คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4001/2551
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 150 การใดมีวัตถุประสงค์
*****.....(1)เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย.....
(2)เป็นการพ้นวิสัย
หรือ.....(3).....เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อย
หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
*****การนั้นเป็นโมฆะ
.
.....(1)ข้อกำหนดซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย
ออกโดยอาศัยอำนาจตามความในข้อ 8
แห่ง ประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง กิจการที่ต้องขออนุญาต ตาม ข้อ 5
แห่งประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58
(เรื่อง สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ)
กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข
ในการประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล
ภายใต้การกำกับของผู้ประกอบธุรกิจที่มิใช่ธนาคารพาณิชย์
และบริษัทเงินทุนปฏิบัติในเรื่องดอกเบี้ย ค่าปรับ
ค่าบริการ ค่าธรรมเนียมใดๆ ไว้ในข้อ 4.4 (1)
.....(2)ข้อกำหนดดังกล่าวกำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจ
อาจเรียกเก็บดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ ค่าธรรมเนียมใดๆ
เกี่ยวกับสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ
ทั้งนี้ดอกเบี้ยที่เรียกเก็บต้องไม่เกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้
(ร้อยละ 15 ต่อปี)
โดยอัตรารวมสูงสุดของดอกเบี้ย ค่าปรับ
ค่าบริการ ค่าธรรมเนียมใดๆ ดังกล่าว
รวมกันแล้วต้องไม่เกินร้อยละ 28 ต่อปี (Effective rate)
.....(3)โจทก์จึงมีสิทธิเรียกเก็บดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ
ค่าธรรมเนียมใดๆ โดยอัตรารวมสูงสุดไม่เกินร้อยละ 28 ต่อปี
.....(4)แต่ข้อเท็จจริงตามหนังสือแจ้งผลการพิจารณาสินเชื่อบุคคล
ปรากฏว่า ในการที่โจทก์อนุมัติเงินกู้ให้แก่จำเลย
จำนวน 18,900 บาท
-เงินกู้จำนวน 18,900 บาท นั้น
*****โจทก์เรียกเก็บดอกเบี้ยจากจำเลยในอัตราร้อยละ
1.25 ต่อเดือน หรือร้อยละ 15 ต่อปี
*****และค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินอัตราร้อยละ 10 ต่อปี
ของวงเงินกู้ที่โจทก์อนุมัติ
*****กับค่าดำเนินการอนุมัติเงินกู้ซึ่งเป็นค่าบริการ
จำนวน 1,000 บาท ซึ่งสามารถคำนวณเป็นร้อยละ
ได้อัตราร้อยละ 5.29 ของวงเงินกู้ที่โจทก์อนุมัติ
*****เมื่อรวมอัตราดอกเบี้ยค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน
และค่าดำเนินการ การอนุมัติเงินกู้
ซึ่งเป็นค่าบริการเข้าด้วยกันแล้วจะเป็นอัตราร้อยละ 30.29
.....(5)เมื่อรวมดอกเบี้ยและค่าบริการอื่นๆทั้งหมดแล้ว
ก็เกินกว่าอัตราร้อยละ 28 ต่อปี
ดังที่ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดไว้
.....(6)โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกเก็บดอกเบี้ย ค่าบริการ
และค่าธรรมเนียมในอัตราดังกล่าว
.....(7)การที่โจทก์คิดดอกเบี้ยค่าบริการและค่าธรรมเนียม
ในอัตราดังกล่าว จึงเป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย
และตกเป็นโมฆะตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 150 ที่บัญญัติว่า
การใดมีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้ง
โดยกฎหมายเป็นการพ้นวิสัย
หรือเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อย
หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน การนั้นเป็นโมฆะ
*****เมื่อท่านถูกฟ้องคดีบัตรเครดิตหรือคดีทำนองเดียวกันนี้
ก็ให้ท่านอ่านคำฟ้องและคำนวณอัตราดอกเบี้ย
และค่าธรรมเนียมให้ดีหากอัตราดอกเบี้ย
และค่าธรรมเนียมรวมกันแล้วเกินอัตราร้อยละ ๒๘ ต่อปี
ท่านก็ต้องชี้ให้ศาลเห็น
เมื่อศาลเห็นแล้วศาลก็จะพิพากษาว่า
อัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมเป็นโมฆะ
เมื่ออัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมเป็นโมฆะ
ท่านก็มีหน้าที่ที่จะต้องชำระแต่เพียงเงินต้นเท่านั้น
สรุปว่า เหตุแห่งโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 150 มี 3 ประการคือ
*****.....(1)การที่ต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย
.....(2)การใดๆที่พ้นวิสัยที่จะปฏิบัติได้ หรือ
.....(3).....การใดๆที่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อย
หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
*****การอย่างใดๆในสามประการข้างต้นนั้นเป็นโมฆะ
................คดีแบบนี้ให้คิดไปถึงคดีสินเชื่ออื่นๆด้วย
คนถูกฟ้องบัตรเครดิต.....อ่านฎีกานี้.....มีหวังรอด
Cr:ทีนิวส์