Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2550
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
8 พฤษภาคม 2550
 
All Blogs
 
《ต้าฮั่นเทียนจื่อ 1》 二十六


สารบัญ | ตอนที่แล้ว | ตอนถัดไป

จอมจักรพรรดิ์ ฮั่นอู่ตี้ ภาค 1 - ตอนที่ 26


ตีพิมพ์ครั้งแรก : 1 กรกฎาคม 2550 / ปรับปรุงแก้ไข :



26-1


ทันใดนั้นเองก้วนฟูกับหลี่หลิงก็กระโดดตัวลอยเข้ามาแย่งดึงขวานที่อยู่ในมือของเพชรฆาตออกไป ทำให้ไท่จื่อกับเนี่ยนหนูเจียวรอดพ้นจากคมขวานไปได้อย่างหวุดหวิด

หลิวอี้เห็นดังนั้นก็หัวเราะพร้อมกับเอ่ยขึ้นมาว่า “มากันได้จังหวะพอดีเลยนะ” จากนั้นก็สั่งให้ทหารจับตัวก้วนฟูกับหลี่หลิง

ทั้งพลดาบและพลธนูต่างรีบดาหน้าเข้ามาล้อมตัวก้วนฟูกับหลี่หลิงไว้ จนทั้งสองหนีไปไหนไม่รอด หลิวอี้เดินเข้ามาเยาะเย้ยว่า “พวกเจ้าสองคนเลือกวิธีตายได้ตามสบายเลยนะ อยากจะตายแบบหนึ่งหมื่นธนูทะลวงดวงใจ(万箭穿心) หรือว่าอยากจะตายแบบหนึ่งดาบขาดสองท่อน(一刀两断)ดีล่ะ” พูดจบหลิวอี้ก็สั่งให้พลธนูยิงธนู

แต่ทว่า จู่ๆก็มีเสียงดังลอยมาจากที่ด้านในของศาลากลางเมืองเยี่ยนชื่อว่า “ช้าก่อน อย่าเพิ่งยิง” พร้อมกับการปรากฎกายของชายผู้เป็นเจ้าของเสียงที่เอ่ยต่อพร้อมกับชี้ไปที่ข้างในว่า “ด้านในยังมีคนอยู่อีกนะ ลองดูสิ ว่าเป็นใครกัน”

สิ้นเสียงบอกของชายผู้นี้ ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินหาวหวอดๆออกมาจากด้านใน ส่วนชาวบ้านทันทีที่เห็นชายหนุ่มคนนี้เข้าต่างส่งเสียงฮือฮากันยกใหญ่

“ข้าหลับไปนานเท่าไรแล้ว” ชายหนุ่มเอ่ยถาม

หลิวอี้เห็นแล้วได้แต่กัดฟันกรอดๆรู้สึกโมโหที่ถูกชายผู้นั้นมาขัดจังหวะจนทำให้เสียแผน จึงเอ่ยสบถออกมาว่า ตงฟางซั่ว เจ้าทำบ้าอะไรของเจ้าวะ”

ตงฟางซั่วเอ่ยให้ชาวบ้านได้ยินทั่วกันว่า “เดิมทีชายหนุ่มคนนี้ยังไม่ตาย เพียงแค่นอนหลับนานไปหน่อยเท่านั้นเอง” ชายหนุ่มคนที่ตงฟางซั่วพูดถึงก็คือจางเชียนนั่นเอง จากนั้นตงฟางซั่วก็เอ่ยต่อว่า “ในเมื่อไม่มีคนตายก็ไม่มีฆาตกร ตอนนี้ที่ข้าเป็นกังวลอยู่ก็คือ เมื่อไรถึงจะจ่ายค่าทำนายให้กับข้าสักที” ตงฟางซั่วทำท่ายื่นมือออกไปรับเงิน ไท่จื่อเห็นแล้วถึงกับอมยิ้ม

ก้วนฟูรีบเข้าไปตัดโซ่ที่มัดไท่จื่อออก ส่วนทหารก็ทำท่าจะตีวงล้อมเข้ามาจนหลี่หลิงต้องรีบเอ่ยห้าม “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ คนก็ไม่ตายแล้ว พวกเจ้าไม่คิดจะปล่อยตัวหรืออย่างไร ถอยออกไปให้หมด”

เมื่อไท่จื่อได้รับอิสระภาพจากพันธนาการแล้วก็รีบบอกก้วนฟูให้รีบไปช่วยแก้มัดเนี่ยนหนูเจียวกับชิวฉาน แต่หลิวอี้รีบตวาดห้ามเสียงดังว่า “หยุดนะ พวกนางเป็นฆาตกรที่ฆ่าเจ้าเมืองเยี่ยนชื่อ ต้องได้รับโทษตัดหัวไม่มีการละเว้น” พูดจบก็สั่งเพชรฆาตให้ทำการประหารเนี่ยนหนูเจียวกับชิวฉาน

“ไม่ได้นะ” ไท่จื่อยกมือขึ้นห้ามก่อนจะเอ่ยต่อไปว่า “เราคือไท่จื่อหลิวเช่อ เมื่อเราไม่ได้สั่ง เจ้ากล้าที่จะลงมืออย่างนั้นน่ะหรือ”

หลิวอี้ไม่ฟังเสียง สั่งทหารให้ทำการประหาร จนไท่จื่อต้องตวาดห้ามปรามอีกครั้งว่า “เจ้ากล้าหรือ”

อ๋องเหลียงเสด็จ” เสียงของนายทหารคนหนึ่งร้องบอก

“เสด็จอา” ไท่จื่อเห็นอ๋องเหลียงเสด็จเข้ามาจึงทักเรียก

“ขอพระองค์ทรงพระเจริญ พันปี พันพันปี” อ๋องเหลียงหลังจากที่ถวายพระพรต่อไท่จื่อเสร็จก็ทรงหันไปทางหลิวอี้ หลิวอี้ เจ้ายังไม่คุกเข่าลงถวายความเคารพอีกหรือ”

หลิวอี้รู้สึกงงกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของอ๋องเหลียง แต่ก็ยอมคุกเข่าลงโดยดี

ไท่จื่อตรัสกับหลิวอี้ว่า “พวกเจ้ายอมรับว่าเราคือไท่จื่อแล้วหรือ งั้นก็ดี ตอนนี้เราจะยกโทษละเว้นชีวิตให้กับพวกนาง พวกเจ้าจะฟังคำสั่งของเราหรือไม่”

หลิวอี้ได้แต่นิ่งเงียบด้วยความรู้สึกแค้น จนอ๋องเหลียงต้องเรียกเตือนสติว่า หลิวอี้ ไท่จื่อกำลังตรัสถามเจ้าอยู่นะ”

“เจ้าเมืองเยี่ยนชื่อ พ่อของข้าถูกฆ่าตาย ร่างยังไม่ทันจะเย็นเลย” หลิวอี้เอ่ย แต่กลับถูกอ๋องเหลียงตวาดให้หุบปาก

“คำสั่งของไท่จื่อ เจ้ากล้าขัดขืน(违抗)อย่างนั้นหรือ” อ๋องเหลียงเตือนสติอีกครั้งจนหลิวอี้ต้องเอ่ยออกมาอย่างเสียไม่ได้ว่า “ข้าพระองค์ไม่บังอาจ”

“แม้เค้าจะไม่เอ่ยปากพูดออกมา ก็แสดงว่ายอมรับ(默认)แล้วล่ะ” กัวเส่อเหรินพูดโพล่งออกมาก่อนจะเอ่ยกับเหล่าทหารว่า “มองอะไรกัน รีบมาแก้มัดข้าเร็วๆเข้าสิ”

ก้วนฟูรีบเข้าไปแก้มัดให้เนี่ยนหนูเจียว ส่วนหลี่หลิงไปแก้มัดให้ชิวฉาน เมื่อแก้มัดเสร็จหลี่หลิงรีบเอ่ยถาม ชิวฉาน เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม”

ไท่จื่อตรัสถามเนี่ยนหนูเจียว “เจ้าล่ะ เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม” เนี่ยนหนูเจียวไม่พูดแต่ส่ายหัวเป็นคำตอบว่าไม่เป็นอะไร

อ๋องเหลียงเข้ามาบอกเนี่ยนหนูเจียวกับชิวฉานว่า “พวกเจ้าทั้งสอง รีบไปขอบพระทัยไท่จื่อที่ทรงเมตตาละเว้นชีวิตให้ซะสิ”

ไท่จื่อรีบบอกกับเนี่ยนหนูเจียว “ไม่ต้องขอบใจข้าหรอก พวกเราควรจะขอบคุณท่านซินแสตรงฟางมากกว่า” พูดจบทั้งหมดก็หันไปหาตงฟางซั่ว

“ซินแสตงฟางไปไหนซะแล้วล่ะ” ชิวฉานเอ่ยขึ้นเมื่อไม่เห็นตงฟางซั่วยืนอยู่ ณ ที่นั้น



26-2


“ซินแสตงฟาง ได้โปรดหยุดก่อน” หลี่หลิงตะโกนเรียกพร้อมกับวิ่งเข้าไปหาตงฟางซั่วที่เดินหนีออกมาอย่างเงียบๆคนเดียว

ตงฟางซั่วจึงหยุดเดินแล้วเอ่ย “พอดีท้องของข้าร้องหิวข้าว ก็เลยจะกลับไปกินข้าวที่บ้าน”

“ท่านซินแส ท่านรู้หรือเปล่าว่าตอนนี้มีหลายคนกำลังรอที่จะขอบคุณท่านอยู่นะ” หลี่หลิงเอ่ย

“จะขอบคุณข้าเรื่องอะไรล่ะ” ตงฟางซั่วถาม

“ก็เรื่องที่ท่านช่วยให้คนตายฟื้นขึ้นมายังไงล่ะ” หลี่หลิงบอก

ตงฟางซั่วหัวเราะก่อนจะบอกว่า “ก็เดิมทีเค้ายังไม่ตายนี่”

“แต่เห็นชัดๆว่าเค้าตายไปแล้วนี่นา” หลี่หลิงเอ่ยแย้ง

“ถึงจะอยู่ในโลงศพก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นคนตายเสมอไปนี่ เค้าก็แค่ถูกพวกเจ้าตีด้วยไม้จนสลบไปเท่านั้นเอง” ตงฟางซั่วบอก

“ไม่ใช่หรอกท่านซินแส ต้องเป็นยาวิเศษที่ท่านมอบให้แก่ชิวฉาน ที่ทำให้คนตายฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้” หลี่หลิงเอ่ย

“นั่นมันเป็นแค่ยาสกัดจากกลิ่นชะมดเม็ดเล็กๆเอง” ตงฟางซั่วพูดเสร็จก็ออกเดิน แต่หลี่หลิงเอ่ยถามต่อด้วยความอยากรู้อีกว่า

“ท่านซินแส ข้ามีเรื่องอยากจะถามท่านอีก ท่านทำนายออกมาได้อย่างไรว่าจิ่วเกอของพวกเราคือไท่จื่อ”

“ทำนงทำนายที่ไหนกันล่ะ ข้ามองดูออกต่างหาก” ตงฟางซั่วบอก

“ท่านใช้การมองดูเอาหรือ เป็นไปไม่ได้หรอก ก่อนจะออกจากวังมาก็ทรงเปลี่ยนฉลองพระองค์ให้เป็นชุดที่ดูแล้วไม่ได้แตกต่างจากพวกข้าเลยนะ”

“แต่ว่าทรงลืมเปลี่ยนรองเท้า เจ้าลืมไปแล้วหรือว่า สีเหลืองนี้เป็นสีที่ทั่วทั้งแผ่นดินมีเพียงเค้ากับพ่อของเค้าเท่านั้นที่มีสิทธิ์ใช้ได้ ทีหน้าทีหลังต้องจำเอาไว้ด้วยล่ะ ไม่ว่าจะออกมาเยี่ยมเยียนราษฎรหรือว่าจะหนีเรียนออกมาเที่ยว พึงระลึกไว้เสมอว่าอย่าลืมเปลี่ยนรองเท้า” ตงฟางซั่วเอ่ย

“ท่านซินแส ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ยังไงท่านก็คือหมอดูเทวดาตัวเป็นๆ(活神仙)อยู่ดี” หลี่หลิงเอ่ยชม

ตงฟางซั่วหัวเราะแล้วเอ่ยก่อนจะเดินจากไปว่า“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การกินข้าวก็เป็นเรื่องสำคัญเสมอ วันละสามมื้อ(一日三餐)จะขาดไปสักมื้อไม่ได้เชียวนะ”



26-3


“ท่านพ่อ ข้านำท่านกลับสู่มาตุภูมิอันเป็นบ้านเกิดเมืองนอน(家乡故土)ของท่านแล้ว ขอให้ท่านพักผ่อนให้สบาย(安息)เถิดนะ” จางเชียนคุกเข่าเอ่ยรำพันต่อหน้าป้ายหลุมฝังศพ

ไท่จื่อ ก้วนฟู และกัวเส่อเหรินเดินเข้ามาคุกเข่ายกมือไหว้ต่อหน้าหลุมฝังศพ ไท่จื่อได้เอ่ยกล่าวคำขอขมาว่า “ท่านลุงที่นอนอยู่ในหลุม พวกเรากระทำตัวเหมือนเด็กที่ไร้การอบรมสั่งสอน(年幼无知)ไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร จนได้ทำการล่วงเกิน(冲撞)ต่อดวงวิญญาณของท่านที่อยู่บนสวรรค์ แถมยังทำร้ายลูกชายของท่านอีก ขอให้ท่านได้โปรดอภัยให้ด้วย” เมื่อกล่าวเสร็จไท่จื่อก็คำนับเพื่อแสดงการขอขมาต่อสิ่งที่ได้ล่วงเกินไป

จางเชียนเห็นแล้วรีบลุกเดินหนีจนไท่จื่อต้องรีบเรียก “สหาย(仁兄) ไม่เห็นจะต้องรีบร้อนเดินทางจากไปขนาดนั้นเลย”

“ซินแสตงฟางเคยบอกกับข้าว่า ข้าควรจะเดินทางไปทางทิศตะวันตก”

“เพราะเหตุใดหรือ” ไท่จื่อเอ่ยถามด้วยความอยากรู้

“ดูเหมือนเค้าจะคาดเดาสิ่งที่อยู่ในใจของข้าได้เป็นอย่างดี ข้ามักจะได้ยินเสียงของคนที่อยู่ทางทิศตะวันตกเรียกข้า จางเชียน รีบกลับมาบ้านเถอะ”

กัวเส่อเหรินเอ่ยแทรกขึ้นมาว่า “อันที่จริงพวกเราก็กำลังจะเดินทางกลับฉางอันเหมือนกัน ยังไงเดินทางไปพร้อมพวกเราก็ได้นะ”

“ข้าต้องเดินทางมุ่งไปทางตะวันตกที่ไกลจากฉางอัน ข้าเติบโตอยู่ที่ด่านอี้ว์เหมินกวน(玉门关 - ด่านประตูหยก)”

“ด่านอี้ว์เหมินกวน เป็นที่อยู่ของพวกซุงหนูไม่ใช่หรือ” ไท่จื่อเอ่ยถาม

“นอกจากพวกซุงหนูแล้ว ก็ยังมีคนเฒ่าคนแก่ที่เป็นคนท้องถิ่น(乡亲父老) แถมยังให้ความรู้สึกเหมือนเป็นบ้านเกิดอย่างเดียวกันกับที่นี่ด้วย” พูดจบจางเชียนก็เดินจากไป



26-4


“หรือว่าพ่อข้าจะต้องตายฟรี(白白死)อย่างนั้นนะเหรอ ท่านอ๋อง ขอได้โปรดช่วยข้าน้อยด้วยนะ” หลิวอี้โวยวายขอร้องให้อ๋องเหลียงช่วยให้ความเป็นธรรมกับตน

อ๋องเหลียงนิ่งไปสักพักก่อนจะตรัสออกมาว่า “แค่วางหมากผิดไปตัวเดียว ก็ทำให้แพ้จนหมดกระดาน(一步棋错、满盘皆输)เชียวหรือนี่”

“เมื่อตะกี้นี้น่าจะปล่อยให้เรื่องเลยตามเลย(将错就错) ฆ่าทิ้งให้หมด(一了百了) ป่านนี้ก็สบายไปแล้ว” หลิวอี้เอ่ยด้วยความเจ็บใจ

“ท่ามกลางสายตาชาวบ้านนับร้อย คนที่สมควรตายกลับไม่ตาย นี่ถ้าเราไปไม่ทันบอกเจ้าไม่ให้เอาเรือขวางกระแสน้ำไว้ล่ะก็ เจ้าจะมีความผิดมหันต์จนยากเกินกว่าที่จะไถ่บาปได้เลยทีเดียว”

“ถ้างั้น หนี้แค้น(血海深仇)ของพ่อข้า จะไม่ได้รับการสะสางอย่างงั้นหรือ”

“ก็ต้องดูว่าใครกันที่จะได้เป็นหวงตี้”

“ยังไงก็ต้องเป็นท่านอ๋องอยู่วันยังค่ำ”

“คนที่ชื่อตงฟางซั่วนั่น เค้าเป็นใครมาจากไหนกัน” อ๋องเหลียงตรัสถาม

พอได้ยินชื่อตงฟางซั่วเท่านั้นหลิวอี้ก็ยิ่งแค้น “ทั้งหมดก็เป็นเพราะเจ้าหมอดูนั่นทีเดียวที่ทำเสียเรื่อง ดูทีท่าคงไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ วันนี้เห็นทีข้าจะต้องไปฆ่ามันซะแล้ว”

อ๋องเหลียงรีบห้ามว่าไม่ได้เด็ดขาด เพราะตนเองมีแผนบางอย่างในใจ “เราอยากจะไปทำความรู้จักกับเค้าสักหน่อย”



26-5


อ๋องเหลียงปลอมตัวเดินทางไปที่บ้านของตงฟางซั่ว เมื่อไปถึงเห็นชายคนหนึ่งกำลังนั่งหันหลังให้อาหารนกอยู่จึงเอ่ยถาม “ไม่ทราบว่า ซินแสตงฟางอยู่หรือเปล่า”

“ข้าน้อยก็คือตงฟางซั่ว

“ข้ามาเพื่อขอให้ท่านซินแสทำนายดวงให้หน่อย”

“ท่านโชคดีนะเนี่ย ที่วันนี้ข้ายังเหลือการทำนายอีกหนึ่งครั้ง”

“ข้าอยากจะทำนายตัวอักษร”

“งั้นท่านก็เขียนตัวอักษรไว้ที่พื้นละกัน” ตงฟางซั่วบอกพร้อมกับเดินเอาอาหารที่ไว้เลี้ยงนกไปเก็บเข้าที่

อ๋องเหลียงจึงใช้เท้าขีดเป็นตัวอักษร (อี - หนึ่ง) ตงฟางซั่วเดินเข้าไปดูแล้วเอ่ยถาม “ทำนายอักษรตัวนี้หรือ

“ใช่ อักษรตัวนี้แหละ”

“ท่านจะดูให้ตนเองหรือว่าดูให้คนอื่นล่ะ”

“ดูให้คนอื่น”

“ดูให้คนอื่นอย่างงั้นรึ อืม..แต่ดูจากตัวอักษรแล้ว ดูเหมือนจะดูให้ตนเองมากกว่า”

“จากอักษรตัวนี้ ท่านดูออกด้วยหรือ”

“อักษร (อี - หนึ่ง) หนึ่งของความเห็นแก่ตัว(一己之私) หนึ่งของการตัดสินใจที่ผิดพลาด(一念之差) เหล่านี้ล้วนเกิดจากตนเองเป็นผู้กระทำ ในคัมภีร์โจวอี้(周易)ที่ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงมีกล่าวไว้ว่า หนึ่งก่อกำเนิดสอง(一生两仪) สองก่อกำเนิดสี่(两仪生四极) และสี่ก่อกำเนิดสรรพสิ่ง(四极生万物) ข้าว่าที่ดีที่สุดก็คือดูให้ตนเองจะดีกว่า”

“แต่ว่าข้าอยากจะดูให้คนอื่นจริงๆ ยังไงท่านซินแสช่วยพยายามดูให้หน่อยเถิดนะ”

“ท่านแน่ใจว่าจะให้ดูให้คนอื่นหรือ”

“ไม่ดีหรือท่านซินแส”

“ไม่ใช่ไม่ดี”

“งั้นท่านซินแสได้โปรดทำนายออกมาเถิด”

“คนที่ท่านจะดูให้นั้น ต้องเป็นผู้สูงศักดิ์อย่างแน่นอน”

“เค้าสูงศักดิ์แค่ไหนหรือ”

“เป็นถึงระดับอ๋อง”

อ๋องเหลียงอึ้งไปสักครู่ก่อนจะเอ่ย “ซินแสท่านคงล้อข้าเล่นกระมัง”

“ท่านดูสิ ตอนนี้ไม่มีทั้งกระดาษและพู่กัน ตอนที่ข้าบอกให้ท่านเขียนตัวอักษร มีแผ่นหินอยู่ตั้งมากมายท่านไม่เขียน แต่กลับเขียนลงไปบนพื้นดิน(土 - ถู่) แถมยังเขียนตัวอักษร (อี - หนึ่ง)อีกด้วย ข้าขอถามอะไรหน่อย อักษร (ถู่ - ดิน)หากเติมอักษร (อี - หนึ่ง)ลงไป อ่านว่า อ๋อง(王) ใช่ไหม”

“ท่านซินแส สมกับเป็นหมอดูเทวดาจริงๆเลย คนที่ข้าถามแทนนั้น เป็นถึงอ๋องจริงๆ”

“ท่านอ๋อง ท่านจะถามแทนเค้าเกี่ยวกับเรื่องอะไรล่ะ”

“แน่นอน ต้องเป็นเรื่องอนาคต(前程)ของเค้า”

“อนาคต(前程)รึ อักษร (อี - หนึ่ง)แม้จะเป็นตัวอักษรที่เล็กที่สุดแต่ก็ถือว่าใหญ่เหลือคณานับ ขนาดจักรวาลที่ไร้ขอบเขต(大千世界)ก็ยังมาบรรจบกันได้ด้วยตัวอักษรตัวเดียว”

“เดี๋ยวก่อน คำพูดของท่านซินแสดูเหมือนจะอ้อมไกลเกินไปหน่อย คนๆนี้แค่มีเรื่องที่ยังลังเลสงสัยอยู่ ไม่แน่ใจว่าจะเป็นเรื่องที่เป็นมงคลดีหรือว่าจะเป็นเรื่องที่เป็นอัปมงคลดี”

“ตามที่ข้าดู อักษรหนึ่ง(一)แม้จะเคลื่อนไหวก็คือหนึ่ง อักษรหนึ่ง(一)แม้จะหยุดนิ่งก็ยังคงเป็นหนึ่ง หากเค้าเคลื่อนไหวก็ไม่เท่าที่จะหยุดอยู่นิ่งๆ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นนะหรือ” ตงฟางซั่วชี้ให้ดูที่ตัวอักษรแล้วเอ่ยต่อ “ท่านดูที่ตัวอักษร (อี - หนึ่ง)ตัวนี้สิ หากเขียนคดไปคดมาก็ดูคล้ายงูคล้ายมังกร จะวาดรูปเสือก็อาจกลายเป็นหมาก็ได้”

“ท่านคงจะทำนายไม่ผิดหรอกนะ”

“ท่านก็คงหวังจะให้ข้าทำนายผิดสินะ”

ทันใดนั้นนกที่ตงฟางซั่วเลี้ยงไว้ก็แตกตื่นบินกันว่อน จนตงฟางซั่วต้องบอก “ดูท่าจะมีแขกผู้สูงศักดิ์มาเยือนอีกแล้วล่ะ คงจะนำเงินค่าทำนายมาให้” อ๋องเหลียงได้ยินดังนั้นก็รีบเดินหนีไปหลบซ่อนตัว



26-6


แขกผู้สูงศักดิ์ที่ตงฟางซั่วเอ่ยถึงก็คือไท่จื่อนั่นเอง

“ซินแสตงฟาง จิ่วเกอของข้า..ไม่ใช่สิ..ไท่จื่อของข้าให้เกียรติเสด็จมาเยี่ยมท่านแล้วล่ะ” กัวเส่อเหรินร้องบอกตงฟางซั่วมาแต่ไกล

“ข้าก็คิดเอาไว้ว่าน่าจะเป็นคนที่จะนำเงินค่าทำนายมาให้”

“เงินค่าทำนายเหรอ มีแน่นอนสิ อยู่นี่ไง” กัวเส่อเหรินหยิบเงินออกมายื่นส่งให้ตงฟางซั่วหลายก้อน

“มากเกินไปแล้วล่ะ แค่ก้อนเดียว(一锭)ก็พอ” ตงฟางซั่วเอื้อมไปหยิบเงินจากมือกัวเส่อเหรินมาหนึ่งก้อน

“แต่ว่าเงินเหล่านี้จิ่วเกอมอบให้ท่านนะ เป็นรางวัลสำหรับท่าน”

ตงฟางซั่วเอ่ยปฏิเสธที่จะรับเงินไปว่า “บุรุษผู้มีความละโมบในทรัพย์ หากได้มาอย่างสุจริต ก็จะไม่รู้สึกกระดากใจที่จะรับไว้”

ได้ยินที่ตงฟางซั่วพูด ไท่จื่อจีงรีบบอก “ท่านอย่าลังเลที่จะรับไว้เลยนะ เพราะเรายังอยากจะให้ท่านทำนายให้อีก”

“ยังอยากจะทำนายอีกเหรอ แต่ว่าวันนี้ข้าทำนายครบแล้ว ส่วนเงินนี้ข้ายิ่งรับไว้ไม่ได้”

“จะละเว้นกฏให้กับเราสักครั้งไม่ได้เหรอ” ไท่จื่อเอ่ยถาม

ตงฟางซั่วส่ายหน้าปฏิเสธ “ขอโทษด้วย ผิดกฏไม่ได้จริงๆ” พูดเสร็จก็เดินหนีไป

ไท่จื่อเห็นดังนั้นจึงรีบเรียก “ซินแสตงฟาง ไม่ทำนายก็ไม่ทำนาย พวกเรามาคุยเล่นกันเฉยๆก็แล้วกันนะ”

เมื่อเห็นตงฟางซั่วไม่สนใจใยดีกับคำพูดของไท่จื่อ กัวเส่อเหรินบ่นว่าตงฟางซั่วเสียยกใหญ่ “ก็แค่ทำนาย ไม่เห็นจะมีอะไรเสียหายสักหน่อย ถือว่าตนเองวิเศษวิโสมาจากไหนกันเนี่ย”

ไท่จื่อได้ยินเข้าถึงกับตวาดให้กัวเส่อเหรินหุบปาก

ส่วนอ๋องเหลียงที่ซุ่มแอบดูเหตุการณ์อยู่ก็รีบเดินทางกลับไปยังที่พักทันที




Create Date : 08 พฤษภาคม 2550
Last Update : 16 ตุลาคม 2550 15:39:38 น. 1 comments
Counter : 2284 Pageviews.

 
ยาวเหมือนกานแฮะตอนนี้แต่คุ้มกับกานรอคอยชอบๆ


โดย: Nuvan IP: 222.123.237.83 วันที่: 2 กรกฎาคม 2550 เวลา:18:09:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

WangAnJun
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add WangAnJun's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.