|
|
|
|
|
|
กินเป็น-อยู่เป็น ไม่เป็นมะเร็ง
ในทางวิชาการนั้น หากกินเป็นอยู่เป็นจะสามารถป้องกันโรคมะเร็งได้ 30 -40% ทั้งยังสามารถป้องกันโรคอื่นๆ ได้อีกด้วย เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน ไขมันในเส้นเลือดสูง ความดันโลหิตสูง และโรคกระดูกพรุน 1.ไม่สูบบุหรี่ ผู้สูบบุหรี่มากกว่า 20 มวน/วัน นาน 10 ปี จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดเป็นโรคมะเร็งปอด 8 -10 เท่าของผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ 80% ของโรคมะเร็งปอดเกิดจากการสูบบุหรี่ สำหรับผู้ที่สูบบุหรี่ ถ้าหยุดสูบสามารถป้องกันการเกิดโรคมะเร็งปอดได้ถึง 60 – 70% การสูบบุหรี่ยังเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งชนิดอื่นๆ และโรคอื่นๆ ด้วย เช่น โรคหัวใจ โรคถุงลมโป่งพอง 2.ไม่ดื่มสุรา หรือดื่มสุราแค่พอควร ถ้ามีความจำเป็น ดื่มไม่ควรเกินปริมาณของ Ethanol 20 กรัม/วัน หรือประมาณวันละ 1 แก้ว ผู้ที่ดื่มสุรามากกว่า 60 กรัมของ Ethanol ต่อวัน จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งเป็น 9 เท่าของผู้ไม่ดื่ม แต่ถ้าดื่มสุรามากกว่า 60 กรัมของ Ethanol และเป็นผู้ที่สูบบุหรี่มากกว่า 20 มวนต่อวันด้วย จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งเป็น 50 เท่า 3.พฤติกรรมการกิน กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ใน ปริมาณที่เหมาะสมกับวัย โดยกินอาหารให้หลากหลาย อย่ากินอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งมากเป็นประจำ เพื่อให้ได้สารอาหารต่างๆ ครบถ้วนตามที่ร่างกายต้องการ และหลีกเลี่ยงการสะสมสารพิษอาหาร - อาหารหมู่ที่ 1 : เนื้อสัตว์ ไข่ นม และถั่วเมล็ดแห้งต่างๆ - อาหารหมู่ที่ 2 : ข้าว แป้ง น้ำตาล เผือก มัน - อาหารหมู่ที่ 3 : ผักต่างๆ - อาหารหมู่ที่ 4 : ผลไม้ต่างๆ - อาหารหมู่ที่ 5 : ไขมันจากสัตว์และพืช เลือกกินอาหารที่ประกอบด้วยธัญพืช เช่น เมล็ดถั่วต่างๆ งา ข้าวโพด ข้าวกล้อง มันฝรั่ง มันเทศ กินพืชผัก ผลไม้สดให้มากเป็นประจำตามฤดูกาล กิน ผัก-ผลไม้สดวันละ 500 กรัม เป็นประจำหรือมากกว่าครึ่งหนึ่งของปริมาณอาหารที่กิน จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งได้ 20% หรือมากกว่า ในผัก ผลไม้ มีเส้นใยอาหาร เกลือแร่ วิตามิน และสารหลายชนิด (bioactive compounds) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระและสารที่มีฤทธิ์ยับยั้งขบวนการเกิดโรคมะเร็ง ซึ่งสามารถป้องกันโรคมะเร็งและเพิ่มภูมิต้านทานโรค กินอาหารที่มีไขมันต่ำ : ในผู้ใหญ่ผู้ชายควรได้พลังงานวันละ 2,000 แคลอรี ผู้หญิง 1,600 แคลอรี และรับไขมันไม่เกิน 25 – 30% ของปริมาณพลังงานทั้งหมดต่อวัน กินอาหารที่เค็มน้อยและหวานน้อย กินเกลือไม่เกิน 1 ช้อนชา หรือ 6 กรัม ในอาหารทั้งหมดของแต่ละวัน ควรกินน้ำตาลไม่เกิน 3 ช้อนโต๊ะต่อวัน อาหารหลายชนิดมีสารก่อมะเร็ง ควรกินให้น้อยลง อาหารเนื้อสัตว์ ปิ้ง ย่าง รมควัน ควรห่อด้วยกระดาษอลูมิเนียมจะช่วยลดสารก่อมะเร็ง ไม่กินส่วนที่ไหม้เกรียม ควรใช้วิธีต้ม นึ่ง อบ หรือใช้ไมโครเวฟ อาหารหมักดองเค็มและเนื้อสัตว์เค็มตากแห้ง ที่ใส่ดินประสิว (โป แตสเซียมไนเตรท) สารไนไตรท์ สามารถเปลี่ยนเป็นสารไนโตรซามีน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งในร่างกายได้ จึงควรกินอาหารเหล่านี้ให้น้อยลง วิตามินซี สามารถป้องกันการเกิดสารไนโตรซามีนในร่างกายได้ จึงควรกินผักสดร่วมกันอาหารประเภทนี้ อาหารที่มีเชื้อราขึ้น อาจมีสารพิษ Aflatoxin ทำให้เกิดโรคมะเร็งตับ ผักชีฝรั่ง มีสาร polyacetylenes สามารถยับยั้งการสร้างสารส่งเสริมมะเร็งได้ ในท้องถิ่นที่มีการระบาดของพยาธิใบไม้ตับ ไม่กินปลาดิบๆสุกๆ (ลาบก้อย ก้อยปลา) ที่ทำมาจากปลาในตระกูลปลาตะเพียน หรือปลาน้ำจืดที่มีเกล็ด ถ้ากินเนื้อสัตว์ สีแดง เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู ในปริมาณที่มากเป็นเวลานาน จะเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง ไม่ควรกินเกิน 80 กรัมต่อวัน ดื่มน้ำวันละ 8 – 10 แก้ว
4.หลีกการเผาไหม้ : หลีกเลี่ยงการสูดควันจากการเผาไหม้ของน้ำมัน ถ่านหิน ถ่านไม้ หรือจากการทำอาหาร 5.ออกกำลังกาย 6.ไม่อ้วน ไม่ผอม 7.ทำจิตใจให้สบาย
Create Date : 30 มีนาคม 2553 |
Last Update : 30 มีนาคม 2553 17:39:42 น. |
|
0 comments
|
Counter : 257 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|