Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2550
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
3 สิงหาคม 2550
 
All Blogs
 
《ต้าฮั่นเทียนจื่อ 1》 三十


สารบัญ | ตอนที่แล้ว | ตอนถัดไป

จอมจักรพรรดิ์ ฮั่นอู่ตี้ ภาค 1 - ตอนที่ 30


26 สิงหาคม 2550 / ปรับปรุงแก้ไข :



30-1


“ไม่ทราบว่ามีอะไรจะให้ข้าน้อยรับใช้” หมอหลวงหันกลับไปถามต้นเสียง

เนื่องจากเฉินอาเจียวที่แอบดูอยู่เห็นว่าวิธีการของผิงหยางกงจู่ไม่ได้ทำให้หมอหลวงยอมเปิดปากเปิดเผยความจริงออกมาได้ จึงได้เรียกหมอหลวงแล้วรีบเดินออกมาจากที่ซ่อนเพื่อที่จะจัดการกับหมอหลวงให้คายความจริงออกมาให้ได้ ผิงหยางกงจู่เห็นแล้วก็รีบตรัสออกมาว่า “น้องอาเจียว หมอหลวงเค้าได้ให้คำสาบานไว้กับพี่แล้ว”

แต่เฉินอาเจียวไม่ได้สนใจในคำกล่าวของผิงหยางกงจู่ กลับพาตัวเองเดินตรงเข้าไปหาหมอหลวงแล้วเอ่ยถาม “ท่านหมอรู้จักข้าหรือเปล่า”

“ข้าน้อยเคยไปตรวจชีพจรให้คุณหนูอาเจียวที่ตำหนักก่วนเถา”

“ความจำของท่านไม่เลวนี่ ข้าแซ่เฉิน เรียกว่าเฉินอาเจียว ก่วนเถากงจู่คือเสด็จแม่ของข้า ส่วนไท่จื่อก็คือคู่หมั้นของข้า เรื่องนี้เจ้ารู้หรือไม่รู้”

“ข้าน้อยรู้แล้ว”

“ที่ท่านพูดกับผิงหยางกงจู่ไปเมื่อตะกี้นี้ และที่ท่านได้สาบานไป ข้าจะไม่นำมาคิด แต่ตอนนี้ข้าจะให้โอกาสท่านเปลี่ยนคำพูดใหม่อีกครั้ง” เฉินอาเจียวเดินวนรอบตัวหมอหลวงแล้วถามออกไปว่า “พระพลานามัยของหวงตี้ใกล้จะฟื้นคืนกลับเป็นปกติแล้วจริงหรือเปล่า”

“ใกล้แล้ว..ใกล้แล้วจริงๆ”

“สามวันหรือว่าห้าวัน หนึ่งเดือนหรือว่าสองเดือน”

“เรื่องนั้น..เอ่อ..คงต้องค่อยๆพักฟื้น”



“ค่อยๆพักฟื้นเหรอ เจ้าเป็นถึงหมอหลวง เจ้าจะต้องบอกมาให้ชัดเจน ขุนนางทั้งราชสำนัก ราษฎรทั้งแผ่นดินล้วนมองดูเจ้าอยู่ เจ้าควรจะต้องรู้การประมาณคำพูดที่เจ้าพูดออกมา ข้าขอถามเจ้า ในเมื่อพระอาการประชวรของหวงตี้ไม่มีอะไรที่ต้องน่าวิตกแล้ว ทำไมแม้แต่หวงโห้ว หรือองค์หญิงถึงไม่สามารถเข้าเยี่ยมได้ เรื่องนี้เป็นความคิดของไท่โห้วหรือว่าเป็นคำแนะนำของท่านที่เป็นหมอรักษาพระอาการกันแน่”

“เรื่องนี้..เอ่อ..ไม่ได้เป็นความคิดของสำนักแพทย์หลวง ไม่..ไม่ใช่..เป็นความคิดของพวกเราเอง”

“หมอหลวง ท่านพูดให้ชัดเจนทีซิ ว่าเป็นความคิดของใครกันแน่” ผิงหยางกงจู่ตรัสถาม

เฉินอาเจียวรีบตอบแทน “ท่านพี่ ไม่ต้องไปไล่ต้อนถามจากเค้าหรอก ต้องเป็นรับสั่งของไท่โห้วแน่ๆ ที่อาศัยปากของพวกเค้าให้เป็นคนพูด”

เฉาโซ่วพูดแทรกขึ้นว่า “เอาน่า พระอาการประชวรของหวงตี้หายเร็วขึ้นก็เท่ากับแผ่นดินสงบเร็วขึ้นไม่ใช่เหรอ”

“ท่านพี่เขย ท่านอย่าเพิ่งสอด(插嘴)สิ” พูดว่าเฉาโซ่วเสร็จ เฉินอาเจียวก็หันมาพูดจาหว่านล้อมหมอหลวง “หมอหลวง ข้ารู้นะว่ามีคนคอยปิดปากท่านอยู่ บางทีอาจจะเป็นการปูนบำเหน็ดท่านด้วยตำแหน่งและเงินเดือนที่สูงขึ้น(高官厚禄) แต่ว่าท่านควรจะต้องเข้าใจเสียใหม่สักหน่อยว่า ถ้าหากว่าหวงตี้เสด็จสวรรคตไปซะแล้วแผ่นดินฮั่นจะตกเป็นของผู้ใด คนที่จะปูนตำแหน่งและเงินเดือนที่สูงให้กับท่านนั้น พวกเค้ายังจะได้อะไรอยู่อีกเหรอ ไท่จื่อทรงเชื่อคำกล่าวโกหกของพวกเจ้า จึงทรงวางพระทัยเสด็จออกไปข้างนอก หากเสด็จกลับมาแล้วไม่ได้พบหน้าเสด็จพ่อของตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย พระองค์จะไม่ทรงเอาเรื่อง(善罢甘休) พระองค์จะไม่ทรงสอบสวน(追究)อย่างนั้นหรือ ท่านคิดว่าไท่โห้วจะปกป้องคุ้มครองท่านได้เหรอ ท่านลองคิดดู หลักฐานใบสั่งยา(方子)ที่ท่านสั่งจ่าย ท่านจะขุดฝังมันไว้ได้เหรอ เมื่อถึงเวลานั้นท่านจะรอดจากการตรวจสอบได้เหรอ”

“คุณหนูอาเจียว..”

“ไม่ต้องพูดแล้ว” เฉินอาเจียวตวาดใส่หมอหลวง แล้วบอกเฉาโซ่วให้ส่งแขก

หมอหลวงตกใจหน้าตาเลิ่กลั่ก เฉาโซ่วจึงเข้าไปปลอบพร้อมกับพาตัวออกไป “เอาน่า หมอหลวงไม่ต้องไปสนใจนางหรอก นางก็มีนิสัยคุณหนูอย่างนี้แหละ ไปเถอะ”

เดินไปได้ไม่กี่ก้าว หมอหลวงก็หันกลับมาสารภาพ “ข้าน้อยรู้ดีว่า ถึงแม้จะปิดบังได้หนึ่งวัน แต่ก็ไม่สามารถปิดบังได้ตลอดไป”

ได้ยินที่หมอหลวงเอ่ย ผิงหยางกงจู่รีบตรัสถาม “ท่านปิดบังอะไร”

หมอหลวงเข่าอ่อนทรุดตัวลงแล้วทูลบอกความจริงแก่ผิงหยางกงจู่ไปว่า “หวงตี้ ทรงมีพระชนชีพอยู่ได้แค่ไม่กี่วันแล้ว”

เฉินอาเจียวตกใจกับสิ่งที่ได้ยินจึงเอ่ยถาม “ไม่กี่วันนะ มันกี่วันกันแน่”

หมอหลวงไม่กล้าสู้หน้าได้แต่ก้มหน้าแล้วยกมือขึ้นมากางให้ดูห้านิ้ว ทำให้ผิงหยางกงจู่กับเฉินอาเจียวถึงกับยืนช๊อคไปชั่วขณะ



30-2


“ท่านพี่ ท่านวางใจเถอะ สู้ไม่ได้อย่างมากข้าก็แลกด้วยชีวิต”

ได้ยินที่เฉินอาเจียวกล่าว ผิงหยางกงจู่ทรงหันไปรับสั่งกับเว่ยจื่อฟู “จื่อฟู เจ้าไปส่งคุณหนูเฉินแทนเราทีนะ”

“เพคะ”

“งั้น น้องไปก่อนนะเพคะ”

เฉาโซ่วเดินเข้ามาถามผิงหยางกงจู่ “แล้วจะทำยังไงต่อไปล่ะทีนี้”

ผิงหยางกงจู่ทรงรับสั่งกับนางกำนัลคนหนึ่ง “จงรีบไปเตรียมม้าให้เราโดยเร็ว”

“เจ้าให้คนไปเตรียมม้า เจ้าจะไปไหน”

“ไปเยี่ยนชื่อ

“ไปเยี่ยนชื่อ? เจ้าจะไปทำอะไรที่เยี่ยนชื่อ

“ท่านนี่แกล้งเซ่อหรือเปล่า ข้าก็ต้องรีบไปพาไท่จื่อเสด็จกลับวังนะสิ”

“เจ้าไปไม่ได้นะ ตามกฎมณเฑียรบาลของราชวงศ์ฮั่น บรรดาเชื้อพระวงศ์ที่เป็นหญิง(金枝玉叶)จะเสด็จออกจากฉางอันไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียว”

“ตอนนี้มันเป็นเวลาอะไรแล้ว ยังจะต้องไปสนใจเรื่องพวกนี้ด้วยหรือ” ตรัสจบผิงหยางกงจู่ก็เดินไปหาม้าที่บ่าวรับใช้นำมา

เฉาโซ่วเดินตามไปรั้งตัวผิงหยางกงจู่ “ไม่ได้นะ หากไท่โห้วทรงเอาโทษขึ้นมา เจ้าไม่รอดแน่ๆ”

“ท่านหลีกไปนะ” ผิงหยางกงจู่ทรงผลักเฉาโซ่วให้ออกห่างไปจากตัว แล้วก็ทรงปีนขึ้นไปประทับบนหลังม้า จากนั้นก็เรียกหาแส้ม้า(鞭子)จากบ่าวรับใช้

“เจ้าไปไม่ได้นะ” เฉาโซ่วเข้าไปดึงรั้งมือไว้ แต่ผิงหยางกงจู่สะบัดมือที่จับออกทำให้แส้ม้าสะบัดไปโดนหน้าของเฉาโซ่วโดยไม่ตั้งพระทัย

ผิงหยางกงจู่เห็นที่ใบหน้าของเฉาโซ่วมีรอยแผลจึงตรัสถาม “ข้าสะบัดแส้ไปโดนหน้าท่าน ท่านเจ็บหรือเปล่า” จากนั้นก็ทรงเอื้อมพระหัตถ์ไปแตะที่ใบหน้าของเฉาโซ่วด้วยความห่วงใย



เฉาโซ่วเห็นเป็นจังหวะที่ดีรีบอุ้มผิงหยางกงจู่ลงจากหลังม้า แล้วพาตัวเองขึ้นไปอยู่บนหลังม้าแทน “เรื่องนี้ ข้าไปจัดการให้เอง” พูดเสร็จก็ขี่ม้าออกไป

เฉาโซ่ว ท่านลืมเอาแส้ม้าไป” ผิงหยางกงจู่ตะโกนบอกพร้อมกับโยนแส้ม้าไปให้



30-3


ไท่จื่อพร้อมด้วยก้วนฟู กัวเส่อเหริน และหลี่หลิง จุดธูปไหว้ฟ้าไหว้สวรรค์เพื่อร่วมสาบานเป็นพี่น้องกันอีกครั้งหนึ่ง โดยในครั้งนี้ขาดแต่จางทังที่ไม่ได้อยู่ร่วมสาบาน

“สวรรค์เบื้องบน ข้าหลิวเช่อ

“ข้าก้วนฟู

“ข้ากัวเส่อเหริน

“ข้าหลี่หลิง

“ขอคารวะต่อฟ้า ขอเทพเทวดาเป็นพยาน ข้าและพี่น้องคนอื่นๆ รวมทั้งจางทัง ขอร่วมสาบานเป็นพี่น้องที่ต่างสายเลือดกัน ต่อหน้าคนอื่นจะเป็นเหมือนนายกับบ่าว ลับหลังจะเป็นเหมือนพี่เหมือนน้อง จะร่วมกันสร้างความรุ่งเรืองให้กับแผ่นดินฮั่น แม้ร่างกายจะต้องแหลกเป็นผุยผง(粉身碎骨)ก็จะไม่ย่อท้อถอยหนี(在所不辞) แม้จะไม่ได้เกิดร่วมปีร่วมวันเดียวกัน ก็ขอตายร่วมปีร่วมวันเดียวกัน”

กัวเส่อเหรินกล่าวต่อจากไท่จื่อว่า “ผู้ใดที่กล้าคิดคดทรยศต่อจิ่วเกอ

“ขอให้เทพเทวดาลงโทษให้ตายอย่างหมาข้างถนน” ก้วนฟูกล่าวต่อจากกัวเส่อเหริน

“ขอให้ไม่มีแผ่นดินจะอยู่ ตายไปก็ไม่มีแผ่นดินจะฝัง” หลี่หลิงกล่าวเสริม

“หากข้าหลิวเช่อทรยศต่อพี่น้อง ขอให้ฟ้าดินลงทัณฑ์(天诛地灭)”



จากนั้นทั้งหมดก็คำนับกราบไหว้ต่อฟ้าที่อยู่เบื้องบน หลังจากที่ทุกคนปักธูปเสร็จไท่จื่อก็ยกมือขึ้นทำท่าคารวะพร้อมกับทักทายทุกคนว่า “พี่ชายและน้องชายทุกท่าน”

คนอื่นๆยกมือขึ้นคารวะตอบแล้วกล่าวพร้อมกันว่า จิ่วเกอ

“ขอให้ทุกคนจดจำคำพูดที่ได้พูดไปเมื่อสักครู่ไว้นะ” ไท่จื่อกล่าวกับทุกคน

“จริงสิ น่าเสียดายที่ครั้งนี้ท่านพี่จางไม่ได้อยู่ด้วย เอาไว้กลับไปถึงฉางอันเมื่อไหร่ค่อยให้เค้ามาสาบานก็แล้วกัน”

“ยังมีอีกคนที่ควรจะมาร่วมสาบานกับพวกเราด้วย” ไท่จื่อกล่าวขึ้น

“ไม่มีใครแล้วนี่ ยังเหลือใครอีกเหรอ” ก้วนฟูเอ่ยถาม

“คนที่จิ่วเกอพูดถึงก็เนี่ยนหนูเจียวไง นับนางเข้าไปด้วยอีกหนึ่ง” หลี่หลิงบอก

“เลอะเทอะแล้ว เนี่ยนหนูเจียวกับเจ้ามีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันตรงไหน นางต้องสาบานกับจิ่วเกอคนเดียวเท่านั้นสิ” พอกัวเส่อเหรินพูดจบทุกคนต่างหัวเราะขึ้น

“พวกเราไปที่ไห่ถังชุนกันดีกว่า ไปสู่ขอสาวให้กับน้องหลี่หลิงของพวกเรากัน” ไท่จื่อเอ่ย

“ดีเลย” กัวเส่อเหรินสนับสนุน

“อะไรก็คงจะฉุดเจ้าไม่อยู่แล้วล่ะสิ” ก้วนฟูเอ่ยแซวหลี่หลิง

“คนมีเสน่ห์ก็ยังงี้แหละเน๊อะ” กัวเส่อเหรินร่วมด้วยช่วยกันแซว จนหลี่หลิงได้แต่เขินยิ้มหน้าบาน



30-4


กัวเส่อเหรินเดินนำทุกคนไปที่ไห่ถังชุน เมื่อไปถึงเห็นประตูปิดอยู่ก็เคาะประตูส่งเสียงเรียก “เปิดประตู พ่อสื่อ(媒人)มาสู่ขอสาวแต่งงาน(提亲)มาถึงแล้ว เปิดประตูเร็วเข้า”

ผู้จัดการสำนักฯเปิดประตูออกมา พอเห็นเป็นพวกไท่จื่อมาก็รีบปิดประตูไล่ทันที กัวเส่อเหรินรีบเอามือยันประตูพร้อมกับเอ่ย “อย่าปิดประตูสิ พวกเรามีข่าวดีนะ”



“มีข่าวดีอะไร แม้แต่ข้าวข้าก็ไม่มีจะกินแล้ว ยังจะมีข่าวดีอะไรอีก” ผู้จัดการสำนักฯเอ่ยถาม

“พวกเรามาเพื่อที่จะสู่ขอสาว” กัวเส่อเหรินเปิดฉากเจรจา

“สู่ขอ? จะมาสู่ขอใครกัน” ผู้จัดการสำนักฯเอ่ยถาม

“แม่นางชิวฉาน ไท่จื่อบอก

“พวกท่านมาช้าไป พวกนางไปตั้งนานแล้ว” ผู้จัดการสำนักฯบอก

“อะไรนะ นางไปแล้ว” กัวเส่อเหรินเอ่ย

“นางไปไหนล่ะ” หลี่หลิงรีบถาม

“แล้วเนี่ยนหนูเจียวล่ะ” ไท่จื่อรีบถามอีกคน

“นางนะเหรอ” ผู้จัดการสำนักฯถอนหายใจแล้วเอ่ยต่อ “พวกนางไปกันหมดแล้ว สาวๆที่เป็นตัวเรียกแขกและเป็นตัวทำเงินประจำร้าน(金字招牌)อย่างนางข้าก็ไม่มีอีกแล้ว เห็นทีไห่ถังชุนของข้าคงจะต้องปิดกิจการแล้ว” รำพันจบผู้จัดการสำนักฯก็ปิดประตูไล่ทันที



30-5


กัวเส่อเหรินกับก้วนฟูเดินไปถามหาเนี่ยนหนูเจียวกับชิวฉานจากคนในตลาดแต่ก็ไม่มีใครเห็น ส่วนหลี่หลิงก็ขี่ม้าไปยังบริเวณชายป่าที่ได้เจอกับชิวฉานเมื่อครั้งแรก

“เจ้าคิดถึงข้ามากเหรอ” ชิวฉานเอ่ยถาม

“ใช่” หลี่หลิงตอบออกไป

“แล้วทำไมเจ้าถึงไม่มาหาข้า”

“ข้าไปหาเจ้าแล้ว แต่ไม่พบเจ้า เจ้ารู้หรือเปล่า จิ่วเกอตกลงเรื่องแต่งงานของเราแล้ว และยังจะพาข้าไปสู่ขอเจ้าด้วย”

จิ่วเกอของเจ้าอีกแล้ว เจ้าไม่มีความคิดเป็นของตัวเองหรือไง” พูดจบชิวฉานก็ขว้างก้อนดินใส่หน้าหลี่หลิง ทำให้หลี่หลิงตื่นจากภวังค์



30-6



ไท่จื่อกระดกเหล้าเข้าปาก แล้วกระแทกจอกเหล้าบนโต๊ะจนกัวเส่อเหรินที่กำลังง่วนกับการกินกับแกล้มอยู่ถึงกับสะดุ้ง

“พวกนางทำไมจะต้องหลบข้าด้วย นางเห็นข้าเป็นเสือ เห็นข้าเป็นพวกกระหายหญิงสาว(色狼)หรืออย่างไรกัน ข้าก็แค่ชอบนาง เจ้าบอกข้าทีสิ มีผู้หญิงประเภทที่ไม่ต้องการให้ผู้ชายมาชอบด้วยเหรอ”

จิ่วเกอ ท่านไม่ต้องคิดอะไรมากนักหรอก” กัวเส่อเหรินเอ่ยปลอบไท่จื่อแล้วก็หันไปสนใจอาหารต่อ

“ข้าทำอะไรผิดเหรอ ตลอดเวลาที่อยู่ที่เยี่ยนชื่อ ก็มีแต่นางที่นำเรื่องเดือดร้อนมาให้ข้า ข้าเคยต่อว่า(抱怨)บ่นนางสักคำหรือก้อเปล่า ข้าเคยเปลี่ยนใจจากนางหรือก้อเปล่า ไม่ว่ายังไงข้าก็ยังชอบนางอยู่ดี”

“พูดง่ายๆก็คือ นางเป็นคนจำพวกไม่มีสามัญสำนึกในบุญคุณ(不识抬举)” กัวเส่อเหรินเอ่ย

“เจ้าห้ามพูดถึงนางแบบนี้นะ” ไท่จื่อตำหนิกัวเส่อเหริน

กัวเส่อเหรินรีบปฏิเสธ “ข้าไม่ได้หมายถึงนาง ข้าหมายถึงชิวฉานต่างหาก”

“เจ้าจะว่าอะไรชิวฉานล่ะ”





Create Date : 03 สิงหาคม 2550
Last Update : 28 ตุลาคม 2550 13:24:43 น. 1 comments
Counter : 8063 Pageviews.

 
ว้า....จบซะแล้ว กำลังสนุกเชียว
จะติดตามต่อนะคะ แต่ว่าต้าฮั่นภาค1 ที่ช่อง 2
เอามาฉายกำลังดำเนินเรื่องถึงตอนนี้พอดีเลย
ยังไง.. คราวหน้า ขอเยอะๆ หน่อยก็ดีนะคะ
จะได้จุใจ ไม่ว่าจายังไง ก็จะติดตามต่อไป...



โดย: หยางอี้หลิง IP: 58.64.109.47 วันที่: 31 สิงหาคม 2550 เวลา:23:15:53 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

WangAnJun
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add WangAnJun's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.