Spa หู อันตราย!


รศ.นพ.ภาคภูมิ กล่าวต่อว่า โดยเฉพาะการรักษาไซนัสให้ดีขึ้นนั้น เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากโพรงไซนัสอยู่บริเวณหน้าผากและติดต่อทางหูช ั้นกลาง ขณะที่ก้านเทียนที่ใช้ในการทำสปาจะเข้าถึงเพียงบริเว ณช่องหูในหูชั้นนอกเท่านั้น โดยมีแก้วหูเป็นตัวกั้นระหว่างหูชั้นนอกและชั้นกลาง หากจะเข้าถึงหูชั้นกลางต้องเจาะทะลุแก้วหูเข้าไปเท่า นั้น ซึ่งจะเป็นอันตราย ส่วนภาวะน้ำในหูไม่เท่ากัน เกิดจากน้ำในหูชั้นในมากกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ การทำสปาหูจึงไม่สามารถช่วยดึงน้ำในหูชั้นในออกได้เช ่นกัน

“มีการพิสูจน์แล้วว่าแรงดันที่เกิดจากการทำ สปาหู ไม่มากเพียงพอที่จะดูดขี้หูออกได้ ที่สำคัญ ขี้หูไม่ใช่ขี้ ไม่ต้องทำความสะอาด แต่ขี้หูเป็นขี้ผึ้ง ช่วยป้องกันเชื้อโรค เชื้อรา แบคทีเรีย และสิ่งแปลกปลอมที่จะเข้าไปภายในหู จึงมีประโยชน์ ไม่ต้องไปขจัดออก” รศ.นพ.ภาคภูมิ กล่าว

รศ.นพ.ภาคภูมิ กล่าวด้วยว่า ที่สำคัญ คนที่หูอักเสบเป็นแผลติดเชื้อ หูน้ำหนวก มีของเหลวไหลออกมาจากหู แก้วหูทะลุฉีกขาดเป็นแผล หรือผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดภายในหูไม่ถึง 3 เดือน เยื่อแก้วหูผิดปกติ และเด็กอายุต่ำกว่า 10 ขวบ ไม่ควรทำการสปาหูอย่างเด็ดขาด

ด้านนพ.ศุภชัย คุณารัตนพฤกษ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) กล่าวว่า จะส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสถานประกอบธุรกิจบริการสุขภา พทั้งสปาเพื่อสุขภาพ นวดเพื่อสุขภาพ และนวดเพื่อเสริมสวย ที่ผ่าน และได้รับสัญลักษณ์ตรารับรองมาตรฐานและอยู่ภายใต้การ กำกับดูแลของ สบส.จำนวน 1,076 แห่งทั่วประเทศ หากพบมีการให้บริการสปาหู จะเพิกถอนการรับรองและไม่ต่ออายุใบรับรอง ซึ่งจะส่งผลให้สถานบริการกลายเป็นสถานบริการเถื่อน หากยังคงให้บริการจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบโรคศิลปะ พ.ศ.2542 โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท และตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท

นพ.ศุภชัย กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันยังไม่มีผู้ที่มีความรู้ความชำนาญด้านนี้โดย เฉพาะมาขออนุญาตจดทะเบียนสถานประกอบการ ประชาชนที่จะเลือกใช้สปาเพื่อสุขภาพ ควรเลือกใช้บริการจากสถานประกอบการที่ได้รับตราสัญลั กษณ์ผ่านการรับรองมาตรฐานจากสบส. และอนาคตจะมีการจัดทำเกณฑ์มาตรฐานที่สูงขึ้น โดยแบ่งสถานประกอบการเป็น 3 ระดับ ได้แก่ แพลทินัม (Platinum) โกลด์ (Gold) และซิลเวอร์ (Silver) เพื่อให้ผู้บริการเลือกใช้บริการได้ตามต้องการ

“อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีการโฆษณาชวนเชื่อให้ทำสปาหูผ่านทางอินเทอร์เ น็ตและสื่อต่างๆ มากมาย เสียค่าบริการในอัตราครั้งละ 500-1,500 บาท ประชาชนจึงควรรู้เท่าทันไม่หลงเชื่อกับสิ่งที่อวดอ้า งเกินจริง ซึ่งการทำสปาหู จะใช้เทียนที่ตรงกลางกลวงใส่ในช่องหู แล้วจุดไฟเพื่อให้เกิดการเผาไหม้ โดยหวังจะให้ควันเทียนและขี้ผึ้งช่วยรักษาโรคต่างๆ แต่ไม่เป็นความจริง ยังไม่มีหลักฐานเชิงวิชาการอ้างอิงในเรื่องนี้” นพ.ศุภชัย กล่าว




 

Create Date : 18 ธันวาคม 2553    
Last Update : 18 ธันวาคม 2553 17:50:08 น.
Counter : 267 Pageviews.  

น้ำผลไม้ปั่น ตัวการทำร้ายฟัน!


น้ำผลไม้ปั่น ตัวการทำร้ายฟัน! - น้ำผลไม้ปั่นหวานเย็นแสนอร่อย สมูทตี้ผลไม้แก้วโตสีสันสวยงาม มักจะเป็นของว่างหลังอาหารในยามบ่ายที่แสนจะร้อนอบอ้ าว โดยบางคนเชื่อว่าจะได้รับประโยชน์จากผลไม้ที่ใช้ทำผล ไม้ปั่นหรือสมูทตี้แก้วนั้นๆ ซึ่งประโยชน์ที่ว่านั้นก็ได้จริง แต่อาจมีโทษปนมาด้วยนี่สิ

เพราะการดื่มน้ำผลไม้ปั่นหรือสมูทตี้เหล่านี้ อาจเป็นเหตุที่ทำให้ชั้นเคลือบฟัน (Enamel) ของเราบางลงๆ และเป็นสาเหตุของฟันผุได้ในที่สุด เพราะในน้ำผลไม้ปั่นเหล่านี้นั้น ส่วนมากแล้วมักจะผสมน้ำเชื่อมหรือน้ำตาลในปริมาณไม่น ้อยเลยทีเดียว อีกทั้งยังมีกรดแอซิดสูง กว่าที่เราจะดื่มหมดทั้งแก้วก็ต้องใช้เวลาในการจิบหร ือดื่มเป็นเวลานาน ทำให้เกิดการทำลายเคลือบฟันได้มากตามไปด้วย

สำหรับชั้นเคลือบฟันนั้น เป็นส่วนประกอบด้านนอกสุดของฟัน มีหน้าที่เหมือนเกราะหุ้มฟัน ช่วยปกป้องอันตรายให้แก่ชั้นของเนื้อฟัน และเนื้อเยื่อโพรงประสาทฟัน ดังนั้นเมื่อเคลือบฟันถูกทำลาย จึงทำให้มีความเสี่ยงในการเกิดฟันผุได้มากในอนาคต หากไม่มีการรักษาความสะอาดในช่องปากให้เพียงพอ

การกินผลไม้สด นอกจากจะให้สารอาหารได้มากกว่าการนำมาทำเป็นน้ำผลไม้ ปั่นแล้ว ก็ยังทำอันตรายช่องปากน้อยกว่าน้ำผลไม้ปั่นที่มีน้ำต าลสูงอีกด้วย




 

Create Date : 18 ธันวาคม 2553    
Last Update : 18 ธันวาคม 2553 17:32:26 น.
Counter : 281 Pageviews.  

วิจัยพบ! "บั้นท้ายใหญ่" ลดเสี่ยงเบาหวาน


หลายคนแอบอายที่บั้นท้ายของตัวเองใหญ่เทอะทะ แต่หารู้ไม่ว่านั่นแหละดีแล้ว งานวิจัยชิ้นใหม่จากฮาร์วาร์ดระบุ บรรดาคนที่ “ไว้ก้น” เป็นงานอดิเรก จะเสี่ยงเป็นเบาหวานน้อยกว่าคนที่มีบั้นท้ายเล็กกว่า และพุงโตกว่า ดังนั้นหากยอมให้มีไขมันสะสมทั้งทีขอมีที่ "ก้น" ดีกว่า "พุง"

ก่อนหน้านี้นักวิจัยต่างรู้กันว่าไขมันห่อหุ้มที่อวั ยวะภายใน (visceral fat - วิสเซอเริล แฟต) โดยเฉพาะในช่องท้อง หรืออาการ "ลงพุง" ยิ่งมีมากจะเพิ่มความเสี่ยงโรคเบาหวานและหัวใจ ขณะที่ผู้มีรูปร่างเหมือนลูกแพร์ ซึ่งมีไขมันใต้ผิวหนัง (subcutaneous fat - ซับคิวเทเนียส แฟต) สะสมที่บั้นท้ายและสะโพก ต้นขากลับเสี่ยงเป็นโรคดังกล่าวน้อยกว่า

อีกทั้งผลการวิจัยล่าสุดก็เผยอย่างแจ่มชัดว่า ไขมันใต้ผิวหนังช่วยป้องกันไม่ให้เป็นโรคเกี่ยวเนื่อ งจากการเผาผลาญอาหาร โดย ดร.โรนัลด์ คาห์น (Ronald Kahn) จากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เมืองบอสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกาเผยว่า ไขมันดังกล่าวช่วยให้ฮอร์โมนอินซูลินทำงานดีขึ้น โดยฮอร์โมนนี้ทำหน้าที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

ทั้งนี้ คาห์นได้ตั้งข้อสังเกตต่อไขมันทั้ง 2 ประเภท และเริ่มต้นศึกษาเพื่อหาคำตอบพื้นฐานว่า ไขมันวิสเซอเริล แฟต ที่สะสมในช่องท้องนั้นเป็นอันตราย เพราะตำแหน่งที่มันอยู่ หรือว่าเป็นเพราะลักษณะเฉพาะของไขมันชนิดนี้กันแน่

จากนั้นคาห์นและทีมได้แบ่งการทดลองออกเป็นชุดๆ โดยนำไขมันใต้ผิวหนังของหนูชุดหนึ่งไปปลูกถ่ายในช่อง ท้องของหนูอีกชุดหนึ่ง ซึ่งหนูกลุ่มนี้มีน้ำหนักลดลงภายในไม่กี่สัปดาห์ โดยเซลล์ไขมันก็หดเล็กลง อีกทั้งรูปร่างของหนูยังเพรียวบางขึ้นด้วย ทั้งที่ไม่ได้มีการควบคุมอาหารหรือเปลี่ยนกิจกรรมของ หนูแต่อย่างใด

ทว่าในทางกลับกัน เมื่อปลูกถ่ายไขมันที่สะสมอยู่บริเวณช่องท้องจากหนูช ุดหนึ่ง เข้าไปทั้งในช่องท้อง และใต้ผิวหนังของหนูอีกชุด กลับไม่มีปฎิกิริยาตอบสนองใดๆ

“สิ่งที่เราพบคือเมื่อเราปลูกถ่ายไขมันใต้ผิวหนังเข้ าไป การเผาผลาญอาหารของหนูก็ดีขึ้น” คาห์นเผย ซึ่ง การค้นพบนี้ยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า ไม่ใช่ไขมันทุกชนิดที่มีผลเสียไปทั้งหมด ซึ่งไขมันใต้ผิวหนังแตกต่างจากไขมันที่ห่อหุ้มอวัยวะ ภายใน

"ไม่ใช่ว่าไขมันในช่องท้องจะทำให้เกิดผลร้าย แต่ไขมันใต้ผิวหนังต่างหากที่ผลิตผลดี สัตว์ที่มีไขมันใต้ผิวหนังมากจะมีน้ำหนักเหมาะสมกับอ ายุ มีการตอบสนองต่ออินซูลินในระดับที่ดี และถ้าอินซูลินในร่างกายต่ำเมื่อใด ก็พร้อมที่จะปรับให้เกิดสมดุล" คาห์นอธิบาย

อย่างไรก็ดี จากข้อค้นพบนี้สอดคล้องกับหลายๆ งานวิจัยก่อนหน้า ที่ระบุถึงการดูดไขมัน ซึ่งก็คือการนำเอาไขมันใต้ผิวหนังออก กลับไม่ได้ช่วยลดความเสี่ยงหรือรักษาอาการต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับระบบเผาผลาญเลย อีกทั้งยังเพิ่มอาการดื้ออินซูลิน จนกลายเป็นปัญหาขึ้นมาอีกด้วย

กระนั้นก็ยังไม่มีงานวิจัยใดที่จับตาศึกษาผลดีของไขม ันใต้ผิวหนังที่ถูกดูดออกไป ซึ่งคาห์นก็ได้ทำ และระบุข้อค้นพบนี้ลงในวารสารกระบวนการเผาผลาญอาหารร ะดับเซลล์ "เซลล์ เมตาบอลิซึม" (Cell Metabolism) ฉบับเดือน พ.ค.51

นอกจากนั้น เขายังเผยถึงความเป็นไปได้ว่า ไขมันใต้ผิวหนังน่าจะสร้างฮอร์โมนที่รู้จักกันดีว่า "อะดิโพไคน์" (adipokine) ซึ่งมีผลดีต่อกระบวนการเผาผลาญ โดยคาห์นคาดว่าน่าจะช่วยลดผลร้ายที่กระทำโดยไขมันที่ สะสมในช่องท้อง

อย่างไรก็ดี นักวิจัยจากฮาร์วาร์ดรายนี้ก็ยังคงมุ่งหน้าศึกษาต่อไ ป เพื่อระบุให้ได้ว่าไขมันใต้ผิวหนังสร้างสารที่เป็นผล ดีต่อกระบวนการเผาผลาญได้อย่างไร และค้นหาสารดังกล่าวเพื่อพัฒนาเป็นยาที่มีประสิทธิภา พใกล้เคียงกัน.




 

Create Date : 18 ธันวาคม 2553    
Last Update : 18 ธันวาคม 2553 14:52:56 น.
Counter : 230 Pageviews.  

สมุนไพรบำรุงสมอง


ชีวิตที่เร่งรีบในยุคนี้ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาม ากมาย หนึ่งในปัญหาเหล่านั้นก็คือ ความจำเสื่อม ซึ่งอาจจะเป็นโรคหรือไม่เป็นก็ได้ การทำงานที่ใช้สมองมากขึ้น ประกอบกับการรับประทานอาหารที่ผิดเพื้ยนไป จากอาหารปกติ รวมถึงการขาดสารอาหารบางชนิดส่งผลให้เซลล์สมอง ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ก็อาจทำให้เซลล์สมองเสื่อมสภาพเร็วขึ้น เมื่อพูดถึงเรื่องความจำหลายคนก็จะคิดถึงการบำรุงสมอ ง โดยวิตามินและเกลือแร่ที่มีวางจำหน่ายทั่วไปในท้องตล าด แต่ปัจจุบันได้มีการนำสมุนไพรหลายชนิดมาใช้เพื่อบำรุงสมอง

โรคความจำเสื่อมเกือบทุกชนิดจะเกี่ยวข้องกับความ เสื่ อมของเซลล์สมอง ดังนั้นจะสังเกตเห็นว่าการลดความเสื่อมจะมุ่งไปที่กา รป้องกันการตายของเซลล์สมองไม่ว่าจะด้วยทางตรงหรือทางอ้อม

สมุนไพรที่ช่วยในเรื่องของความจำ ถ้าจะว่าไปแล้วก็มีอยู่มากมายหลายชนิด ซึ่งในที่นี้จะได้กล่าวถึงบางชนิดเท่านั้น

1. Gingko Biloba เป็นสมุนไพรจีนที่นิยมใช้กันมานานกว่า พันปีแล้ว สารสำคัญกลุ่ม Flavoglycosides มีฤทธิ์ขยายหลอดเลือดซึ่งผลที่ตามมาก็คือ เพิ่มการไหลเวียนของเลือดเข้าสู่สมอง ทำให้เซลล์สมองได้รับสารอาหารและอ๊อกซิเจนมากขึ้น 1 ในทางกลับกันของเสียที่มีอยู่ในเซลล์ ก็จะถูกกำจัดออกจากเซลล์ได้ดีขึ้น นอกจากนี้สารสำคัญในแปะก๊วยยังช่วยลดการเกาะตัวของเก ร็ดเลือด ทำให้เพิ่มการไหลเวียนของเลือด โดยเฉพาะเส้นเลือดที่มีขนาดเล็ก คุณสมบัติในการลดเกร็ดเลือดนี้ไม่ดี สำหรับผู้ที่เลือดหยุดไหลช้า ผู้ป่วยที่ต้องรับการผ่าตัดหรือผ่าตัดแล้ว (6 เดือน) และผู้ที่มีประวัติเส้นเลือดในสมองแตก

2. Gotu Kola เป็นพืชที่พบได้มากในบ้านเรา ประโยชน์ทางด้านการบำรุงสมองเกิดจากการเพิ่มความแข็ง แรง ของหลอดเลือดเป็นผลให้หลอดเลือดเล็ก ๆ มีความสมบูรณ์ซึ่งก็ทำให้การลำเลียงอาหาร และอ๊อกซิเจนไปยังเซลล์สมองได้อย่างมีประสิทธิภาพ สารในกลุ่ม triterpenes มีฤทธิ์อ่อน ๆ ในการกระตุ้น cholinergic mechanism ในร่างกายช่วยให้ลดความเครียดและความกังวลหรืออีกนัย หนึ่งก็คือ ทำให้ผ่อนคลายมากขึ้น 2 นั่นเอง

3. Ginseng โสมจะมีผลทางอ้อมต่อความจำนั้น ก็คือจะช่วยปรับสมดุลข องฮอร์โมน จากต่อมหมวกไตซึ่งจะทำให้ลดความเครียด ที่เป็นสาเหตุของการตายของเซลล์สมองได้ 3




 

Create Date : 18 ธันวาคม 2553    
Last Update : 18 ธันวาคม 2553 14:42:15 น.
Counter : 491 Pageviews.  

วิธีออกกำลังกาย ระบบประสาท & สมอง


วิธีออกกำลังกาย ระบบประสาท & สมอง - สำหรับเทคนิคการออกกำลังกายที่ทางสถาบันแนะนำทั้งเด็ กและผู้ใหญ่ปฏิบัติทุกวัน มี 6 ท่าคือ

1. ท่าปุ่มสมอง กระตุ้นระบบไหลเวียนของเลือด โดยเฉพาะเส้นเลือดใหญ่บริเวณลำคอ ช่วยทำให้สมองตื่นตัว เพิ่มสมาธิและการรับรู้ ผู้ออกกำลังกายจะต้องวางมือข้างหนึ่งแบไว้ตรงสะดือ มืออีกข้างหนึ่งนวดเบาๆ บริเวณร่องบุ๋มที่อยู่ระหว่างกระดูกซี่โครงซี่แรกกับ ซี่ที่สองใต้กระดูกไหปลาร้า

2. ท่าเคลื่อนไหล่สลับข้าง กระตุ้นให้สมองสองซีกทำงาน เพิ่มเซลล์สมอง สมองทั้งสองซีกสื่อสารถึงกันได้ดี รวดเร็ว และทำให้ความจำดีอีกด้วยโดยเด็กๆ สามารถย่ำเท้าอยู่กับที่ ยกเข่าให้สูง ศอกซ้ายแตะเข่าขวา และศอกขวาแตะเข่าซ้ายสลับกัน

3. ท่าเกี่ยวตะขอ ช่วยให้สมองทำงานประสานกันได้ดียิ่งขึ้น กระตุ้นศูนย์ควบคุมระดับการรู้สึกตัว สร้างสมาธิ เพิ่มความสมดุล เพิ่มการจดจำ และช่วยกระตุ้นสมองส่วนที่ทำหน้าที่รับสัมผัส เริ่มจากต้องยืนไขว้มือสองข้างให้ประสานกัน เหยียดแขนทั้งสองออกไปด้านหน้า นิ้วโป้งชี้ลงพื้นแล้วพลิกมือม้วนเข้าหาตัว พักไว้บริเวณหน้าอก ทิ้งศอกลงทั้งสองข้าง พร้อมทั้งกระดกลิ้นติดเพดานปาก เป็นการกระตุ้นประสาทเส้นเอ็นบริเวณลิ้น

4. ท่าหมวกความคิด กระตุ้นระบบประสาทเกี่ยวกับการได้ยิน นวดใบหูด้านนอกตั้งแต่บนสุดลงล่างสุด เพื่อปลุกให้กลไกการได้ยินตื่นตัว ทำให้ความจำดีขึ้น

5. ท่าหาวเพิ่มพลัง กระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อบนใบหน้าทั้งหมด ทั้งระบบประสาทตา หู กล้ามเนื้อ และปลุกให้สมองตื่นตัว ทำให้มีสมาธิโดยท่านี้จะต้องทำท่าเหมือนหาว จากนั้นนวดคลึงกล้ามเนื้อบริเวณขากรรไกร

6. ท่าเลขแปดหลังยาวสำหรับการมอง พัฒนา การเคลื่อนไหวของดวงตาเพื่อให้เกิดการประสานงานของมื อและตา ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจำ มีความสงบเยือกเย็น มีสมาธิ เหมาะสำหรับเด็กที่ทำงานศิลปะ หรือเล่นเปียโน โดยชูหัวแม่มือข้างใดข้างหนึ่งขึ้นไว้กลางระดับสายตา ระยะห่างประมาณช่วงศอก ตั้งศีรษะนิ่ง ไม่เกร็ง ตามองตามนิ้วที่เคลื่อนตลอด ลากนิ้วหัวแม่มือขึ้นไปด้านบนขอบเขตสายตา และลากทวนเข็มนาฬิกากลับมาด้านซ้าย จนกระทั่งนิ้ววนมาถึงจุดต่ำสุด จากนั้นหมุนย้อนเข็มผ่านจุดกึ่งกลางไปทางขวา ทำทีละข้าง

อย่าลืมแบ่งเวลามาออกกำลังกายแบบนี้ หลังการเรียนหรือทำงาน




 

Create Date : 18 ธันวาคม 2553    
Last Update : 18 ธันวาคม 2553 13:03:48 น.
Counter : 649 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  
 
 

ubuntu
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add ubuntu's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com