Group Blog
กล้วยไม้ในป่าไทย
Thai native orchid profiles
โลกสีเขียว
ถอดความ
GMOs
เล่าเรื่องจากภาพถ่าย
Portfolio
Film addicted
Half frame
เรื่องเมืองไทย
ขายกลัวยไม้
<<
เมษายน 2552
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
22 เมษายน 2552
เพาะเมล็ดกล้วยไม้ด้วยตัวเอง
All Blogs
หายนะ "ปาล์มน้ำมัน"
ผักอินทรีย์ ผักปลอดสาร ผักไฮโดรโปนิกส์
แหนแดงกับการตรึงไนโตรเจนของพืช
ยูเรีย
ศิลาแลง
ที่มาของชื่อ อ.บางน้ำเปรี้ยว
พิษของสารป้องกันกำจัดศัตรูพืชและวัตถุอันตรายทางการเกษตร
ครัวโลก
เกษตรกรรมไทย
ชื่อพืช
เครื่องปลูกรองเท้านารี
รองเท้านารีสำหรับมือใหม่
การสะสมเกลือในเครื่องปลูก
ไฟไหม้ฟาง
มะพร้าว .... ร่วง
บทอวสานของพริกไทยแท้????
ลำไย
มันส์ (มันเติม S)
น้ำส้มควันไม้
เกษตรอินทรีย์
ผลไม้ ... สักผลมั้ย
เพาะเมล็ดกล้วยไม้ด้วยตัวเอง
เรื่องกล้วย เรื่องยาก
กล้วยไม้ป่า
ประโยชน์ของวัชพืช
การอนุบาลลูกกล้วยไม้ด้วยเทคนิค Air humid confinement
ม็อบสีเขียว
ธรรมชาติพยากรณ์
หนามปาล์ม
ราปฏิปักษ์
ข้าวแพง
แสงกับการเจริญเติบโตของพืช
พิษภัยของไนเตรท
pH กับการปลดปล่อยธาตุอาหาร
วิธีผสมพันธุ์กล้วยไม้ (เรียนจากภาพ)
เคียว
พื้นฐานการปรับปรุงพันธุ์พืช (ตอนที่ 4 และ 5)
พื้นฐานการปรับปรุงพันธุ์พืช (ตอนที่ 3)
พื้นฐานการปรับปรุงพันธุ์พืช (ตอนที่ 2)
พื้นฐานการปรับปรุงพันธุ์พืช (ตอนแรก)
เรื่องร้อนๆ
ข้าวโพด : กับเรื่องที่คุณอาจยังไม่รู้
pH ที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืชบางชนิด
การให้ปุ๋ยทางใบกับพืช
ยาจี๊ด (ตอนจบ)
ยาจี๊ด (ตอนแรก)
โกโก้ ... เครื่องดื่มชั้นเทพ
อ้อยปิ้ง (ตอนจบ)
อ้อยปิ้ง (ตอนแรก)
จิบชาบนยอดดอย
TIB
ดินกับธาตุอาหารในดิน
พืชสวนโลก สดๆ ร้อนๆ (ภาพ)
พืชสวนโลก สดๆ ร้อนๆ (เรื่อง)
หลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดิน
นาข้าวในกรุงเทพ
อยากลองเป็นสับปะรดดูสักที (ตอนที่ 3)
อยากลองเป็นสับปะรดดูสักที (ตอนที่ 2)
อยากลองเป็นสับปะรดดูสักที (ตอนที่ 1)
การลำเลียงน้ำและธาตุอาหารของพืช
คลอง 15
ผ.ผึ้ง ทำรัง
WASI
สวะในลำน้ำ
ตุ้มมะพร้าวเจี๊ยบ
2 วีรบุรุษทางชีววิทยา
สีสันของพืช
กระบวนการสังเคราะห์แสงของพืช
ไส้เดือน ... สัตว์มหัศจรรย์
เพาะเมล็ดกล้วยไม้ด้วยตัวเอง
ผู้รักกล้วยไม้หลายท่านคงเคยลองเพาะเมล็ดกล้วยไม้กันมาบ้าง แต่เชื่อว่าส่วนใหญ่น่าจะประสบความล้มเหลว เพราะกล้วยไม้หลายพันธุ์ เรียกได้ว่าเป็นส่วนมาก จัดเป็นพืชที่เพาะจากเมล็ดค่อนข้างยากกว่าพืชอื่นๆ หลายท่านอาจมีคำถามต่อว่า แล้วกล้วยไม้ในป่าธรรมชาติขยายพันธุ์ได้อย่างไร ตอบได้ว่ากล้วยไม้ป่า ก็มีการผสมเกสรและขยายพันธุ์ตามธรรมชาติด้วยวิธีการงอกจากเมล็ดนี่แหละครับ โดยหลังจากดอกกล้วยไม้ได้รับการผสม ก็จะค่อยๆ พัฒนาต่อไปเป็นฝัก กล้วยไม้หนึ่งฝักมีเมล็ดบรรจุอยู่ภายในเป็นหมื่นเป็นแสนเมล็ด เมื่อฝักแก่และแตก เมล็ดกล้วยไม้จะปลิวไปตามลม พัดพาไปตามน้ำ หรือถูกสัตว์หรือแมลงพาไปตกตามที่ต่างๆ การงอกของเมล็ดกล้วยไม้จำเป็นต้องมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม กล้วยไม้หลายชนิดจะงอกได้ก็ต้องอาศัยการเกื้อกูลจากสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น (Symbiosis) มีผลการศึกษาที่ยืนยันว่าเชื้อรา Mycorhiza สนับสนุนให้กล้วยไม้ในธรรมชาติมีอัตราการสูงขึ้น ปัจจุบันตามห้องปฏิบัติการหลายแห่งนิยมใส่เชื้อเห็ดหูหนู (
Auricularia polytricha
) ลงไปในอาหารวุ้น เพราะเชื่อว่าเชื้อราตัวนี้จะเป็นตัวส่งเสริมให้เมล็ดกล้วยไม้งอกได้ดีเช่นกัน ในป่าธรรมชาติเมื่อเมล็ดกล้วยไม้ได้รับความชื้นจากน้ำค้างและน้ำฝน ได้รับแหล่งพลังงานจากอินทรียวัตถุที่มันปลิวไปตก ได้รับแสงแดดจากดวงอาทิตย์ ก็ใช่ว่าเมล็ดกล้วยไม้เหล่านั้นจะงอกและมีชีวิตรอดได้ทั้งหมด เพราะหลังจากนั้นลูกกล้วยไม้ยังต้องต่อสู้กับความแปรปรวนของสิ่งแวดล้อม การตัดไม้ทำลายป่าซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของกล้วยไม้ บ้างก็ถูกมนุษย์เก็บไปเลี้ยงในเมือง และมีจำนวนไม่น้อยที่ต้องตายก่อนวัยอันควรเนื่องจากไฟป่า
ทีนี้ลองมาดูกันครับว่าเราจะลองเพาะเมล็ดกล้วยไม้ด้วยตัวเองได้อย่างไรโดยไม่ต้องนำฝักไปจ้างห้องปฏิบัติการเพาะ ก่อนอื่นก็ต้องทำความเข้าใจสักนิดว่ากล้วยไม้แต่ละชนิดพันธุ์มีความยากง่ายในการงอกแตกต่างกัน กล้วยไม้หลายชนิดมีอัตราการงอกน้อยมาหรือไม่งอกเลย แม้ว่าในห้องปฏิบัติการมีการจัดการและควบคุมสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของกล้วยไม้เป็นอย่างดี ทั้งแหล่งธาตุอาหารและพลังงานที่จำเป็นสำหรับกล้วยไม้ นอกจากนี้ยังมีการควบคุมความชื้น ความดันและอุณหภูมิอย่างเหมาะสม แต่ก็ยังมีกลุ่มของกล้วยไม้ที่สามารถงอกง่ายๆ ที่พอจะหยิบยกเป็นตัวอย่างก็เช่น กะเรกะร่อน (Cymbidium sp.) ที่เราเห็นมันเกาะติดต้นปาล์มตามท้องนานั่นเอง ม้าวิ่ง (
Doritis pulcherima
) ก็เป็นกล้วยไม้ที่งอกได้ไม่ยากนัก
กล้วยไม้ดินใบหมากหรือว่านจุก (
Spathoglottis plicata
)" เป็นกล้วยไม้อีกชนิดหนึ่งที่สามารถนำมาลองเพาะได้ดี ในประเทศไทยสามารถพบการกระจายพันธุ์ได้มากทางภาคใต้ ออกดอกเป็นช่อสีม่วงสด และหากสภาพแวดล้อมเหมาะสมจะทยอยให้ดอกได้เกือบทั้งปี กล้วยไม้ชนิดนี้สามารถปลูกเป็นไม้ประดับกลางแจ้งได้ดี หลังจากเกสรตัวเมียได้รับการผสมแล้ว เซลผนังรังไข่จะค่อยๆ โป่งขยายขนาดและพัฒนาเป็นฝักในที่สุด ระยะเวลาที่พัฒนาเป็นฝักแก่ใช้เวลาเพียง 30-40 วันเท่านั้น การเพาะเริ่มจาก
1. เตรียมเครื่องปลูก โดยนำอิฐมอญ (ชนิดที่ไม่มีรู) ทุบให้ละเอียดใส่ลงในกระถางดินเผา
2. นำฝักกล้วยไม้ที่สุกแก่ได้ที่ขยี้ลงบนเครื่องปลูกให้ทั่ว
3. นำกระถางเก็บไว้ภายใต้แสงรำไร ข้อสำคัญควรมีความชื้นบรรยากาศสูง
ดังนั้นหลังจากการเพาะเมล็ดแล้ว อาจใช้จานหล่อน้ำใต้กระถางไว้ เนื้อกระถางและอิฐมอญซึ่งเป็นดินเผาจะดูดซึมน้ำให้ชุ่มชื้นได้ตลอดเวลา หรืออาจนำกระถางที่เพาะแล้วไปบ่มไว้ในตู้ความชื้น (High moisture tunnel) ซึ่งมีลักษณะเป็นระบบปิด เพื่อรักษาสมดุลความชื้นได้ตลอดเวลา หรืออาจใช้วิธีนำแผ่นกระจกใสมาวางทับลงบนปากกระถาง ก็สามารถรักษาความชื้นได้ดีระดับหนึ่งเช่นกัน
หลังจากทำการเพาะประมาณ 1 เดือนครึ่ง ต้นกล้วยไม้จะเริ่มงอก เมื่อกล้าไม้เริ่มแข็งแรงจึงค่อยย้ายเปลี่ยนกระถางหรือนำไปปลูกลงแปลงก็ได้
Create Date : 22 เมษายน 2552
Last Update : 22 เมษายน 2552 7:51:41 น.
9 comments
Counter : 23886 Pageviews.
Share
Tweet
แวะมาเก็บความรู้....
แต่จริงๆแง้ว...ตั้งใจมาส่งความคิดถึงมากกว่าค่ะ
ดีจังค่ะจะลองทำดู....ใช้วิธีนี้กับกล้วยไม้ทุกชนิดได้ไหมคะ???
โดย: noklekkaa (
papagearna
) วันที่: 22 เมษายน 2552 เวลา:10:34:51 น.
เอื้องพร้าวเป็นกล้วยไม้ชนิดหนึ่งซึ่งสามารถเพาะเมล็ดเองได้โดยไม่ต้องใช้อาหารเลี้ยงครับ แต่ว่าต้องชื้นและมีเชื้อราตามธรรมชาติ
โดย:
endless man
วันที่: 22 เมษายน 2552 เวลา:10:44:34 น.
ไม่ลองไม่รู้..
ที่บ้านมีกล้วยไม้ติดฝักทุกปีค่ะ(ตามธรรมชาติ)
ก็ปล่อยทิ้งไปตามยถากรรม
มีอยู่ปีนึงจู่ๆ ต้นเคราฤาษีข้างๆ
ดันมีกล้วยไม้น้อยๆโพล่ขึ้นมา 2 ต้น
ก็ปล่อยติดแบบนั้น...นานเป็นปี
เชื่อไหมค่ะว่าคือช้างแดง
เพราะใบแบบนั้นคงไม่พ้นแน่
ส่วนที่ว่าทำไมช้างแดง
เพราะที่บ้านไม่มีช้างอื่นเลยค่ะ
-------------------------------
เจ๋งไหมค่ะ
แต่พอเราพยายามจะทำซ้ำ ไม่ยักได้ซักที
โดย:
mutcha_nu
วันที่: 22 เมษายน 2552 เวลา:19:16:17 น.
แวะมาเยี่ยมชมครับ ได้ความรู้ขึ้นเยอะเลย
โดย: tatiger (
greentigerorchid
) วันที่: 22 เมษายน 2552 เวลา:20:56:34 น.
มาเก็บข้อมูลค่ะ ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆๆๆ ค่ะ
โดย:
kamonorchids
วันที่: 23 เมษายน 2552 เวลา:21:22:02 น.
น่าลองครับ..ขอบคุณครับ
โดย:
na_nin
วันที่: 10 มิถุนายน 2552 เวลา:18:35:43 น.
แวะมาเก็บความรู้ค่ะ เสียดายจังที่เพิ่งมาเจอบทความนี้ เพราะฝักที่ติดก่อนหน้านั้น เดี๋ยวนี้ไปสวรรค์แล้วล่ะค่ะ
โดย:
หนูเมเปิล
วันที่: 24 มกราคม 2553 เวลา:18:58:47 น.
ของผมงอกแล้วครับผม จะทำไงต่อดีครับ :)
โดย: rachunsun (
rachunsun
) วันที่: 12 มีนาคม 2555 เวลา:11:53:41 น.
เยี่ยมค่ะน่าลองแต่จะสำเร็จหรือเปล่าไม่รู้
เยี่ยมยอด
โดย:
สมาชิกหมายเลข 2775512
วันที่: 7 พฤศจิกายน 2558 เวลา:21:19:54 น.
ชื่อ :
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
น้าโหด
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [
?
]
Friends' blogs
Webmaster - BlogGang
[Add น้าโหด's blog to your web]
Links
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
แต่จริงๆแง้ว...ตั้งใจมาส่งความคิดถึงมากกว่าค่ะ
ดีจังค่ะจะลองทำดู....ใช้วิธีนี้กับกล้วยไม้ทุกชนิดได้ไหมคะ???