9/10 คะแนน (ภาคแรก 10/10)
เมื่อวาน(31/3/51)โดดงานกับแฟนเพื่อไปโรงภาพยนตร์ Apex สยาม โรงหนังที่ฉายหนังจำกัดโรงซะเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น No Country for Old Men หรือ There will be Blood แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมลังเลใจ ที่จะเปลี่ยนแปลงจุดมุ่งหมายของตัวเอง
เรื่องย่อ (ไม่สปอยล์) : เรื่องราวที่ต่อเนื่องมาจากภาคแรก บนถนนสายที่ 3 ในเขตยูอีของมหานครโตเกียว ยังคงเป็นเรื่องราวหลักๆของ 2 เหตุการณ์ที่มีเหตุการณ์ย่อยๆเข้ามาช่วยแต่งเติมให้ถนนสายนี้อบอุ่น เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ความประทับใจ และน้ำตา
ครอบครัวซูซูกิยังคงอยู่ด้วยกันอย่างอบอุ่น มาคราวนี้ได้มีญาติห่างๆที่ทำธุรกิจล้มเหลว นำลูกสาวมาฝาก ซึ่งเธอค่อนข้างเป็นเด็กมีปัญหา ในช่วงแรกเธอต้องปรับตัวเป็นอย่างมากในการอยู่ร่วมกับครอบครัวซูซูกิ
ริวโนะสุเกะ นักเขียนไส้แห้ง ยังต้องดิ้นรนเพื่อคว้ารางวัลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศให้ได้ เมื่อพ่อของจุนโนะซึเกะส่งสัญญาณเตือนเป็นครั้งสุดท้าย ว่าตัวเขาเองจะเลี้ยงดูจุนโนะซึเกะได้หรือไม่? ทั้งนี้การได้รางวัลมา ยังอาจจะส่งผลให้เขาได้พิสูจน์รักกับ ฮิโรมิ ได้อีกด้วย...
ความประทับใจ : การเล่าเรื่องยังคงไม่ต่างจากภาคแรก แม้ฉากเรียกน้ำตาอาจจะไม่มาแบบจงใจเท่าภาคแรก แต่หากสามารถสร้างอารมณ์ให้คล้อยตามไปตัวละครได้แล้ว การปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาก็ไม่ใช่เรื่องยาก การดำเนินเรื่องด้วยความยาวถึง 2 ชั่วโมงครึ่ง แต่ให้ความสนุกตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีสะดุดหรือชวนเบื่อแม้แต่น้อย จนกระทั่งดูจบแล้วความอบอุ่น+ความประทับใจยังไม่หาย ยังคงต้องนั่งฟังเพลง รวมไปถึงดูรายชื่อสต๊าฟจนจบ
สรุป :ภาคนี้จำกัดโรงฉายแค่เพียงที่ ลิโด้ และ Apex สยามเท่านั้น แต่ไม่ผิดหวังแน่นอนที่จะเดินทางไปชม (ดูโรงอิ่มกว่า) คนที่ดูภาคแรก ภาคนี้ไม่ควรพลาด หาชมได้ยากเหลือเกินหนังที่มีองค์ประกอบทุกอย่างลงตัว ทั้งนักแสดง เพลงประกอบ การจัดฉาก การลำดับภาพ และพล็อตเรื่องที่แสนอบอุ่นที่สุด ทำให้ Alway sunset on third street จะเป็นหนังอบอุ่นที่อยู่ในใจคุณตลอดไป
"ทุกคนย่อมเคยทำผิดพลาด ความผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่าถือเป็นบทเรียนสำคัญที่จะนำมาพัฒนาตนเอง ยิ่งไปกว่านั้นหากเรามีใครซักคนที่คอยให้กำลังใจอยู่ไม่เคยห่าง และเค้าคนนั้นก็พร้อมที่จะร่วมทุกข์ร่วมไปสุขไปกับเรา กำลังใจนั้นจะกลายเป็นพลังอันใหญ่หลวงคอยผลักดันให้เราทำสิ่งๆนั้นให้สำเร็จจงได้"
ไชโยอัพบล็อกใหม่แล้ว เรื่องนี้ได้คะแนนเยอะหนิ แต่เสียดายไม่ใช่หนังฮอลีวู๊ดเน๊อ