bloggang.com mainmenu search





พื้นที่และการประเมิน



โมบายล์แท่งเล็กๆสีม่วงปนชมพูขนาดสั้นที่แขวนเรียงรายอยู่ด้านบนหน้าร้านนั้น ส่งเสียงกรุ๊งกริ๊งเบาๆทุกครั้งที่มีสายลมอ่อนพัดพริ้วมา ลมร้อนสลับเย็นเป็นครั้งคราวของเมืองเล็กๆติดชายฝั่งทะเล เมืองขนาดเล็กแต่ขึ้นชื่อและโด่งดังไม่แพ้ที่ไหนๆในโลกนี้ โลกของนักท่องเที่ยวที่ผู้คนใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรี แก่งแย่งแข่งขัน มีความปลอดภัยและอันตรายได้เท่าๆกัน


ชั้นบนสุดของตึกอาคารสามชั้นสีเหลืองนวลอ่อนจัดจนเกือบเป็นสีขาว ตั้งตะหง่านอยู่ทางซ้ายมือของถนนสายหลักของเมืองแห่งนี้ ติดกับห้างสรรพสินค้าแห่งใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นาน ตัวอาคารนั้นไม่โดดเด่นต่างจากตึกราทั่วไปบนถนนสายนี้..โลกใบนี้ไม่เคยมีอะไรใหม่


โดยทั่วไปแล้ว..เมืองท่องเที่ยวอย่างนี้ ธุรกิจที่มองเห็นได้ชัดว่าจะทำเงินได้อย่างแน่นอน ก็คือสถานบันเทิง ร้านอาหาร ผับ บาร์ ร้านขายเสื้อผ้า กระเป๋า ของที่ระลึกสวยงาม แปลก แหวกแนวต่างๆ


เมื่อแรกที่คิดเปิดร้าน สิ่งเหล่านี้ก็คือรายการแรกๆที่คิดจะทำ หากแต่มันไม่ใช่สิ่งที่เธอรัก และร้านรวงเหล่านี้มันมีอยู่เกลื่อนเมืองอยู่แล้ว หากไม่มีทุนที่หนาพอและความคิดในสิ่งที่สร้างสรรค์ก้าวล้ำนำคนอื่นแล้วล่ะก็ มันยากเกินที่จะนำร้านเล็กๆ ดวงดาวน้อยๆของตัวเองขึ้นมาเทียบหรือยืนอยู่ในหมู่ดาวอื่นๆอย่างเจิดจรัสแสงได้


หญิงสาววางปากกาในมือลงและสลัดข้อมือเบาๆเพื่อระบายความขบเมื่อยกับบัญชีปึกหนาที่อยู่ตรงหน้านี้ แว่นตาอันเล็กถูกเลื่อนมันออกไปให้พ้นสายตา กระดาษสีขาวเหล่านั้นถูกดันไปรวมกันอยู่กับอีกปึกใหญ่กระจัดกระจายกินเนื้อที่ไปเกือบค่อนโต๊ะ เสียงถอนหายใจบางเบาผสมผสานกับเสียงจลาจรวุ่นวายด้านนอกที่ลอดผ่านเข้ามาจากที่ไหนซักแห่ง


หมูอ้วนตัวเล็กสีชมพู..ที่มีหน้าที่ทับบัญชีน่าปวดหัวอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ถูกหยิบติดมือมาอย่างไม่รู้ตัวของคนที่ลุกขึ้นอย่างเหม่อลอย แล้วเดินไปยังหน้าต่างกรุกระจกใสที่มีความกว้างเท่ากับขนาดความยาวของห้องนั้นเลยทีเดียว


สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าข้ามถนนด้านล่างไปคือตึกใหม่สูงลิบลิ่ว โรงแรมที่กำลังจะเปิดตัวในไม่ช้า ชื่อว่าอะไรกันเธอก็ไม่ได้สนใจเท่าใด.. โรงแรมคิราธาลัยป่าตอง รึเปล่านะ

....เฮ้อ..ดีเหมือนกันที่สร้างเสร็จ เธอรำคาญเหลือเกินแล้วกับเสียงก่อสร้างที่ได้ยินอยู่ทุกวันเป็นเวลานานเท่าไหร่ขี้เกียจจะนับ


ไม่มีอะไรน่าแปลกใจ โรงแรมเกิดใหม่ที่นี่ เกิดเร็วยิ่งกว่าดอกเห็ดเสียอีก
เธอยิ้ม..แม้จะฟังดูเกินจริงไปบ้าง แต่ก็ใกล้เคียงแหล่ะน่า


แม้สายตาจะเหม่อมองไปเบื้องหน้า และในใจกลับครุ่นคิดนึกถึงพื้นที่ที่เธอกำลังยืนอยู่ตรงนี้ คนทุกคนมีพื้นที่ของตัวเองทั้งนั้น พื้นที่ในทุกๆความหมาย ทั้งพื้นที่สำหรับเอนกายและพื้นที่สำหรับพักใจ

และตรงเบื้องล่างใต้ฝ่าเท้าที่เธอยืนและเหยียบย่างอยู่นี้คือพื้นที่ของเธอ มันคือทุกอย่างของเธอ เป็นคำว่าพื้นที่ในทุกๆความหมายเสียด้วยสิ

เสียงหนึ่งที่ยังคงตราตรึงในความทรงจำอยู่เสมอ ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วก็ตาม

"พื้นที่ตรงนี้แม่ยกให้หนู หนูจะทำอะไรกับมันก็ได้ ไม่ต้องแคร์คำพูดของใคร ไม่ต้องสนใจเสียงนกเสียงกาที่ไหน ถึงอย่างไรหนูก็เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวแม่เสมอ" แว่วเสียงที่มีความเมตตาของคุณอนงค์ ผู้หญิงคนนั้นคนที่สร้างชีวิตใหม่ให้เธอ


"แม่"ที่โอบอุ้มเลี้ยงดูมาตั้งแต่เธอจำความได้ ผู้หญิงแกร่งที่อดทนเลี้ยงดูลูกสาวสองคนและหลานสาวอีกหนึ่งด้วยความไม่ย่อท้อ จนกระทั่งวันหนึ่งเราทุกคนได้รับมรดกแห่งความรักและผูกพันธ์เล็กๆเหล่านี้ มาต่อยอดและจนออกดอกออกผลงอกงาม


*
*
*



คุณอนงค์นั้นสามีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถบัสเสียหลักและพลิกคว่ำตกจากสะพานสารสินตั้งแต่ตอนที่อรอรีพี่สาวของเธออายุได้เพียงสิบห้าปีเท่านั้น ความเสียใจนั้นมันยิ่งใหญ่เหลือเกินสำหรับผู้หญิงตัวคนเดียวที่ไร้ญาติขาดมิตรอย่างอนงค์


สารสิน..สะพานแห่งรัก..สะพานพรากรัก


แต่หญิงสาวผู้นั้นก็ไม่เคยย่อท้อ ยังคงกัดฟันเลี้ยงดูลูกสาวนคนเดียวในขณะนั้น เด็กสาวสดใสผู้เป็นดั่งดวงดาว เป็นความหวังและความฝันหนึ่งเดียวที่ทำให้หัวใจอันแห้งแล้งของคนเป็นแม่ยังคงหายใจอยู่ได้


แต่แล้วหัวใจของเธอก็ต้องแหลกสลาย เมื่ออรอรีที่เป็นแก้วตาดวงใจต้องออกจากโรงเรียนทั้งๆที่อายุได้เพียงสิบเจ็ดไม่เต็มสิบแปดด้วยซ้ำ เนื่องจากพบว่าในท้องอ่อนๆของเด็กสาวไร้เดียงสาได้ก่อกำเนิดเลือดเนื้อเชื้อไขในรุ่นที่สามให้แก่อนงค์เสียแล้ว..




ความรักและความหลงเพียงชั่วข้ามคืนของเด็กสาวเจ้าถิ่นกับหนุ่มน้อยนักท่องเที่ยวจากเมืองกรุง..ได้ทำลายอนาคตที่อาจจะสดใสรุ่งโรจน์ของเด็กสาวคนนั้นและทำลายหัวใจของคนเป็นแม่จนยับเยิน..แต่สุดท้ายหัวใจของคนเป็นแม่ก็ย่อมรักลูกมากกว่าสิ่งใด และให้อภัยแก่ลูกเสมอ


ปานวตา..หลานที่เกิดจากความคึกคะนองของลูกสาว จึงถูกเลี้ยงดูอุ้มชูมาด้วยความรักไม่เคยน้อยไปกว่าใคร ขณะที่อรอรีกลับไปเรียนหนังสือใหม่เมื่อให้กำเนิดบุตรสาวตัวน้อยแล้ว ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ยายกับหลานรักใคร่กลมเกลียว หากแต่แม่ที่มุ่งมั่นกับการเรียนและลูกสาวตัวเล็กๆต่างหาก..ที่ความสัมพันธ์และช่องว่างกลับห่างออกไปทุกที


รอยร้าวเล็กๆ ความห่างเหินและความไม่เข้าใจที่ทอดยาวต่อเนื่องมา ที่แม้ไม่ใช่รอยร้าวใหญ่โต แต่ก็ยากที่จะหลอมรวมให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ระหว่างอรอรีและปานวตา


ลอออินทร์ก้มลงมองมือตัวเองเพราะเพิ่งรู้สึกถึงน้ำหนักในมือ เมื่อเห็นเจ้าหมูน้อยสีชมพูในมือส่งรอยยิ้มบริสุทธิ์กลับมาให้ เธอจึงยิ้มออก..แล้วเดินเอากลับไปวางทับกระดาษบนโต๊ะตามเดิม


ทับกระดาษ..นั่นคือหน้าที่ของมัน ทุกคนย่อมมีหน้าที่ของตัวเอง
แล้วเธอล่ะ มีหน้าที่อะไรเหล่า?


หญิงสาวเดินออกไปจากห้องเพื่อไปยังชั้นล่างที่จอแจด้วยลูกค้า..ก่อนจะหยุดยิ้มทักทายพนักงานคนหนึ่งที่ชั้นสอง พูดคุยชั่วครู่


เมื่อวางหมูน้อยในมือไปแล้ว..เธอรู้สึกผ่อนคลายเหลือเกิน
และดูเหมือนว่า เมื่อเธอวางสิ่งของหนักๆในมือออกไป..ความหนักหน่วงที่ยังคั่งค้างอยู่ในใจ ก็เบาบางลงตามไปด้วย


*
*
*



ชั้นล่างสุดของตัวอาคารสามชั้นที่มีความกว้างขวาง ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนใหญ่ๆ ฝั่งซ้ายมือที่มีขนาดกว้างขวางคือบาร์กึ่งร้านกาแฟ ที่ไว้คอยต้อนรับลูกค้าที่ค่อนข้างแน่นขนัดในยามค่ำคืนสำหรับดื่มกิน และมีลูกค้าพอสมควรในยามเช้าตรู่สำหรับนักท่องเที่ยวบางส่วนที่ต้องการดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มที่แตกต่างออกไปจากส่วนที่มีต้อนรับทั่วไปในโรงแรมที่ตนเองพัก แต่ในยามเที่ยงๆเช่นนี้ลูกค้าบางตา เพราะว่าแดดดีๆเช่นนี้..เรียกร้องให้นักท่องเที่ยวไปนอนแอบแดดที่ชายทะเลเสียมากกว่า


ส่วนทางด้านขวา..ที่ถูกกั้นไว้โดยกระจกใสและมีมู่ลี่สีชมพูอมม่วงยาวตั้งแต่เพดานเกือบจรดพื้นตามความชอบของผู้เป็นเจ้าของนั้น ห้อยเรียงรายเว้นระยะห่างถี่ไว้อย่างสวยงามเหมาะเจาะ ในฝ่ายห้องนี้มีเก้าอี้โซฟาตัวยาวสองตัวสีขาวปนน้ำตาลลวดลายดอกไม้อ่อนหวานแบบผู้หยิ๊งผู้หญิงวางต่อกันอยู่ติดผนังด้านตรงข้าม ที่สามารถมองเข้ายังอีกฝั่งได้


ยาวลึกเข้าไปด้านในไม่ไกลกันนักกับบันไดที่ทอดตัวขึ้นสู่ชั้นบน เป็นโต๊ะเล็กๆสำหรับพนักงานที่ต้องคอยตอนรับลูกค้าในส่วนที่จะขึ้นไปที่ชั้นสองเพื่อดูหนังสือ อ่านเล่นและสามารถเช่าหรือซื้อหนังสือกลับไปได้ และยังรวมไปถึงสินค้าจุกจิกเก๋ไก๋ที่วางโชว์ประดับประดับ แต่ลูกค้าก็สามารถซื้อกลับไปได้หากติดใจ และยังต้องคอยเช็คและยื่นกุญแจห้องพักของชั้นสาม ให้กับลูกค้าบางส่วนที่ถูกส่งมาจากบ้านพักของอรอรี..ในกรณีที่คนเต็ม



ส่วนสุดท้าย..คือส่วนเล็กๆด้านหลังของบาร์..เป็นห้องเงียบสงบที่เป็นห้องวีไอพี ส่วนตัวสำหรับลูกค้าที่ต้องการเล่นสนุกเกอร์และดื่มกินอย่างเป็นส่วนตัว จ่ายแพงหน่อยแต่เป็นส่วนตัวสุดๆ


*
*
*



ใช่เขารึเปล่านะ..

หญิงสาวคิดในใจ เมื่อกวาดสายตาลอดแว่นไปยังชายหนุ่มอย่างผ่านๆ ขณะที่เปิดประตูกระจกจากห้องด้านขวาเข้าไปในส่วนของห้องด้านซ้าย หยิบเอาเอกสารบางส่วนและรายการต่างๆสำหรับเบิกจ่ายสินค้าที่เป้ทำไว้ให้ที่เคาเตอร์คิดเงิน

"น้ำแตงโมปั่นให้ฉันแก้วนึงสิ" ก่อนจะเดินกลับไปอีกด้านของกระจกเมื่อครู่ที่จากมา ไม่วายหันกลับไปทำตาดุ อย่างฉิวๆ กึ่งยิ้มกึ่งบึ้ง..เมื่อเสียงบาร์เทนเดอร์อย่างนายเป้แว่วตามมาอย่างล้อเลียน

"วันนี้คุณอ้อนสวยจังคร๊าบ..บ..บ.."

หญิงสาวส่ายหน้าให้กับนายเป้ยิ้มๆ "นี่..ไม่ต้องมาชมหรอกจ้ะพ่อหนุ่มน้อย ยังไงเงินเดือนก็ไม่ขึ้นแน่นอน" ก่อนหันไปยิ้มบางเบาอย่างมีมิตรไมตรี กับลูกค้าหนุ่มที่นั่งอยู่ที่มุมหนึ่งอย่างสบายๆที่เคาเตอร์บาร์


ช่วงนี้ลูกค้าไม่เยอะเท่าไหร่ และเธอก็ว่าง จึงมานั่งอยู่ที่ห้องนี้มุมนี้เหมือนเช่นเคยเป็นประจำ เพื่อทำหน้าที่แทนกิ่งดาว หญิงสาวอีกคนที่ทำงานในหน้าที่คอยดูแลรายชื่อลูกค้าในส่วนนี้ ให้ได้พักผ่อนอริยาบทเล็กๆน้อยๆบ้าง


ทุกคนที่ทำงานที่นี่..ทำงานกันอย่างสบายใจ เพราะรู้ดีกว่า เราทำงานกันเหมือนเป็นเพื่อน เหมือนครอบครัวเดียวกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน บางครั้งลอออินทร์ว่างเมื่อไหร่ ก็มานั่งทำหน้าที่แทนกิ่งดาว ส่วนกิ่งดาวก็อาจวนไปวนมาเพื่อช่วยเป้ชงเครื่องดื่มบ้างในบางครั้ง


บางคราวลอออินทร์นึกสนุก หรือว่ามีลูกค้าแน่น เธอเองก็จะไปช่วยเป้เช่นกัน และช่วงเกือบเป็นเดือนมานี้ก็ดีทีเดียว ที่ได้ปานวตามาช่วยอีกแรง รายนั้นช่วงนี้ว่างงาน งานสปาของอรอรีก็ไม่อยากไปยุ่งกับแม่เขา จึงมาป้วนเปี้ยนวุ่นวายอยู่กับเธอนี่แหล่ะ


ดื่มน้ำแตงโมปั่นเย็นๆอย่างนี้ ชื่นใจดีแท้..

ลอออินทร์เลื่อนนิตรสารเล่มบางลงต่ำกว่าสายตาเล็กน้อย..อืม..ดูดีทีเดียว เมื่อนึกถึงคำบอกเล่าของเด็กจุ๋ม

"คุณอ้อนขา..คนที่หนูเห็นมาพักนะคะ ที่ดูท่าว่าจะเป็นแฟนคนใหม่ของคนอรน่ะ หล่อมากค่ะ ยิ้มที พนักงานไม่เป็นอันทำงานเลยค่ะ เท่ห์มากๆ"

และเสียงสำทับของผู้เป็นป้า " จริงค่ะ..เป็นแฟนกันหรือเปล่าป้าก็ไม่รู้กับเค้าหรอก เห็นพวกข้างล่างมันพูดกัน แต่เรื่องหน้าตาดีน่ะ ถ้าป้ามีลูกสาวอีกซักคน จะประเคนให้เลยลูกเขยแบบนี้"

"ป้า.." เสียงเรียกอย่างขัดคอของจุ๋ม "แล้วเป็นหลานอย่างฉันไม่ได้เหรอป้า ประเคนฉันให้เขาไปเลยดีไหม"

"อีเด็กแก่แดด..เดี๋ยวแม่สับหัวด้วยทัพพีเสียเลยนั่งนี่ ..ยังไม่ทันทำบัตรประชาชน แ-ดเชียว..". ..คำนั้นที่ถูกเซ็นต์เซอร์ ทำให้ลอออินทร์ยิ้มขำในใจ



ก็ไม่เลว..หญิงสาวให้คะแนนในใจ ผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงนั้นอายุไม่น่าจะเกินสามสิบ สวมกางเกงสามส่วนสำหรับเล่นน้ำทะเลกับเสื้อยืดสีฟ้าอ่อนแบบธรรมดาๆ รองเท้าผ้าใบยี่ห้อดังกลางเก่ากลางใหม่

แม้จะอยู่ในท่านั่ง แต่ดูก็รู้ว่าเขาสูงมากทีเดียว..หุ่นดีเสียด้วยสิ...อืม ลักษณะเป็นคนชอบเล่นกีฬา..ใช้ได้


สายตาที่อยู่ในแว่นกันแดดสีดำ เขาไม่ถอดมันออกแม้จะอยู่ในร้านเช่นนี้ ทำให้เธอมองเห็นดวงตาไม่ชัดเจน....อืม..ขี้เต๊ะไม่หยอก

ท่านั่งแบบสบายๆ แต่ก็ดูเป็นคนกระฉับกระเฉง ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา ..โอเค..มีเสน่ห์ทีเดียว

สิ่งที่บนใบหน้าที่ทำให้เขาดูอ่อนกว่าความเป็นจริง..ที่น่าจะไม่เกินสามสิบ..คือลักยิ้มที่แก้มซ้ายที่ น่ารัก

ซึ่งเธอมองเห็นเมื่อกี้นี้ในยามที่เขายื่นมือไปรับเครื่องดื่มแก้วที่สองจากกิ่งดาว...ยิ้มพราวเชียวนะ..เจ้าชู้..


ลอออินทร์คิด..และพยายามหาจุดด้อยเพื่อแอบตัดคะแนนแทนอรอรีในใจ
แม้จะรู้ว่าไม่ใช่เรื่องของตน แต่ก็อดไม่ได้ที่ต้องสนใจความเป็นไปของพี่สาวคนเดียวที่เหลืออยู่ ไม่ว่าจะเรื่องอะไร หรือคนที่จะเข้ามาใกล้ชิดกับเธอก็ตาม


*
*
*



นี่นะหรือ..ลอออินทร์..เพชระคิดในใจ
ขณะที่มองผ่านกรอบแว่นกันแดดสีดำสนิทออกไป ผ่านกระจกใสอีกชั้น แต่ก็มองเห็นได้ค่อนข้างชัดเจน เพราะมุมที่เขานั่งอยู่นี้ มองผ่านช่องว่างของมู่ลี่ได้ตรงจุดกับโซฟาที่หญิงสาวนั่งพอดิบพอดี จากที่ฟังอรอรีเล่าถึงน้องสาวและลูกสาวให้ฟัง เขาเดาเอาว่า เธอคนนี้คงจะเป็นลอออินทร์แน่นอน

ลอออินทร์น่ะ..เค้าน่ารัก อ่อนหวาน แต่แอบดื้อดึง เงียบ ไม่ยอมคน..แต่ปานวตาลูกสาวของฉัน แกเปรี้ยวปรู๊ดปร๊าด ท่าทางแกเป็นผู้ใหญ่ แต่จริงๆแล้ว แกเป็นเด็กในร่างผู้ใหญ่เสียมากกว่า ขี้งอนที่หนึ่งเลย

ข้อมูลแค่นี้...ไม่อาจบอกอะไรได้มากนัก แต่ตั้งแต่เห็นผู้หญิงที่ใส่ชุดเดรสสีขาวยาวกรอมเท้าลายดอกไม้สีม่วงคนนั้นเดินเข้ามาในนี้ สัญชาติญาณบอกเขาว่า เธอไม่ใช่ลูกสาวอรอรีแน่นอน

..อ้อ เธอใส่เสื้อคลุมเนื้อบางสีม่วงทับด้านนอกด้วย..เป็นคนชอบปิดตัวเอง เขาประเมิน

เสียงสั่งเครื่องดื่ม ที่ดังออกมาจากริมฝีปากเล็กอิ่มสีชมพูอ่อนนั้น..เสียงหวานรื่นหูจัง

และเธอยิ้มให้เขาก่อนหน้านี้..มีมิตรไมตรีและยิ้มสวย เขาคิดอย่างให้คะแนน


แต่จากการที่มองผ่านเขาอย่างธรรมดาๆเพียงแว๊บเดียวแล้วจากไป และแอบมองเขาผ่านนิตยสารเล่มนั้นเข้ามาเป็นครั้งคราว บอกเขาได้ว่าเธอเป็นคนช่างสังเกตุและช่างประเมินไม่น้อย แถมยังทำได้เนียนเสียด้วย แต่เสียใจด้วยนิดหน่อยที่เขาเองก็ช่างสังเกตไม่แพ้กัน


ดวงตาสีน้ำตาลกลมหวานนั้น มีวี่แววของความดื้อดึงอย่างที่อรอรีกล่าวไว้จริงๆ แต่สิ่งหนึ่งที่ดูเหมือนว่าสาวใหญ่คนนั้นจะลืมบอกเขาก็คือ..น้องสาวของเธอคนนี้..สวยไม่น้อย



เฮ้..เขาร้องในใจ และขยับหลังตรงขึ้นจากการนั่งอย่างสบายๆ เมื่อเห็นใครอีกคนเดินเข้ามาจากด้านนอกและเข้ามานั่งที่โซฟากับลอออินทร์

ขยับแว่นกันแดดอีกที เพื่อความแน่ใจ..ใช่แน่นอน..เป็นเธอคนนั้นแน่นอน เขาคิด..พร้อมๆกับที่นึกถึงรอยเปียกชื้นที่กางเกงในค่ำคืนนั้น



Create Date :04 พฤษภาคม 2552 Last Update :8 พฤษภาคม 2552 5:21:36 น. Counter : Pageviews. Comments :6