต้องการข้าแล้ว”

“เอาล่ะๆ” ผิงหยางกงจู่เข้ามาห้าม “พวกเจ้าทำเป็นเล่นไป ประเดี๋ยวก็เป็นจริงขึ้นมาหรอก ทะเลาะกันอยู่ได้”

“พี่หญิง ก็เค้าชอบรังแกข้านี่” เฉินอาเจียวรีบฟ้อง

“อาเจียว พี่ไม่ได้ว่าเจ้าหรอกนะ ตอนนี้เจ้ายังดีที่มีคนมาคอยแกล้ง แต่พี่สิ..อยากจะให้มีคนมาแกล้งพี่บ้าง..แต่ก็เป็นไปไม่ได้แล้ว”

“ท่านพูดอะไรน่ะ พี่เขยเค้าปฏิบัติต่อพี่ดีจะตายไป พวกท่านก็แต่งงานกันมาได้สองสามปี นอกจากท่านแล้วเค้ายังจะไปมีใครได้อีกล่ะ”

“พี่เฉาโซ่ว เค้าตายแทนข้าไปแล้วล่ะ เค้าไปเป็นเทพแห่งความกล้าหาญแล้ว” ไท่จื่อเอ่ย

“ว่าไงนะ” เฉินอาเจียวตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน “พี่หญิง..ข้า..ข้าไม่รู้..ข้าไม่รู้จริงๆนะ”

“ไม่เป็นไร..อาเจียว..พี่ไม่เป็นไร..ช่างมันเถอะ แต่ว่าพี่อยากจะเตือนพวกเจ้าให้เลิกทะเลาะกันได้แล้ว เพราะว่าวันพรุ่งนี้จะอยู่หรือตาย ชนะหรือว่าแพ้ ก็ยังไม่รู้เลย”

“พี่หญิง ข้าเชื่อท่าน พวกเราจะไม่ทะเลาะกันอีกแล้วล่ะ พรุ่งนี้พวกเราจะต้องชนะอย่างแน่นอน” เฉินอาเจียวลดฐิทิลงแล้วหันไปทางไท่จื่อ หลิวเช่อ เจ้ารีบเก็บพระพินัยกรรมนี่ไปเถอะนะ”

ไท่จื่อกลับยืนนิ่งเฉย จนเฉินอาเจียวต้องอ้อนวอนพร้อมกับนำพระพินัยกรรมสอดเข้าไปเก็บในเสื้อของไท่จื่อ หลิวเช่อ ข้าขอร้องล่ะ ขอเพียงแต่เจ้าได้เป็นหวงตี้ เจ้าจะต้องการนางกำนัลกี่คนก็ได้ทั้งนั้น แล้วข้าจะเป็นคนช่วยเจ้าเลือกเอง”

ไท่จื่อดึงเฉินอาเจียวเข้ามากอด “ยังไม่ได้เป็นก็วุ่นวายเกินพอแล้วล่ะ”



๔๕-๔


“ผู้หญิงคนนั้นชื่ออะไรเหรอ” เฉินอาเจียวเอ่ยถามผิงหยางกงจู่ระหว่างเดินทางกลับตำหนักผิงหยาง

“นางชื่อเว่ยจื่อฟู

เฉินอาเจียวยังไม่วางใจ “ท่านช่วยเอาคนมาเปลี่ยนแทนนางให้ข้าด้วยล่ะ เอาคนที่หน้าตาน่าเกลียดสักหน่อย”

“อาเจียว เจ้าลองคิดดู จะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนก็เหลือเวลาอีกไม่มากแล้วล่ะ เมื่อถึงเวลานั้น ไม่ว่าชนะหรือแพ้ น้องชายพี่ก็สามารถกลับมาที่นี่ได้อีกอย่างนั้นหรือ”

“จริงด้วยสิ งั้นข้าไปก่อนนะ”

“ระหว่างทางก็ระวังตัวด้วยล่ะ”



๔๕-๕


เสียงเคาะประตูทำให้กัวเส่อเหรินต้องรีบเก็บงานที่ตนเองแอบปักเย็บเสื้อคลุมมังกรให้กับไท่จื่อเพื่อเอาไว้ใช้ใส่ในวันฉลองการขึ้นครองราชย์

เส่อเหริน เจ้าดูสิว่าใครมา” ป้านมกัวร้องเรียกบุตรชาย

“ไอ้หยา..พระเจ้า..ท่านก็ถูกปล่อยตัวออกมาด้วยหรือเนี่ย”

“ท่านป้ากัว เชิญท่านไปพักผ่อนก่อนเถอะครับ พวกเราพี่น้องมีเรื่องต้องคุยกันเป็นการส่วนตัว” จางทังเอ่ย

“เอาอย่างนั้นก็ได้ พวกเจ้าค่อยๆคุยกันไปนะ”

“พี่จาง นั่งลงก่อนสิ”

จางทังร้อนใจรีบถาม “เกิดอะไรขึ้นกับไท่จื่อ ที่เจ้ารับสารภาพ(自首)กับหวงไท่โห้วไปว่าไท่จื่อสิ้นพระชนม์แล้วนั่นน่ะ”

“ท่านใจเย็นๆ ฟังข้าอธิบายนะ”

“ข้าไม่ฟัง ตอนที่ข้าออกจากเมืองเยี่ยนชื่อนั้น ก้วนฟูกับหลี่หลิงต่างรับปากกับข้าเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า แม้ร่างกายจะแหลกเหลว(粉身碎骨)ก็จะคุ้มครองไท่จื่อให้ปลอดภัย แล้วยังไงล่ะ ไท่จื่อทำไม..”

“ท่านฟังข้านะ ไท่จื่อเค้าก็ยังอยู่ดีอยู่ที่นี่นั่นแหละ พี่ดูนี่นะ” พูดเสร็จกัวเส่อเหรินก็หยิบชุดที่ตนเองตัดให้กับไท่จื่อออกมา

“ท่านดูสิ นี่คืออะไร”

“นี่มันเสื้อคลุมมังกร(龙袍)นี่ ไท่จื่อไม่เป็นอะไรแน่นะ”

“ก็แน่ละสิ ไม่อย่างนั้นโทษของการแอบตัดเสื้อคลุมมังกร ถ้าข้าไม่โดนประหารเก้าชั่วโคตรก็คงจะต้องสามชั่วโคตรแล้วล่ะ”

“แล้วตอนนี้ไท่จื่ออยู่ที่ไหน”



๔๕-๖


ในห้องบรรทมของไท่โห้วโต้ว นางกำนัลกำลังนวดให้กับไท่โห้วโต้วจนพระองค์เคลิ้มหลับไป

“เสด็จย่า”

ไท่โห้วโต้วลืมพระเนตรขึ้นมองแล้วทรงตกพระทัย

“ทรงจำหม่อมฉันไม่ได้แล้วหรือ..หลานของท่าน..หลิวเช่อยังไงล่ะ พระเจ้าคะ”

“เจ้า..เจ้า..เจ้าไม่ใช่ว่า..” ไท่โห้วโต้วทรงเกิดอาการหวาดกลัว

“ใช่..พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันตกลงไปในแม่น้ำหวงเหอ ถูกพัดลอยเข้าไปในมหาสมุทรของตงหยาง(东洋 หมายถึงประเทศญี่ปุ่น) จากนั้นก็จมสู่เบื้องล่างไปถึงยังสุ่ยจิงกง(水晶宫 ในตำนานเล่าว่าใต้ผิวน้ำจะมีวังที่มีลักษณะเป็นผลึกแก้วใส เป็นที่ประทับของพญามังกร) ที่นั่นหม่อมฉันมองเห็นเหล่าเทพและเซียนเต็มไปหมดเลย และยังได้พบกับท่านพญายม(阎王)อีกด้วย ท่านพญายมพอเห็นหม่อมฉันก็เบิกตากว้าง แล้วถามหม่อมฉันว่าใช่หลิวเช่อ..ไท่จื่อหลิวเช่อแห่งราชวงศ์ฮั่นหรือไม่ หม่อมฉันเองรู้สึกแปลกใจ ท่านพญายมก็เลยยิ้มแล้วพูดว่า พวกเจ้าบนโลกมนุษย์มักจะกล่าวกันว่า ความยุติธรรม(湛湛青天)ไม่อาจบิดเบือนได้ฉันท์ใด ความคิดที่อยู่ในใจผีและเทพก็รู้ได้ฉันท์นั้น ทุกการกระทำทุกการเคลื่อนไหวของพวกเจ้า แม้แต่ความคิดที่เป็นความลับที่สุดภายในใจ ที่ตนเองคิดว่าคนอื่นไม่รู้ แต่ทั้งหมดนั้นล้วนอยู่ในสายตาของพวกเราทั้งสิ้น เค้ายังบอกหม่อมฉันอีกว่า เค้าได้ตรวจสอบบัญชีเกิดตายของมนุษย์(生死簿)แล้ว ในนั้นไม่มีชื่อของหม่อมฉัน ในเมื่ออายุขัย(阳寿)ของหม่อมฉันยังไม่หมด แล้วทำไมถึงได้มาถึงที่นี่ได้ แต่ท่านพญามังกร(龙王)ได้เตือนเค้าว่ามีคนประเภทเดียวเท่านั้นที่นรกไม่อาจควบคุมได้ นั่นก็คือ..หวงตี้ของแผ่นดิน”

“โกหก..เจ้าพูดโกหก”

“สุดท้ายแล้วท่านพญายมก็ตรวจพบได้ว่า ในแผนภูมิรายชื่อหวงตี้แต่ละราชวงศ์(历代帝王谱)นั้นมีชื่อของหม่อมฉันอยู่..หลิวเช่อ..โอรสสววรค์แห่งราชวงศ์ฮั่น ดังนั้นหม่อมฉันจึงมากราบทูลให้เสด็จย่าได้ทรงทราบ”

“ไม่จริง..ไม่ๆๆๆ...ลูกเช่อ..ย่าขอโทษ ชาตินี้ย่าทำผิดต่อเจ้า ชาติหน้าย่าจะต้องดีกับเจ้าแน่นอน ชาติหน้า..ชาติหน้าพวกเรามาเป็นย่าหลานกันอีกนะ ดีไหม”

ไท่จื่อไม่ตอบได้แต่ส่งเสียงหัวเราะดังน่ากลัว ไท่โห้วโต้วทรงตกพระทัยส่งเสียงร้องแต่คำว่า “ไม่ๆๆ”

“หวงไท่โห้ว เพคะ” นางกำนัลส่งเสียงเรียก

เมื่อได้สติไท่โห้วโต้วก็ตรัสถาม “นี่มันกี่เกิง(更 ยาม)แล้ว”

“ยามสามแล้ว เพคะ”

“ถ่ายทอดคำสั่งเรา เรียกตัวอ๋องเหลียง ราชบุตรเขยโต้ว เดี๋ยวนี้”



๔๕-๗


ไท่จื่อนอนไม่หลับได้แต่นั่งจ้องมองพระพินัยกรรม

“ไท่จื่อ เพคะ นี่ก็เลยยามสามมาแล้ว รีบเข้าบรรทมเถิด เพคะ”

“เรานอนไม่หลับ เพิ่งจะหลับตาไปได้สักครู่ก็ถูกคุณหนูเจียวนั่นส่งเสียงปลุกจนเราหลับไม่ลงเสียแล้วล่ะ”

“คุณหนูอาเจียวดูจะรักพระองค์มากนะเพคะ”

“วิธีรักแบบนี้ของนาง ใครจะไปทนไหวกันล่ะ”

“ผู้หญิงเรา ไม่รักใครง่ายๆ แต่เมื่อรักใครแล้วก็จะคลั่งไคล้ใหลหลง รักหัวปักหัวปำเหมือนคนโง่ที่ขาดสติ คิดว่าผู้ชายผู้นั้นจะเป็นทุกอย่างของนาง ไม่ว่าอะไรก็หยุดขวาง(阻挡)นางไม่ได้”

“นางเป็นญาติผู้พี่ของเรา พวกเราเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กจนโต นางก็เป็นคนอารมณ์แบบนี้แหละ ไม่ต้องไปฟังคำขู่(吓唬)ของนางหรอก”

“นางไม่ได้แค่ขู่พระองค์ หม่อมฉันรู้ว่า นางพูดออกมาแล้วจะต้องทำได้แน่ๆ”

“เจ้ารู้เหรอ แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไร”

“ไท่จื่อ หม่อมฉันก็เป็นผู้หญิงเหมือนกันนะเพคะ”

“งั้น หากเจ้ารักใครสักคน เจ้าก็จะเป็นแบบนั้นใช่ไหม”

“หม่อมฉัน..ยังไม่เคยรักใครสักคนมาก่อนเลยเพคะ”

เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมเสียงเรียก จื่อฟู เราเอง”

เว่ยจื่อฟูเดินไปเปิดประตูให้ ผิงหยางกงจู่เดินนำจางทัง ก้วนฟู กัวเส่อเหริน และหลี่หลิงเข้ามาในห้อง

“พวกเจ้ามากันทั้งหมดเลยหรือนี่” ไท่จื่อเอ่ยทักด้วยความดีใจ

“พวกเรามาช้าไปหน่อย ขอคารวะไท่จื่อ” จางทังเอ่ยพร้อมกับนำทุกคนคุกเข่าลง

“อะไรกันเนี่ย พวกเราเป็นพี่น้องร่วมสาบานกันไม่ใช่เหรอ ลุกขึ้น รีบลุกขึ้นเร็ว และก็เรียกเราเหมือนเดิมว่า จิ่วเกอ สิ”

ทุกคนลุกขึ้นยืนและส่งเสียงเรียกพร้อมกันว่า จิ่วเกอ



๔๕-๘


“ถวายบังคมเสด็จแม่”

“ถวายบังคมหวงไท่โห้ว”

“เอาล่ะๆ ไม่ต้องมากพิธีก็ได้ ตอนนี้กี่ยามแล้ว”

“ยามสี่แล้วพระเจ้าค่ะ” อ๋องเหลียงทูล

“พระราชพิธีฝังพระศพ(国葬)กำหนดไว้กี่โมง”

“หม่อมฉัน ให้ชินเทียนเจียน(钦天监)กับไท่สื่อลิ่ง(太史令)พิจารณาดูซ้ำอย่างรอบคอบแล้ว วันนี้เวลาเก้าโมงเช้าถึงสิบเอ็ดโมง(巳时)ถือเป็นฤกษ์ที่ดีที่สุด”

“นี่ก็พ้นยามสามยามสี่มาแล้ว โต้วอิง ทุกอย่างเจ้าตระเตรียมไว้พร้อมแล้วหรือยัง”

“ทูลหวงไท่โห้ว ข้าพระองค์ได้จัดการทุกอย่างไว้เป็นอย่างดีแล้ว ไม่มีอะไรผิดพลาดแน่นอน(万无一失) พระเจ้าค่ะ”

“ที่เจ้าว่าเป็นอย่างดีน่ะคืออะไร”

“ข้าพระองค์ได้ไปแจ้งให้กับขุนนางชั้นผู้ใหญ่สกุลโต้วของพวกเราทุกคนทราบแล้ว พวกเค้าบอกแค่รอฟังคำสั่งจากหวงไท่โห้วเท่านั้น พระเจ้าค่ะ”

“ส่วนเชื้อพระวงศ์(王族)สายสกุลหลิวนั้น หม่อมฉันก็ได้ไปคุยไว้แล้วด้วยเหมือนกัน”

“แล้วผิงหยาง ก่วนเถา แล้วยังมีขุนนางชั้นผู้ใหญ่อื่นๆอีก มีการเคลื่อนไหวอะไรหรือเปล่า” ไท่โห้วโต้วตรัสถามโต้วอิง

“สงบเงียบดี พระเจ้าค่ะ”

“ถ้าเกิดมีคนตั้งใจ(心怀)ที่จะก่อกวนคัดค้าน(不轨)ล่ะ” ไท่โห้วโต้วยังไม่วางพระทัยดี

“สำหรับเรื่องนี้นั้น ข้าพระองค์ได้เรียกกองกำลังรักษาพระนคร(御林军)จำนวนหนึ่งหมื่นนายเตรียมพร้อมไว้แล้ว ในกรณีทีมีอะไรเปลี่ยนแปลง พวกเค้าจะรีบเข้ามาทันที พระเจ้าค่ะ”

“ในจำนวนทหารหนึ่งหมื่นนายนั้น มีคนเชื่อฟังเจ้าอยู่สักกี่คน”

“ทุกคนล้วนเชื่อฟังข้าพระองค์ พระเจ้าค่ะ”

ไท่โห้วโต้วได้สดับฟังแล้วก็วางพระทัย หันไปตรัสถามอ๋องเหลียงบ้าง “ลูกรัก อีกสักครู่เจ้าจะสวมชุดอะไร”

“เนื่องจากเป็นพิธีฝังพระศพอดีตหวงตี้ หม่อมฉันจึงสมควรสวมชุดไว้ทุกข์ พระเจ้าค่ะ”

“แล้วเสื้อคลุมมังกรล่ะ เจ้าไม่ได้เตรียมเอาไว้หรอกหรือ”

“เสื้อคลุมมังกรหรือ พระเจ้าคะ” อ๋องเหลียงงง เพราะไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ไว้

“ใช่ ให้เจ้าใส่ชุดไว้ทุกข์ไว้ชั้นนอก ส่วนชั้นในเจ้าใส่เสื้อคลุมมังกรเตรียมไว้ หลังเสร็จสิ้นพิธีฝังพระศพอดีตหวงตี้แล้ว ก็จะจัดพิธีสถาปนาหวงตี้องค์ใหม่ขึ้นทันที คืนยิ่งยาวนานก็ยิ่งทำให้ฝันมากตาม แต่เป็นฝันที่ไม่ดีเท่าไร”





Create Date : 29 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 30 มีนาคม 2551 16:52:10 น. 1 comments
Counter : 1439 Pageviews.

 
สนุกขึ้นทุกทีๆ เลยค่ะ


โดย: เสี่ยวฉิน IP: 192.55.18.36 วันที่: 1 เมษายน 2551 เวลา:21:34:00 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

WangAnJun
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add WangAnJun's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.