bloggang.com mainmenu search




เรามีกันและกัน




รูปปั้นของสัตว์สี่เท้าที่เป็นตัวแทนของ ความโง่เขลา ที่ยืนจังก้าอยู่ตรงด้านข้างของทางเข้าสปากึ่งซาวน์น่า ทำให้ลอออินทร์ต้องหยุดมองทุกครั้งที่มาที่นี่ ดวงตาดำสนิทของมันที่จ้องมองมาทำให้เธออมยิ้มเล็กน้อย เพราะสายตาคู่นั้นของมันกำลังส่งสัญญาณเหมือนจะถามเธอว่า ใครกันนะเป็นคนที่เปรียบคนโง่เขลาว่าเป็น ควาย หรือใครกันนะที่เป็นคนบัญญัติคำว่า โง่เหมือนควาย เป็นคนแรก


นั่นสิ เธอก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่สิ่งที่อยากรู้มากกว่าก็คือทำไมเจ้าของสปาแห่งนี้ จึงต้องนำเจ้าตัวนี้มาตั้งตอนรับลูกค้าของสปามากกว่า..เอาเป็นว่าถ้าเธอได้เจอเจ้าของเมื่อไหร่จะลองสะกิดถามดูเสียหน่อย ก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน เธออดไม่ได้ที่จะหันกับไปมองตาดำสนิทละห้อยของมันอีกครั้งแล้วบอกมันในใจเบาๆ ..ทำงานต้อนรับให้สนุกนะจ๊ะ..เจ้าตัวน้อย


อรอรีสปาแอนด์ซาวน์น่า.คือสถานที่พักผ่อนหย่อนใจขนาดเล็กที่ตั้งอยู่บนเนินเขาเตี๊ยๆ ถนนสายหนึ่งที่แยกจากถนนหาดป่าตองไปทางด้านขวาเพื่อมุ่งสู่กมลาบรีช ขับไปตามถนนไม่ถึงห้านาทีก็ถึงทางแยกเล็กๆที่มุ่งสู่อรอรีสปาแอนด์ซาวน์น่า ด้านซ้ายของถนนคือหาดทรายที่มีหินระเกะระกะ ซึ่งไม่เหมาะนักกับการลงไปนอนอาบแดด แต่ไม่แย่เกินไปนักสำหรับการเดินเล่นเลียบเลาะริมทะเล


หาดนั้นทอดไปตามถนนสายหลักยาวสุดลูกหูลูกตา คดเคี้ยวไปกับเหลี่ยมสันเขาที่เขียวขจี ต้นมะพร้าวสูงใหญ่เรียงรายเป็นร่มเงา งดงามแต่น่าหวาดหวั่นไม่น้อยกับแสงและเงามืดในยามที่อาทิตย์ลับขอบฟ้า แต่ในวันที่อากาศสดใสอย่างวันนี้ วิวทิวทัศน์เบื้องหน้าที่สามารถมองเห็นได้จากที่นี่ช่างสวยงามราวกับภาพฝัน


เมื่อเดินเข้ามาถึงด้านหน้าสุด มีสาวน้อยสองคนที่คุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี นั่งเป็นพนักงานคอยต้อนรับอยู่เช่นเดิม กับรอยยิ้มที่ประดับติดใบหน้าทุกเมื่อเชื่อวัน ไม่ว่าจะวันที่ฝนตกแดดออก ท้องฟ้าเปลี่ยนสีหรือหมอกมืดมัวซัว สีหน้าของพนักงานต้อนรับยังคงสดใสอยู่เสมอ สมกับที่เฝ้าอบรมก่อนทำงานว่า..


รอยยิ้มและการบริการที่ยอดเยี่ยมของเราให้ความพึงพอใจต่อลูกค้า รอยยิ้มของลูกค้าและค่าบริการที่ได้กลับคืนมาก็คือความพึงพอใจของเรา


ลอออินทร์พยักหน้าให้เล็กน้อยก่อนจะถามหาเจ้าของ "พี่อรอยู่ไหมวันนี้" เมื่อได้รับคำตอบว่าไม่ หญิงสาวจึงเดินขึ้นบันได้ไปด้านบนก่อนที่จะหันมาสั่งหนึ่งในสองคนนั้นว่า


"ใครก็ได้ ช่วยไปสั่งยำวุ้นเส้นหมูสับเผ็ดๆแล้วก็น้ำแตงโมปั่นเย็นๆขึ้นไปให้ฉันด้วยนะ แล้วก็อะไรก็ได้อีกซักสองสามอย่าง" ก่อนที่จะเดินขึ้นไปด้านบน


บันไดนั้นเป็นบันไดเล็กๆ มีราวจับสีขาวสวยงาม ทอดตัวขึ้นไปบนเนินเขาที่สูงกว่าอาคารต้อนรับเล็กๆด้านล่าง สิ่งสวยงามที่อยู่เบื้องหน้านั้นสร้างความพึงพอใจให้กับเธอเสมอ ด้านบนเป็นสระว่ายน้ำขนาดกลางรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีเหลี่ยมมุมค่อนข้างกลมกลึงสองสระ และสระว่ายน้ำรูปวงกลมขนาดเล็กอีกหนึ่งสำหรับเด็กที่ยังเล็กอยู่มาก


ถัดไปด้านหลังเป็นห้องอบซาวน์น่าขนาดใหญ่ห้าห้องที่สามารถบรรจุคนได้ประมาณหกถึงแปดคน เรียงลดหลั่นกันไปคล้ายบังกะโลเล็กๆ และเมื่อมองลึกไปด้านหลังห่างไปอีกราวสองร้อยเมตร เป็นทางเล็กๆที่เดินด้วยเท้า ปูด้วยหินเรียบสีขาวอมเทา


ด้านหลังนั้นเป็นบ้านพักสวยงามสิบหลัง เป็นบ้านพักขนาดเล็กหนึ่งห้องนอน หนึ่งห้องน้ำและหนึ่งห้องครัว มีระเบียงเล็กๆสวยงามด้านหน้า ประดับประดาด้วยกระถางดอกไม้นานาพันธ์ หญ้าสีเขียวขจีที่เรียบกริบถูกตกแต่งอย่างดี สวนหย่อมและต้นลั่นทมใหญ่ หลากหลายต้น บรรยากาศสดชื่นรื่นรมย์ทีเดียว


ก่อนที่จะหันมามองเหล่าลูกค้าสาวน้อยสาวใหญ่หลากหลายคน ราวทั้งหนุ่มต่างชาติวัยไม่น้อยอีกสองสามคน ที่เล่นน้ำกับอยู่ในสระบ้าง นอนแอบแดดอยู่บนเก้าอี้นอนริมสระบ้าง


อืม.. ธุรกิจครอบครัวไปได้สวย เธอคิดแล้วยิ้มออกมา


ความจริงแล้วธุรกิจของครอบครัวเธอมีหลายอย่างเชียว แต่ส่วนมากเป็นเพียงธุรกิจขนาดเล็กไม่ใหญ่โตอะไร ส่วนนี้คือส่วนที่อยู่ในการดูแลของอรอรี ธุรกิจและความงาม ช่างลงตัวดีเหลือเกินกับสาวใหญ่วัย42 ปี ด้วยวัยที่ขึ้นเลขสี่ไปแล้ว อาจจะทำให้ใครหลายคนนึกภาพไปถึงหญิงสาววัยกลางคนที่พยายามจะทำให้ตัวเองดูเด็กด้วยเสื้อผ้าและการแต่งกาย


แต่ถ้าใครได้เห็นอรอรีจะต้องแปลกใจ ที่หล่อนนั้นกลับเป็นหญิงสาวหุ่นสมส่วนที่ยังดูอ่อนกว่าวัยจริงๆมากมายด้วยความงามของเธอเอง มิใช่เครื่องปรุงแต่งด้วยเสื้อผ้าหรืออื่นใด มองเผินๆราวกับเพิ่งสามสิบต้นๆเท่านั้น หากไม่บอกไปใครบ้างจะเชื่อเล่า ว่าหญิงสาวผู้นั้น มีบุตรสาวอายุเกือบวัยเบญจเพสแล้วด้วยซ้ำไป


หลานสาวที่อายุเท่ากันกับน้าสาวต่างกันเพียงเดือนเกิด กับคุณแม่ที่อยู่ในวัยที่ยังสวยปิ๊ง
ออกจะดูแปลกประหลาดไปซักหน่อยสำหรับคนอื่น



"เอาไปไว้ที่ตรงโน้นเลยจ้ะ" หญิงสาวชี้มือไปยังศาลาหกเหลี่ยมขนาดเล็กหลังหนึ่งในสามหลัง ที่ไว้รองรับลูกค้าที่อาจอยากมานอนเล่นพักผ่อน มากกว่าการต้องเสียเหงื่อในซาวน์น่าด้านตรงข้ามห่างเยื้องออกไปพอสมควร


ไม่เชิงว่าเป็นศาลาหรอกตรงนั้น มันมีลักษณะคล้ายศาลาก็จริง แต่พื้นถูกยกสูงขึ้นมาหน่อย ทำจากไม้เนื้อดี ถูกปูทับอีกทีด้วยเสื่อผืนบางสไตล์ไทยๆ หมอนเล็กๆวางอยู่2-3 ใบ ด้านบนหลังคาปกคลุมด้วยไม่เลื้อยหลายชนิด จนเธอเองไม่สามารถแยกแยะได้ว่าเป็นพันธ์ไม้ชนิดใดกันแน่ แต่ที่รู้ๆ คือมันมีสีสันสลับ ประดับประดาสวยงาม ยิ่งกลิ่นของมันนั้นไม่ต้องพูดถึง หอมฟุ้งตลบอบอวล ขนาดที่ว่าถ้าใครแพ้กลิ่นความหอมของดอกไม้ เธอก็ต้องแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ที่สถานที่แห่งนี้ไม่อาจตอบสนองความต้องการได้


แต่สำหรับบุคคลที่โปรดปรานกลิ่นหอมจรุงใจของพันธ์ไม้แล้วละก็ ที่นี่แหล่ะก็คือ สรวงสวรรค์ ดีๆนี่เอง


ดูเหมือนว่า ที่ตรงนั้นจะถูกคนจับจองไว้แล้วเรียบร้อย บนโต๊ะตัวเตี้ยที่ตั้งไว้ริมศาลานั้น มีจานเล็กๆของผลไม้สดที่พร่องไปแล้วเกือบครึ่ง แตงโมของโปรดของเธอ แอปเปิ้ลสดของโปรดของคนที่นอนเอกเขนกอยู่ในชุดกางเกงขาสั้นจู๋สีเขียวสดใสกับเสื้อกล้ามสีขาวบางจ๋อย ที่มองเห็นชั้นในคล้ายชุดว่ายน้ำอยู่ด้านในสีเขียวสีเดียวกับกางเกง


สีฉูดฉาดอาจทำให้คนบางคนที่มีผิวคล้ำดูหมองและไร้รสนิยม แต่เมื่อมันอยู่ในร่างเพรียวของคนตรงหน้า กลับขับให้คนผิวเนื้อนวลเนียนดูน่ารักน่าชังและเก๋ไก๋


ลอออินทร์วางผ้าขนหนูผืนใหญ่ที่ถือติดมือมาด้วย วางลงที่พื้นข้างโต๊ะ พร้อมๆกับที่จานยำวุ้นเส้นและอาหารต่างๆถูกลำเลียงมาจนเกือบเต็มโต๊ะตัวนั้น นั่งลงข้างร่างเพรียวนั้น เมื่อถอดรองเท้าสานคู่เก่าออกจากเท้าเรียวแล้ว หันไปดึงนิตรสารเล่มบางที่มีไว้ให้ลูกค้าอ่านเล่น ที่ปกคลุมใบหน้านั้นออกเบาๆ

"ว่าไงตัวแสบ"

คนที่ถูกเรียกว่าตัวแสบเงยหน้าและลุกขึ้นมาอย่างอ่อนระโหยโรยแรง "หมดแรงเลยน้า อ้อ..แม่ไม่อยู่หรอกนะวันนี้"

"รู้แล้วล่ะ แล้วว่าไงล่ะเมื่อคืนนี้ ฉันอุตส่าห์บอกว่าจะไปรับ แต่หายจ้อยไปเลยทั้งคืน ฉันไปวนอยู่ตั้งอยู่ตั้งนาน"

คนถูกซักทำหน้าเซ็ง "ก็นิดหน่อยน่า" แล้วหันมายิ้มให้คนตรงหน้า "แต่โอเคเลย อย่าทำหน้าเครียดดิ เดี๋ยวแก่ก่อนวัย ถ้าต่อไปถูกทักว่าแก่กว่าคุณอร ปอยไม่รู้ด้วยน้า"

คำแซว..ไม่ทำให้คนตรงหน้ายิ้มขึ้นซักนิด "อีกแล้วนะ ทำไมต้องเรียกแม่ตัวเองว่าอย่างนั้น เดี๋ยวเขามาได้ยินเข้าจะน้อยใจนะ" ลอออินทร์ทักท้วง เพราะเคยเห็นอรอรีเปรยหลายครั้ง

"โถ..คิดมากไปได้ ก็เรียกเล่นๆไปอย่างนั้นแหล่ะ ก็แม่ปอยน่ะเป็นสาวสวยปิ๊งเลย เรียกแม่ทีไรมันเขินๆทุกที ชอบเรียกคุณมากกว่า" ปานวตาให้เหตุผล


แต่ความจริงแล้วรู้ดีทีเดียว ว่าทุกครั้งที่ต้องเรียกอรอรีว่าแม่ เธอรู้สึกอึกอัดใจอย่างบอกไม่ถูก ชีวิตวัยเด็กที่คลุกคลีมากับอนงค์ คุณยายหรือคุณแม่ใหญ่กับลอออินทร์ที่เติบโตมาในฐานะน้าสาวและเป็นทั้งเพื่อนเล่นนั้น เมื่อนานๆครั้งจะได้อยู่ใกล้ๆกับคนที่เป็นแม่ตัวจริง จึงทำให้เธออึดอัดใจ เมื่อก่อนทุกคนเคยชินกับความสัมพันธ์ระยะห่างนั้นอย่างมีความสุข แต่เมื่อคุณแม่ใหญ่หรือคุณยายของเธอเสียชีวิตไป ทุกอย่างก็เปลี่ยน อรอรีในวัยที่สูงขึ้น ก้าวเข้ามาในระยะที่ใกล้กว่าเดิม และมันทำให้เธอไม่คุ้นเคยในความสัมพันธ์แบบใหม่ๆ


เมื่อเห็นอีกคนเงียบ ลอออินทร์จึงเปลี่ยนเรื่อง "บอกมาซิ ว่าเกิดอะไรขึ้น"

"เรื่องเมื่อคืนหรือ ไม่มีอะไรนี่ ก็แค่ออกไปเปรี้ยว เฟิร์ตกับหนุ่มให้เพลินใจ แล้วก็กลับบ้าน แค่นั้น"

อีกฝ่ายเลิกคิ้วสูง "อย่ามาไก๋ ฉันไม่ได้อยากรู้เรื่องนั้น ฉันอยากรู้ถึงสาเหตุมากกว่า เห็นบางคนเขาพูดกัน"

"ขอร้องนะ" ปานวตาผินหน้าออกไปมองอีกด้านบอกและเงียบไป "ขอเวลาซักพัก แล้วจะเล่าให้ฟัง"

น้ำเสียงนั้น ทำให้ลอออินทร์ ดึงมือของอีกคนมาบีบไว้เบาๆ ตามองตา "โอเคใช่ไหม"

เมื่ออีกฝ่ายพยักหน้า เธอยังพยักหน้าตาม "ก็ดี พร้อมเมื่อไหร่ค่อยเล่าให้ฉันฟังก็ได้ เรามีกันและกันเสมอนะ" ว่าแล้วก็ถอนหายใจเฮือกทั้งสองคน

"มากินยำวุ้นเส้นกันดีกว่า เย็นชืดหมดแล้ว เดี๋ยวจะไปเข้าซาวน์น่าเสียหน่อย"เอ่ยชวน

"จะอบซาวน์น่าแล้วจะกินก่อนเนี่ยนะ ถึงว่าทำไมถึงอ้วนจัง" คนผอมบางกว่าแซว ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจเมื่อมองไปยังอีกคนที่นั่งเยื้องออกไปเล็กน้อยนั้น กำลังทานอาหารบนโต๊ะช้าๆ อย่างเอร็ดอร่อย "ตัวกินกับ" เธอว่า


ลอออินทร์นี่เป็นนักกินอันดับหนึ่งเชียว กินได้ทุกอย่าง ชอบทุกอย่าง แทบจะไม่มีข้อยกเว้น กินได้ทุกเวลา กินจุบกินจิบเป็นนิสัย แต่ถึงอย่างไร หญิงสาวนั้นก็ยังห่างไกลกับคำว่าอ้วนนัก ผิวขาวผ่องผุดผาดอยู่เสมอ แม้จะอยู่ในที่ที่มีลมทะเลอย่างนี้มาเกือบตลอดชีวิต ขาวเหมือนแม่ของเธอ ยายของเธอก็ขาว ที่ต่างออกไปเล็กน้อยคือแม่และยายขาวออกเหลืองนวลละออแบบสาวไทยแท้

แต่ลอออินทร์จะขาวออกชมพูอ่อนๆ ยิ่งเมื่อต้องแสงแดดยิ่งสวย


ส่วนปานวตาอาจจะผ่าเหล่าซักหน่อยที่ดันผิวคล้ำเสียนี่ แม้ใครจะบอกว่ามันเป็นสีน้ำผึ้งสวย แต่สำหรับเธอแล้วฟังดูเป็นคำปลอบใจคนผิวคล้ำเสียมากกว่า ..หลายคนที่รู้จักกันมักชอบล้อเลียนว่าครอบครัวนี้มาจากคนละสายพันธ์ ส่วนเธอนั้นได้แต่หัวเราะกลับไปด้วยความขำ


นอกจากผิวที่ขาวสะดุดตาแล้ว..ส่วนอื่นๆที่งดงาม ดูเหมือนว่าเจ้าของนั้นไม่ได้ให้ความสนใจกับมันเลย หรือไม่ก็คงจะพยายามที่จะปกปิดมันไว้ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างที่โค้งเว้าเหมือนนาฬิกาทรายที่ถูกบดบังด้วยกระโปรงยาวยิปซีกรอมข้อเท้าตัวบางแต่ก็บานเหลือเกิน กระโปรงที่ปานวตามักเรียกมันว่า กระโปรงกวาดถนน


เสื้อสายเดี่ยวที่อยู่ด้านในเสื้อเชิ๊ตผูกเอวนั่นก็อีก ยังไม่รวมถึงแว่นตาสีขาวกรอบบางเฉียบที่ติดอยู่ที่สันจมูกโด่งเรียวงาม ที่มีรอยกระสีทองอยู่ประปรายที่ปลายจมูกและที่แก้มเล็กน้อย ราวกับนางฟ้าผู้เอื้ออารีย์โปรยประทานมาให้แก่เจ้าหล่อนด้วยความไม่เต็มใจ แต่กับดูน่ารักดีเมื่อรวมอยู่กับดวงตาที่ออกสีน้ำตาลโทนอ่อน และผมสีน้ำตาลอ่อนเหมือนกับดวงตาที่ถูกเกล้าขึ้นไว้อยู่ยุ่งๆด้วยดินสอด้ามยาวคล้ายแฟชั่นสาวเซอร์ แต่กับคนที่อยู่ด้วยกันมานาน รู้ดีทีเดียวว่าไอ้ดินสอด้ามนั้นนะ มันถูกใช้งานจริงๆมานับครั้งไม่ถ้วน แล้วที่มันมาอยู่บนหัวขณะนี้ เดาว่าคนงานยุ่งคงจะหยิบมาเสียบไว้อย่างลวกๆ เพราะขี้เกียจมองหาหนังยางซักเส้นเป็นแน่แท้ น้าสาวที่ไม่เหมือนใครของเธอ.. ลอออินทร์..

"อืม" ปานวตาพนักหน้า "เรามีกันและกันเสมอ"

ลอออินทร์เงยหน้าจากอาหารขึ้นมามองอีกครั้งผ่านแว่นคู่นั้น.. ไม่พูดอะไร ..ก่อนที่จะขยับเอาจานเปล่าใบเล็กอีกใบมาแบ่งข้าวสวยที่ไม่ร้อนอีกแล้วในตอนนี้ให้หลานสาวตัวโต



* * * * * * * * * *



เท้าเล็กๆที่กำลังจะเลี้ยวเข้าประตูห้องครัวของส่วนที่เป็นที่เตรียมอาหารและเครื่องดื่มสำหรับลูกค้าหยุดชะงักกลางครัน กับเสียงเล็กๆสดใสของสาววัยรุ่นที่อายุไม่เกิน14ปี กำลังล้างจานอยู่ที่หน้าอ่างล้างจาน ส่วนอีกคนที่มีอายุขึ้นมาหน่อยยืนหั่นผักอยู่ที่โต๊ะใหญ่กลางครัว ที่มีผักสดๆวางเรียงราย

"ป้าจ๋า..ถ้าป้าได้เห็นแฟนคนใหม่ของคุณอรนะป้า ป้าจะเป็นลมเลยล่ะ"

"ทำไมวะ นังจุ๋ม"

"ก็แกหล่อมาก..ก..ก..ก.. มาพักครั้งก่อนนะ สาวๆงั้นตาลอย ฝันหวานไปเลย ยิ้มทีใจละลายเลยหล่ะป้า มีลักยิ้มที่แก้มซ้าย.." สาวน้อยทำท่าคิด ก่อนจะหันมาหัวเราะคิก "คุณอรนี่ แกสุดยอดเลยนะป้า แฟนแต่ละคน ไม่มีขี้ริ้วซักคน"

"นังนี่แก่แดดเชียว แล้วแกรู้ได้ยังไง ว่าเขาเป็นแฟนคนใหม่" ผู้เป็นป้าถาม

"ก็เห็นคนเขาพูดกัน ก็มันน่าคิด..เห็นควงกันขนาดนั้น.." ยังพูดไม่จบประโยคก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงจานถูกวางลงบนที่ว่างข้างอ่างกระทบกันดัง..คลิ๊ก

"อุ๊ย..ย..ย..คุณอ้อน" ก่อนจะยิ้มแหย ทั้งป้าทั้งหลาน

ลอออินทร์เพียงแต่ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน บอกเสียงเรียบๆ "นินทาเจ้านายไม่ดีนะจ๊ะ"

เด็กสาวเสียงอ่อย "ขอโทษค่ะ หนูจะไม่ทำอีกแล้ว อย่าสั่งตัดเงินเดือนหนูนะ"


เป็นที่รู้ๆกันดีว่า แม้ที่นี่จะเป็นธุรกิจครอบครอบส่วนที่อรอรีดูแล แต่ทั้งปานวตาและลอออินทร์ก็มีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจในหลายๆเรื่อง เคยมีข่าวลือที่ว่าลอออินทร์อาจจะไม่ใช่น้องจริงๆของอรอรี ก็ไม่มีใครกล้ายืนยันได้ เพราะคนเก่าคนแก่ก็ล้มหายตายจากหรือแยกย้ายกันไปหมดแล้ว ส่วนที่ทำงานอยู่ในบ้านพักกึ่งบังกะโลนี้ จึงมีแต่พนักงานใหม่ๆที่เวียนหน้ากันเข้ามาเรื่อยไป ที่ไม่มีใครรู้เบื้องลึกเบื้องหลังครอบครัวนี้

แต่ที่รู้ๆและเห็นได้ชัด คือข่าวความคมและเขี้ยวของคนยืนอยู่ตรงหน้านี้ ไม่ดุ ไม่ด่า ไม่ว่ากล่าวรุนแรง แต่เธอเอาจริงเสมอ และชอบหักเงินเดือนให้พนักงานรู้จักหลาบจำ

ลอออินทร์ยืนกอดอกท่าทางคิดบางอย่างอยู่ช่วงครู่ จึงพยักหน้าให้เด็กจุ๋ม "งั้นเธอช่วยบอกไอ้ที่ เค้าว่ากันมา หน่อยเถอะ..ว่าเขาว่ากันว่าอย่างไร"



* * * * * * * * * *
Create Date :02 พฤษภาคม 2552 Last Update :6 มิถุนายน 2552 15:38:18 น. Counter : Pageviews. Comments :5