bloggang.com mainmenu search

แค่เอื้อม




เมื่อเดินลงมาถึงชั้นล่างก็ไม่ต้องมองหาให้เมื่อย เพราะผู้หญิงที่ชื่ออรอรี พิชานนท์ ผู้เป็นพี่สาวของเธอนั้น นั่งอยู่บนโซฟาเรียบร้อยแล้วอยู่ในชุดกางกางขายาวสีดำสนิทปลายบานนิดๆกับเสื้อแขนยาวคอปาดสีน้ำตาลอ่อน โชว์ผิวเหลืองนวลละอออย่างไทยแท้ ใบหน้าคมหวานถูกแต่งแต้มอย่างอ่อนๆ ไม่จำเป็นที่จะต้องพยายามปกปิดริ้วรอยแห่งวัยที่ปาเข้าไปสี่สิบกว่าเแล้ว เพราะผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้านี้ ดูสาวราวกับเพิ่งสามสิบต้นๆเท่านั้น


"ว่าไงคะพี่อร วันนี้มาถึงนี่เชียว" คนอ่อนวัยกว่าทักทาย

"เป็นไงบ้างอ้อน เจอยัยปอยบ้างไหมช่วงนี้ แกไม่เข้าไปหาพี่บ้างเลย" เมื่อพูดถึงเรื่องลูกสาวทีไร เสียงที่เคยสดใสก็ดูเหมือนอ่อนล้าลงกว่าเคยอยู่เสมอ ...


ลอออินทร์ได้แต่มองหน้าพี่สาวอย่างเห็นใจ "ก็เจอค่ะ ช่วงกลางคืนแกก็แวะมาช่วยงานที่ร้านอยู่เรื่อยๆ เพราะว่าช่วงนี้ร้านอ้อนต้องการคนช่วย เดี๋ยวต่อไปคงยิ่งยุ่ง เพราะเห็นนายเป้ว่าจะกลับเชียงใหม่ซักพัก ประมาณช่วงต้นเดือนหน้ามังคะ"

เมื่อเห็นแววตาสงสัยในดวงตาของอรอรี ลอออินทร์จึงขยายความต่อถึงบาร์เทนเดอร์ประจำร้าน "เป้ที่เป็นเอ่อ..เพื่อนสนิทของโก้ รุ่นน้องที่โรงเรียนของปอยไงคะ"

"อ้อ.." อรอรีพยักหน้าอย่างรับรู้นัยๆของคำว่าเพื่อนสนิท "แล้วได้คนที่จะมาทำแทนหรือยัง"

"ยังเลยค่ะ แต่เดี๋ยวพอปิดใบรับสมัครที่หน้าร้านก็คงได้ไม่ช้าก็เร็ว" นึกขึ้นได้

" อุ๊ย..ลืมเลยค่ะมัวแต่คุย ดื่มอะไรดีคะพี่อร ไปทางโน้นกันดีกว่า" ลอออินทร์ว่าแล้วก็เดินนำพี่สาวเปิดประตูไปยังอีกฟาก ในส่วนที่เป็นบาร์กาแฟ เลือกมุมที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปยังเคาร์เตอร์

"เป้จ๊ะ เอาน้ำแตงโมให้ฉันแก้วนึง พี่อรล่ะคะ" ตะโกนถามกลับไป คำตอบที่ได้ก็คือ " อะไรก็ได้แรงๆ"

เมื่อเดินกลับมา ก้นยังไม่ทันแตะพื้นเก้าอี้ด้วยซ้ำ เสียงเรียบๆกึ่งสั่งกึ่งขอร้องก็ดังขึ้นเสียก่อน "อ้อน ช่วยอะไรพี่ซักอย่างสิ"


ด้วยน้ำเสียงแบบนี้ ท่าทางที่ค่อนข้างกลัดกลุ้มหาทางออกไม่ได้ ซึ่งไม่เกิดขึ้นบ่อยนักกับผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้า ไม่ต้องบอกหญิงสาวก็พอจะเดาได้ จะเป็นเรื่องอะไรไปได้ ก็คงจะเรื่องปานวตาอีกตามเคย..ลอออินทร์คิดก่อนที่จะเหลือบตาขึ้นมองคนตรงข้าม ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม วนไปและเวียนมาไม่มีจบสิ้น ..ช่วยปอยด้วยนะ ดูแลปอยด้วยนะ ปอยยังเด็ก ..ทั้งที่ปานวตานั้นอายุเท่ากับเธอ และได้เปิดชีวิตสู่โลกกว้างมากกว่าเธอด้วยซ้ำไป


หญิงสาวเพียงแต่ยิ้มน้อยๆ น้ำเสียงถามอย่างอ่อนโยนตามแบบฉบับของลอออินทร์คนเดิม "เรื่องอะไรกันคะ พี่อร"

"พี่อยากให้อ้อนช่วยพูดกับปอยให้หน่อย เพราะว่ามีแต่อ้อนเท่านั้นที่ปอยจะยอมเชื่อฟัง" คำพูดนั้นทำให้ลอออินทร์มองพี่สาว แล้วอยากจะบอกว่าไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไป อรอรีก็ยังเหมือนเดิม ไม่เคยที่จะยอมเข้าใจอะไรมากไปกว่าการมองเห็นลูกสาวของตนเป็นเพียงเด็กตัวน้อยๆ


คนอย่างปานวตานะหรือ..เธอจะยอมเชื่อฟังในสิ่งที่อยากเชื่อฟังต่างหากเล่า


อรอรีมองกลับมาที่น้องสาวอย่างแน่วแน่ "พี่อยากให้ปอยเข้ามาดูแลงานที่บังกะโลของเราแทนพี่"

"ทำไมล่ะคะ อ้อนว่าทุกอย่างที่เป็นอยู่นี่ก็ดีอยู่แล้ว พี่ก็ทำในส่วนของพี่ ยัยปอยก็ทำงานที่แกรักไป ไม่เห็นมีความจำเป็นที่จะต้องให้แกเข้ามาวุ่นวายเลย ไปบังคับให้แกทำในสิ่งที่ไม่ต้องการ เดี๋ยวแกก็จะยิ่งต่อต้านพี่มากขึ้นไปอีก"

"ก็เพราะอย่างนี้ไง ที่พี่ถึงต้องการให้อ้อนช่วยพูดให้หน่อย เอางี้ ..เดี๋ยวภายในอาทิตย์นี้พี่จะลองคุยดูก่อน ถ้าไม่ได้ผลยังไง อ้อนช่วยพูดอีกทีแล้วกัน วันจันทร์หน้านี้เลยเป็นไง" วันจันทร์แรกของเดือนคือวันปกติ ที่ครอบครัวพิชานนท์จะมารวมตัวทานข้าวด้วยกัน


นั่นคือกฏของคุณอนงค์เมื่อยามมีชีวิตอยู่..ถึงแม้ว่าตอนนี้คุณอนงค์จะเสียไปหลายปีแล้ว แต่ก็ไม่มีใครคิดจะแหกกฏ แม้จะวุ่นวายแค่ไหน แต่ทั้งสามคนก็ยังพยายามปลีกตัวมาทานข้าวร่วมกันจนได้


ลอออินทร์พยักหน้า "ก็ได้ค่ะ" ก่อนที่จะจ้องหน้าอรอรีเพื่อหาคำตอบ "ไม่มีเหตผลที่ดีที่จะมารองรับการตัดสินใจปุบปับครั้งนี้หรือคะ เมื่อก่อนไม่เคยเห็นว่าพี่จะไปกะเกณฑ์อะไรกับยัยปอยเลย"


อรอรียกเครื่องดื่มขึ้นจิบ ผู้หญิงครอบครัวนี้ ดูจะเหมือนกันไปหมดทุกคน จะต้องรู้ในสิ่งที่อยากรู้..ทั้งอนงค์แม่ของเธอ ทั้งตัวเธอ ทั้งปานวตา..รวมไปถึงลอออินทร์น้องสาวนอกสายเลือดก็เป็นไปกับเขาด้วย ราวกับว่านี่เป็นกรรมพันธุ์ หรือว่ามันเป็นนิสัยที่พระเจ้าท่านทรงสร้างขึ้นพร้อมกับการกำเนิดของอีฟกันนะ


"ก็ได้..พี่มีเหตุผลมากมายเลยทีเดียวเชียว" แต่ไม่บอกว่าเหตุผลนั้นคืออะไร พูดไม่ได้หรือไม่อยากพูด

ลอออินทร์ต่อให้ "เกี่ยวกับคุณพัทธด้วยไหมคะ"

"ก็มีส่วน.." อรอรีตอบพร้อมกับเสียงถอนหายใจที่หนักหน่วง..เมื่อนึกถึงผู้ชายคนนั้น ทำยังไงดีนะ จะบอกกับลูกสาวที่รักปานแก้วตาดวงใจว่ายังไงดี กับลอออินทร์แล้วไม่มีปัญหา เพราะน้องสาวคนนี้ของเธอคือคนที่พร้อมจะเข้าใจคนทุกคนอยู่แล้ว..แต่ปาวตาต่างออกไป


หากถึงแม้เลือกได้..เธอก็ไม่ได้อยากกลับแก้ไขอดีตหรอก แต่เธอน่าจะทำมันได้ดีกว่านี้สักนิด


"นอกจากเรื่องคุณพัทธแล้ว ยังมีอีกเรื่องที่พี่อยากให้เธอช่วย"

"อะไรคะ" นี่เป็นคำถามที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ของวันนี้

"เรื่องของเพชระ"

".."




* * * * * * * * * *





เสียงฝีเท้าก๊อกแก๊กๆของรองเท้าส้นสูงที่ทำจากไม้ ดังมาจากทางขวาของประตูก้าวเข้ามาในครัวขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไปนั้น ทำให้เด็กจุ๋มที่กำลังนั่งหั่นผักอยู่บนโต๊ะหันมามองแล้วสะดุ้งตกใจ นานทีปีหนจะเห็นลูกสาวเจ้าของบังกะโลเข้ามาที่นี่ นอกจากบางครั้งที่เข้าพร้อมกับคุณลอออินทร์ผู้เป็นน้าสาว ยิ่งเข้ามาถึงในครัวนี่ ยิ่งน่าแปลกใจกว่า


"ต้องการอะไรหรือคะคุณปอย เดี๋ยวป้าหาให้" ป้าสายที่กำลังค้นหม้อแกงกลิ่นหอมฉุยหม้อใหญ่หน้าเป็นมัน หันมากุลีกุจอเลื่อนเก้าอี้ให้ โต๊ะตัวใหญ่ข้างห้องครัวที่เต็มไปด้วยฟักนานาชนิด เพื่อใช้ทำกับข้าวสำหรับลูกค้าที่เข้าอบซาวว์น่าและลูกค้าในส่วนของบังกะโลที่ต้องการสั่งอาหารไปทานที่บ้านพักบังกะโลเป็นการส่วนตัว


"ไม่เอาอะไรหรอกค่ะป้าแจ่ม แหม..ทำท่ายังกับปอยเป็นคนสำคัญนักหนา เห็นกันมาตั้งนานตั้งนมแล้ว" ว่าแล้วหันไปทางคนที่กำลังหั่นผักอย่างขมักเขม่น "หลานป้าก็อีกคน..นี่เธอ ฉันไม่ใช่คุณลอออินทร์คนดุของเธอหรอก ไม่ต้องร้อนรนขนาดนั้น เดี๋ยวก็หั่นโดนมือตัวเองหรอก"

คนถูกว่าได้แต่ยิ้มแหยๆ แล้วความเร็วในการหั่นก็ช้าลง "ค่ะ คุณปอย"

"ปีนี้อยู่ชั้นไหนแล้วนี่" ถามโดยไม่เจาะจง

คนเป็นป้าเลยหันมาตอบแทน "เปิดเทอมหน้าก็จะขึ้นม.สามแล้วค่ะ"

"ดีนะ เวลาผ่านไปเร็วจัง ไม่นานมานี้ ฉันยังรู้สึกว่าจุ๋มยังเป็นเด็กๆอยู่เลย แป๊บเดียวจะเป็นสาวแล้ว"


คนถูกกล่าวถึงยิ้มรับหน้าบาน เพราะอยากจะเป็นสาวเต็มแก่ เพราะอยากจะแต่งตัวสวยๆเหมือนคุณๆบ้านพิชานนท์ ก่อนที่จะยิ้มหน้าบานกว่าเดิม เมื่อปานวตาบอกว่า


"ที่ปอยแวะเข้ามานี่ พอดีมีเสื้อผ้าที่ไม่ได้ใส่เยอะเลย เพิ่งล้างตู้เสื้อผ้าใหม่อีกครั้ง มีเสื้อผ้าที่ใส่ไม่ได้เยอะ จะทิ้งก็เสียดายก็เลยจะขนมาให้หลานป้าเสียหน่อย ตัวใหญ่หน่อยแต่เดี๋ยวปีหน้าก็คงใส่ได้ ส่วนตัวไหนไม่เหมาะกับเด็กรุ่นๆ ก็ช่วยเอาไปแบ่งๆให้พนักงานตอนรับข้างหน้า หรือใครๆที่ทำงานก็ได้นะป้านะ"


"คุณปอยมีเสื้อผ้ามาให้หนูหรือคะ ดีจัง ดีใจจัง" เด็กจุ๋มยิ้มแก้มเทียบปริ ทำท่าว่าอยากจะกระโดดโลดเต้นเต็มแก่ ฐานะอย่างเธอที่มีป้าเป็นแม่ครัว และพ่อแม่หาเช้ากินค่ำ แค่ทำงานหาเงินตัวเป็นเกลียวก็จะแย่แล้ว แทบไม่มีเวลาที่จะมาใส่ใจลูกสาวที่กำลังจะอย่างเข้าสู่วัยรุ่น


นานแล้วที่ไม่เคยได้ซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ เมื่อจะได้เสื้อผ้ามาฟรีๆมากมาย แถมยังเป็นเสื้อผ้าที่มาจากสาวสวยทันสมัยอย่างปานวตา จะไม่ให้ดีใจได้อย่างไร ส่งยิ้มสดใสไปยังลูกสาวคนเดียวของอรอรี


ปานวตามองดูสาวน้อยตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม อย่างไม่ทันได้คิดและตามสัญชาติญาณ ไม่รอช้าที่จะหยิบกล้องตัวเก่งที่ถือติดมือเป็นประจำตามประสาคนรักการถ่ายภาพ ขึ้นกด"แช๊ะ"ทันที..ทันได้เก็บภาพอันสดใส ดวงตาเป็นปะกายด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่งนั่นไว้


ดวงตาที่เป็นดั่งหยดน้ำอันบริสุทธิ์..ประกายวิบวับอันงดงาม ที่เหมือนยังมองโลกด้วยสีกุหลาบ อนาคตและความฝันที่ยังไม่มีรอยสีใดๆ เข้ามาแต่งแต้มให้หมองหม่นและเปรอะเปื้อน ปานวตาอยากให้เป็นเช่นนี้ตลอดไป แต่รู้ว่าคงยากเหลือเกิน ตราบใดที่ยังต้องอยู่ในสังคมเช่นนี้ ..และหากว่ายังคงดำเนินชีวิตอยู่อย่างไม่มีจิตใจที่เข้มแข็งมากพอ


ดอกไม้ทั่วไปที่เกิดริมทาง..
คนที่เดินผ่านมักมองเห็นคุณค่าน้อยเหลือเกิน
ดังนั้น ผู้คนถึงต้องตะเกียกตะกายที่จะแปลงโฉมตัวเองให้เป็นกุหลาบกลีบงาม
แม้เป็นบุปผชาติในดินเดียวกัน แต่สายพันธุ์แตกต่าง..แค่เปลือกเท่านั้นที่คนมุ่งหมายเชิดชู




"โอ้โห..กลิ่นหอมจัง แกงอะไรนั่น" แกงสีแดงขุ่นๆส่งกลิ่นหอมยวนใจที่วางคู่กับข้าวสวยร้อนๆขาวจั๊วทำให้ปานวตาน้ำลายสอ กะว่าจะขอซักถ้วย ก่อนที่จะได้ยินเสียงป้าแจ่มตอบมา

"แกงคั่วสัปปะรดกุ้งสับค่ะ คุณปอยอยากได้ซักถ้วยไหมคะ เดี๋ยวป้าจะจัดให้ไปนั่งทานที่ริมสระ ป้าทำไว้เยอะเลย คุณอรสั่งไว้ค่ะ เพราะเป็นของโปรดของคุณเพชระ"

ชื่อนั้นทำให้ปานวตาต้องหันมาถามคนพูดอีกครั้ง "ใครนะป้า"

"ก็คุณเพชระ เอ่อ..เพื่อนคุณอรน่ะค่ะ" ตอบแล้วก็รีบยกทั้งข้าวสวยและแกงคั่วใส่ถาดส่งให้หลานสาว หลบตาไม่อยากตอบคำถามคนตรงหน้า..เพราะได้ยินกิตติศัพท์มาหนาหู และได้รู้ได้เห็นด้วยตาตัวเองบ่อยไป ว่าแม้ปานวตาจะไม่สนใจไยดีแม่ตัวเองนักในยามปกติ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่มีเรื่องหนุ่มๆมาข้องแวะคุณแม่ยังสาวของเธอแล้วล่ะก็..เป็นเรื่องทุกที


"มาอยู่ที่นี่ด้วยหรือ ไม่เห็นคุณแม่พูดถึงเลย"

"ค่ะ มาพักได้หลายวันแล้ว แต่คุณปอยไม่ได้เข้ามาเลยไม่ทราบ..อีกอย่าง..เอ่อ.."

คนเป็นป้าพูดไม่ทันจบประโยคดีด้วยซ้ำ เด็กจุ๋มหลานสาวก็ร้อง"อ้าว"ทันที เมื่อปานวตาแย่งถาดจากในมือไปถือไว้เสียเอง พร้อมถามเสร็จสรรพ

"หลังไหนจ๊ะ ที่นายคนนั้นพักอยู่ เดี๋ยวปอยจะไปส่งกับข้าวเอง"

"จะดีหรือคะ" ป้าแจ่มถามเสียงอ่อยๆ แต่เด็กจุ๋มไม่รู้เรื่องรู้ราว อยากเอาหน้าเหลือหลายกับคนโปรดคนใหม่รีบตอบเสียงใส

"หลังสุดท้ายเลยค่ะ..คุณปอย"

เมื่อได้คำตอบสมใจแล้ว ปานวตาก็เดินดุ่มๆจากไปทันที ทิ้งไว้เพียงรอยยิ้มขุ่นๆ ให้สองป้าหลานเอาไว้ดูต่างหน้า..


ขอไปดูหน้าหน่อยเถอะ นายเพชระ ธารา ว่านายจะหน้าตาเป็นอย่างไร เห็นน้าอ้อนว่าอายุไม่ถึงสามสิบด้วยมั๊ง คิดอยากจะมาวุ่นวายขายขนมจีบให้แม่ของเธอหรือ ฝันไปเถอะย่ะ ถ้าฉันยังอยู่..ปานวตาคิดอย่างเข่นเขี้ยว



* * * * * * * * * *




นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชายหนุ่มมาพักที่นี่ ตั้งแต่พัทธพี่เขยของเขาแนะนำให้เขาได้รู้จักกับอรอรีแล้ว คุยกันถูกอุปนิสัยใจคอกันดี เขาก็ลงจากรุงเทพฯมาพักที่นี่บ้างเป็นครั้งคราว เมื่อต้องการความเงียบสงบเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ สถานที่อันเงียบสงบที่ตั้งอยู่บนความวุ่นวายของเมืองท่องเที่ยว ที่หนาแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวและคนจากทั่วภูมิภาคที่เข้ามาแสวงหาโชคและเสี่ยงดวง


แต่เขาไม่ใช่หนึ่งในนั้น เขาไม่ได้มาแสวงโชคหรือเสี่ยงดวง จะว่ามาทำงานก็ไม่ใช่เสียทีเดียว เขาไม่มีงานการเป็นหลักเป็นแหล่ง แค่มีโน็ตบุ๊คตัวเดียวงานของเขาก็แล่นฉิวแล้ว


ละสายตาจากจอคอมพ์เพราะเริ่มเมื่อยล้าดวงตาขึ้นมานิดหน่อย..มองไปรอบตัว


บังกะโลหลังนี้เล็กนิดเดียว มีแค่ห้องนอน ห้องน้ำอย่างละหนึ่ง ครัวเอนกประสงค์ที่รวมกันกับห้องรับแขกก็ขนาดเหมาะเจาะพอดิบพอดี แต่สภาพใหม่เอี่ยมอ่อง เพราะผู้เช่ารายปีอย่างเขาแทบไม่เคยแตะต้องเลย ผู้เช่ารายปีคนนี้ที่มาเพียงปีละไม่กี่ครั้ง ครั้งละไม่กี่วัน ..แถมทุกครั้งที่มา ก็ชอบฝากท้องกับฝีมืออันแสนอร่อยของแม่ครัวประจำของที่นี่เสียเป็นส่วนใหญ่ หรือไม่ก็ออกไปทานอาหารกับผู้เป็นเจ้าของที่นี่ ผู้หญิงคนนั้น..อรอรี


เคยรับทราบมาจากพัทธ ว่าอรอรีมีลูกสาวอยู่หนึ่งคน แต่ดูเหมือนว่าดวงของเขาและเธอคนนั้นจะไม่สมพงษ์กันเท่าไหร่ เพราะไม่เคยเจอกันเลยซักครั้งเดียว เมื่ออรอรีไม่เคยได้เอ่ยถึงบ่อยนัก เขาก็มิได้ถามไถ่ เพราะไม่ใช่เรื่องอันใดที่จะต้องก้าวก่ายในเรื่องส่วนตัวของกันและกัน


จนเมื่อไม่นานมานี้..พัทธ ผู้ชายที่เขานับถือต้องการความช่วยเหลือบางอย่าง เขาจึงต้องเดินทางลงมาที่นี่ และดูเหมือนว่าการพักผ่อนกึ่งทำงานของเขาคราวนี้ จะต้องยาวนานกว่าครั้งใดๆที่ผ่านมาแน่นอน


ไม่เห็นเคยมีใครบอกเขามาก่อน ว่าลูกสาวคนเดียวของอรอรีจะอายุถึงเพียงนี้ ทุกครั้งที่พัทธเอ่ยถึงจะพูดเพียงว่า "นางฟ้าน้อย" เพชระจึงคิดว่าอย่างมากสุดก็คงไม่เกินสิบขวบถึงสิบห้าขวบปี ที่ไหนได้เธอกลับเป็นสาวสะพรั่ง ไม่สามารถเรียกได้อย่างเต็มปากว่า"นางฟ้าน้อย" เลยซักนิด


จากวันที่เขาได้รู้ว่าผู้หญิงที่เขาได้พบในร้านของน้องสาวของเธอเป็นใครแล้ว หลังจากนั้นระหว่างเขากับอรอรีจึงมีเรื่องราวที่ต้องคุยกันอย่างมากมาย..โดยเฉพาะเรื่องราวที่ถูกฝากส่งมาจากผู้ชายที่ชื่อ..พัทธ


เมื่อนึกถึงผู้หญิงคนนั้น..ชายหนุ่มก็อดเสียดายมิได้ เมื่อก่อนนั้นเหมือนว่าดวงจะไม่เคยสมพงษ์กันเลย และเมื่อถึงคราวที่ต้องเจอกันจังๆ ก็ดูจะเป็นสถานการณ์ที่ไม่ค่อยจะเหมาะสมเสียด้วยสิ..ช่างน่าเสียดายจริงๆ แต่ไม่เป็นไรหรอก


..แล้วคงได้เจอกันอีก..คงได้เจอกันแน่ๆ..


คิดแล้วอมยิ้มกับตัวเอง..ยื่นมือไปหยิบผ้าสีขาวผืนเล็กที่วางอยู่ข้างโน๊ตบุ๊คมาพิจารณาเล่น ท่ามกลางแสงอ่อนๆของดวงอาทิตย์รับอรุณยามเช้า ที่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างของห้องนั่งเล่น แสงตะวันที่สดใส เหลืองนวล ไม่ร้อนมากจนเกินไป คงเหมือนกับหัวใจของเขายามนี้


แค่อุ่นๆเท่านั้น ..เพชระบอกตัวเอง


ซุกผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นลงไปในกระเป๋ากางเกงยีนส์สามส่วนตัวเก่งที่สวมอยู่คู่กับเสื้อคอโปโลแขนสั้นสีฟ้าอ่อนสดใส ก่อนที่จะสาวเท้ายาวๆ ไปที่หน้าประตู เมื่อได้ยินเสียงเคาะหนักๆสองสามครั้ง..อาหารคงมาแล้ว


..ผัวะ..ประตูถูกเปิดออก


คนตัวสูงแต่เท้าเปล่ายังยืนอยู่ในบ้านกับอีกคนที่สวมรองเท้าส้นสูงปรี๊ดพร้อมถาดในมือ..ได้แต่มองหน้ากันอย่างอึ้งไป


"นี่คุณ.."


ห่างกันแค่ธรณีประตูคั่นไว้..ห่างกันแค่เอื้อมเท่านั้น
Create Date :16 กรกฎาคม 2552 Last Update :16 กรกฎาคม 2552 13:50:40 น. Counter : Pageviews. Comments :10