The Chronicles of Narnia: Prince Caspian : หนังภาคต่อที่สุดแสนประทับใจ

My Score: 9/10



ผมเพิ่งผันตัวเองเป็นนักดูหนังตัวยงมาได้ไม่ถึง 2 ปี ยอมรับเลยว่าชื่อของ Narnia ไม่ได้อยู่ในความสนใจเลยแม้แต่น้อย กระนั้นพอทราบว่าภาคต่อกำลังจะออกฉาย ก็ไปหาซื้อภาคแรกมาดู (ดูตามกระแสอีกแล้วครับ) จึงสรุปได้ว่าเป็นหนังแฟนตาซีธรรมดาๆเรื่องหนึ่งที่ดูได้เพลินๆ เหมาะสำหรับครอบครัวและกลุ่มผู้ชมเด็กๆ ไม่ได้มีอะไรน่าประทับใจเป็นพิเศษ ...

อย่างไรก็ตามผู้ที่ได้ชมภาคแรกมาแล้วคงจะไม่พลาดชมในภาคต่อนี้ เพราะจุดเด่นของ Narnia อยู่ที่เนื้อเรื่องซึ่งมีจินตการสูง ที่พร้อมจะนำพาผู้ชมให้จมดิ่งเข้าไปสู่ดินแดนมหัศจรรย์ สิ่งสำคัญยิ่งอยู่ที่การผสมผสาน CG กับสถานที่ถ่ายทำจริงทำให้ภาพที่ออกมานั้นสวยงาม และตระการตามาก



No Spoil

ในภาค Prince Caspian นั้นเป็นเหตุการณ์ 1 ปีหลังจากที่เด็กๆทั้ง 4(ปีเตอร์, ซูซาน, เอ็ด และลูซี่) กลับไปใช้ชีวิตบนโลกมนุษย์ ซึ่งเท่ากับ 1,000 ปีของนาเนียร์ หนังเริ่มต้นไปที่ "เจ้าชายแคสเปี้ยน" ได้กำลังหลบหนีการไล่ล่าของ "ลอร์ดมิราซ" ที่หมายจะลอบสังหารเขาเพื่อยึดครองบัลลังก์ และเมื่อถึงสุดวิสัยเจ้าชายจึงนำแตรแห่งนาเนียร์ขึ้นเป่า ทำให้เด็กๆทั้ง 4 บนโลกมนุษย์ที่กำลังรอรถไฟกลับบ้านอยู่นั้น หายตัวเข้าสู่อาณาจักรนาเนียร์ทันที

การกลับมาหนนี้ เด็กๆพบว่าอาณาจักรนาเนียร์ของพวกเขาเหลือแต่เพียงซากปรักหักพัง และความรกร้าง ซึ่งถูกทำลายโดยกลุ่มเทลมารีนของลอร์ดมิราซนั่นเอง เมื่อเด็กๆได้มาพบกับเจ้าชาย ทั้งสองฝ่ายก็ร่วมมือกันที่จะโค่นอาณาจักรเทลมารีนให้ได้ นอกจากนี้พวกเด็กๆทั้ง 4 ที่ไร้เดียงสาบนโลกมนุษย์ ยังต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ด้วยว่าพวกเขานั้นเป็นอดีตผู้ครอบครองอาณาจักรแห่งนี้ ...

ความประทับใจ: เป็น 1 ในหนังภาคต่อที่ประทับใจมากที่สุด มีการดำเนินเรื่องที่สนุก เพลิน ชวนให้ติดตามตลอดเรื่อง ความเอื่อยที่เป็นปัญหาของภาคแรกนั้นถูกลบออกไป มาพร้อมกับความบันเทิงที่ให้กันเต็มอิ่มด้วยการมีฉากรบถึง 2 ครั้ง พร้อมกับ CG ที่อลังการงานสร้าง (โดยเฉพาะฉากที่อัสลานเรียกเทพีแห่งน้ำออกมาถล่มพวกเทลมารีนนั้น สวยงามไม่มีที่ติจริงๆ) ทั้งยังมี Soundtrack อันแสนไพเราะในตอนจบ ทำให้ความยาว 2 ชม.กว่าๆในภาคนี้นั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว และจบลงด้วยความอิ่มเอมดีเหลือเกิน

สรุป: ไม่จำเป็นต้องดูภาคแรกก็ได้ แต่ถ้าได้ดูมาแล้วก็จะเพิ่มอรรถรสในการชมได้มากกว่า ส่วนตัวชอบมากกว่า Indy 4 และ Iron Man อยู่นิดๆ น่าแปลกใจเหมือนกันที่รายได้น้อยกว่า 2 เรื่องที่กล่าวมาอยู่มากพอสมควร แต่ก็อย่าเพิ่งฟันธงอะไรมาก เพราะยังไม่ได้เปิดตัวในหลายๆประเทศทางฝั่งยุโรป แต่ท้ายสุดจะเป็นอย่างไรก็ช่าง...ส่วนตัวรู้สึกรักหนังเรื่องนี้ขึ้นมาทันที และเชียร์เต็มที่เลยครับ เพื่อนๆที่ยังไม่ดูจึงไม่ควรจะพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ

Create Date : 11 มิถุนายน 2551 Last Update : 11 มิถุนายน 2551 23:42:16 น. Counter : 2517 Pageviews.		6 comments
Share Tweet

	จงรัก(ตัวเอง)อย่างไร้เงื่อนไขนะคะ nonnoiGiwGiw (20 มิ.ย. 2568 10:08:54 น.)		The Pursuit of Happyness (2006) ยิ้มไว้ก่อนพ่อสอนไว้ ไมเคิล คอร์เลโอเน (20 มิ.ย. 2568 23:03:25 น.)
	3668_Elio หอมกร (16 มิ.ย. 2568 11:14:45 น.)		"How To Train Your Dragon" เปิดตัวอันดับ 1 China Box Office iamZEON (16 มิ.ย. 2568 13:54:58 น.)