bloggang.com mainmenu search












ละครข้ามปี “พุทธะ ราชะ เดอะมิวสิคัล” การแสดงที่ถือเป็นไฮไลท์สำคัญของค่ำคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เป็นธรรมะบันเทิงที่ถ่ายทอดพุทธประวัติผ่านละครเพลงบนเวทีกลางแจ้งเป็นครั้งแรก

จุดเริ่มต้นนั้น มาจากความตั้งใจของ ศ.นพ. อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม ประธานคณะทำงานจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่อยากเห็นการแสดงบนเวทีเป็นเรื่องราวเกี่ยวเนื่องกับการเฉลิมฉลองปีพุทธชยันตี 2600 ปี โดยแบ่งการแสดงออกเป็นองก์ต่างๆ ตามพุทธประวัติ ตั้งแต่ประสูติ ผจญมาร ออกบวช ตรัสรู้ และปรินิพพาน อย่างที่จะสร้างความซาบซึ้ง น่าประทับใจ สามารถเข้าถึงแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา

ผู้กำกับมากฝีมืออย่าง มานพ มีจำรัส ศิลปินศิลปาธร สาขาศิลปะการแสดง ประจำปี พ.ศ. 2548 รับหน้าที่ผู้กำกับการแสดงและกำกับลีลาเล่าถึง “พุทธะ ราชะ เดอะมิวสิคัล” ว่า การแสดงประกอบไปด้วย 4 องก์ โดยจะสลับกับกิจกรรมการสวดมนต์ เพื่อให้ทุกคนที่มาร่วมงานสวดมนต์ข้ามปีรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงด้วย นอกจากนั้นในแต่องก์ก็จะมีการทำเสียงดนตรีที่มีความพิเศษ และใช้เทคนิคที่แตกต่างกันออกไป

“เริ่มต้นองก์ที่ 1 พระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร เป็นเรื่องราวของพระนางสิริมหามายาทรงมีพระประสูติกาล ณ สวนลุมพินี ท่ามกลางการสรรเสริญยินดีของเหล่าเทพยดา องก์ที่ 2 ธรรมดาของโลก เป็นพุทธประวัติช่วงทรงศึกษาศิลปวิทยาการต่างๆ อภิเษกสมรส เสด็จประพาสพระนคร จนกระทั่งเสด็จออกผนวชเพื่อแสวงหาหนทางแห่งการหลุดพ้น ต่อมาองก์ที่ 3 บำเพ็ญทุกรกิริยา นำเรื่องด้วยการขับเสภา จนกระทั่งตัดสินพระทัยกลับมา เสวยพระกระยาหารตามปกติ จนถึงประทับนั่งสมาธิที่ใต้ต้นโพธิ์ โดยเน้นช่วงที่นางสุชาดาถวายข้าวมธุปายาศ และที่ 4 (องก์สุดท้าย) ผจญมาร ช่วงพระพุทธองค์ทรงผจญพญามาร จนกระทั่งตรัสรู้ และนำคนดูเข้าสู่การเฉลิมฉลองแห่งปีพุทธชยันตี” ผู้กำกับ ถ่ายทอดเรื่องราว



นอกจากนั้นผู้กำกับยังเล่าถึงความพิเศษของละครเวทีครั้งนี้ว่า เป็นการนำเรื่องราวพุทธประวัติมานำเสนอผ่านรูปแบบละครเวทีที่เน้นความสนุกสนาน โดยสอดแทรกสาระ ความรู้ เรื่องราวเกี่ยวกับธรรมะเข้าไปอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งความตั้งใจคืออยากจะให้ทุกคนเห็นว่า ธรรมะนั้นอยู่รอบตัวเรา และทุกคนสามารถเข้าถึงได้นั่นเอง

ทางด้านพระเอกหนุ่มหล่ออย่าง นิว วงศกร ปรมัตถากร รับบทเป็น “เจ้าชายสิทธัตถะ” เล่าถึงการเตรียมตัวกับบทบาทอันน่าภาคภูมิใจในครั้งนี้ว่า ตนไม่เคยเล่นละครเวทีมาก่อน จึงต้องเรียนร้องเพลงเพิ่มเติม เรียนพื้นฐานการเล่นละครเวทีด้วย ทั้งการหายใจ การยืน เดิน รวมไปถึงบุคลิกภาพ ส่วนการทำความเข้าใจกับบทบาทนั้นถือว่าไม่มีปัญหาเพราะเรื่องราวของพุทธประวัติทุกคนต่างก็มีความคุ้นเคยเป็นอย่างดี อีกทั้งในชีวิตประจำวันของพุทธศาสนิกชนก็ปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอน แนวทางในการดำเนินชีวิตตามแบบพระพุทธเจ้าอยู่แล้ว

“การเล่นละครเวทีครั้งแรกถือว่ายากมาก ในตอนแรกก็ยอมรับว่าทั้งเครียดและกดดัน ยิ่งใกล้วันเข้ามาเรื่อยๆ ช่วงนี้นอนไม่หลับเลย ทั้งต้องอ่านบท ท่องบท ทบทวนเนื้อเพลง ซึ่งเราทุกคนก็พยายามกันอย่างเต็มที่ ผมเชื่อว่าถ้าเราตั้งใจจะทำอะไร แล้วเราก็จะไม่รู้สึกเหนื่อย เราทำและเห็นว่ามันออกมาดีและทำให้คนดูมีความสุข เห็นรอยยิ้มของทุกคนเราก็จะมีกำลังใจ”



พระเอกหนุ่มยังทิ้งท้ายด้วยว่า หลายคนอาจจะมองว่าเรื่องราวของพระพุทธศาสนากับความบันเทิงเป็นเรื่องคนละขั้ว แต่เราพยายามจะเอาทั้งสองอย่างมารวมกัน เพื่อสร้างความบันเทิง เพื่อสร้างประโยชน์ และที่สำคัญ คือ กิจกรรมการสวดมนต์ข้ามปีไปพร้อมกับงานในวันนั้น ซึ่งถือเป็นสิ่งดีๆ ที่เราอยากจะมอบให้กับทุกคนในวันปีใหม่ด้วย

สำหรับ “พระนางพิมพา” ที่รับบทโดย เกรซ กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า เธอเล่าว่ารู้สึกเป็นเกียรติ และตื่นเต้นมาก อีกทั้งไม่เคยเล่นละครเวทีเช่นเดียวกัน แต่ด้วยความที่มีพื้นฐานด้านดนตรีมาตั้งแต่เด็ก เรียนเปียโน และคลุกคลีอยู่กับดนตรี การร่วมแสดงละครเวทีครั้งนี้จึงถือเป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่

“ละครเวทีเรื่องพุทธะ ราชะ เดอะมิวสิคัล มีการผสมผสานของดนตรีขั้นสูง ซึ่งแสดงถึงศาสตร์ทางด้านดนตรีจริงๆ มีเสียงสวดมนต์คลอไปกับเสียงดนตรีด้วย ส่วนบทบาทที่เกรซได้รับเป็นช่วงที่พระนางพิมพา พบเจ้าชายสิทธัตถะ มีช่วงที่ต้องร้องเพลง และบทเยอะมาก และเพลงค่อนข้างมีเนื้อหาเป็นคำที่ไม่ได้ใช้พูดกันในชีวิตประจำวัน แต่เกรซเคยใช้ภาษาเหล่านี้ในการเล่นละครโทรทัศน์อยู่บ้างจึงค่อนข้างคุ้นเคย”



เกรซ กาญจน์เกล้ายังฝากด้วยว่า นับเป็นฤกษ์ดีของคนไทย ที่จะได้รับชมสิ่งที่ดีและมีคุณค่าแก่การจดจำ ซึ่งเทศกาลปีใหม่มีเพียงปีละครั้ง จึงควรใช้เวลาให้ดีที่สุด

ปิดท้ายที่ ฟ้า ชัญษร สาครจันทร์ รับบท “พระนางสิริมหามายา” ที่เห็นว่าการเข้าร่วมแสดงละครเวทีครั้งนี้เป็นโอกาสพิเศษ เพราะรู้สึกว่าการนำเสนอผ่านละครจะทำให้ทุกคนเข้าถึงได้ง่าย มีความสนใจและสร้างการจดจำเรื่องราวของพุทธประวัติ ผู้ชมยังจะได้รับข้อคิด และเด็กๆ ก็จะเข้าถึงได้ง่ายด้วย

“ละครเวทีเรื่องนี้เป็นความอลังการมาก และการแต่งกายเองก็จะมีแบบอินเดีย และมีสีสันคัลเลอร์ฟูลมาก ชุดของแต่ละคนจะแปลกตา และหาดูยาก ส่วนเนื้อหาก็แน่นมาก ผู้กำกับตีความได้ดีและให้ความใส่ใจกับบทบาทของตัวละครทุกคน และนักแสดงก็มีความสามารถ ทุกคนก็ทำเต็มที่ สำหรับใครที่ไม่ได้มาร่วมสวดมนต์ข้ามปีที่สนามหลวง ก็อยากให้ติดตามการถ่ายทอดสดทางช่อง 7 เพราะถือเป็นโอกาสที่ดีมาก นับเป็นความยิ่งใหญ่ และเป็นธรรมะที่จับต้องได้ เป็นไปได้ก็อยากให้มาที่สนามหลวงเลยก็ดีค่ะ” ฟ้า ชัญษรทิ้งท้าย

ผู้ที่สนใจร่วมงานสวดมนต์ข้ามปี เริ่มต้นดี ชีวิตดี ณ ท้องสนามหลวง ดูรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ //www.thaihealth.or.th/newyearprayer และเชิญร่วมโพสต์ข้อความ/ภาพ ผ่าน Twitter หรือ Instagram โดยใส่ #NewYearPrayer แล้วนำมาแสดงที่จุดลงทะเบียนหน้างานเพื่อรับชุดของขวัญ (ของมีจำนวนจำกัด)
Create Date :26 ธันวาคม 2555 Last Update :26 ธันวาคม 2555 17:59:12 น. Counter : 4145 Pageviews. Comments :0