Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2549
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
5 ตุลาคม 2549
 
All Blogs
 
จอมจักรพรรดิ์ ฮั่นอู่ตี้ ภาค 1 - ตอนที่ 16


สารบัญ | ตอนที่แล้ว | ตอนถัดไป
ตอนที่ 16 ปล้นคุก



เนี่ยนหนูเจียวรู้สึกผิดแผนที่ไท่จื่อไม่ยอมเอ่ยรับว่าเป็นไท่จื่อ จึงได้คิดหาแผนการณ์ใหม่

เนี่ยนหนูเจียวจ้างคนแบกเสลี่ยงแบกพาตนเองไปตามถนน เมื่อเห็นก้วนฟูกับหลี่หลิงเดิน
เข้ามาใกล้ จึงแกล้งทำผ้าเช็ดหน้าหล่น แล้วเอ่ยขึ้นว่า
“คุณชาย ช่วยกรุณาเก็บผ้าให้ข้าได้หรือไม่”
หลี่หลิงก้มลงไปเก็บผ้าแล้วยื่นส่งคืนให้ เนี่ยนหนูเจียวเอ่ยบอกด้วยเสียงอันเบา
“เค้าถูกขังอยู่ในคุกน้ำใต้ดิน(水牢)”
พูดจบก็บอกให้คนแบกเสลี่ยงเดินหน้าต่อไป

*****

ไท่จื่อที่กำลังนั่งสบายๆอยู่บนบ่าของกัวเส่อเหริน เห็นกัวเส่อเหรินท่าทางอ่อนล้าทำท่าจะ
ไม่ไหวจึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
กัวเส่อเหริน เจ้าไหวหรือเปล่า”
“ไหว ไหว ข้ายังไหว”
“แล้วเจ้ารู้สึกชาที่ขาหรือไม่”
“ไม่ชา ขาของข้าไม่รู้สึกชาเลยสักนิด”
“เจ้าปล่อยให้ข้าลงไปยืดเส้นยืดสายสักหน่อยเถอะ ปล่อยข้าลงไปที”
จิ่วเกอ ท่านอย่าขยับ หากท่านขยับไปมาแล้วล่ะก็ ข้าคงจะแบกท่านต่อไปไม่ไหวแน่
ยังไงก็อย่าขยับ ปล่อยไปอย่างนี้เถอะ”

ไท่จื่อจำต้องนั่งอยู่เฉยๆไม่ขยับเขยื้อนให้กัวเส่อเหรินทำการแบกต่อไป ไท่จื่อค่อยๆเอน
หลังของตนพิงกำแพง นึกถึงเหตุการณ์เมื่อสักครู่ แล้วเอ่ยถาม
“เจ้าว่า ที่เนี่ยนหนูเจียวพูดมาวันนี้ นางพูดจริงหรือพูดเท็จกันแน่”
“ท่านไม่ต้องไปสนใจหรอกว่านางจะพูดจริงหรือว่าพูดเท็จ เพียงแต่ท่านไม่ยอมรับออกไปก็
พอแล้ว”

“หากที่นางมีเรื่องคับแค้นใจ(冤情) นั้นเป็นเรื่องจริงล่ะ”
“คับแค้นใจรึ ใครจะมาคับแค้นใจได้เท่าพวกเราอีก จิ่วเกอ ข้าจะบอกอะไรให้ ที่ดีที่สุด
สำหรับท่านในตอนนี้ก็คือไม่ควรจะคิดถึงนางอีก ควรทำเหมือนกับว่าวันนี้ไม่ได้เจอะเจอนาง
ผู้หญิงอย่างนางสามารถทำให้ใจของคนเราเกิดอาการสับสนยุ่งเหยิง(搅乱)ได้ ข้าเพิ่งจะเข้า
ใจอย่างแจ่มแจ้ง(彻底)ในตอนนี้เองว่า ผู้หญิงมักจะนำพาปัญหามาให้(女人祸水) หาก
ไม่ใช่เพราะนาง มีหรือที่พวกเราจะมาแช่อยู่ในน้ำเช่นนี้”


*****

ณ ที่พักของคณะเดินทางของไท่จื่อ ก้วนฟูยื่นกระบี่เล่มหนึ่งส่งให้กับหลี่หลิง
“เจ้าคิดจะทำอะไรนะ” หลี่หลิงถามขึ้นขณะรับกระบี่มา
“แล้วเจ้าคิดว่าไงล่ะ” ก้วนฟูเอ่ยพร้อมกับเช็ดทำความสะอาดกระบี่ของตน
“เจ้าคิดจะปล้นคุก(劫牢)เหรอ”
“เจ้ากับข้าด้วยกัน” ก้วนฟูพูดหยั่งเชิง
“แต่พี่ใหญ่ได้กำชับบอกเอาไว้แล้วนี่ ว่าห้ามไม่ให้พวกเราทำการเคลื่อนไหวใดๆ”
“แล้วพี่ใหญ่ เค้ารู้หรือเปล่าล่ะ ว่าจิ่วเกอน่ะถูกคุมขังอยู่ในคุกน้ำใต้ดิน ข้าไปสืบข่าวมาเป็น
ที่เรียบร้อยแล้วว่า คนที่ถูกคุมขังอยู่ในคุกน้ำใต้ดินภายในจวนของท่านเจ้าเมืองน่ะ ไม่มีใคร
สามารถมีชีวิตรอดอยู่ได้เกินเจ็ดวัน”

“เจ็ดวันงั้นหรือ แต่มีแค่เราสองคน จะช่วยได้หรือ” หลี่หลิงพูดขึ้นอย่างไม่แน่ใจว่าพวกตน
จะช่วยไท่จื่อออกมาได้
“แค่ข้าคนเดียวก็ช่วยได้ แต่ข้ากลัวว่าเจ้าจะหาว่าข้าว่าไม่เอาพี่ไม่เอาน้อง หากไม่เอาเจ้าไป
ด้วย”

“พี่รอง ตอนนี้พี่ใหญ่กับพี่สามก็ไม่อยู่ ยังไงพวกเราคงจะต้องคิดให้รอบคอบก่อนค่อยลงมือ
(三思而后行)”

“หากไม่มีจิ่วเกอ จะมีพี่ใหญ่พี่รองไหม หากไม่มีไท่จื่อ แล้วจะมีคนคอยรับใช้จิ่วเกอไหม
ข้าขอถามเจ้าอีกครั้ง เจ้าจะไปหรือว่าไม่ไป หากเจ้ากลัวตายล่ะก็ จงรออยู่ที่นี่ล่ะกัน”

หลี่หลิงลังเลก่อนจะตอบออกไป “ตกลง ไปก็ไป”

*****

ที่ห้องพักของเจ้าเมืองเยี่ยนชื่อ
“ลูกอี้ ทางด้านคุกน้ำใต้ดินเจ้าตระเตรียมจัดการเรียบร้อยแล้วหรือยัง” หลิวซิ่นเอ่ยถาม
“ท่านพ่อ ลูกได้จัดการวางกำลังพลไว้เรียบร้อยแล้วทุกจุด(天罗地网)”
“คืนนี้ พลพรรคของไท่จื่อจะต้องบุกมาทำการปล้นคุกแน่ๆ เจ้าต้องจับตัวพวกมันให้ได้ อย่า
ให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว(一网打尽)”
หลิวซิ่นเอ่ยอย่างมั่นใจที่คืนนี้จะมีการปล้นคุก
“ลูกทราบแล้ว”

*****

ยามค่ำคืนภายในจวนของเจ้าเมืองเยี่ยนชื่อ มีทหารเดินเวรยามกันอย่างขวักไขว่ ก้วนฟูกับ
หลี่หลิงในชุดสีดำพร้อมผ้าปิดหน้าแอบเร้นกายเดินทางเข้ามายังในจวนของเจ้าเมืองเยี่ยนชื่อ

[ขอย้อนกล่าวถึงตัวละครตัวหนึ่ง เป็นหญิงสาวผู้ซึ่งได้เคยปรากฏตัวใน ตอนที่ 2 เจอคนชื่อตงฟางซั่ว มาแล้ว ในตอนนั้นผู้แปล
ไม่ได้บอกให้ท่านผู้อ่านทราบว่า เธอผู้นั้นมีชื่อเสียงเรียงนามว่ากระไร ท่านผู้อ่านได้ทราบแต่เพียงว่าเธอเป็นคนที่หลี่หลิงขี่ม้าไล่ติด
ตามไป จนหลี่หลิงเกิดอาการตกตะลึงในความงามของเธอเข้า มาถึงตอนนี้ก็ได้เวลาเปิดเผยเสียทีว่าหญิงสาวผู้นั้นคือใคร
แอ่น..แอน..แอ๊น...หญิงสาวคนนั้นก็คือน้องสาวคนเดียวของเนี่ยนหนูเจียว ที่มีชื่อว่า ชิวฉาน(秋蝉) นั่นเอง ตัวละครตัวนี้
จะยังมีบทบาทต่อไปในภาคสองต่อเนื่องจนถึงภาคสาม]



เนี่ยนหนูเจียวกับชิวฉานอำพรางตนเองในชุดสีดำพร้อมผ้าปิดหน้า ใช้ความเงียบบุกเข้าไป
ในห้องพักของเจ้าเมืองเยี่ยนชื่อ หลิวซิ่นซึ่งกำลังนั่งหลับตาทำสมาธิอยู่นั้น ได้ยินเสียงคน
เดินอยู่ในห้องจึงลืมตาขึ้น แต่แล้วก็ต้องตกใจที่จู่ๆก็มีปลายกระบี่มาจ่ออยู่ตรงหน้า จึงเอ่ยถาม
ขึ้นด้วยกลัว “เจ้า...เจ้าคงจะเป็นคนของไท่จื่อ เมื่อนึกอะไรได้จึงเอ่ยต่อ
“ไอ้โหย่ว ข้านี่แก่จนสติเลอะเลือนไป ข้า...ข้าจะรีบปล่อยคนให้เดี๋ยวนี้” หลิวซิ่นระล่ำ
ระลักเร่งรีบลุกจากที่นั่งหมายจะวิ่งหนีออกไปจากห้อง แต่ก็ไม่สามารถวิ่งไปไหนได้ไกล
เพราะมีกระบี่อีกเล่มหนึ่งมาจ่อพาดอยู่ที่คอจากทางด้านหลัง หลิวซิ่นจึงค่อยๆหันหน้ากลับไปดู
“พวกข้าไม่ได้เป็นคนของไท่จื่อ เนี่ยนหนูเจียวเอ่ยขึ้น
เมื่อได้ยินว่าผู้บุกรุกทั้งสองไม่ได้เป็นคนของไท่จื่อ ยิ่งทำให้หลิวซิ่นเกิดอาการตกใจเพราะ
ตนเองเดาไม่ออกว่าวัตถุประสงค์ในการมาเยือนยามวิกาลของผู้บุกรุกทั้งสองว่าต้องการอะไร
จึงรีบเอ่ยถาม “ถ้า..ถ้าอย่างงั้น ท่านทั้งสองเป็นจอมยุทธ์ผู้กล้าจากสำนักไหนกันล่ะ
หากต้องการเงินสำหรับใช้เป็นค่าเดินทาง(路费盘缠)ล่ะก็ ขอให้บอกมาได้เลย(尽管说话)”

“ข้าอยากจะถามเจ้าเกี่ยวกับคนๆหนึ่ง” เนี่ยนหนูเจียวเอ่ยกับหลิวซิ่น
“เค้าเป็นใคร?”
หยวนเล่ย(爰类)”
“ว่าไงนะ ที่แท้เจ้าก็คือ...” หลิวซิ่นชะงักแล้วเอ่ยพึมพำ “ข้าขอพูดในสิ่งที่ไม่ควร
จะพูดถึง หยวนเล่ยต้องสงสัย(涉嫌)ว่ามีส่วนพัวพันกับการก่อกบฏ(谋反) ทำให้ทั้ง
ครอบครัวถูกประหารชีวิต จึงไม่น่าที่จะมีทายาทหลงเหลืออยู่”

“ใครเป็นคนบอกว่าเค้าก่อกบฏ(谋反)” เนี่ยนหนูเจียวเอ่ยด้วยความโกรธในคำพูดของ
หลิวซิ่น
“ความผิดนี้หวงซ่างทรงมีพระราชวินิจฉัยด้วยพระองค์เอง”
“พระองค์ทรงละเลยไม่ได้ตรวจสอบพิจารณาอย่างถ้วนถี่ ก็เพราะหลงเชื่อฟังคำเพ็ดทูล
ใส่ร้ายป้ายสี(谗言)ของเจ้านะสิ เค้า(หยวนเล่ย)เป็นผู้ปราบปรามทำให้กบฏทั้ง 7
แคว้น
(七国之乱)สงบลงได้ ถือเป็นความดีความชอบอันยิ่งใหญ่ แต่เจ้าเกิดความอิจฉา
ริษยา(嫉妒)เค้า จึงบิดเบือนความจริงที่นำขึ้นกราบบังคมทูล”

“มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อห้าปีก่อน เจ้าทั้งสองมาหาข้าก็เพื่อจะสะสางบัญชีในเรื่อง
นี้สินะ”

“ถูกต้อง คนในครอบครัวของท่านนายพลหยวนเล่ย ที่แน่ๆยังเหลือคนที่ไม่ได้ถูกเจ้า
ฆ่าตาย”

หลิวซิ่นชะงัก “เจ้าเป็นทายาทของเค้าจริงรึ”
“ปลาที่หนีรอดไปได้ตัวนั้น(一条漏网之鱼) ตอนนี้จะกลับมากุดหัวเจ้า”
หลิวซิ่นแสร้งสำนึกผิดทำท่าเศร้าสลดเอ่ยขึ้น “ในเมื่อเจ้าต้องการที่จะล้างแค้น(报仇)
แทนพ่อ(令尊)”
จากนั้นเดินคอตกไปยังเสาต้นหนึ่งพร้อมกับเอ่ย “งั้น ข้าก็คงจะต้อง
ปล่อยให้สวรรค์เป็นผู้ตัดสินชะตากรรม(听天由命)ของข้า แต่ก่อนที่เจ้าทั้งสองจะลงมือ
นั้น ขอให้ข้าได้กราบไหว้อ้อนวอนขอความเมตตาจากสวรรค์เบื้องบน ได้โปรดให้อภัย
(饶恕)ในความผิดที่ข้าได้กระทำไว้ด้วย”
พูดจบหลิวซิ่นยกมือทั้งสองขึ้นทำท่าจะกราบ
ไหว้สวรรค์ที่อยู่เบื้องยน แต่ทว่ากลับกลายเป็นเอื้อมมือไปหยิบกระบี่ที่ซ่อนไว้อยู่ที่เสาต้น
นั้น แล้วหันมาตวัดกระบี่ออกไป เนี่ยนหนูเจียวที่อยู่ด้านหลังไม่ทันได้ระวังตัวจึงได้รับบาด
แผลจากคมกระบี่นั้นเข้าที่หน้าอก หลิวซิ่นสบโอกาสเห็นเป็นจังหวะจึงรีบวิ่งออกมานอก
ห้องตะโกนร้องให้คนช่วย เนี่ยนหนูเจียวบอกชิวฉานให้รีบตาม หลิวอี้พร้อมทหารเดิน
ผ่านมาพอดี จึงสั่งให้เหล่าทหารเข้าไปจับตัวคนร้าย แล้วตนเองรีบประคองหลิวซิ่นเอ่ยถาม
“ท่านพ่อ ท่านไม่เป็นไรนะ”
หลิวซิ่นรีบบอกให้หลิวอี้จับตัวคนร้ายให้ได้
“ฆ่าพวกมันซะ” หลิวอี้ตะโกนบอกเหล่าทหาร
เนี่ยนหนูเจียวกับชิวฉานตกอยู่ในวงล้อมของเหล่าทหาร สู้กันไปมา พอเห็นเป็นโอกาส
เนี่ยนหนูเจียวกระโดดหนีออกจากวงล้อมพร้อมกับเสือกกระบี่แทงเข้าไปที่ท้องของหลิวซิ่น
จนล้มลง หลิวอี้ตกตะลึงได้แต่ร้องเรียก “ท่านพ่อ ท่านพ่อ” พร้อมกับถีบเนี่ยนหนูเจียว
จนเนี่ยนหนูเจียวต้องถอยกลับเข้าไปตกอยู่ในวงล้อมอีกครั้ง ชิวฉานเห็นอาการบาดเจ็บ
ของเนี่ยนหนูเจียวรีบเอ่ยถาม “พี่เป็นอย่างไรบ้าง”
“ข้าไม่เป็นไร” เนี่ยนหนูเจียวบอกชิวฉานให้หายกังวล

ก้วนฟูกับหลี่หลิงมาถึงในที่เกิดเหตุ เห็นเหตุการณ์พอดิบพอดีจึงรีบกระโดดเข้าไปร่วมวง
เนี่ยนหนูเจียวเห็นเป็นโอกาสดีที่จะหลบหนีจึงบอกชิวฉานให้หนี ทั้งสองรีบชิงกระโดด
หนีออกจากวงล้อม ปล่อยให้ก้วนฟูกับหลี่หลิงต่อสู้กับเหล่าทหารต่อไป หลี่หลิงบอกกับ
ก้วนฟู “พี่รอง พวกนั้นหนีไปแล้ว พวกเราเผ่นกันเถอะ” พูดจบทั้งสองก็กระโดดหนีไป
ท่ามกลางสายตาอาฆาตแค้นของหลิวอี้ที่ไม่ทราบว่าผู้บุกรุกทั้งสี่คนเป็นใคร

*****

ฝ่ายจางทังที่ขี่ม้าอย่างเร่งรีบ ระหว่างทางพบกับขบวนเดินทางของอ๋องเหลียงหวังพอดี
จึงขี่ม้าเข้าไปขวางตะโกนออกไปว่า “หยุดก่อน”
จากนั้นก็รีบลงจากม้าจะไปเข้าพบอ๋องเหลียงหวัง แต่ถูกทหารนายหนึ่งเข้ามาขวางไว้พร้อม
กับเอ่ยว่า
“นี่เป็นขบวนเดินทางของอ๋องเหลียงหวัง ผู้ไม่เกี่ยวข้องจงรีบถอยออกไป”
จางทังไม่ฟังเสียงรีบวิ่งเข้าไปหาอ๋องเหลียงหวัง แล้วทำการคำนับพร้อมกับเอ่ย
“ข้าน้อยมีเรื่องขอรายงาน ข้าน้อยจางทังมีเรื่องด่วนขอพบ”
“เจ้าคงไม่ใช่เพื่อนเรียนของไท่จื่อที่ชื่อจางทังหรอกนะ” อ๋องเหลียงหวังเอ่ยถาม
จางทังรีบบอก ไท่จื่อกำลังตกอยู่ในภาวะคับขัน(危在旦夕) ขอให้ท่านอ๋องได้โปรดรีบ
ให้การช่วยเหลือโดยด่วน”


*****

ที่ห้องของเนี่ยนหนูเจียว ชิวฉานกำลังซับเลือดจากบาดแผลที่หน้าอกให้เนี่ยนหนูเจียว
ได้เอ่ยขึ้นว่า “เลือดออกตั้งเยอะแน่ะ”
เนี่ยนหนูเจียวหน้าซีดส่งเสียงไอ ชิวฉานเอื้อมมือไปอังที่หน้าผากแล้วเอ่ย “หน้าผากของ
พี่ก็ร้อนมากด้วย”

เนี่ยนหนูเจียวกลัวคนที่อยู่ข้างล่างจะได้ยินจึงบอกให้ชิวฉานพูดเบาๆ
“ดูสภาพของพี่ตอนนี้สิ เลือดยังไหลไม่หยุดเลย” ชิวฉานเอ่ยอย่างเป็นห่วง
“ความแค้นของข้าได้รับการสะสางแล้ว ต่อให้ต้องตายข้าก็ไม่เสียใจ” พูดจบก็ส่งเสียงไอ
ทันใดนั้นก็มีเสียงเรียกเนี่ยนหนูเจียวของผู้จัดการสำนักไห่ถังชุน ดังขึ้นมาจากทางด้านล่าง
“เจียวเจียว เจ้าตื่นหรือยัง” พร้อมกับเดินขึ้นบันได
“เจ้ารีบซ่อนตัวเร็ว” เนี่ยนหนูเจียวรีบบอกกับชิวฉาน แล้วตนเองรีบแสร้งนอนลง
ผู้จัดการสำนักฯ เดินมาถึงในห้องเห็นเนี่ยนหนูเจียวนอนอยู่ จึงรีบเรียก
“ไอ้โหย่ว เจียวเจียว สายแล้วนะ เจ้ายังไม่ตื่นนอนอีกหรือ” พูดพร้อมกับเดินไปหย่อนบั้น
ท้ายนั่งลงที่เตียงแล้วเอ่ยต่อ “แขกวันนี้ทั้งที่มาเดี่ยว มาเป็นกลุ่ม ล้วนมากันแล้ว เจ้าลุกไป
ล้างหน้าแต่งตัวสักหน่อยไป จะได้ลงไปพบแขก”

“วันนี้ข้าไม่รับแขก ใครก็ไม่พบทั้งนั้น”
“ไอ้โหย่ว วันนี้แขกล้วนเป็นพวกกระเป๋าหนักทั้งนั้น แค่เจ้าไปนั่งเป็นเพื่อนพวกเค้าดื่มชาสัก
จอกสองจอกท่องบทกวีสักบท(吟个诗) ร้องเพลงสักเพลง(唱个曲) อย่างนี้เงินก็จะไหล
มาเทมาใช่ไหม ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เงินนี้ยังเหลือพอที่จะใช้ไปได้อีกหนึ่งเดือนเชียวนะ
เจ้ารีบลุกขึ้นเถอะ ข้าจะช่วยเจ้าแต่งตัวให้เอาไหม”
ผู้จัดการสำนักฯพูดคะยั้นคะยอพร้อมกับ
เอื้อมมือไปหมายจะถอดเสื้อของเนี่ยนหนูเจียว
“อย่ามาแตะต้องตัวข้า” เนี่ยนหนูเจียวรีบปัดป้องห้ามด้วยเกรงว่าผู้จัดการสำนักฯจะเห็นรอย
บาดแผล ผู้จัดการสำนักฯรู้สึกงงกับกิริยาท่าทางของเนี่ยนหนูเจียวจึงเอ่ยถาม
“เจ้าเป็นอะไรไปเหรอ มา มา ข้าจะช่วยเจ้าแต่งตัว”
ชิวฉานที่ซ่อนอยู่อดรนทนไม่ได้ตรงเข้ามาต่อว่าผู้จัดการสำนักฯ
“เจ้าดูไม่ออกเหรอ ว่านางป่วยน่ะ ดูหน้านางสิ ซีดขาวซะไม่มีดี หน้าผากก็ร้อน ต้องเป็น
ไข้หวัดแน่ๆ”

ผู้จัดการสำนักฯตกใจที่อยู่ๆก็มีคนมาพูดจาใส่ฉอดๆ จึงเอ่ยถามไปว่า “เจ้าเป็นใครกันน่ะ”
“นางเป็นเด็กใหม่ที่ข้ารับเข้ามาน่ะ เลยยังไม่เคยพบหน้าท่าน” เนี่ยนหนูเจียวตอบ
“ไอ้โหย่ว นังหนูคนนี้ ทำเอาข้าตกใจกลัวหมดเลย เอ๋ แล้วเจ้าจะไปหาหมอหรือไม่ ”
“ข้ารู้ว่าข้าป่วยเป็นอะไร นอนพักสักสองสามวันก็ไม่เป็นไรแล้ว”
“พักสองสามวันงั้นรึ อย่างนั้นพวกเราก็ขาดรายได้นะสิ เอาอย่างนี้นะ ข้าจะไปตามหมอ
มาให้ละกัน”

“ไม่ต้องหรอก สาวๆอย่างพวกเรามียาประจำตัว” ชิวฉานรีบเอ่ยแทรกขึ้น
“ถึงท่านจะตามหมอมา ข้าก็ไม่พบ ท่านไม่ต้องมาวุ่นวายกับข้าอีก” เนี่ยนหนูเจียวพูดตัดบท
พร้อมกับเบือนหน้าหนี
“ถ้าอย่างนั้น เจ้าก็พักผ่อนให้หายก่อนละกันนะ” พูดจบผู้จัดการสำนักฯก็เดินออกไปด้วยความ
เสียดายที่วันนี้จะต้องขาดรายได้
เนี่ยนหนูเจียวเกิดอาการไอออกมาเป็นเลือด ชิวฉานเห็นเข้ารีบบอก
“พี่ ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้แล้วนะ เรื่องนี้ปล่อยให้ข้าเป็นคนจัดการเถอะ หากไม่ตามหมอมา
รักษา อาจจะสายเกินเยียวยา”

“ถ้าเจ้าต้องการจะตามหมอมาจริงๆล่ะก็ เจ้าไปเชิญตงฟางซั่วมาก็ละกัน”
ตงฟางซั่ว? ใช่คนที่ตั้งแผงทำนายโชคชะตาชีวิตที่อยู่หน้าวัดขงจื่อ(孔庙)หรือเปล่า”
“ใช่ เค้านั่นแหละ”
“แล้วเค้าจะรักษาได้เหรอ”
“ถ้าหากเค้าไม่สามารถรักษาอาการพี่ได้ล่ะก็ พี่คิดว่าชีวิตของพี่ก็คงจะจบสิ้นแค่นี้”




Create Date : 05 ตุลาคม 2549
Last Update : 20 ธันวาคม 2549 7:06:16 น. 2 comments
Counter : 1722 Pageviews.

 
ติดตามอย่างสมำเสมอ


โดย: Nuvan IP: 222.123.22.171 วันที่: 11 ธันวาคม 2549 เวลา:21:38:53 น.  

 
รออ่านต่อฮะ


โดย: AllSTORY วันที่: 23 ธันวาคม 2549 เวลา:19:54:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

WangAnJun
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add WangAnJun's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.