bloggang.com mainmenu search





สัญญาณแห่งความคุ้นเคย



มือถือเครื่องเล็กสีดำสนิทถูกดึงขึ้นมาเมื่อต้นขาสัมผัสได้ถึงระบบสั่นเบาๆที่กระเป๋ากางเกง ยกมันขึ้นแนบหูโดยไม่ได้ละสายตาไปจากสองสาวเบื้องหน้าที่กำลังนั่งคุยกันอยู่ที่โซฟาอย่างสนิทสนม

อ้อ...สองคนนี้รู้จักกันด้วยหรือ
เอ..หรือว่าเธอพักอยู่ที่นี่ ?...เป็นคำถามที่เกิดขึ้นในใจ

..พร้อมๆกับที่น้ำเสียงสดใสที่ดังผ่านปลายสายเข้ามา "ธาลัยเองค่ะ คุณเพชร"

"ครับ" เสียงทุ้มตอบกลับไป "ว่าไงครับ อยู่ที่ไหนเอ่ย"

"อยู่ใกล้ๆคุณเพชรนี่แหล่ะค่ะ" ฝ่ายนั้นเย้าเล่น "แล้วคุณเพชรล่ะ"

"อยู่ใกล้ๆนี่แหล่ะครับ" ฝ่ายนี้เย้ากลับบ้าง "ถามจริงๆครับ อยู่ที่ไหนตอนนี้"

"อยู่ที่โรงแรมค่ะ..เพิ่งลงเครื่องมาถึงเมื่อเช้านี้เอง" จบคำบอกเล่าของฝ่ายโน้น เพชระจึงละสายตาจากเบื้องหน้าไปยังตึกสูงฝั่งตรงข้ามที่มองเห็นได้ชัดเจน เพราะห่างจากถนนลึกเข้าไปไม่ถึงสามร้อยเมตร พร้อมหัวเราะเบาๆ คิราธาลัย

"อยู่ใกล้กันนี่เองจริงๆด้วย ผมที่อยู่ร้านกาแฟกึ่งเกทเฮ้าส์ตรงข้ามโรงแรมของคุณเลย"

"อ้อ.." ปลายสายหัวเราะเสียงใส เงียบไปพักใหญ่ "เห็นแล้วค่ะ โบกมือทักทายธาลัยหน่อยสิคะ ภาลัยเห็นคุณจากทางหน้าต่างห้องพักค่ะ"

ชายหัวเราะ...มิได้ทำตามแต่อย่างใด "ผมโบกแล้วครับ เห็นไหม"

เสียงหัวเราะแจ่มใสมาตามสาย "ล้อเล่นอยู่เรื่อยเลยคุณเพชรอ่ะ คุณก็รู้ว่าธาลัยล้อเล่น จะเห็นได้ยังไงธาลัยอยู่ปีกซ้ายของตึกค่ะ ตรงข้ามกับถนนเลย"

เมื่อเย้าแหย่พอสมควรแล้ว..เพชระจึงเปลี่ยนเรื่อง "พี่ชายคุณอยู่ไหน"

"อ้อ..พี่กรออกมีนัดกับคู่ค้าคนใหม่ค่ะ แม่ม่ายคนดังที่คุณแนะนำนั่นแหล่ะ..คุณอะไรน้า.." ปลายเสียงทำท่าครุ่นคิด

อีกฝ่ายจึงต่อให้ "คุณอรอรีครับ แม่ม่ายคนดังอะไรกัน ผู้หญิงเก่งต่างหาก"

ฝ่ายนั้นเสียงกระเง้ากระงอด ทีเล่นทีจริง "ไม่รู้หล่ะ คุณเพชรตกหลุมแม่ม่ายไปคนนึงแล้ว อย่าลากเอาพี่กรของภาลัยไปตกหลุมอีกคนก็แล้วกัน"

เพชระวางหูลง เมื่อคุยกับฝ่ายนั้นอีกครู่ใหญ่ ธาลัยชักชวนให้เขาไปเข้าพักที่โรงแรมของเธอดีกว่า โดยให้เหตุผลว่าพักโรงแรมใหญ่โตย่อมสะดวกสบายกว่าบังกระโลเล็กๆเป็นแน่แท้ และเนื่องจากเขาเองก็สนิทสนมกันกับคิรากรผู้เป็นเจ้าของเป็นอย่างดี

แต่ชายหนุ่มปฏิเสธไปอย่างนุ่มนวล ตัดสินใจอย่างกระทันหัน เขารู้แล้ว..เขาจะย้ายไปพักที่ไหนดี ก่อนจะจ่ายค่าเครื่องดื่มแล้วเดินออกจากร้านไปด้วยรอยยิ้มกริ่ม



* * * * * * * * * *



ด้านอีกฝั่งที่เพิ่งวางสายไป ยังคงถือมือถือค้างอยู่ด้วยรอยยิ้มพรายประดับใบหน้า คิดอย่างหมายมาด

..เอาน่า ปฏิเสธไปให้ได้ตลอดก็แล้วกัน

ร่างบางในชุดคลุมอาบน้ำ ล้มตัวหงายหลังลงบนที่นอนนุ่มสีขาวสะอาดหอมกรุ่นในห้องกว้างอย่างสบายใจ การตามพี่ชายลงมาเมืองใต้คราวนี้ นอกจากเพื่อมาดูโรงแรมที่เสร็จและเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้ว ยังจะได้เป็นเวลาพักผ่อนไปในตัวอีกด้วย เธอก็เหมือนคนทั่วไปนั่นแหล่ะ นานๆจะได้สัมผัสความงามของท้องทะเลและไอแดดที่ร้อนละอุบนพื้นทรายซักครั้ง ก็ทำไมเล่า จะไม่รีบมาตามคำชวนของคิรากร

นึกถึงพี่ชายคนโตแล้วก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงเพื่อนของเขา คนที่เพิ่งวางสายไป..เพชระ ธารา นอกจากรูปร่างหน้าตาที่ดีแล้ว นิสัยใจคอก็น่ารักไม่หยอก แต่เนื่องจากเธอคุ้นเคยดีเสียแล้วกับพี่ชายทั้งสองคนที่หน้าตาไม่เป็นสองรองใคร ดังนั้นประเด็นเรื่องหน้าตาจึงตัดออกไปได้..แต่เรื่องนิสัยใจคอ จากที่ได้สัมผัสมาเป็นเวลาพักใหญ่ ภาลัยบอกตัวเอง

....อยากรู้จักเขาให้มากกว่านี้จัง.......



* * * * * * * * * *




"เฮ้อ" เสียงถอนหายใจที่ดังมาก่อนที่เจ้าของเสียงจะก้าวเข้ามาเสียอีก "วันนี้ร้อนจัง น้าอ้อน"

สะโพกกลมกลึงในกางเกงยีนส์สีขาวเข้ารูปทรุดลงนั่งบนโซฟาข้างลอออินทร์ พร้อมกับที่ยื่นถุงพลาสติกในมือไปให้กิ่งดาวที่เดินเตร็ดเตร่ไม่ใกล้ไม่ไกล "พี่กิ่งขา ช่วยเอาไอ้นี้ใส่จานให้ปอยหน่อยนะ"

"อะไรเหรอ..มากมายเชียว"น้าสาวถาม

"ก็ยำแหนมเจ้าประจำที่น้าอ้อนชอบไง เผ็ดจี๊ด..ด..ด.. แถมมีของหวานเป็นทับทิบกรอบด้วยนะ"

ได้ยินเช่นนั้น คนฟังเลยหันไปตะโกนสั่งคนที่ง่วนอยู่ในครัวอเนกประสงค์เล็กๆอย่างด่วนจี๋ " งั้นด่วนเลย เอาจานเล็กแบ่งไปให้นายเป้ด้วยนะคะ แล้วของหวานแบ่งไว้ เอาไปให้เจ้าตัวเล็กของพี่กิ่งแล้วกัน" คำบอกนั้นบอกด้วยความใส่ใจในลูกน้องอย่างดี

หันมาถามหลานสาว "มาจากไหนกัน ถึงร้อนนักหนา"

"มาจากในเมืองน่ะ ไปนอนที่บ้านใหญ่มา ร้อนมากๆ ขนาดไม่ใช่กรุงเทพ แต่บางช่วงนะรถติดเหมือนกัน" คนบ่นทำหน้ามุ่ย "วัยรุ่นเซ็งเลย"

เสียงหัวเราะดังมาจากคนข้างตัว ที่เปิดปากยิ้มๆ "ยี่สิบสี่ย่างยี่สิบห้า..ยังวัยรุ่นอยู่เหรอ ฉันว่าแก่แล้วนา"

"ไม่รู้ล่ะ น้าอ้อนจะแก่ก็แก่ไปคนเดียว ปานวตาซักอย่าง ไม่ยอมแก่แน่นอน" ไม่พูดเปล่า ยังอุตส่าห์ชี้นิ้วเรียวสวยๆมาแตะแว่นที่เกาะจมูกอย่างหมิ่นๆของน้าสาว

"แว่นอันนี้อีก มั่นใจในตัวเองว่าสวยมากหรือไงถึงต้องใส่มันตลอดเวลา คอนแทคเลนน์ก็มีไม่ยอมซื้อใส่"

คนถูกว่าไม่นำพาที่ถูกล้อเลียนเรื่องความสวยความงาม แล้วเปลี่ยนเรื่อง "ได้ขึ้นไปหาแม่เขาบ้างรึเปล่า"

"เพิ่งไป..ก่อนจะมาที่นี่แหล่ะ" ปานวตาตอบห้วนๆอย่างไม่มีหางเสียง

เป็นปกติอยู่แล้ว..ที่เธอจะคุยกับลอออินทร์อย่างเพื่อนมากกว่า ไม่มีหางเสียงค๊ะ ขา เพราะสนิทสนมเล่นด้วยกันมาแต่เยาว์วัย อายุก็ไล่เลี่ยกัน แต่ที่ใช้สรรพนามเรียกว่า"น้า"นั้น ก็เป็นการให้เกรียติแสดงถึงว่าเคารพในศักดิ์ที่มีต่อกันมากกว่า และลอออินทร์ก็หาได้ถือสาหาความ ด้วยความเคยชินเช่นนี้มาตลอด แต่ก็อดสะท้อนใจไม่ได้ เพราะจากหางเสียงที่หายไปและน้ำเสียงห้วนๆในคราวนี้นั้น..มันเป็นเพราะแรงอัดจากภายใน สำหรับคำแสลงว่า "แม่" ต่างหาก

"เด็กที่นั่นบอกว่าไม่อยู่ นัดกับคู่ค้ารายใหม่" น้ำเสียงสะบัด "คู่ค้าหรือคู่ขาก็ไม่รู้"

"ปอย.." ลอออินทร์เตือน ลงเสียงหนักอย่างดุๆ "ไม่ดีเลย"

"จริงนี่นา..เห็นเด็กที่ร้านคุยกันใหญ่ ว่ามีหนุ่มใหม่มาติด หล่อด้วย เด็กด้วย อะไรกันอายุปูนนี้แล้ว"

ลอออินทร์ว่า "อายุเท่าไหร่สำคัญตรงไหน พี่อรยังสาวยังสวย"

ใครๆก็ชอบพูดว่า สามพี่น้องสาวโสด อรอรีดูยังเยาว์กว่าวัยอยู่มาก ถ้าไม่บอกว่าอายุห่างจากลูกสาวตั้งสิบเจ็ดปี ใครจะเชื่อ

"แล้วพี่อรก็มีหัวใจเหมือนเราๆ จะปล่อยให้เธอหาความสุขใส่ตัวเองไม่ได้เหรอ ลูกไม่รักเขาก็ไปหาความรักทางอื่นน่ะสิ" น้าสาวว่าใส่

คำว่า..ลูกไม่รัก..ปานวนาแกล้งไม่ได้ยินเสียกระนั้น และเลือกหยิบอีกประโยคมาเป็นประเด็นแทน

คำว่า..เหมือนเราๆ..ทำให้คนที่มีทีท่าหงุดหงิดเมื่อครู่ยิ้มออก " ก็มีหัวใจเหมือนเราๆ ตรงไหนกัน เหมือนปอยคนเดียวต่างหาก"

"หืม.."อีกฝ่ายไม่เข้าใจ

"ก็น้าอ้อนน่ะ ไม่มีหัวใจ"


คนถูกล้อทำหน้าดุ ยกมือขึ้นจะตีเสียให้เข็ดสำหรับคนช่างเย้า แต่อีกคนรู้แกวเป็นอย่างดีรีบลุกขึ้นหลบโดยเร็วหัวเราะร่วน..ไปรับเอาจานแหนมสีแดงสดน่ากินจากกิ่งดาว มายื่นให้คนบนโซฟาอย่างเอาใจ

"เอ้า..ของโปรด" แล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง

"เห็นว่าคนที่มีนัดด้วยนี่ เป็นเพื่อนกับผู้ชายที่มาติดพันมั๊ง ชื่ออะไรนะ อีตาคนนั้นน่ะ เด็กมันว่าชื่อ..อืม ม..ม.."

"เพชระ" ลอออินทร์ตอบแทนคนที่กำลังพยายามนึก "เพชระ ธารา"

"อ้าว..น้าอ้อนรู้จักด้วยเหรอ"

"ไม่รู้จักหรอก แต่จากที่ฟังๆมา คิดว่าน่าจะใช่คนโน้นน่ะ" ว่าพลางชี้นิ้วไปยังลูกค้าในส่วนของเคาเตอร์บาร์ อีกฝ่ายมองตามๆ

"ไหน"

"อ้าว" ลอออินทร์รำพึงอย่างเสียดาย "ไปซะแล้ว"

"หนอย..อยู่ที่โน่นไม่พอ ยังกล้าแหยมมาถึงนี่เลยเหรอ" ทำท่าเข่นเขี้ยวอย่างออกนอกหน้า "ว่าแต่ว่าไม่เคยเห็น แล้วน้าอ้อนรู้ได้ไงว่าเป็นคนๆเดียวกัน" หลานสาวถาม

"สัญชาติญาณมันบอก" ..นั่นคือคำที่น้าสาวตอบกลับมา

ก่อนที่จะต้องนั่งนับ บวก ลบ แต้มในใจเป็นการด่วน เมื่อถูกคนข้างๆจ้องมองและคาดคั้นจะเอาคะแนนจากการสำรวจตรวจตราอย่างพินิจของเธอให้ได้

"หกสิบเก้าแต้ม" เธอว่า

"น้า...." คนค้านเสียงดัง "คะแนนรูปกายภายนอกเต็มห้าสิบ ..คะแนนเรื่องของจิตใจอีกห้าสิบ..ไหงนายคนนี้ได้ไปแล้วหกสิบเก้าแต้มแล้ว ทั้งๆที่ยังไม่รู้จักนิสัยใจคอเลยอ่ะ"

"ก็.." ผู้เป็นน้าใช้นิ้วดันกรอบแว่นที่สันจมูกเรียวงามอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตอบ

"ห้าสิบแต้มเต็มสำหรับรูปกายภายนอก..อีกสิบแต้มสำหรับลักยิ้มที่แก้มซ้าย..ส่วนเก้าแต้มที่ฉันบวกเพิ่มก็สำหรับดวงตาที่ยังมองไม่เห็นชัดเจนไง..แต่.."

"แต่อะไร"..ปานวตาซัก

"แต่สัญชาติญาณของฉันมันบอกว่า..ต้องได้เต็มสิบแน่ๆสำหรับดวงตา ฉันหักเก็บไว้หนึ่งแต้มก่อนนะ...เผื่อไม่ชัวร์"

เอากับเขาสิ..คำตอบของลอออินทร์..ทำให้ปานวตาต้องกรอกตา



"ว่าแต่ว่ารู้ไหมว่าคนที่พี่อรมีนัดด้วยน่ะ.. เขาเป็นใครกัน" ลอออินทร์ถาม คำตอบที่ได้รับคือสายตาของหลานสาวที่มองไปยังตึกสูงเด่นเป็นสง่าตรงข้ามกับร้านของเธอ

"เห็นว่าเป็นเจ้าของโรงแรมนั้น...ชื่อ คิรากร"

"คิรากร" ลอออินทร์ทวนชื่อนั้นเบาๆที่ริมฝีปาก "คิรากร"

เสียงปานวตายังเจื้อยแจ้ว "ได้ข่าวมาว่าโรงแรมเปิดใหม่ตรงนี้เป็นของสองพี่น้อง..ตามชื่อโรงแรมนั่นแหล่ะ"

คิรา..ธาลัย หรือ

ดูเหมือนจะรู้ว่าคนที่นิ่งเงียบรอฟังรายละเอียดมากกว่านี้ ปานวตาจึงต่อให้ " คิรากรและธาลัย"

สองชื่อนั้น ดูเหมือนจะทำให้คนที่นิ่งเงียบยิ่งเงียบขึ้นไปอีก แล้วถามย้ำ "คิรากรและธาลัยหรือ" อีกฝ่ายพยักหน้า

ไม่หรอกน่า..ไม่น่าเป็นไปได้ คงแค่ความบังเอิญหรอก..

"เขามีกันแค่สองพี่น้องเองหรือ" ลอออินทร์ถามอีกครั้ง

"ไม่รู้สิ" คนตอบ ตอบอย่างไม่ใส่ใจ หันไปตักยำแหนมเข้าปากคำใหญ่ "ร้านนี้เด็ดดวงจริงๆ เนาะน้าอ้อน ปอยไม่ต้องย้ำเลย แค่บอกว่ายำแหนมสำหรับขาประจำอย่างน้าอ้อน ป้าแกงี้ใส่พริกแถมพิเศษมาอีกต่างหาก"

แต่ดูเหมือนคู่สนทนาจะไม่ได้ใจจดใจจ่ออยู่กับจานอาหารตรงหน้าเสียแล้ว

"แล้วเธอรู้ไหม ว่าพวกเขานามสกุลอะไร" เสียงถามแข็งๆ อย่างที่เค้นออกมาจากลำคอ ทำให้ปานวตาแปลกใจจนต้องวางช้อนแล้วจ้องหน้า

"วันนี้แปลกจัง ทำไมต้องเคร่งเครียดขนาดนั้น ทำไมเหรอ"

คำถามนั้นทำให้ลอออินทร์แค่นยิ้มออกมาที่ริมฝีปาก "เปล่านี่ เห็นว่าพี่อรจะต้องทำธุรกิจร่วมกับเขา ก็แค่อยากรู้เท่านั้นเอง"

หลานสาวจึงตอบ "คิรากร ศิวาลัย และ ธาลัย ศิวาลัย" แล้วก็หันไปหาแหนมจานเด็ดจานนั้นต่ออย่างเอร็ดอร่อย ลืมไปเลยว่านี่คือของฝากสำหรับลอออินทร์

ส่วนคนที่ได้รับของฝาก กลับลืมของฝากชวนน้ำลายสอตรงหน้าไปเสียสนิท ดูเหมือนว่าสองชื่อนั้นจะไม่ซึมซับเข้าไปในหูเท่าใดนัก แต่นามสกุลนี่สิที่ซึมซาบเข้าไปถึงในใจทีเดียว

....ศิวาลัย...



* * * * * * * * * *




"ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ถ้าคืนนี้จะกลับไปนอนที่บ้านใหญ่ ก็ช่วยทำธุระให้หน่อยนะ"

ประโยคสุดท้ายของลอออินทร์ ก่อนที่ปานวตาจะมาอยู่ตรงนี้หลังที่ทำธุระเรียบร้อย คนที่ไม่ชอบอยู่นิ่งก็เลยเข้าไปดูหนังมาเรื่องนึง

หนังรักโรแมนติกที่ทำเอาต่อมน้ำตาเเตกในฉากสุดท้าย ที่ชายหญิงชราคู่หนึ่งนอนจับมืออยู่บนเตียงแล้วจากโลกนี้ไปด้วยกันอย่างเงียบๆ ..สายใยแห่งความรัก



..ไอศกรีมในถ้วยพลาสติกเล็กๆในมือพร่องไปมากทีเดียว

..ไอศกรีมเนื้อนุ่ม...สีเขียวแกมเหลืองรสแอปเปิ้ลของโปรด..รสหวานนำแล้วอมเปรี้ยวตามนิดๆ ถูกใจคนทานนักล่ะ

รู้สึกได้ถึงน้ำหนักของคนบางคนที่นั่งลงมาข้างตัวบนม้านั่งตัวเดียวกัน ม้านั่งตัวยาวที่ถูกจัดวางไว้เป็นบางจุดทั่วไปในห้างสรรพสินค้า เพื่อให้ลูกค้าได้พักขาสำหรับการช๊อปจ่ายจ่ายใช้สอยหรือนั่งเล่นผ่อนคลายชั่วครู่ชั่วยาม

มารยาทอันดีทำให้หญิงสาวเลื่อนตัวเองไปสุดริมม้านั่ง แล้วเอื้อมมือไปดึงถุงพะรุงพะรังออกจากที่นั่ง..หากแต่อีกเสียงกลับรั้งไว้

"ไม่เป็นไรครับ ตามสบาย"

เสียงทุ้มที่เข้มแต่ก็สุภาพนุ่มหูนั้นทำให้ปานวตาหันไปมอง..


ผู้ชายคนหนึ่งในเสื้อเชิ้ตสีขาวมีริ้วลายตรงเป็นสีชมพูอ่อนๆ กับกางเกงแสลคสีสุภาพที่ถูกรีดเป็นอย่างดีและรองเท้าหรูที่โผล่หัวออกมาบ่งบอกถึงความเนี๊ยบของผู้สวมใส่ ..เธอคิดอย่างขำๆ ยังดีที่คอเสื้อนั้นไม่ผูกไทด์ เพราะกระดุมเม็ดแรกถูกปลดออกและแขนเสื้อก็ถูกพับขึ้นไปสองสามทบใกล้ข้อศอกทำให้เขาดูผ่อนคลายมากขึ้น ช่วยลดสักษณะความตึงเครียดในตัวลงได้มากทีเดียว


เมื่อเลื่อนสายตาจากเรือนร่างที่สูงประมาณร้อยแปดสิบขึ้นไปบนใบหน้าของเขา แม้หิงสาวจะเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบเก็บความรู้สึกไว้ทางสีหน้าหรือเก็บความรู้สึกได้ไม่เก่งเหมือนลอออินทร์ หากแต่ถ้าเธอต้องการทำแล้วล่ะก็..ไม่ยากเกินไปเลย ปานวตาแอบกรี๊ดในใจเบาๆ ทั้งที่ใบหน้าของเธอยังเรียบเฉยไม่บ่งบอกอารมณ์


..กรี๊ดๆ..แหม ถ้านายเพชระอะไรนั่น น้าอ้อนให้หกสิบเก้าคะแนนนะ..คุณคนนี้ฉันจะให้เจ็ดสิบห้าคะแนนเลย.. เอ้า..


ดวงตาคมเข้มนั้นนิ่งสนิทไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ผิวที่ขาวจัดตัดกับดวงตาสีดำและเส้นผมสีเดียวกับสีของดวงตา..ถูกตัดอย่างดี..เหมือนคนที่อยู่ในกรอบของความถูกต้องไม่เคยเดินออกนอกลู่นอกทาง และดูท่าว่าจะต้องเป็นกรอบที่เขาเป็นผู้กำหนดเสียด้วย


...เป็นผู้ชายที่จะไม่ยอมให้ใครมาขีดเส้นให้เดินแน่นอน...


ปานวตาดึงถุงสองสามใบนั้นมารวมข้าวของหลายอย่างเข้าด้วยกัน ..ซึ่งก็ไม่มีอะไรมากมาย แล้วหยิบเอาถุงใบเล็กว่างเปล่ามายัดถ้วยไอศกรีมที่เพิ่งทานหมดลงไป เพราะมองไม่เห็นถังขยะในระยะใกล้ๆนี้ ก่อนที่จะหยิบหนังสือเล่มเล็กบางที่เพิ่งไปสอยมาจากร้านหนังสือเมื่อกี้ขึ้นมานั่งอ่านฆ่าเวลา


ไม่ใช่หนังสือสำหรับเธอหรอกสำหรับลอออินทร์ต่างหาก..รายนั้นชอบนักหนังสือ


เห็นจากหางตาแว๊บๆ ว่าคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ยกนาฬิขึ้นมาดูเป็นระยะๆ ราวกับรอใครบางคน แล้วก็จริงดังคิด..เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นแทรกกลางความจอแจของผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา

คนรับสายนิ่วหน้ายังไม่สบอารมณ์เล็กน้อย ทำให้ใบหน้าที่เธอเพิ่งให้คะแนนสูงลิบไปเมื่อครู่ถูกลบออกไปอีกสอง..เหลือเจ็ดสิบสามแต้ม..แต่ต้องยอมรับว่าเขายังน่ามองอยู่.. หญิงสาวรู้สึกขึ้นมาอย่างกระทันหันที่อยากจะลบรอยย่นที่หัวคิ้วนั้นให้หมดไปจากสีหน้าของเขา


...ถ้าเขายิ้มเพียงสักนิด..แต้มคะแนนของเขาจะสูงเท่าไหร่นะ..


ไม่ทันได้คิด..เมื่อร่างสูงลุกขึ้นเดินจากไป..เธอจึงร้องเรียกเขาทันที

"เอ่อ..คุณคะ.."

คนตัวสูงหันมามองด้วยความแปลกใจ..

ปานวตาอมยิ้ม ชี้นิ้วไปที่เสื้อของเขา " เสื้อสีชมพู..ดูดีมากเลยเมื่ออยู่บนตัวคุณ"


ประโยคนั้น..ทำให้คิรากรแปลกใจ...จึงได้แต่เพียงค่อมศีรษะให้เล็กน้อยกึ่งขัดเขินก่อนหมุนตัวจากไป ในขณะที่ปานวตานั่งหัวเราะคนเดียวอย่างสบายอารมณ์


..เอาน่า..

ถึงมุกเสื้อสีชมพูดูดีมากเมื่ออยู่บนตัวคุณ..จะเสี่ยวไปบ้าง เพราะเธอฉกมาอย่างกระทันหันจากซีรี่ย์ที่เพิ่งดูจบไปเมื่อวันก่อน


และแม้ว่าเขาจะไม่ยิ้มแก้มปริเหมือนพระเอกในซีรี่ย์เรื่องนั้น..แต่ว่ารอยยิ้มที่ขัดเขินนิดๆนั่น ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้กราฟคะแนนของคนแปลกหน้า

ในใจเธอ..พุ่งขึ้นสูงถึงแปดสิบแต้มเลยทีเดียว..


Create Date :06 พฤษภาคม 2552 Last Update :3 มีนาคม 2553 23:17:27 น. Counter : Pageviews. Comments :8