bloggang.com mainmenu search
บทแผ่เมตตามีทั้งแผ่เมตตาให้ตนเอง ให้ผู้อื่น ให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย
 
 การแผ่เมตตา เป็นสิ่งที่โบราณบัณฑิตทั้งหลายปฏิบัติต่อกันมาตามลำดับ
การแผ่เมตตาความหมายและคุณค่าของการแผ่เมตตา

      เมตตา หมายถึงความรัก ความปรารถนาดี ต้องการให้มีความสุขความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปโดยปราศจากความอิจฉาริษยา และหมายถึงความมีไมตรีจิตต่อกันด้วยความจริงใจฐานมิตร ดังนั้น การแผ่เมตตาจึงได้แก่การส่งกระแสจิตของตนไปสู่ผู้อื่นทั้งที่เป็นเทวดา มนุษย์ และสัตว์ด้วยความหวังดีที่จะให้เขามีความสุข ได้รับความสมหวังในชีวิต เป็นการแสดงออกซึ่งน้ำใจที่เปี่ยมด้วยเมตตาธรรมของผู้แผ่เมตตา

    การแผ่เมตตา เป็นสิ่งที่โบราณบัณฑิตทั้งหลายปฏิบัติต่อ กันมาตามลำดับ เพราะเห็นประโยชน์ว่า การแผ่เมตตานี้จะทำให้ผู้ปฏิบัติเป็นประจำมีจิตใจอ่อนโยน เยือกเย็นลงได้ และทำให้มองเห็นว่าการที่มนุษย์หวังดีต่อกันนั้นเป็นทางนำให้โลกเกิดสันติ สุขได้ และเมื่อตัวเองได้รับความสุขแม้เพียงเล็กน้อยก็ต้องการให้เพื่อนร่วมโลกได้ รับความสุขอย่างนั้นบ้าง จึงได้แผ่กระแสจิตอันเยือกเย็นและอ่อนโยนนั้นไปยังผู้อื่น ผู้ได้รับเมตตาจิตนั้นแล้วก็จะพลอยมีจิตอ่อนโยน เยือกเย็น และได้พบกับความสุขทางใจไปด้วย ด้วยเหตุแห่งการแผ่เมตตาไปยังเพื่อนมนุษย์เช่นนี้จึงทำให้มนุษย์และสัตว์ อยู่กันด้วยความมีน้ำใจดีต่อกัน รักใคร่กันฉันพี่น้อง และหันหน้าเข้าหากันด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ทำให้อยู่กันด้วยความอบอุ่นไว้วางใจกัน ปราศจากความระแวกันและกัน เป็นเหตุให้ไม่เบียดเบียนกันแต่จะอุดหนุนเกื้อกูลกันและกันด้วยน้ำใสใจจริง

 วิธีการแผ่เมตตา

   
      การแผ่เมตตานั้นควรแผ่ให้ตนเองก่อน คือต้องปรารถนาความสุขให้แก่ตัวเองเสียก่อนโดยวิธีสร้างความรักตัวเองในทาง ที่ถูกที่ควร คือไม่ทรมานตัวเองด้วยการกระทำ ด้วยความคิดที่ผิด ๆ ทำตัวเองให้มีอำนาจทางจิตด้วยความดีเสียก่อน แล้วค่อย ๆ ขยายวงเมตตาออกไปยังผู้อื่น สัตว์อื่น ตามลำดับ แม้ผู้นั้นจะเป็นผู้ที่ตนไม่ชอบหรือเป็นศัตรูกันก็ตาม เพราะถ้าหากสามารถแผ่เมตตาไปให้แก่ผู้ไม่ถูกกันได้ นั่นแสดงว่าผู้นั้นได้ยกระดับจิตให้พ้นจากอำนาจความโกรธเคืองหรือความอิจฉา ริษยาได้แล้วด้วยเมตตา เพราะเมตตานี้เป็นเครื่องกำจัดกิเลสคือ โกธะ

     ความโกรธ โทสะ ความประทุษร้าย อรติ ความไม่ชอบใจด้วยอำนาจของความอิจฉาริษยาเสียได้ ต่อไปตัวเองก็จะประสบความสุขความสงบทางใจ ไม่มีความเดือดร้อนใจ ไม่มีความกระวนกระวายใจอะไรต่อไปอีก เพราะปล่อยวางความโกรธความไม่พอใจเสียได้แล้ว ซึ่งผิดกับตอนที่ยังโกรธอยู่ ยังอิจฉาริษยาเขาอยู่ ในตอนนั้นจิตใจจะมีแต่ความร้อนรุ่มกลุ้มอก กระวนกระวายใจ และไม่เป็นอันกินอันนอนอย่างเห็นได้ชัด

     เราควรแผ่เมตตาทุกวัน อย่างน้อยก็ก่อนนอนทุกคืน ถ้าสามารถทำให้มากครั้งต่อวันได้ก็ยิ่งจะเป็นกำไรชีวิต เช่น นึกแผ่เมตตาทุกอิริยาบถ ขณะเดินไปตามถนนหนทาง ขณะนั่งรถไปทำงาน ขณะเดินทางไปต่างจังหวัด หรือขณะนั่งพักผ่อน ณ ที่ใดที่หนึ่งหลังจากว่างงาน เพราะในขณะนั้นจิตใจจะปลอดโปร่งเหมาะที่จะนึกแผ่เมตตาอย่างยิ่ง และในขณะนั้นเท่ากับว่าได้ทำกรรมฐานไปในตัวด้วย เพราะการแผ่เมตตานี้จัดเป็นกรรมฐานประการหนึ่ง ที่จะทำให้ใจสงบเย็นลงได้ และจะคอยควบคุมจิตใจให้นึกคิดไปในทางที่ถูกที่ควรได้รวดเร็ว ฉะนั้น แม้ว่าผู้แผ่เมตตาจะทำได้เพียงวันละเล็กวันละน้อย แต่ทำทุกวันจนติดเป็นนิสัย ก็จะได้รับประโยชน์อย่างมหาศาลอย่างหนึ่งเป็นแน่แท้

 



คลิกชมภาพและอ่านต่อที่นี่....

Create Date :26 มิถุนายน 2555 Last Update :26 มิถุนายน 2555 21:41:38 น. Counter : 2038 Pageviews. Comments :0