โยเกิร์ตระงับกลิ่นปาก

ใครทราบบ้างว่าโยเกิร์ตสามารถระงับกลิ่นปากได้ วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีเรื่องนี้มาฝาก...

คุณ เคนอิชิ โฮโจ และทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยสึรูมิ ในเมืองโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น ได้ทำการวิจัยพบว่า แบคทีเรียที่อยู่ในโยเกิร์ต โดยเฉพาะแบคทีเรียชนิด Streptococcus thermophilus และ Lactobacillus bulgaricus อาจมีผลต่อแบคทีเรียที่ เป็นเหตุให้เกิดกลิ่นเหม็นในปากได้

จากการทดลองพบว่า การกินโยเกิร์ตเป็นประจำทุกวัน วันละ 6 ออนซ์ (ประมาณ 1 ถ้วย) จะช่วยลดปริมาณสารที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นในปาก อย่างเช่น ไฮโดรเจนซัลไฟด์

นอกจากนี้ ผู้ที่ชอบกินโยเกิร์ตนั้น มักจะมีปริมาณคราบแบคทีเรียบนผิวฟัน (plaque) และอาการของโรคเหงือกอักเสบน้อยกว่าคนทั่วไป

ถ้าไม่อยากปากเหม็น โยเกิร์ตช่วยได้!




 

Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2554    
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2554 22:11:03 น.
Counter : 773 Pageviews.  

ทำเล็บปลอม ระวังติดเชื้อ!

องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาออกประกาศเตือนผู้ห ญิงให้หลีกเลี่ยงการติดเล็บปลอม เนื่องจากเป็นสาเหตุให้เกิดการหมักหมมของสิ่งสกปรกแล ะเชื้อโรค อาจเกิดเชื้อราและแบคทีเรียระหว่างชั้นเล็บ

หากติดเชื้อแบคทีเรียจะรู้สึกปวดบริเวณเล็บ มีผื่นแดงระคายเคือง และฝีหนองทั้งในเล็บและรอบๆ เล็บ ส่วนการติดเชื้อราที่เล็บจะไม่มีอาการคันหรือเจ็บ แต่มีลักษณะเป็นแผ่นแข็งสีขาวขุ่นใต้เล็บลุกลามจากปล ายไปสู่โคนเล็บ หากแผ่นแข็งหนามากจะทำให้เล็บที่ขึ้นใหม่ขรุขระและไม ่ติดกับผิวจนกระทั่งเล็บหลุด

เมื่อมีอาการติดเชื้อควรถอดเล็บปลอมออกแล้วทำความสะอ าดด้วยน้ำสบู่เวลาอาบน้ำ หากยังไม่ดีขึ้นภายในหนึ่งอาทิตย์ควรปรึกษาแพทย์




 

Create Date : 25 ธันวาคม 2553    
Last Update : 25 ธันวาคม 2553 18:07:45 น.
Counter : 301 Pageviews.  

อันตราย! ของการอดอาหาร


การอดอาหาร เป็นวิธีที่คุณสาวๆ และหนุ่ม ๆ หลายคน คิดว่า เป็นการลดความอ้วนอย่างได้ผล และเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด ซึ่งใครๆ ก็ทำได้ แต่คุณทราบหรือไม่ว่าอันตรายของการอดอาหารมีผลเสียมา กกว่าที่คิดหลายเท่านัก

สาเหตุที่ทำให้คนเราพยายามรักษารูปร่างให้ได้สัดส่วน ที่สวยงามลงตัว ส่วนหนึ่งมาจากแฟชั่นและค่านิยมที่ผิดๆ ที่ไม่ว่าจะยุคสมัยใดก็ตาม คนที่มีรูปร่างผอมมักได้รับคำชมมากกว่าคนที่รูปร่างอ้วนหรือท้วม ทำให้คุณสาวๆ ที่ประสบปัญหาเรื่องน้ำหนัก หันมาหาการลดน้ำหนักด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้อง และต้องเผชิญกับอันตรายจากความเชื่อเช่นนี้มาโดยตลอด

สิ่งเหล่านี้กำลังบ่อนทำลายสุขภาพโดยที่เราไม่รู้ตัว คุณลองคิดง่ายๆ ก็ได้ว่า จะมีอะไรเกิดขึ้นกับคุณหรือไม่... เมื่อต้องหยุดรับประทานอาหาร และสุขภาพของคุณจะย่ำแย่เพียงไรเมื่อตกอยู่ในสภาวะดั งกล่าว มีรายงานกล่าวว่า ชาวอเมริกันบางกลุ่มหรือผู้นับถือบางศาสนา มีความเชื่อที่ว่า การอดอาหารเป็นการล้างพิษออกจากร่างกาย คุณเชื่อเช่นนั้นหรือไม่...

ในทางการแพทย์แล้ว พบว่า ภายใต้สภาวะร่างกายที่ปกติ ระบบพลังงานได้มาจากอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตและไขมัน ถ้าหากรับประทานคาร์โบไฮเดรตเกินกว่าความต้องการของร ่างกายในแต่ละวัน ก็จะถูกสะสมไว้ตามกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ รวมทั้งตับอ่อนในรูปของไขมัน เมื่อใดที่เราขาดพลังงาน ร่างกายก็จะดึงพลังงานที่สะสมไว้ตามส่วนต่างๆ ออกมาใช้

มองย้อนกลับไปสู่ความเชื่อที่ว่า การอดอาหารเพื่อช่วยล้างพิษและลดไขมัน ไปพร้อมกันนั้น คุณไม่จำเป็นต้องทำถึงขั้นนั้น เพราะกลไกและอวัยวะของร่างกายสามารถขับสารพิษได้ด้วย ตัวเอง ก็คือ "ตับ" นั่นเอง ซึ่งจะทำหน้าที่ขับสารพิษออกจากร่างกายได้เกือบทั้งห มด ซึ่งหากคุณคิดว่าต้องการล้างพิษออกจากร่างกาย คุณควรให้ตับทำหน้าที่นั้นอย่างสมบูรณ์ ด้วยการทานอาหารที่มีประโยชน์ตามปกติ และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะดีกว่า

หากคุณเลือกที่จะอดอาหารอย่างน้อย 2 วัน คุณจะต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมาน คุณจะรู้สึกอ่อนเพลีย ซีด ปวดศีรษะ คลื่นเยน และจะรู้สึกอ่อนระโหยโรยแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ดังนั้น หากคุณเผชิญกับอาการนี้มาแล้ว ควรหันมารับประทานอาหารดังเดิม แต่ขอให้เริ่มต้นด้วยอาหารเหลว เช่น ดื่มน้ำผลไม้แทนการดื่มน้ำเปล่าสัก 2-3 แก้วต่อวัน เพื่อให้มีพลังงานเพียงพอในการเผาผลาญไขมันในร่างกาย เพราะถ้าเกิดภาวะขาดน้ำแล้วจะเป็นสาเหตุทำให้ระดับขอ งโพแทสเซียม และแมกนีเซียมขาดความสมดุล ซึ่งเป็นบ่อเกิดทำให้ปวดศีรษะ

การกลับมาสู่สภาวะปกติครั้งนี้ คุณต้องจัดตารางให้ร่างกายใหม่และตั้งใจอย่างจริงจัง ลองหาวิตามินมาเป็นอาหารเสริมบ้าง และกำหนดตารางออกกำลังกายที่แน่นอน ที่สำคัญคือ อย่าอดอาหารถ้าคุณกำลังตั้งครรภ์ หรือไม่ควรรับประทานอาหารตามใจปากอย่างที่ผ่านมา

คราวนี้ก็ทราบแล้วใช่ไหมคะว่า การอดอาหารนั้นไม่ใช่เป็นสิ่งที่ดีสำหรับคุณเลย มิหนำซ้ำยังทำให้ร่างกายอ่อนแอ ไม่คุ้มค่ากับรูปร่างอันสวยงามที่ต้องแลกมาด้วยความทรมาน




 

Create Date : 25 ธันวาคม 2553    
Last Update : 25 ธันวาคม 2553 13:15:31 น.
Counter : 416 Pageviews.  

ต้านโรคด้วยการกิน


HealthToday ฉบับนี้ว่าด้วยเรื่อง “การกิน” ไม่ใช่กินอย่างไรให้อร่อย แต่เน้นเรื่อง “กินดี” เพื่อต้านโรค เพราะเล็งเห็นว่าคนยุคนี้มีโรคภัยมากมายเกาะกุมรุมเร ้าอันมีสาเหตุมาจากอาหารการกิน ผู้ใหญ่และวัยรุ่นยุคนี้คุ้นเคยกับอาหารจานด่วนมากกว ่าน้ำพริกผักจิ้ม ส่วนเด็กยุคใหม่เรียกได้ว่าโตมาจากนมผงและอาหารจานด่ วน แถมดูอ้วนท้วนสมบูรณ์แกล้มกลมแสนน่ารัก แต่อนาคตทำนายได้ยากว่าจะรอดพ้นจากภัยโรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดตีบ โรคมะเร็งได้แค่ไหน แล้วอาหารมีผลอย่างไรที่ทำให้เกิดโรคได้ ?

เมื่ออาหารเข้าสู่ร่างกายของเราแล้วจะถูกย่อยเป็นโคร งสร้างเล็กๆ เพื่อเข้าสู่กระบวนการเผาผลาญ หรือ เมตาบอลิซึม ที่ทำให้เซลล์เล็กๆ ในร่างกายสามารถนำสารอาหารไปใช้ประโยชน์และเป็นพลังง าน แต่เมื่อร่างกายได้รับสารอาหารในสัดส่วนที่ไม่สมดุลเ หมาะสมกับความต้องการของร่างกาย ทำให้มีแนวโน้ม ของการได้รับสารอาหารบางประเภทมากเกิน โดยเฉพาะแป้ง น้ำตาล และไขมัน ยกตัวอย่างเช่นแป้ง น้ำตาล ที่มักพบในอาหารจานด่วนและขนมต่างๆ เมื่อได้รับมากเกินไปจะทำให้ร่างกายหลั่งอินซูลินเพิ ่มมากขึ้น เพื่อช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในกระแสเลือด และเมื่อมีปริมาณไม่เพียงพอจะนำไปสู่การเป็นเบาหวานไ ด้ นอกจากนี้แป้งและน้ำตาลที่เหลือใช้จะเปลี่ยนเป็นไขมั นและสะสมตามส่วนต่างๆ ของร่างกายทำให้เกิดโรคอ้วน ซึ่งเมื่อเกิดการสะสมมากขึ้นระบบการทำงานของร่างกายจ ะเริ่มแปรปรวนและทำงานบกพร่องจนนำไปสู่โรคต่างๆ เช่น ไขมันที่ไปเกาะอยู่ตามหลอดเลือดจะทำให้หลอดเลือดสูญเ สียความยืดหยุ่น ปิดกั้นการไหลเวียนของ เลือด จนอาจทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือดไปเลี้ยง

การป้องกันย่อมดีกว่าแก้ไข “การกินดี เพื่อต้านโรค” จึงต้องเริ่มจากการเลือกอาหารในแต่ละวันให้มี สัดส่วนและริมาณที่เหมาะสม ลดและเลี่ยงอาหารบางชนิดโดยมีหัวใจหลักดังนี้

เลือกกินอาหารที่หลากหลาย

เนื่องจากอาหารแต่ละชนิดจะมีองค์ประกอบของสารอาหารไม ่เหมือนกัน โดยจะมีปริมาณที่ แตกต่างออกไปตามหมวดหมู่ของอาหาร เช่น ส้มจะเป็นแหล่งของวิตามินซี แต่มีวิตามินบี12 อยู่น้อย ในขณะที่ ชีส จะมีปริมาณของวิตามินบี12 อยู่มากกว่า การกินอาหารชนิดเดียวกันทุกๆ วัน จะทำให้ร่างกายได้สารอาหาร ที่ให้คุณประโยชน์ต่อร่างกายไม่ครบถ้วน โดยเฉพาะผู้ที่กินมังสวิรัติมีแนวโน้มที่จะขาดโปรตีน วิตามินบี แคลเซียม และธาตุเหล็กได้ง่าย จึงอาจจำเป็นต้องรับประทานวิตามินหรืออาหารเสริม ในหนึ่งวันจึงควรเลือกอาหารให้ครบ 5 หมู่ ได้แก่ ธัญพืช ผัก ผลไม้ นม เนื้อสัตว์และถั่ว ตามปริมาณที่เหมาะสมกับแต่ละคน

คุมปริมาณพลังงานและสัดส่วนสารอาหารในแต่ละวัน

คุณควรเลือกกินอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง แต่ให้พลังงานต่ำ การหมั่นสังเกตฉลาก แสดงปริมาณสารอาหารที่เป็นองค์ประกอบในอาหารนั้นๆ จะทำให้เข้าใจ และสามารถกำหนดสัดส่วน การกินในแต่ละมื้อได้ดีขึ้น โดยเฉลี่ยพลังงานที่ได้รับในแต่ละวัน 50% ควรมาจากกลุ่มคาร์โบไฮเดรต ซึ่งควรเน้นอาหารที่เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าว และธัญพืชต่างๆ อาหารกลุ่มโปรตีนได้แก่ เนื้อสัตว์ ไข่ และถั่วต่างๆ ควรได้รับ ประมาณ 15% ส่วนที่เหลือ 35% มาจากไขมันชนิดดี หรือไขมันที่ไม่อิ่มตัว

กินธัญพืช ผัก และผลไม้ เป็นหลัก

อาหารจำพวกธัญพืช ผัก และผลไม้ นอกจากจะเป็นแหล่งของวิตามิน แร่ธาตุ และคาร์โบไฮเดรต เชิงซ้อนที่มีคุณค่าแล้ว ยังเป็นกลุ่มของอาหารที่มีไขมันต่ำมาก ทำให้อิ่มนานเพราะมีใยอาหาร ปริมาณสูง จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก นอกจากนี้ ใยอาหารซึ่งมีคุณสมบัติอุ้มน้ำได้ดีจะช่วย ในการขับถ่าย และดูดซึมสารพิษในลำไส้โดยขับออกมาพร้อมกับอุจจาระ จึงช่วยป้องกันการสะสมของสารพิษ และลดอาการท้องผูก ริดสีดวงทวารและอัตราเสี่ยงของมะเร็งที่ลำไส้ใหญ่ได้

เลือกกินแต่ไขมันชั้นดี

ไขมันไม่ได้มีโทษไปเสียทุกชนิด ร่างกายยังต้องการไขมันเพื่อใช้เป็นพลังงาน สร้างความอบอุ่น ช่วยในการทำงานของสมอง และเป็นองค์ประกอบของฮอร์โมนต่างๆ รวมทั้งช่วยในการดูดซึมวิตามินเอ ดี อี เค ไขมันที่ดีคือไขมันที่ไม่อิ่มตัว มีมากในน้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันข้าวโพด น้ำมันมะกอก และน้ำมัน ดอกคำฝอย และปลาทะเล ฯลฯ ส่วนไขมันชนิดเลวคือไขมันอิ่มตัวจะทำให้ระดับโคเลสเต อรอล ในร่างกาย เพิ่มขึ้น อาจสะสมอุดตันในเส้นเลือด น้ำมันชนิดนี้มักพบในกะทิ น้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์ม ไขมันจากสัตว์ และนม แต่ในเมื่อนมเป็นอาหารที่มีประโยชน์สูง คุณอาจเปลี่ยนมาดื่มนมไขมันต่ำแทนก็ได้

ลดน้ำตาลลง

อาหารในกลุ่มคาร์โบไฮเดรตซึ่งได้แก่ แป้งและน้ำตาล เมื่อเข้าสู่ร่างกายและผ่านกระบวนการ ย่อยจะได้ กลูโคส ซึ่งก็คือน้ำตาลชนิดหนึ่ง กลูโคสเป็นสารที่ให้พลังงานกับร่างกาย ในขณะเดียวกันหากมีมากเกินไป จะเปลี่ยนเป็นไขมันสะสม จึงไม่เป็นผลดีต่อผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักตัว นอกจากนี้การมีน้ำตาลอยู่ในร่างกาย ปริมาณสูงจะทำให้การสร้างอินซูลินที่ช่วยรักษาระดับ น้ำตาลในเลือดเสียสมดุลไป เป็นสาเหตุทำให้เกิด โรคเบาหวานได้ ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงขนม หวานหรือเครื่องดื่มที่มีรสหวาน การเลือกกินข้าวกล้องที่เป็น คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนจะทำให้ร่างกาย ค่อยๆ สลายกลูโคสออกมาอย่างช้าๆ จะช่วยรักษาระดับ น้ำตาลใน เลือดให้คงที่ได้

เลี่ยงรสเค็ม

อาหารส่วนใหญ่มีเกลือโซเดียมเป็นองค์ประกอบในปริมาณส ูง มีอยู่ในอาหารทั่วไปเกือบทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นซอสปรุงรส น้ำปลา ขนมกรุบกรอบ อาหารหมัก ดอง อาหารสำเร็จรูป และอาหารที่มีรสเค็ม ทุกชนิด จึงเป็นไปได้ว่าเรามักจะได้รับโซเดียมเกินความต้องกา รของร่างกาย แม้ว่าโซเดียมจะมีประโยชน์ ช่วยควบคุมปริมาณน้ำ และความดันเลือดในร่างกาย แต่การได้รับโซเดียมมากเกินไปจะก่อให้ เกิด ความดันโลหิตสูงได้ โดยในผู้ใหญ่แนะนำว่าควรได้รับประมาณวันละไม่เกิน 1,100-3,300 มิลลิกรัม

ระวังภัย 7 โรคร้าย …ด้วยการกินให้ถูกวิธี

ถ้าคุณเป็นคนกินไม่เลือก ตามใจลิ้นอยู่ร่ำไป เมื่อร่างกายที่อยู่ในภาวะโภชนาการไม่ดีไปนานๆ ก็อาจก่อให้เกิดปัญหาโรคเรื้อรังต่างๆ ขึ้นตามมาได้ ซึ่งโรคหลักๆ จากอาหารมีอยู่ไม่มากตามที่เกริ่นไว้แต่ต้น ดังนั้นถ้าสายเสียแล้วที่จะแก้ไข การเลือกวิธีโภชนบำบัด (diet therapy) ก็เป็นอีกทางหนึ่งที่ได้รับการยอมรับอย่าง แพร่หลาย เพื่อให้การรักษาได้ผลอย่างเต็มประสิทธิภาพ ร่วมไปกับการรักษาทางการแพทย์

เป็นเบาหวานต้องคุมน้ำตาล:

โรคเบาหวานเป็นภาวะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสู ง ทำให้เซลล์ต่างๆ ทำงาน ได้น้อยลง รวมทั้งเกิดความผิดปกติในการเผาผลาญสารอาหารด้วย ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างมาก เบาหวานสามารถ ควบคุมได้ด้วยการควบคุมอาหาร ซึ่งสำคัญมากกว่าการรักษาด้วยยา ควรงดเว้นอาหารที่มีส่วนประกอบ ของน้ำตาลทุกชนิด จำกัดปริมาณผลไม้ และธัญพืชต่างๆ รวมทั้งข้าว เพราะจะมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด รับประทานผักประเภทใบที่มีใยอาหารสูงให้มากขึ้นในปริ มาณไม่จำกัด เช่น ผักบุ้ง ผักกาดขาว ส่วนอาหาร จำพวกโปรตีนยังสามารถกินได้ปกติ แต่ควรระมัดระวังเรื่องน้ำหนักตัว เพราะจะส่งผลโดยตรงกับ อาการของเบาหวาน การคุมอาหารควรทำไปพร้อมไปกับการควบคุมน้ำหนัก และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

อาหารกับโรคหลอดเลือดแข็งและโคเลสเตอรอล: ภาวะไขมันในเลือดสูงจะมีผลให้ไขมันไปเกาะตามผนังหลอด เลือด จนขาดความยืดหยุ่นและอุดตันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ ถ้าเกิดการอุดตันจะทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตาย (myocardial infarction) และเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว ไขมันที่พบว่าเกิดการสะสม คือ โคเลสเตอรอล เพื่อความปลอดภัยองค์การอนามัยโลก ได้เสนอให้ควบคุมปริมาณโคเลสเตอรอลในเลือดให้ต่ำกว่า 200 มิลลิกรัมต่อเลือด 100 มิลลิลิตร เมื่อโคเลสเตอรอลได้จากอาหาร การควบคุมโดยลดการกินไขมันอิ่มตัว เช่น ไขมันจากสัตว์ ไข่แดง นม น้ำมันพืช บางชนิด เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์ม เพิ่มปริมาณอาหารที่มีใยอาหารให้มากขึ้น เช่น ผัก ผลไม้ ข้าวโอ้ต เพราะใยอาหารจะจับกับโคเลสเตอรอลในลำไส้เล็กทำให้ถูก ดูดซึมได้น้อย และจะถูกขับออกมาทางอุจจาระ นอกจากนี้แหล่งไขมันที่ควร ได้รับในแต่ละวันควรมาจากไขมันไม่อิ่มตัว เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันข้าวโพด น้ำมันรำ อย่างน้อย 10-12% ของพลังงานทั้งหมด

ควบคุมสัดส่วนอาหารต้านโรคอ้วน:

น้ำหนักตัวเกินมาตรฐานเกิดจากร่างกายได้รับพลังงานมา กเกินความต้องการ จึงเกิดการสะสมในรูป ของไขมัน จนอาจทำให้การทำงานของร่างกายผิดปกติและเกิดโรคแทรกซ ้อนต่างๆ ตามมา เช่น โรคหลอด เลือดหัวใจ เบาหวาน ข้ออักเสบ และระบบทางเดินหายใจ การรักษาจะต้องเริ่มจากสาเหตุ คือควบคุม ปริมาณ การกินอาหารให้ได้สัดส่วนที่เหมาะสมและออกกำลังกายให ้มากขึ้น ในส่วนของอาหาร นั้นจำเป็นต้องกินอาหารให้ครบทุกมื้อ แต่ลดพลังงานลงวันละ 500 แคลอรี่ จะสามารถลดน้ำหนักลงได้สัปดาห์ละ ฝ กิโลกรัม เช่นเปลี่ยนจากกินข้าวมาเป็นผักที่มีใยอาหารสูงเพื่อ ให้อิ่มนานขึ้น งดอาหารที่มีไขมันมาก เช่น เนื้อติดมัน อาหารทอดๆ และงดอาหารที่มีน้ำตาลสูง อาหารทุกมื้อควรมีปริมาณโปรตีนที่มีคุณภาพอย่างเพียง พอ เช่น ถั่วชนิดต่างๆ แทนที่จะเป็นเนื้อสัตว์ที่มักจะมีไขมันสูง

โปรตีนต่ำเพื่อพยุงโรคไต:

ไต ทำหน้าที่ขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย แต่ส่วนใหญ่จากการเผาผลาญของโปรตีน ดังนั้นอาหาร ที่ทำให้ไตต้องทำงานหนักมากขึ้นในการขับถ่ายของเสีย คือโปรตีน โรคเกี่ยวกับไตมีอยู่มากมายหลายชนิด แต่โดยสรุปก็คือทำให้ไตไม่สามารถทำหน้าที่อย่างปกติไ ด้ หลักสำคัญในการรักษาด้วย อาหาร คือช่วยให้ไต ทำงานน้อยลง เพื่อให้ไตได้มีโอกาสพักหรือฟื้นตัว และลดการคั่งของของเสีย อาหารที่รับประทานควรจะมี ปริมาณโปรตีนน้อย แต่เป็นโปรตีนที่มีคุณภาพสูง เช่น เนื้อสัตว์ นม ไข่ เพื่อนำไปช่วยเสริมสร้างทดแทน เนื้อเยื่อต่างๆ ที่สูญเสียไป แต่สำหรับผู้ที่เป็นไตวายเรื้อรังจะมีระดับฟอสเฟตในเ ลือดสูง จำเป็นต้องงดโปรตีน ที่มาจากนม ถั่วเมล็ดแห้งต่างๆ และไข่ เพราะเป็นอาหารที่มีปริมาณฟอสเฟตสูง เมื่อจำกัดปริมาณโปรตีน ในอาหารแล้ว พลังงานส่วนใหญ่ที่ได้รับจึงมาจากน้ำตาล ไขมัน และแป้งที่มีโปรตีนน้อย เช่น วุ้นเส้น แป้งมัน ข้าวโพด มันสำปะหลัง วุ้น ลูกชิด สาคู เป็นต้น รวมทั้งจำกัดการได้รับโซเดียม โดยหลีกเลี่ยงสารปรุงรสที่มี เกลือโซเดียมเป็นองค์ประกอบทั้งสิ้น

โรคความดันโลหิตสูงต้องระวังเกลือ:

ความดันโลหิตสูง เป็นโรคที่พบได้บ่อยที่สุด เกิดจากแรงดันภายในหลอดเลือดแดงสูงตลอดเวลา โดยแรงดันค่าสูงสุด (systolic blood pressure) และแรงดันค่าต่ำสุด (diastolic blood pressure) มีค่าสูงกว่า 160/95 โรคความดันโลหิตสูงจะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ตามมามากมาย คือหลอดเลือดแดงไม่แข็งแรง เลือดไปเลี้ยงไม่สะดวก โดยเฉพาะถ้าเกิดขึ้นในบริเวณอวัยวะสำคัญ เช่น หัวใจ สมอง ไต หรือจอตา ก็จะส่งผล ให้เกิดอันตรายหรือถึงแก่ชีวิตได้ หลักการรักษาโรคความดันโลหิตสูงคือการควบคุมอาหาร การลดน้ำหนักลง ให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน และออกกำลังกาย สม่ำเสมอ รวมทั้งหลีกเลี่ยงความเครียด การดื่มเหล้า และสูบบุหรี่ อาหารที่ควรจำกัดคืออาหารที่มีเกลือหรือโซเดียมอยู่ม าก เพราะโซเดียมที่อยู่ในเกลือจะทำหน้าที่ในการควบคุม สมดุลแรงดันของผนังเซลล์ และปริมาณน้ำในร่างกาย อาหารที่มีเกลือโซเดียมมาก ได้แก่ น้ำปลา ซอสปรุงรสต่างๆ อาหารทะเล และยาบางชนิด นอกจากนี้ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงควรหลีกเลี่ยง อาหารที่มี น้ำตาล และไขมันมากเพราะจะทำให้การควบคุมน้ำหนักเป็นไปได้ยา ก โดยน้ำหนักที่เกินมาตรฐานจะทำให้ หัวใจทำงานหนักมากขึ้นด้วย

โรคเกาต์กับกรดยูริค:

โรคเกาต์เกิดจากการที่ร่างกายมีระดับกรดยูริค (uric acid) ในเลือดสูง ร่างกายได้รับกรดยูริคจากอาหาร และจากการสังเคราะห์ขึ้นในร่างกายโดยการสลายตัวของเซ ลล์ต่างๆ โดยจะมีอาการปวดที่เกิดจากการอักเสบ ของบริเวณที่มีการสะสมของกรดยูริคโดยเฉพาะบริเวณเนื้ อเยื่อข้อต่อของกระดูก ทำให้ข้อกระดูกเสื่อม และกระดูกบริเวณนั้นผิดรูปได้ อาหารที่เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคเกาต์จะต้องมีสัดส่ วนของสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่ โดยหลีกเลี่ยงอาหารที่เป็นแหล่งของกรดยูริค เช่น เครื่องในสัตว์ ถั่วต่างๆ ไข่ปลา ชะอม กะปิ ปลาซาดีน กระป๋อง สัตว์ปีก กุ้งชีแฮ้ หอย น้ำต้มกระดูก ซุปก้อน ปลาขนาดเล็ก เห็ด กระถิน ยีสต์ ปลาอินทรีย์ เป็นต้น ผู้ที่เป็นโรคเกาต์ควรกินอาหารที่มีไขมันน้อยลงเพื่อ ให้น้ำหนักลดลง ถ้ากินไขมันมากเกิน ไปจะทำให้ขับถ่าย กรดยูริคได้ไม่ดี แต่อย่างไรก็ดีไม่ควรได้รับอาหารที่มีพลังงานต่ำจนเก ินไป เพราะร่างกายจะมีการสลายไขมัน จากเนื้อเยื่อออกมาใช้ ทำให้มีปริมาณกรดยูริคสะสมเพิ่มขึ้นและขับถ่ายออกจาก ร่างกายลดลง น้ำตาล และเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ก็ควรงดเพราะมีผลต่อการขับถ่ ายกรดยูริคด้วยเช่นกัน

ที่มา นิตยสาร Health Today




 

Create Date : 25 ธันวาคม 2553    
Last Update : 25 ธันวาคม 2553 11:46:40 น.
Counter : 256 Pageviews.  

ลดความอ้วนด้วยโปรตีน


การรับประทานอาหารแบบเน้นโปรตีน (High-protein diet) เป็นที่รู้จักมานานแล้ว ในแวดวงนักกีฬาและการเพาะกาย ก่อนที่คนทั่วไปจะรู้จักในชื่อของ ดร. แอตกิน (Atkin) ว่าการทานอาหารแบบนี้ไม่เพียงจะช่วยในการเสริมสร้างก ล้ามเนื้อ แต่ยังช่วยลดสัดส่วนไขมันของร่างกายด้วย

มีการศึกษาจำนวนมากพบว่า การทานอาหารแบบเน้นโปรตีนมีผลเป็นนัยสำคัญกับ การลดปร ิมาณไขมันสะสมในร่างกาย ผลการวิจัยล่าสุดจากคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยวอชิงตัน เผยว่า การทานอาหารแบบเน้นโปรตีนจะช่วยลดความอยากอาหาร ส่งผลให้เราได้รับปริมาณแคลอรีลดลง

นักวิจัยให้ผู้เข้าร่วมการทดลองทานอาหารแบบเน้นโปรตี น โดยมีโปรตีน 30% ของมื้ออาหาร และไม่จำกัดปริมาณแคลอรีที่กินในมื้อนั้นๆ (แต่คงสัดส่วนของโปรตีนไว้ที่ 30%) ใช้เวลาทดลอง 12 สัปดาห์ (ประมาณ 3 เดือน) พบว่าผู้เข้าร่วมการทดลองได้รับพลังงานลดลงเฉลี่ยคนล ะ 450 แคลอรี/วัน ทำให้น้ำหนักลดลงหลายกิโล และส่วนใหญ่จะเป็นน้ำหนักของไขมันที่สะสมในร่างกาย (bodyfat)

นอกจากนั้น การวิจัยอีกชิ้นจากฝรั่งเศสพบว่า โปรตีนจะช่วยกระตุ้นระบบการทำงานในร่างกายให้เพิ่มกา รผลิตกลูโคส จากนั้นกลูโคสจะเดินทางไปที่ตับ และกระตุ้นให้ร่างกายรู้สึกอิ่ม ก่อนจะส่งสัญญาณไปยังสมองว่าหยุดทานอาหารได้แล้ว

จากผลการวิจัยดังกล่าวสามารถสรุปได้ การทานอาหารแบบเน้นโปรตีนช่วยลดความอ้วนได้ ไม่ว่าสาเหตุจะมาจากสมองสั่งให้หยุดทานอาหารเร็วขึ้น หรือการที่ร่างกายไปดึงไขมันสะสมออกมาใช้

ใครที่กำลังอยากลดน้ำหนักหรือความอ้วน ลองเอาวิธีทานอาหารแบบเน้นโปรตีนไปใช้ดู อาจได้ผลโดยไม่ต้องลดหรืออดอาหารจนหน้าเ่ยว




 

Create Date : 25 ธันวาคม 2553    
Last Update : 25 ธันวาคม 2553 11:11:14 น.
Counter : 229 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  
 
 

ubuntu
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ให้ทิปเจ้าของ Blog [?]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add ubuntu's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com