ยี่ร้อยพลอยโกสินทร์ _ บทที่ ๒ (๑) หวานไทย
บทที่ ๒ หวานไทย (พ.ศ. ๒๕๒๖)
เสียงพื้นไม้ดัง เอี๊ยดๆ อ๊าด ๆ ตามจังหวะย่ำเท้าของหญิงเดินวนไปมาบนเรือนไม้ เธอเดินวนเวียนไปมาอย่างนี้อยู่นานแล้วจึงเริ่มบ่นพึมพัมกับตัวเอง
“อะไรกันนี่หลายเดือนแล้ว เกิดอะไรขึ้น น้าจวงลืมเรื่องงานที่รับปากฉันไว้รึเปล่าหรือมีอะไรเกิดขึ้นกับน้าจวง หรือมีปัญหา อะไรกันเนี่ยะ โอ้ย! ไม่ไหวแล้วนะ ขืนรอต่อไปอยู่อย่างนี้ นางหญิงต้องอกอีแป้นแตกแน่ จะมัวแต่นั่งรอข่าวจากโทรเลขไม่ได้แล้วต้องทำอะไรสักอย่าง ๆ” หญิงบ่นกับตัวเองและนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วจู่ ๆ ก็ตะโกนขึ้นว่า “ใช่แล้ว ๆ โทรศัพท์” พูดไม่ทันขาดคำ หญิงก็รีบออกจากบ้านรุดเข้าไปยังแถวที่ว่าการอำเภอพระนครศรีอยุธยา “เร็วๆ หน่อยได้ไหมจ้ะ ฉันมีธุระด่วน” หญิงพูดกับผู้ชายที่กำลังใช้โทรศัพท์สาธารณะสีแดงนั้นเมื่อเค้าจบการสนทนา เธอก็รีบคว้าโทรศัพท์มาทันที แล้วหยอดเหรียญหนึ่งบาทที่เตรียมมาสิบกว่าเหรียญเข้าไปในโทรศัพท์แล้วใช้นิ้วชี้หมุนเบอร์โทรของน้าจวงอย่างรวดเร็ว เสียงจากโทรศัพพ์ที่ร้านดอกไม้น้าจวงดังขึ้นสักพักก็มีเสียงตอบรับจากปลายทาง “ร้านเจ้จวงปากคลองครับ” พนักงานที่ร้านดอกไม้กล่าว หญิงรีบต่อถามทันที “น้าจวงขอสายน้าจวงหน่อยจ้ะ” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงรีบร้อนเพราะเกรงเหรียญที่หยอดไว้จะหมด “เจ้ไม่อยู่ร้านครับไปทำธุระต่างจังหวัด” เสียงตอบกลับนี้ทำให้หญิงหมดแรงเข่าแทบทรุดคิดอะไรต่อไม่ออก เธอตอบกลับเพียงสั้น ๆ ว่า “จ้ะ” แล้วก็วางหูโทรศัพท์ลง เธอหันหลังกลับเดินจากตู้โทรศัพท์โดยลืมเหรียญบาทที่โทรศัพท์เหลือคืนมาออกทั้งหมด แล้วเธอก็ค่อย ๆกลับบ้านมาอย่างคนสิ้นหวัง เมื่อหญิงถึงบ้านเป็นเวลาราวหกโมงเย็นหมายกำลังเตรียมตักข้าวใส่จานให้เธอ แต่ข้าวนั้นก็มีตักได้เพียงคนละครึ่งทัพพี กับปลาสวายนึ่งตัวเล็กๆ ที่หมายก็เพิ่งจับมาได้จากแม่น้ำใกล้ ๆ บ้าน “สุดที่รักหายไปไหนมาค่อนวันจ้ะ พ่อเตรียมข้าวปลาเสร็จพอดีมาทานด้วยกันเร็ว” หมายคะยั้นคะยอ “พี่ทานเถอะฉันกินข้าวที่ตลาดมาแล้ว” พูดจบหญิงมองไปยังลูกทั้งสอง อ้ายดูซูบผอมมากส่วนยี่น้อยที่นอนหลับอยู่ในเปลสภาพนั้นก็มีไม่ต่างกันกับพี่ชายเธอเศร้าไปถึงก้นเบื้องของหัวใจ แล้วก็เดินเข้าไปยังห้องนอนปิดประตูโดยไม่พูดอะไรต่อกับสามี หมายคิดว่าภรรยาคงทะเลาะกับใครที่ตลาดมาเลยอารมณ์เสียเพราะเธอมักเป็นอย่างนี้อยู่บ่อยครั้งเวลาที่มีปากเสียงกับคนข้างนอกเขาจึงไม่ถามอะไรต่อและคิดว่าพรุ่งนี้เธอก็จะดีขึ้นเหมือนทุกครั้ง ตั้งแต่ค่ำวันนั้นจนตลอดราตรีหญิงข่มตานอนไม่ลงได้แต่ครุ่นคิดอยู่ทั้งคืนว่าจะทำอย่างไรดี แต่คิดแล้วคิดอีกก็ยังมืดแปดด้านแต่ท้ายสุดก็เผลอหลับไปตอนใกล้รุ่งของวันใหม่
เช้ารุ่งขึ้นหมายก็เลี้ยงลูกทั้งสองและทำความสะอาดบ้านตามปกติจนเวลาล่วงเข้าถึงเที่ยงวันขณะที่กำลังตักน้ำใส่ตุ่มอยู่บริเวณหัวบันไดใต้ถุนบ้าน เขาสังเกตเห็นชายคนหนึ่งแต่งเครื่องแบบราชการสีกากีค่อย ๆ เดินตรงมาที่หน้าบ้าน “อ้อ! สวัสดีจ้ะ” หมายเพิ่งเห็นชัดว่าเขาคือบุรษไปรษณีย์ “โทรเลขด่วนจากกรุงเทพฯถึงคุณรัตนา นารุ่ง ครับ” บรุษไปรษณีย์กล่าว “รัตนาเมียฉันเองจ้า มีเรื่องอะไรเหรอ”หมายตะโกนเสียงดังด้วยความตกใจ เพราะนึกว่าเจ้าหน้าที่จะมาแจ้งข่าวร้าย “ใจเย็นพ่อไม่มีอะไรร้ายแรง ก็แค่มีโทรเลขมาส่ง พ่อไม่ต้องตกใจไป”บรุษไปรษณีย์กล่าวตอบ ทันใดนั้นหญิงก็รีบวิ่งกรูลงมาจากบนเรือนเพราะเธอได้ยินบทสนทนานั้น “ฉันเองจะรัตนามีโทรเลขมาจากกรุงเทพฯใช่ไหมจ้ะ” หญิงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่มแล้วยิ้มหวานเธอลงชื่อรับโทรเลยนั้น แล้วบรุษไปรษณีย์เดินคล้อยหลังไป หญิงรีบอ่านโทรเลขที่ได้รับซึ่งมีความว่า “เจอร้านดอกไม้น้า เตรียมเริ่มงานทำขนมไทย” เมื่ออ่านข้อความจบหญิงดีใจราวกับลิงโลดเธอบอกหมายทันทีว่าอาทิตย์นี้จะเข้ากรุงเทพฯไปหาน้าจวงเพราะเธอได้งานแล้ว จึงทำให้หมายตกใจมาก
“ฮะ! นี่แม่แอบให้น้าจวงหางานให้เหรอ ไม่เคยบอกกันเลย พ่อไม่ยอมให้แม่ไปหรอก”หมายรีบค้าน แล้วพยายามกล่าวชักแม่น้ำทั้งห้าต่อ “แม่ไม่ไปได้ไหม ลูกเรายังเล็กต้องมีแม่ดูแลใกล้ ๆ เจ้าอ้ายเพิ่งเดินเตาะแตะเจ้ายี่ก็ยังเล็กมาก อีกอย่างกรุงเทพฯไม่ใช่บ้านเรา อันตรายแค่ไหนก็ไม่รู้ แม่อย่าไปเลยนะนะจ๊ะ” “นี่พ่ออย่ามาห้ามเลยทุกวันนี้ลูกเราเป็นยังไงพ่อก็เห็นอยู่ อดมื้อกินมื้อ สองคนหละผอมจนจะเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกแหละแค่ทำนากับรับจ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ มันจะไปพอกินอะไร ถ้าไม่หาทางเพิ่มเงินครอบครัวเราต้องอดตายกันแน่ ยังไงฉันก็ต้องไปทำงานที่กรุงเทพฯหรือพ่อจะมีปัญญาหาเงินได้สักแสนแล้วค่อยมาพูดกัน” หญิงดุหมายด้วยเสียงแข็งทำให้หมายน้ำตาซึม คำพูดของหญิงทำให้เขารู้สึกเสียใจมากที่ตัวเองไม่สามารถเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีหาเงินมาจุนเจือครอบครับไม่ได้ จนเมียและลูกต้องลำบากอย่างนี้
“งั้นแม่ไปเถอะ” หมายพูดพลางเดินคอตก หันหลังเดินไปทางแนวต้นกล้วยรอบบ้านพลางหยิบมีดพล้าขึ้นตัดเครือกล้วย เขาตัดไปเรื่อย ๆ โดยไม่พูดอะไรอีก “พ่อจะโกธรก็ได้แต่ขอให้เข้าใจนะว่าที่แม่ทำทั้งหมดนี่ก็เพื่อครอบครัวของเรา” พูดจบหญิงก็เดินขึ้นบนบ้านเพื่อไปให้นมลูกสาว และป้อนข้าวลูกชาย วันนั้นสองผัวเมียไม่คุยกันอีกเลยกระทั่งเช้าวันหนึ่งช่วงต้นเดือนกุมภาพันธุ์ หญิงหอบกระเป๋าสัมภาระกำลังจะเดินออกจากบ้านขณะที่กำลังจะก้าวออกจากธรณีประตู เธอเหลียวหลังมาพูดกับหมายว่า “พี่ดูแลลูกดีๆ หละ ไว้จะส่งเงินมาให้ แล้วสักพักจะฉันกลับมา”
พูดจบหญิงก็เดินจ้ำอ้าวมุ่งหน้าไปยังจุดหมายคือพระนครเธอทางโดยรถไฟเช้าเที่ยวแรกของวันและต่อรถประจำทางมาถึงบ้านน้าจวง ร้านขายดอกไม้ย่านปากคลองตลาดราวสามโมงเช้า “สวัสดีค่ะน้าจวง”หญิงพนมมือไหว้และกล่าวคำทักทาย “ไหว้พระเถอะหลาน” น้าจวงรับไหว้พร้อมรอยยิ้ม แล้วพูดไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบของหญิงและลูก ๆจนทำให้หญิงถึงกับหลั่งตา “ฉันไม่ได้อยากจากลูกๆ มาเลยจ้ะน้าจวง แต่ตอนนี้ลูกฉันสองคน แทบจะต้องกินแกลบ” หญิงพูดน้ำเสียงสั่นเครือทั้งน้ำตาจนน้าจวงต้องรีบปลอบ “ไม่ต้องห่วงนะเดี๋ยวน้าให้ยืมเงินไปก่อน หลานรีบส่งธนาณัติไปให้นายหมาย ยังไงลูกก็สำคัญที่สุด ไว้เรามีเมื่อไหร่ค่อนว่ากัน”พูดแล้วน้าจวงก็หยิบธนาบัตรสีม่วงใบใหญ่ ห้าร้อยบาทสองฉบับใส่มือหญิง แล้วพยักหน้าย้ำให้หญิงเข้มแข็งเพื่อลูก ๆ ของเธอ “คุณพระ! น้าก็มัวแต่ถามถึงหลาน จนเกือบลืมว่าเรานัดเจ้เนียนกันไว้เที่ยงวันนี้”น้าจวงอุทาน พรางพูดเล่ายาวต่อถึงประวัติเจ้าของร้านที่ติดต่อฝากหญิงเข้าไว้ทำงาน“เจ้เนียนเจ้าของร้านขายขนมไทยแถวท่าเตียนเดิมเธอเป็นลูกสาวคนโตของแม่ครัวใหญ่ของเรือนคุณพระกนกชัยสวัสดิ์ แต่เมื่อคุณพระท่านสิ้นคุณนายและลูกหลานท่านดูแลเรือนไม่ไหว จึงตัดสินใจเลยขายเรือนและที่ดินผืนนั้น แล้วให้เงินก้นถุงบ่าวไพร่ไว้ทำทุนก่อนแยกย้ายกันไปตอนนั้นคนที่เรือนคุณพระส่วนใหญ่ต่างกลับบ้านเกิดที่ต่างจังหวัดไปทำไร่ทำนา แต่เจ้เนียนกับแม่ก็มาทำขนมไทยขายในตลาดเป็นขนมไทยสูตรชาววังอร่อยมากและเจ้แกโชคดีได้แต่งงานกับเฮียฮงเจ้าของร้านขายของชำแถวท่าเตียนนั่นแหละ ส่วนน้าเองก็จำเนียนได้ดีเพราะเจอกันครั้งแรกเธอมาซื้อดอกไม้ที่ร้านบอกว่าจะไปทำขนมซึ่งปกติมีแต่คนซื้อดอกไม้ไปบูชาพระกัน อีกอย่างตอนนั้นเธอผิวขาวเนียนสวยสะดุดตา น้าเลยจำได้ดีจากนั้นเราก็ติดต่อกันมาเรื่อย ๆ คุยกันถูกคอจนกลายทั้งลูกค้าเป็นทั้งเพื่อนร่วมสามสิบปีมาแล้วกระทั่งเดี๋ยวนี้ไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอจะกลายเป็นเศรษฐีนีเจ้เนียนหรือคุณเนียนเจ้าของร้านขนมไทยชื่อดังย่านนี้” “โอ้โห้! ท่าเจ้เนียนจะเป็นเก่งมากแค่ฟังน้าจวงเล่าก็หญิงก็อยากเจอ อยากทำขนมเดี๋ยวนี้เลย” หญิงพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นและแอบคิดในใจว่าอยากมีสามีเป็นเถ้าแก่และรวย ๆ อย่างนี้บ้าง “ที่ร้านหวานไทยนี่มีขนมไทยเกือบทุกอย่างและขายดีมาก เดี๋ยวหลานทำงานกับเจ้เนียนไปสักพักนะค่าแรงได้วันละ ๑๒๐ บาท ..........................................................................................................................................................
|
บทความทั้งหมด
|