bloggang.com mainmenu search
เข้มข้นเข้าไปทุกขณะ สำหรับกิจกรรมการเก็บตัวสาวงามผู้เข้าประกวด ''มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส'' ประจำปี 2550 ที่จังหวัดตรัง

ซึ่งหลังจากที่ทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ได้พาสาวงามที่ผ่านเข้ารอบ ทั้ง 44 คน บินลัดฟ้ามาร่วมกิจกรรมสาธารณประโยชน์และโปรโมตการท่องเที่ยวที่เมืองทับเที่ยง (จ.ตรัง) ตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค. ที่ผ่านมา ท่ามกลางสายตานับหมื่นคู่ของพี่น้องชาวเมืองตรัง หรือแม้กระทั่งชาวใต้ที่ให้ความสนใจมาเฝ้ายลโฉม ตามติดทุกกิจกรรมรวมทั้งขอสัมผัสกับความงามของผู้เข้าประกวดแบบใกล้ชิด


สำหรับกิจกรรมในวันที่ 17 มี.ค. ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่ายังคงเป็นไปอย่างคึกคัก โดยที่กองประกวดได้พาสาวงาม พร้อมคณะสื่อมวลชน ออกเดินทางจากโรงแรมอมารี ตรัง บีช รีสอร์ท ที่พัก ในเวลา 08.00 น. ด้วยรถบัสสองชั้น มุ่งหน้าสู่ถ้ำเล เขากรอบ อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ท่ามกลางการดูแลความปลอยภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งนำทีมโดย พันตำรวจเอก มานิตย์ ศูนย์ประสิทธิ์ ผกก.สภอ.ห้วยยอด


เมื่อเดินทางถึงในเวลา 09.00 น. คณะสาวงามก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจาก ท่านนายก อบจ. นายกิจ หลีกภัย (พี่ชายนายชวน หลักภัย อดีตนายกรัฐมนตรี) ที่นำคณะกลองยาวเจ้าของรางวัลถ้วยพระราชทาน จาก สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ถึง 2 ปีซ้อน ออกมาเซิ้งอ้อนชวนผู้เข้าประกวดให้ร่ายรำไปพร้อมกับจังหวะดนตรีมันๆ ตามประสาชาวปักษ์ใต้ ซึ่งผู้เข้าประกวดต่างก็ไม่มีใครถือตัว ต่างชวนชาวบ้านออกมาฟ้อนรำด้วยกัน สร้างความสนุกสนานและเป็นกันเองให้กับผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก


หลังจากนั้นสาวงามก็ได้ลงเรือท้องแบนที่ทำด้วยไฟเบอร์ โดยแบ่งเป็นลำละ 4-5 คน เพื่อล่องชมความงดงามของถ้าเล ซึ่งเป็นถ้ำที่ได้ขึ้นชื่อว่ามีความงดงามที่สุดอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย เนื่องจากมีสายธารที่ไหลลอดผ่านใต้ภูเขา เป็นระยะทางกว่า 4 กิโลเมตร โดยภายในจะเต็มไปด้วยเครื่องประดับที่ก่อกำเนิดจากธรรมชาติ อย่างหินงอกหินย้อย ระโยงระยางเต็มไปหมด จนบางครั้งการนั่งเรือสาวงามก็ต้องคอยหมอบ คอยหลบ เพื่อไม่ให้ศีรษะชนกับหินอีกด้วย


นอกจากนี้ภายในถ้ำ สาวงามยังได้ขึ้นไปชื่นชมกับท้องพระโรง ที่มีทางเดินอันยาวเหยียดพร้อมกับเรื่องเล่าต่างๆ มากมาย ทั้งหินตา หินยายที่ขึ้นชื่อ หรือแม้กระทั่งห้องเจ้าสาว ที่มีหินย้อยลงมาตามธรรมชาติ โดยภาพเหมือนเป็นประตูห้องถึง 4 ประตู โดยมีเรื่องเล่าและความเชื่อกันว่า หากผู้ใดเข้าประตูแรกจะเป็นคนที่มีคู่แล้วและอยากจะมีความสุขในการใช้ชีวิตคู่ ส่วนประตูที่ 2 สำหรับคนที่ต้องการมีคู่ มีคนรัก ซึ่งออกจากถ้ำไปไม่นานก็จะได้พบเจอกับรักแท้ดังกล่าว สำหรับ พ่อม่าย-แม่ม่ายคนไหนอยากจะมีคู่ครองใหม่ ก็ต้องลอดประตู 3 และประตูสุดท้าย ใครก็ได้ที่อยากจะมีกิ๊ก หรือมีคนรักหลายคน ก็จะสมดั่งใจปรารถนา



ซึ่งเมื่อทราบถึงความเชื่อ ตามคำบอกเล่าของไกด์นำทาง เหล่าสาวงามผู้เข้าประกวด ต่างก็ลอดประตูกันไป ตามแต่สถานะและความเชื่อของตัวเอง ซึ่งผู้เข้าประกวดบางคนต้องการที่จะเข้าประตูที่ 2 เพื่อต้องการมีคู่ แต่ก็ต้องเปลี่ยนใจกะทันหัน เพราะดูแล้วสะโพกเจ้ากรรมดันไปใหญ่เกินไป จนเข้าประตูดังกล่าวไม่ได้นั่นเอง พร้อมกันนี้สาวๆ ยังได้ผจญภัยกับถ้ำลอด ซึ่งเป็นถ้ำที่มีเพดานต่ำมาก มีช่องทางแคบ ต่ำ เท่าลำเรือ ซึ่งมีความยาวประมาณ 350 เมตร ตลอดการเข้าชมถ้ำ เหล่าสาวงามจะต้องนอนหงาย ราบไปกับลำเรือ ซึ่งชาวตรังยังเชื่อกันว่าการได้รอดถ้ำนี้เหมือนการได้รอดถ้ำมังกรอีกด้วย


โดยที่ผู้เข้าประกวดหมายเลข 15 ''น้องจูล'' นางสาวชัชฎา คนันพรานนท์ อายุ 19 ปี สัดส่วน 33-24.5-33.5 สูง 168 ซม. น้ำหนัก 53 กก. กำลังศึกษาในระดับปริญญาตรี ชั้นปีที่ 1 คณะมนุษยศาสตร์ เอกจิตวิทยา ม.ศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร กรุงเทพฯ ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวหลังได้ร่วมกิจกรรมให้กับผู้สื่อข่าวฟังด้วยสีหน้าตื่นเต้นว่า ตนรู้สึกประทับใจกับกิจกรรมดังกล่าวเป็นอย่างมาก เนื่องจากเกิดมายังไม่เคยได้มีโอกาสมานั่งเรือรอดถ้ำอย่างนี้มาก่อน อีกอย่างยังได้ผจญภัยพบเห็นโขดหินน้อยใหญ่ รวมถึงหินงอกหินย้อย ที่กว่าจะเกิดขึ้นมาได้ต้องอาศัยระยะเวลาหลายร้อยปี โดยที่อยู่ใต้ภูเขา ซึ่งสาวงามอย่างน้องจูล ยังบอกอีกด้วยว่าตนรู้สึกอบอุ่นกับการต้อนรับ และมิตรไมตรีของพี่น้องเมืองตรัง ที่เฝ้าดูกิจกรรมของผู้เข้าประกวดโดยตลอด ซึ่งตนสัญญาว่าเมื่อประกวดเสร็จจะหาโอกาสกลับมาเที่ยวที่นี่อีกแน่นอน


อย่างไรก็ตามหลังจากที่เหล่าสาวงามได้นั่งพักผ่อนให้หายเหนื่อยด้วยน้ำมะพร้าวที่หอมหวานและบริสุทธิ์แล้ว ทางกองประกวดก็ได้ยกพลขนสาวงามพร้อมสื่อมวลชนออกเดินทางต่อไปยัง ศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา 4 จังหวัดตรัง ซึ่งตั้งอยู่ตำบลบินหลา อำเภอเมือง โดยศูนย์การศึกษาดังกล่าวเป็นโรงเรียนสำหรับน้องๆ ที่มีความบกพร่องทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นออทิสติก, หูหนวก, เป็นใบ้ หรือแม้กระทั่งพิการแขน-ขา โดยปัจจุบันทางศูนย์การศึกษามีเด็กที่อยู่ในความดูแล จำนวน 172 คน ซึ่งจะฟื้นฟูทักษะทุกด้าน เพื่อให้น้องๆ ที่พิการเหล่านี้ได้เข้ารับการศึกษาในโรงเรียนปกติ หรือโรงเรียนเฉพาะคนพิการต่อไป


สำหรับบรรยากาศของกิจกรรมของสาวงามภายในศูนย์การศึกษาพิเศษนั้น ก็เต็มไปด้วยความน่ารักน่าชัง กับภาพกิจกรรมที่ผู้เข้าประกวดนำขนม พร้อมกับนมไปป้อนให้กับน้องๆ โดยไม่ถือตัว ซึ่งน้องบางคนตาบอดแต่ก็ขอโอบกอดพี่ๆ สาวงามพร้อมกับใช้มือไม้ ลูบคลำใบหน้าเพื่อที่จะได้จินตนาการว่าผู้ที่อยู่เบื้องหน้าของตัวเองนั้นสวยงามแค่ไหน ก่อนจะปิดท้ายกิจกรรมด้วยน้ำตาและความประทับใจ เมื่อน้องอ้อม (นามสมมติ) เด็กสาวตาบอดวัย 8 ขวบ ขอออกมาร้องเพลง ''อย่ายอมแพ้'' ของดีเจชื่อดัง ''อ้อม-สุนิสา'' ที่บอกให้ฟังว่า แม้พวกเขาจะพิการ แต่ก็จะยังสู้ชีวิตต่อไป ซึ่งก็ทำเอาพี่ๆ สาวงามรู้สึกซาบซึ้งในเนื้อหาของเพลง จนกลั้นน้ำตากันไม่อยู่ ไหลพรูออกมากันเลยทีเดียว


ต่อจากนั้นในเวลา 16.00 น.ผู้เข้าประกวดพร้อมคณะก็ได้เดินทางต่อไปยังสถานีรถไฟกันตัง ซึ่งเป็นสถานีรถไฟที่เก่าแก่ที่สุดของภาคใต้ โดยมีอายุกว่า 100 ปีมาแล้ว แถมความสำคัญของสถานีรถไฟแห่งนี้ยังเป็นจุดหมายปลายทางสุดท้าย ของรถไฟที่แล่นมาจากกรุงเทพฯ สู่ภาคใต้อีกด้วย


อย่างไรก็ตามในช่วงบ่ายนั้นทางกองประกวดได้แยกสาวงามผู้เข้าประกวดจำนวน 10 คน เพื่อเดินทางไปถ่ายทำวีทีอาร์ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวที่น้ำตกโตนเต๊ะ อ.ปะเหลียน จ.ตรัง โดยผู้สื่อข่าวได้รับรายงานจากทางกองประกวดว่า ระหว่างถ่ายทำ สาวงามหมายเลข 41 ''น้องมิ้ง'' ศรุดา สุทธิเจริญ อายุ 22 ปี สัดส่วน 31- 24.5-35.5 สูง 170 ซม. น้ำหนัก 53 กก. สาวเมืองเหนือ จ.เชียงใหม่ เกิดอุบัติเหตุลื่นล้ม เนื่องจากบริเวณน้ำตกมีความชื้นสูง ทำให้หัวเขาของน้องมิ้งกระแทกกับโขดหินของน้ำตก จนหัวเขาแตก ทั้งนี้แพทย์จากโรงพยาบาลวัฒนแพทย์ จ.ตรัง ก็ได้รับไว้เป็นคนไข้ในความดูแลเรียบร้อยแล้ว


สำหรับกิจกรรมในวันต่อไป (18 มี.ค.) นั้น ผู้เข้าประกวดสาวงามเวทีขาอ่อนจะต้องเดินทางไปทำกิจกรรมที่เกาะเชือก และเกาะไหง ในช่วงเช้า ก่อนที่ในตอนบ่าย จะไปชมทัศนียภาพและความงดงามของเกาะม้า เกาะที่ขึ้นชื่ออีกแห่งของเมืองทับเที่ยงแห่งนี้


















ขอบคุณภาพ-ข้อมูลจาก siamdara.com
Create Date :18 มีนาคม 2550 Last Update :18 มีนาคม 2550 13:24:20 น. Counter : Pageviews. Comments :1