Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728 
 
22 กุมภาพันธ์ 2550
 
All Blogs
 
《ต้าฮั่นเทียนจื่อ 3》 ตอนที่ 3



สารบัญ | ตอนที่แล้ว | ตอนถัดไป


ตีพิมพ์ครั้งแรก : 15 เมษายน 2550 / ปรับปรุงแก้ไข :


จอมจักรพรรดิ์ ฮั่นอู่ตี้ ภาค 3 - ตอนที่ 3





เช้าวันใหม่ สองนายพลใหญ่ ต้าซือหม่าเว่ยชิงกับต้าซือหม่าจี้อันซื่อเดินทางไปเข้าเฝ้าฮั่นอู่ตี้ที่นั่งทรงงานอยู่ถึงในกระโจมที่พักส่วนพระองค์ หลังจากที่ถวายความเคารพต่อฮั่นอู่ตี้แล้ว ฮั่นอู่ตี้ก็ทรงมีรับสั่งขึ้นว่า “ เราเพิ่งจะให้ซือหม่าเชียน(司马迁)จดบันทึกเรื่องราวที่เราได้เข้ายึดครองดินแดนของฉานอี๋ว์(单于台) เราอยากให้พวกท่านทั้งสองได้ลองอ่านดูอีกที ” ตรัสเสร็จก็ทรงยื่นบันทึกให้กับเว่ยชิง

เว่ยชิงยื่นมือไปรับบันทึกมาแล้วอ่านเสียงดังให้ได้ยินทั่วกันว่า “ นับตั้งแต่ที่ฮั่นอู่ตี้หวงตี้แห่งราชวงศ์ฮั่นทรงขึ้นครองราชย์ หลายปีที่ผ่านมาได้ทรงทำศึกสงครามกับอีจื้อเสียที่รุกรานลงมาจากทางตอนเหนือ ส่วนทางด้านตะวันตกนั้นได้ทำการผูกมิตรสร้างสัมพันธไมตรีอันดีกับประเทศซีอี้ว์(西域诸国) ทรงเป็นผู้บุกเบิกขยายอาณาเขต ดินแดนของราชวงศ์ฮั่นให้กว้างขี้น อย่างที่ไม่เคยมีปรากฏมาก่อนในช่วงสมัยการปกครองของเหล่าบรรพชนหวงตี้องค์ก่อนๆ ” อ่านมาถึงตรงนี้ เว่ยชิงหันหน้าไปทางฮั่นอู่ตี้

พวกท่านว่าเกินไปหรือเปล่าฮั่นอู่ตี้ตรัสถามขึ้น

เว่ยชิงไม่ตอบ แต่หันหน้ามาทางจี้อันซื่อ จี้อันซื่อจึงกราบทูลแทนว่า “ เหมาะสมดีแล้ว พะย่ะค่ะ

แต่ว่า เรื่องที่น่ายินดีเช่นนี้ในวันนี้ดูเหมือนว่าจะขาดใครไปบางคนนะ เป็นใครกันฮั่นอู่ตี้ตรัสถามทั้งสองคนแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ จึงทรงลุกจากที่นั่ง ยืนนิ่งสักพักก็ตรัสขึ้นว่า “ ก้วนจวินโหว(冠军侯 - ขุนชนะศึก)ฮั่วชี่ว์ปิ้ง อัฐิของเค้าถูกฝังอยู่ที่เม่าหลิง(茂陵) หินทุกก้อนที่เขาฉีเหลียน(祁连山)จะจารึกแน่นไปด้วยรอยเท้าของเค้าตลอดไป ถ้าหากเค้ายังมีชีวิตอยู่ล่ะก็...

เว่ยชิงรีบกราบทูล “ ฝ่าพระบาท ฮั่วฉีเหลียน(霍祁连)บุตรสาวของท่านนายพลฮั่วชี่ว์ปิ้งบัดนี้ได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากแล้ว พะย่ะค่ะ

ฮั่นอู่ตี้ได้สดับฟังก็ทรงนิ่งเงียบไม่ตรัสอะไร จากนั้นก็เดินเข้าไปหานายพลทั้งสอง แล้วตรัสถามใหม่ “ ยังขาดใครไปอีกนะ

ซินแสจู่ฟู่เยี่ยน พะย่ะค่ะ ” จี้อันซื่อกราบทูล

ร่างของเขาถูกฝังไว้ที่ต้าหว่าน(大宛) ที่นั่นเป็นดินทรายและแห้งแล้ง เค้าคงจะทนไม่ได้กระมัง ยังมีใครอีก

ฝ่าพระบาท คงอยากจะตรัสถึงซินแสตงฟางใช่ไหม พะย่ะค่ะเว่ยชิงทูลถาม

ฮั่นอู่ตี้ทรงเอื้อมพระหัตถ์ไปตบที่บ่าของเว่ยชิงแล้วตรัสว่า “ ท่านพี่เขย ท่านช่างรู้ใจเรานัก ไม่ว่าจะจู่ฟู่เยี่ยน หรือ ฮั่วชี่ว์ปิ้ง ทั้งสองคนล้วนมีคุณงามความดีมีจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ ป่านนี้คงได้ไปเกิดเป็นเทพอยู่บนสวรรค์แล้วกระมัง จะเว้นก็แต่ตงฟางซั่วนี่แหละที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลกแท้ๆ แต่ทำไมทั่วทุกซอกทุกมุมถึงไม่มีหรือได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับตัวเค้าเลย

ฝ่าพระบาท น่าจะมีพระราชโองการสั่งการลงไปยังทุกมณฑลทุกอำเภอให้มีการค้นหาตรวจตราอย่างละเอียดทั่วทุกตารางนิ้วอีกครั้งหนึ่ง พะย่ะค่ะเว่ยชิงแนะนำ

เราได้สั่งให้มีการค้นหาอย่างละเอียดหลายครั้งแล้ว จะกี่ครั้งนั้นเราก็จำไม่ได้แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่เค้าจะไม่รู้ เค้าจะต้องรู้อย่างดีทีเดียวเลยหลบซ่อนตัวไม่ออกมาปรากฏกายให้เห็น นั่นคงจะเป็นความปรารถนาของเค้า ” ตรัสจบก็ทรงเดินไปหยิบคันธนูขึ้นมาคันหนึ่งแล้วตรัสต่อว่า “ ใครบอกว่าหวงตี้เสียดายไม่เป็น ” จากนั้นก็ทรงง้างสายธนูค้างไว้แล้วปล่อยสายธนูพร้อมกับตรัสว่า “ นี่ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่เรารู้สึกเสียดาย



ในเวลาต่อมาเว่ยชิงได้ทูลขอให้ฮั่นอู่ตี้ส่งคนไปเชิญต้าซือหนง(大司农)มาเข้าเฝ้าเพื่อร่วมปรึกษาราชกิจด้วยอีกคน ส่วนไท่จื่อหลิวจี้ว์ที่จะขอเข้าเฝ้าได้แต่ยืนรออยู่ที่ด้านนอก

ฝ่าพระบาท หน่วยข่าวกรองของเราได้รายงานมาว่า ระยะทางไปทางตอนเหนือแปดร้อยลี้โดยรอบ ไม่พบร่องรอยของพวกฉานอี๋ว์แล้ว พะย่ะค่ะ ข้าพระองค์เห็นว่าไม่ควรที่จะตั้งทัพอยู่ที่นี่เป็นระยะเวลานานเกินไป ควรจะรีบยกทัพกลับเมืองหลวงโดยเร็วเลย พะย่ะค่ะเว่ยชิงทูลเสนอความคิดเห็น

จี้อันซื่อเสนอตัวกราบทูลว่า “ ฝ่าพระบาท ข้าพระองค์ขออาสานำกำลังพลหนึ่งหมื่นนายพร้อมกับม้าตั้งมั่นอยู่ที่ดินแดนของฉานอี๋ว์ ข้าพระองค์จะเร่งก่อสร้างกำแพงเมืองป้องกันทางตอนเหนือ(朔方)เอาไว้ เผื่อว่าคนของอีจื้อเสียจะย้อนกลับมา(东山再起) พะย่ะค่ะ





ขณะที่ฮั่นอู่ตี้ เว่ยชิง จี้อันซื่อ และต้าซือหนงกำลังปรึกษาราชกิจกันอยู่นั้น ที่ด้านนอกกระโจมที่พักของฮั่นอู่ตี้ หลี่ฮั่นกับจี้ฉินหู่จะขอเข้าเฝ้าแต่ถูกไท่จื่อหลิวจี้ว์ห้ามเอาไว้จึงเกิดการถกเถียงกันเล็กน้อย

เสด็จพ่อกับเหล่าทหารชั้นผู้ใหญ่กำลังปรึกษาราชกิจกันอยู่ แม้แต่เรายังโดนไล่ออกมา พวกเจ้าเข้าไปข้างในไม่ได้หรอก

ขืนรอให้พวกเค้าปรึกษาราชกิจกันเสร็จก็คงจะสายไปเสียแล้วหลี่ฮั่นเอ่ย

ใครมาส่งเสียงเอะอะอยู่ที่ด้านนอก ” พระสุรเสียงของฮั่นอู่ตี้ตรัสถามออกมา

ข้าพระองค์ หลี่ฮั่น

ข้าพระองค์ จี้ฉินหู่

ขอเข้าเฝ้าฝ่าพระบาท พะย่ะค่ะ ” ทูลเสร็จทั้งสองก็เดินเข้าไปข้างในแล้วคุกเข่าลงต่อเบื้องพระพักตร์ฮั่นอู่ตี้

จี้อันซื่อเดินมายืนอยู่ต่อหน้าคนทั้งสองแล้วเอ่ยขึ้น “ จี้ฉินหู่ เจ้าเข้ามาทำอะไร

ท่านพ่อ ท่านอย่าดุว่าข้าสิ ไม่ได้มีแต่ข้าคนเดียวสักหน่อย

จี้อันซื่อ ปล่อยให้พวกเค้าพูดฮั่นอู่ตี้ตรัส

พะย่ะค่ะ ” พูดจบจี้อันซื่อก็เดินถอยฉากออกไป

หลี่ฮั่นทูลขึ้นว่า “ ข้าพระองค์มาทูลขอพระราชานุญาต ข้าพระองค์เกิดความรู้สึกฮึกเหิมอยากจะติดตามนำชัยชนะกลับมา โดยที่ข้าพระองค์ขออาสานำกำลังทหารบุกเข้าไปยังดินแดนทะเลทรายทางตอนเหนือ ข้าพระองค์จะจับอีจื้อเสียมาตัดคอให้สิ้นซาก

จี้ฉินหู่ทูลขึ้นบ้างว่า “ ข้าพระองค์ก็พร้อมขอเป็นกองระวังหน้า เดินทางไปขับไล่อีจื้อเสีย จะปฏิบัติหน้าที่ให้เหมือนกับท่านนายพลฮั่วชี่ว์ปิ้ง พะย่ะค่ะ

ได้ยินวาจาที่ทั้งสองเอ่ยออกมาทำให้เว่ยชิงเกิดความวิกตกกังวลใจขึ้นในทันที ฮั่นอู่ตี้ตรัสขึ้นว่า “ พวกเจ้าอายุแค่นี้ ก็คิดอยากจะเป็นเหมือนฮั่วชี่ว์ปิ้งแล้วหรือนี่

หลี่ฮั่นทูลขึ้นว่า “ สมัยที่ท่านนายพลฮั่วชี่ว์ปิ้งรับใช้ชาติอายุก็ไล่เลี่ยกันกับข้าพระองค์ พะย่ะค่ะ

จี้ฉินหู่ทูลขึ้นบ้างว่า “ ตอนที่เค้าตายอายุก็ไม่ได้มากไปกว่าข้าพระองค์ในตอนนี้เลยด้วยซ้ำไป พะย่ะค่ะ

จี้ฉินหู่ เจ้าพูดจาเหลวไหลจี้อันซื่อรีบเอ่ยปรามด้วยเกรงว่าจะทำให้ไม่เป็นที่พอพระทัย จี้ฉินหู่จึงต้องสงบปากสงบคำลง

ไท่จื่อ เจ้าจะไม่พูดอะไรสักหน่อยหรือฮั่นอู่ตี้ตรัสถาม

ไท่จื่อหลิวจี้ว์ที่ยืนอยู่ที่ด้านหลังของคนทั้งสองเดินเข้ามาคุกเข่าแล้วกราบทูลขึ้นว่า “ หากเสด็จพ่อจะทรงพระกรุณา หม่อมฉันก็ขอออกตามไปร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับพวกเค้าทั้งสอง ขอให้เสด็จพ่อทรงวางพระทัยคอยฟังข่าวดีจากพวกหม่อมฉันดีกว่า พะย่ะค่ะ

ฮ่ะฮ่ะฮ่า ท่านพี่เขย ท่านนายพลใหญ่ พวกท่านได้ยินหรือเปล่า เด็กหนุ่มๆพวกนี้ดูช่างอาจหาญดูน่าเกรงขามเสียจริงๆ ในโลกนี้หากมีเสือน้อยอย่างพวกเค้าแล้วล่ะก็ พวกท่านกับข้าก็คงไม่ต้องมีเรื่องอะไรให้วิตกกังวลอีกแล้ว

เว่ยชิงกลัวว่าฮั่นอู่ตี้จะเห็นด้วยกับคำที่ทูลขอ จึงรีบกราบทูล “ ฝ่าพระบาท หากคิดจะทำสงครามกับทางตอนเหนือต่อไป ซูอู่ก็ไม่ต้องเป็นราชฑูตเดินทางไปเจรจาแล้วใช่หรือไม่ พะย่ะค่ะ ถ้างั้นบทบัญญัติที่ท่านเจ้ากรมประวัติศาสตร์ซือหม่าเชียนได้ร่างไว้เป็นอย่างดีเกี่ยวกับการมีพระเมตตาธรรมของพระองค์ในการที่จะผูกมิตรกับชาวซุงหนูมากกว่าการเป็นศัตรูก็เท่ากับสูญเปล่า ดูแล้วช่างน่าเสียดายนัก

ได้ยินที่เว่ยชิงเอ่ยมา ทำให้หลี่ฮั่นต้องทูลขึ้นว่า “ ข้าพระองค์ยินดีที่จะนำบทบัญญัติของท่านเจ้ากรมประวัติศาสตร์ติดตัวไปยังดินแดนทะเลทรายทางตอนเหนือด้วย ข้าพระองค์จะนำไปป่าวประกาศให้คนของอีจื้อเสียได้ยินกันทั่ว ใครที่ขัดขืนไม่เชื่อฟังก็จะไม่ได้รับการอภัยโทษ พะย่ะค่ะ

จี้ฉินหู่ทูลขึ้นบ้างว่า “ แม้จะต้องลำบาก ข้าพระองค์ก็จะทำให้พวกเค้ายอมรับบทบัญญัติที่ดีที่สุดบทนี้ให้ได้ พะย่ะค่ะ

เว่ยชิงเอ่ย “ การเอาชนะศัตรูโดยไม่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อถือเป็นยุทธวิธีที่ดีสุด พวกเจ้าเข้าใจหรือไม่

ไท่จื่อได้ยินแล้วไม่ค่อยพอใจตรัสขึ้นว่า “ ท่านอา ทำไมยิ่งท่านทำการรบชนะศึกมากเท่าใด ความกล้าหาญของท่านถึงได้ยิ่งลดน้อยลงล่ะ

หลิวจี้ว์ เจ้าช่างไร้มารยาทยิ่งนักฮั่นอู่ตี้เอ่ยปรามจนไท่จื่อต้องสงบปากสงบคำ จากนั้นก็ทรงหันไปถามหลี่ฮั่น

หลี่ฮั่น เจ้ายังมีอะไรในใจที่ยังเก็บไว้ไม่ได้พูดออกมาหรือไม่

ไม่มี พะย่ะค่ะ

ไม่มีแน่นะ

เมื่อไท่จื่อเห็นหลี่ฮั่นนิ่งเงียบไม่พูด จึงตรัสขึ้นแทนเสียเองว่า “ หลี่ฮั่น เค้าอยากจะเก็บกวาดดินแดนทะเลทรายทางตอนเหนือให้เรียบร้อย เพื่อที่จะนำพ่อและแม่ของเค้ากลับมาสู่แผ่นดินฮั่น พะย่ะค่ะ

เจ้ายังคิดว่าพ่อแม่ของเจ้ายังมีชีวิตอยู่ใช่หรือไม่ฮั่นอู่ตี้ตรัสถาม

ยังอยู่ พวกเค้าต้องยังมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน พะย่ะค่ะหลี่ฮั่นตอบอย่างหนักแน่น

จี้อันซื่อเอ่ยถามขึ้นว่า “ ห่านป่ามาส่งข่าวให้กับเจ้า(鸿雁传书) หรือว่าเจ้าได้เบาะแสอะไรของพวกเค้า

พวกเค้ามาเข้าฝันข้าพระองค์ ทุกๆคืนที่ข้าพระองค์หลับตาลง พวกเค้าก็มา พะย่ะค่ะหลี่ฮั่นทูลบอกแก่ฮั่นอู่ตี้

ที่ฝันเป็นเพราะใจสั่งให้ฝัน

แต่ว่า ข้าพระองค์ฝันเหมือนกันทุกคืน ดังนั้นน่าจะเป็นเรื่องจริง พวกเค้ายังบอกอีกว่า ตั้งตารอคอยข้าพระองค์ รอมาจนสิบแปดปีแล้ว คอยจนผมเปลี่ยนเป็นสีขาว คอยจนตาเริ่มจะพร่ามัว ยังบอกกับข้าพระองค์อีกว่า หากมาก่อนสามวันก็จะได้พบ หากช้าไปสามวันก็ยากที่จะได้พบ ฝ่าพระบาท ขอให้พระองค์เห็นใจในความรักต่อบุพการีของข้าพระองค์ด้วยเถิด พะย่ะค่ะ

หลังจากที่ได้ยิน ฮั่นอู่ตี้ทรงนิ่งสักครู่แล้วตรัสขึ้นว่า “ พวกเจ้าออกไปได้แล้ว

ฝ่าพระบาทจี้ฉินหู่ร้องเรียก แต่จี้อันซื่อบอกให้ทั้งสามรีบออกไป ทั้งสามจึงต้องลุกขึ้นหันหลังเดินจากไป

ไท่จื่อ เจ้าอยู่ก่อนฮั่นอู่ตี้ตรัสเรียก

พะย่ะค่ะ

เจ้าไม่ต้องเอ่ยอะไรทั้งนั้นจงใช้หูอย่างเดียว พ่อจะให้เจ้าอยู่ฟังดูว่า ภาระกิจทางด้านการทหารนั้นเค้าวางนโยบายกันอย่างไร

พะย่ะค่ะ

พวกท่านทั้งหลาย นายพลน้อยทั้งสองมีความกระตือรือร้นอยากจะออกรบ พวกท่านมีความคิดเห็นอย่างไรฮั่นอู่ตี้ตรัสถามขอความคิดเห็น แต่ไม่มีผู้ใดทูลตอบ จึงทรงตรัสต่อไปว่า “ เด็กน้อยเพิ่งจะเกิดก็ร่วมหัวกันซะแล้ว ทำให้ความทะเยอทะยานอยากของเรากลับฟื้นคืนมาอีกครั้ง แต่หากย้อนกลับไปเมื่อยี่สิบปีที่แล้วล่ะก็ เราคงจะตกลง

ได้ยินดังนั้นไท่จื่อส่งเสียงแสดงอาการออกมาด้วยความดีพระทัย “ เยี่ยมไปเลย พะย่ะค่ะ

หุบปากฮั่นอู่ตี้ตรัสปรามทำให้ไท่จื่อต้องสงบอาการลง จากนั้นก็ตรัสต่อว่า “ ที่นี่คือที่ประชุมต่อหน้าพระพักตร์หวงตี้ ใครอนุญาตให้เจ้าพูด ต้าซือหม่า เราให้เจ้าเป็นผู้ตัดสินใจก็แล้วกัน

ฝ่าพระบาท ข้าพระองค์อยากให้ฝ่าพระบาทลองฟังความเห็นของท่านต้าซือหนงดูก่อน พะย่ะค่ะเว่ยชิงทูลบอก

ข้าพระองค์จะเป็นขุนนางชั้นปลายแถว ขอถวายคำแนะนำเท่าที่จะถวายได้ พะย่ะค่ะต้าซือหนงทูลออกตัวกับฮั่นอู่ตี้

เว่ยชิงหันมาถามต้าซือหนงท่านต้าซือหนง ท่านร่วมติดตามกองทัพ มิทราบว่าท่านรับผิดชอบหน้าที่อะไร

ข้าพระองค์ อยู่หน่วยตระเตรียมเสบียงอาหารสำหรับกองทัพ

เสบียงอาหารในตอนนี้ยังมีเหลือเพียงพอเป็นเสบียงสำหรับกองทัพได้ถึงกี่วัน

หากคิดตามจำนวนคนหนึ่งแสนแปดหมื่นนาย ก็คิดว่าพออยู่ได้ถึงครึ่งเดือน

ฮั่นอู่ตี้ได้ยินปุ๊บตรัสถามขึ้นทันทีว่า “ กองทัพของเราบุกทำลายพื้นที่ของข้าศึก จนไม่เหลืออะไรให้กักเก็บไว้ได้อย่างนั้นหรือ

ทูลฝ่าพระบาท แต่เดิมที่คิดไว้ ฉานอี๋ว์อาศัยอยู่ที่ดินแดนแห่งนี้มาก็หลายปี ย่อมต้องมีการกักตุนเสบียงอาหารเก็บไว้มากมาย แต่คิดไม่ถึงว่าคลังเสบียงของอีจื้อเสียจะมีแต่ความว่างเปล่าไม่มีอะไรเหลือทิ้งไว้เลย พะย่ะค่ะต้าซือหนงกราบทูลรายละเอียดให้ทรงทราบ

จี้อันซื่อเสนอความคิดเห็นของตนบ้างว่า “ ทูลฝ่าพระบาท อีจื้อเสียถอยกำลังไปง่ายๆอย่างนี้ คงจะรอคอยให้เสบียงของพวกเราหมด พะย่ะค่ะ

ฮั่นอู่ตี้ทรงลุกจากที่ประทับยืนครุ่นคิดว่าจะจัดการอย่างไรต่อไป เว่ยชิงก็ได้กราบทูลขึ้นว่า “ ฝ่าพระบาท ก่อนที่กองกำลังของเราจะเคลื่อนทัพ ก็ไม่ได้มีแผนว่าจะเข้าไปกวาดล้างดินแดนทะเลทรายทางตอนเหนือให้สิ้นซาก ข้าพระองค์เห็นสอดคล้องต้องกันกับความคิดของท่านนายพลใหญ่จี้อันซื่อ พะย่ะค่ะ

ได้สดับคำกราบทูลของเว่ยชิงแล้ว ฮั่นอู่ตี้ก็ทรงตรัสออกมาว่า “ งั้นก็คงต้องให้ซูอู่ออกเดินทางไกลแล้วล่ะสิ

เป็นพระปรีชาชาญของฝ่าพระบาท ตัดสินพระทัยได้ถูกแล้ว พะย่ะค่ะ ” ทั้งสามคนเอ่ยขึ้นพร้อมกัน

แต่ฮั่นอู่ตี้ก็ยังอดเสียดายไม่ได้ถึงกับตรัสออกมาว่า “ ตัดหญ้าไม่ถอนโคน นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่น่าเสียดายสำหรับเรา














ขณะที่ซูอู่พร้อมด้วยคฑาฑูตในมือกับผู้ติดตามอีกสองคนได้ขี่ม้าออกเดินทางเพื่อที่จะไปทำหน้าที่เจรจาทางการฑูตกับเผ่าซุงหนูนั้น หลี่ฮั่นขี่ม้าไล่ตามมาพร้อมกับตะโกนเรียก

ซูต้าฟู(大夫 - เป็นคำเรียกแทนขุนนาง) ซูต้าฟู ได้โปรดหยุดก่อน

มีอะไรเหรอ หลี่เสี้ยวเว่ย(校尉 - ยศทางทหารของหลี่ฮั่น) หวงตี้ทรงมีรับสั่งอะไรมาถึงข้าอีกหรือ

ไม่ใช่หวงตี้หรอก แต่เป็นข้าน้อยที่มีเรื่องส่วนตัวอยากจะขอร้องท่าน

ซูอู่รู้ว่าหลี่ฮั่นจะพูดอะไรจึงชิงพูดขึ้นก่อนว่า “ ถ้าหากว่าข้าอยู่ในดินแดนทะเลทรายทางตอนเหนือ แล้วพบเข้ากับพ่อแม่ของเจ้า..

ไม่ใช่ ถ้าหากว่า สิท่าน ขอให้ท่านได้โปรดตามหาพวกเค้าจนเจอด้วยเถิด ข้าขอร้องล่ะ

เจ้าวางใจเถิด สิ่งที่อยู่ในใจของเจ้า ข้าจะต้องทำให้สำเร็จ ข้าลาล่ะ ”

หลี่ฮั่นมองตามซูอู่ที่ขี่ม้าจากไปพร้อมกับความหวังที่จะได้พบหน้าพ่อแม่ที่แท้จริงของตนเองสักครั้ง






ฮั่นอู่ตี้ทรงนำขบวนทัพมุ่งหน้าเดินทางกลับสู่เมืองหลวง ระหว่างทางผ่านสถานที่ที่คุ้นเคยจึงหยุด แล้วตรัสกับนายทหารนายหนึ่งว่า “ เรียกไท่จื่อมาพบเราทีสิ

พะย่ะค่ะ ” นายทหารรับคำพร้อมกับขี่ม้าย้อนกลับไปทางท้ายขบวนตะโกนบอก “ หวงตี้มีรับสั่งให้ไท่จื่อเข้าเฝ้า

ไท่จื่อขี่ม้าขึ้นมายังต้นขบวนแล้วตรัสถามฮั่นอู่ตี้ว่า “ เสด็จพ่อ ทรงเรียกให้หม่อมฉันเข้าเฝ้าด้วยเรื่องอันใดหรือ พะย่ะค่ะ

เจ้าหิวหรือยัง

หม่อมฉันยังไม่หิว พะย่ะค่ะ ” ไท่จื่อตรัสตอบอย่างงงๆ

พ่อไม่สนว่าเจ้าจะหิวหรือไม่ แต่พ่ออยากจะให้เจ้าได้ลองทานบะหมี่โหยวพัวล่าจึ(油泼辣子面) บะหมี่ที่อร่อยที่สุดในโลกสักชาม ” ตรัสเสร็จก็ทรงม้าขี่นำทางไป


หมายเหตุ

บะหมี่โหยวพัวล่าจึ(油泼辣子面) หน้าตาเป็นอย่างไรตัวผู้แปลเองก็ไม่ทราบหรอกเพราะไม่เคยเห็นเหมือนกัน รู้แต่ว่าโหยว(油)ก็คือน้ำมัน พัว(泼)ก็คืออาการสลัด(น้ำ)หรือพรม(น้ำ) ล่าจึก็คือเผ็ด(辣子) เมี่ยน(面)ก็คือบะหมี่ เท่าที่ได้ลองค้นรูปดูจากทางอินเทอร์เนต หน้าตาของบะหมี่ดังกล่าวของแต่ละท้องถิ่นก็จะแตกต่างกันไป ท่านผู้อ่านลองตามไปดูเองละกัน ลิงค์ที่หนึ่ง (ค่อยๆคลิกดูทีละภาพจากเริ่มต้นวิธีการทำจนกลายมาเป็นโหยวพัวล่าจึเมี่ยน) | ลิงค์ที่สอง






Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2550
Last Update : 24 สิงหาคม 2550 10:38:26 น. 4 comments
Counter : 1829 Pageviews.

 
มาตีตั๋วคอยอ่าน และพาฟงฟงมาอวยพรสงกรานต์ค่ะ



โดย: จอมยุทธหญิง (magarita30 ) วันที่: 14 เมษายน 2550 เวลา:22:55:16 น.  

 
ทางผู้แปล 《ต้าฮั่นเทียนจื่อ》 ภาคหนึ่งและภาคสาม ขอกราบสวัสดีปีใหม่ไทยมายังผู้อ่านทุกท่าน ณ ที่นี้ ด้วย

ขออวยพรให้ผู้อ่านทุกท่านมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง แคล้วคลาดจากภัยอันตรายทั้งปวง

ขอบคุณ


โดย: WangAnJun วันที่: 15 เมษายน 2550 เวลา:13:52:24 น.  

 
ติดตามอยู่ค่ะ ขอบคุณมากค่ะที่เสียสละเวลาแปลให้อ่านค่ะ


โดย: sadness IP: 58.8.2.191 วันที่: 16 เมษายน 2550 เวลา:21:47:45 น.  

 
ตามอ่านอยู่จ้า


โดย: Nuvan IP: 124.157.129.174 วันที่: 17 เมษายน 2550 เวลา:20:19:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

WangAnJun
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add WangAnJun's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.