.....ข่าวเรื่องเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธร
อำเภอเวียงเหนือ จังหวัดลำปาง
ไปควบคุมพระภิกษุรูปหนึ่งที่อุปสมบทหน้าศพ
และกำลังอยู่ในพิธีฌาปนกิจศพ
ขึ้นรถยนต์ไปสอบสวนที่สถานีตำรวจ
และต่อมาได้นำพระภิกษุรูปนั้นกลับมาส่งที่เดิม
โดยอ้างว่าเป็นการเข้าใจผิด
.....เหตุเกิดจากการได้รับแจ้งจาก
เจ้าหน้าที่ตำรวจในจังหวัดใกล้เคียงว่า
มีคนร้ายฆ่าคนตายหลบหนีมาอุปสมบท
ที่จังหวัดลำปาง
แต่เมื่อนำพระภิกษุรูปนี้ไปสอบปากคำ
ที่สถานีตำรวจแล้ว ปรากฎว่าไม่ใช่คนร้ายคนนั้น
.....ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา ๗๘ บัญญัติว่า
พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจจะจับผู้ใด
โดยไม่มีหมายจับหรือคำสั่งของศาลนั้นไม่ได้ เว้นแต่
.
.......(๑) เมื่อบุคคลนั้นได้กระทำความผิดซึ่งหน้า
ดังได้บัญญัติไว้ในมาตรา ๘๐
........(๒) เมื่อพบบุคคลโดยมีพฤติการณ์อันควรสงสัยว่า
ผู้นั้นน่าจะก่อเหตุร้ายให้เกิดภยันตรายแก่บุคคล
หรือทรัพย์สินของผู้อื่นโดยมีเครื่องมือ อาวุธ
หรือวัตถุอย่างอื่นอันสามารถ
อาจใช้ในการกระทำความผิด
.......(๓) เมื่อมีเหตุที่จะออกหมายจับบุคคลนั้น
ตามมาตรา ๖๖ (๒) แต่มีความจำเป็นเร่งด่วน
ที่ไม่อาจขอให้ศาลออกหมายจับบุคคลนั้นได้
.......(๔) เป็นการจับผู้ต้องหาหรือจำเลยที่หนี
หรือจะหลบหนีในระหว่างถูกปล่อยชั่วคราว
ตามมาตรา ๑๑๗
.....การกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว
เป็นการจับโดยไม่มีหมายจับ
หรือศาลมีคำสั่งให้จับ และไม่เหตุที่จะจับได้
ตามที่ระบุไว้ในมาตรา ๗๘ (๑)-(๔)
.....จึงไม่มีอำนาจที่จะควบคุมตัวพระภิกษุดังกล่าว
ไปสถานีตำรวจได้และเป็นกระทำ
ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
.....ย่อมมีความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๕๗
และความผิดต่อเสรีภาพ
ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๓๐๙ หรือ ๓๑๐ ด้วย
.....ผู้เสียหายคือพระภิกษุรูปนั้น
มีสิทธิตามกฎหมายที่จะไปแจ้งความ
ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินคดี
แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่กระทำการดังกล่าว
หรือจะฟ้องคดีต่อศาลด้วยตนเองก็ได้ ครับ
ขอบคุณที่มา fb. Chuchart Srisaeng