ยี่ร้อยพลอยโกสินทร์ _ บทที่ ๑ (๒) รัตนโกสินทร์




 บทที่ ๑ รัตนโกสินทร์

(พ.ศ.๒๕๒๕)


ส่วนที่สอง

“ฉันมาจากอยุธยาจ้ะลุงพอดีเมียฉันอยากจะให้พาลูก ๆ มาเที่ยวกรุงเทพฯ เดี๋ยวไปหาญาติที่ปากคลองก่อนแล้วก็จะไปไหว้พระกันต่อที่วัดพระแก้วหนะจ้ะ”หมายบอกลุงคนขับรถสามล้อ “ได้ยินคนที่เคยมา บอกว่าพระแก้วมรกตงามยิ่งนักราวกับเทวดามาเนรมิต” เขายังพูดขยายความต่ออีก

ระหว่างที่ทั้งหมดนั่งรถสามล้อจากสถานีรถไฟหัวลำโพงหมายชวนลุงคนขับคุยไปเรื่อย ๆ รถก็แล่นได้อย่างคล่องตัว เลียบคลองผดุงค์กรุงเกษมผ่านบริเวณเสาชิงช้า และถึงยังจุดหมายปากคลองตลาด เพียงเวลาราวสิบห้านาทีเท่านั้นก็ถึงบ้านน้าจวงที่ตั้งอยู่บริเวณปากคลองตลาดซึ่งที่นี่เป็นบริเวณเสมือนแหล่งรวมของดอกไม้เพราะเป็นตลาดกลางที่พ่อค้าแม่ค้าจะซื้อขายไม้ดอกนานาพันธุ์จากสวนทั่วทั้งประเทศไทยและรวมถึงไม้นำเข้าจากต่างประเทศด้วย

“จอด ๆ จอดตรงหัวมุมหน้ารถกระบะขนดอกกุหลาบคันนั้นหละจ้ะ” หญิงบอกกับลุงคนขับรถสามล้อพร้อมกับควักสตางค์ในกระเป๋าเป็นเหรียญห้าบาทขนาดใหญ่สี่เหรียญที่ด้านหลังมีรูปครุฑ

“ฉันมีแต่เหรียญหนักหน่อยต้องขอโทษด้วยนะจ้ะ ขอบใจลุงมาก” หญิงพูดพรางยื่นเงินค่าโดยสารให้ลุงคนขับแล้วหมายกับหญิงก็ค่อย ๆ ช่วยกันอุ้มลูกทั้งสองลงจากรถแล้วก็พากันเดินตรงไปยังบ้านน้าจวง

บ้านน้าจวงเป็นตึกแถวสองชั้นหน้าร้านกว้างราวสามเมตรหน้าบ้านนั้นจัดเป็นแผงขายดอกไม้เพื่อจำหน่ายมีหลากชนิดและแต่ละอย่างจะถูกมัดเป็นกำใหญ่โดยดอกไม้ที่ขายมีมีตั้งแต่ดอกดาวเรือง ดอกกุหลาบ ดอกมะลิ ดอกเยอบีร่า ดอกคาร์เนชั่นและอื่น ๆ อีกมากมาย เพราะลูกค้านิยมส่วนใหญ่มาซื้อเพื่อไปขายต่อเป็นหลัก อีกทั้งที่ร้านยังรับทำช่อดอกไม้จัดส่งตามงานพิธีต่างๆ ด้วย นอกจากนี้ในบริเวณย่านนี้จะมีพ่อค้าแม่ค้าและผู้คนทั่วไปเดินกันให้ขวั่กไขว่ตลอดแนวร้านค้ารวมถึงบาทวิถีเพื่อเลือกซื้อสินค้าจำพวกดอกไม้

เมื่อหญิงเดินมาถึงร้านดอกไม้นี้ก็เห็นน้าจวงกำลังง่วนกับการจัดเรียงดอกไม้อยู่หน้าร้านพอดี

“สวัสดีค่ะน้าจวง” หญิงกล่าวพร้อมพนมมือสวัสดีและยิ้มหวาน

“อ้าว! เป็นยังไงบ้าง ไม่ได้เจอกันตั้งนาน น้าคิดถึงเธอกับหลาน น่าเกลียดน่าชังกันทั้งคู่เลย”น้าจวงดีใจที่ได้เจอหญิงกับลูก ๆ “อ้อ เดินทางมากันไกลเข้ามานั่งพักทานน้ำเย็น ๆ ให้หายเหนื่อยกันก่อน” เธอกล่าวกับหญิงและหมายพร้อมยกเก้าอี้ไม้มาให้ทั้งสองนั่ง ก่อนเข้าไปยกน้ำเย็นที่ใส่ไว้ในขันเงินมาให้ดื่มแก้กระหาย

หลังจากนั้นน้าจวงเริ่มไตร่ถามสารทุกข์สุขดิบกับหญิงตั้งแต่เรื่องงานเรื่องลูก และอีกหลายเรื่องจนกินเวลาเลยครึ่งชั่วโมง แล้วน้าจวงจึงฝากร้านไว้กับลุงปอสามีก่อนจะขับรถกระบะพาหญิง หมาย อ้ายและยี่ ไปยังจุดหมายคือวัดพระแก้วเพื่อกราบนมัสการพระแก้วมรกตตามที่หญิงโทรคุยกับน้าจวงไว้ก่อนเดินทางมายังกรุงเทพฯ

“ถึงแล้วเราจะจอดรถไว้ตรงนี้และเข้าไปไหว้ศาลหลักเมืองกันก่อนนะจ๊ะ แล้วค่อยข้ามไปวัดพระแก้ว”น้าจวงบอกกับทุกคน แล้วจึงเดินนำพาทั้งสี่คนเข้าไปในศาลหลักเมือง

“ประเดี๋ยวพ่อหมายพาเด็ก ๆ เข้าไปนั่งรอในหอเทพรักษ์กราบศาลหลักเมืองกับเทวดาประจำเมืองท่านก่อนนะจ๊ะ เพราะข้างนอกเนี่ยะควันธูปฟุ้งมากกลัวอ้ายกับยี่จะสำลักเอาถ้าเสร็จแล้วฉันกับหญิงจะตามเข้าไป” น้าจวงย้ำกับหมายให้รออยู่เป็นที่เพราะเกรงว่าเขาจะหลงทางในเมืองที่ไม่คุ้นเคย

จากนั้นน้าจวงก็พาหญิงไปซื้อดอกไม้ธูปเทียนและผ้าแพรไว้สำหรับผูกบูชาหลักเมืองจำลองด้านนอกหญิงมองไปรอบตัวเห็นผู้คนมายมายนำของมาไหว้แก้บนบ้างจัดรำแก้บนกับคณะของทางศาลหลักเมืองถวาย ทำให้เธอเชื่อในความศักดิ์ของสถานที่แห่งนี่ยิ่งนักแล้วเธอก็จุดธูปเทียนกราบไหว้ด้วยดอกบัวขอพรให้เธอได้งานที่ดีและร่ำรวยเป็นเศรษฐีนีอย่างที่ปรารถนาตามด้วยผูกผ้าแพรสีสันที่หลักเมืองจำลองด้านนอก ในขณะที่หมายพาลูก ๆเข้าไปในหอเทพารักษ์ชื่นชมกับความงามภายในหอแล้วก็กราบหลักเมืองและเทพรักษ์ประจำแผ่นดินสยามทั้งห้าองค์ขอพอให้ลูกมีสุขภาพแข็งแรงและทุกคนในครอบครัวมีความสุข

เมื่อไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลหลักเมืองเรียบร้อยทั้งหมดก็เดินข้ามถนนไปยังวัดพระแก้ว ระหว่างเดินนั้นหมายมองไปยังสนามหลวงที่เป็นทุ่งกว้างฝั่งตรงข้ามมีทั้งผู้ใหญ่และเด็กเล่นว่าวกันอย่างสนุกสนาน ซึ่งบางคนก็ซื้อของกินที่แม่ค้าพ่อค้าหาบกันมาวางขายพอเดินกันเรื่อยมาสักพักก็ถึงประตูทางเข้าที่ชื่อวิเศษไชยศรี

“เดี๋ยวเราเดินเข้าประตูนี้กันนะทางนี้กว้างและมองตรงเข้าไปก็จะเห็นพระที่นั่งจักรีมหาประสาทในมุมที่สวยงาม”พูดแล้วน้าจวงก็เดินนำ หญิงจูงอ้ายและหมายอุ้มยี่พากันเดินตามพลางชื่นชมความงามของสถาปัตยกรรมอันงดงามของวัดพระแก้วหรือพระบรมหาราชวังที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้านั้นระหว่างเดินนั้นน้าจวงก็นำกล้องถ่ายรูปที่พกติดมาให้หญิงช่วยถ่ายภาพตนกับบรรยากาศโดยรอบ

ขณะที่เดินมุ่งตรงไปยังพระที่นั่งนั้นหญิงก็ตะลึงในความงามนั้น จึงเอ่ยกับน้าจวงขึ้นมา

“พระที่นั่งนี้ช่างงดงามสมคำร่ำลือที่เคยได้ฟังมายิ่งนักคุณน้าช่วยถ่ายรูปฉันกับครอบครัวให้ได้ไหมคะ เพราะถ้ามากันเองคงไม่มีกล้องถ่ายภาพดีๆ อย่างนี้” หญิงตะลึงในความงามที่อยู่ตรงหน้ายิ่งนักจึงอดไม่ได้ที่จะขอร้องน้าจวงให้ช่วยเก็บภาพความทรงจำนี้ไว้

“ได้สิจ้ะฟิลม์ในกล้องยังมีอีกมาก หญิงอยากจะถ่ายมุมไหนบอกน้ามาได้เลยจ้ะ”

“ขอเป็นด้านนี้ค่ะภาพถ่ายครอบครัวเราจะได้มีพื้นหลังเป็นพระที่นั่งจักรีฯ ที่แสนงดงามนี้”

หญิงอุ้มอ้ายขึ้นมาแล้วส่งยิ้มหวานให้กล้องและหมายที่อุ้มยี่อยู่ก็ยิ้มให้กล้องอย่างมีความสุขด้วย ส่วนเด็กทั้งสองก็ยิ้มอย่างสดใสเช่นกันแล้วน้าจวงจึงนับหนึ่ง สอง สาม ก่อนกดปุ่มถ่ายภาพที่ด้านบนขวาของกล้อง “ภาพนี้จะต้องไปให้ร้านเค้าล้างฟิลม์และอัดก่อนไว้เสร็จแล้วน้าจะส่งไปรษณีย์ไปให้สองใบเลย” เธอบอกหญิง

จากนั้นทั้งหมดก็เดินเรื่อยกันมาจนถึงบริเวณทางเข้าอุโบสถวัดพระแก้วซึ่งบริเวณทางเข้านี้ทางเดินจะแยกเป็นสองข้างคือสำหรับฝั่งสำหรับชาวต่างชาติที่มีเจ้าหน้าที่เก็บค่าเข้าชมส่วนอีกด้านหนึ่งสำหรับคนไทยที่ไม่มีการเรียกเก็บค่าเข้า

“คนไทยเดินทางนี้นะจ๊ะเจ้าหน้าที่จะเก็บค่าเข้าเฉพาะชาวต่าวชาติ” น้าจวงพูดแล้วก็เดินนำพาเดินชมปราสาทพระเทพบิดรและจิตรกรรมฝาผนังรอบอุโบสถนี้ แล้วน้าจวงกับหญิงก็จุดธูปไหว้พระพุทธรูปบริเวณด้านนอกที่ทางวัดจัดไว้แล้วทั้งหมดก็เดินต่อเข้าไปภายในอุโบสถของวัด ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต

หญิงและหมายตั้งใจพนมมือแล้วก้มลงกราบนมัสการพระแก้วมรกตอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งองค์พระพุทธรูปมรกตสีเขียวสดตอนนี้ทรงเครื่องทรงฤดูฝนสีทองอร่ามนี้ทำให้ทั้งสองคนนั้นประทับตาประทับใจอย่างมาก

“พระแก้วมรกตนี้เดิมเคยประดิษฐานอยู่ณ เมืองเชียงใหม่และนครเวียงจันทร์ ก่อนที่พระบาทสมเด็จเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๑ ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีจะอันเชิญมาประดิษฐานที่นี่เมื่อครั้นสร้างพระอารามนี้ขึ้นในบริเวณพระบรมหาราชวังราวสองร้อยปีก่อนส่วนพระพุทธรูปใหญ่หุ้มด้วยทองคำปางห้ามสมุทรที่ทรงเครื่องทรงอย่างกษัตริย์ทางขวาและซ้ายมือนี้คือพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และพระพุทธเลิศหล้าสุลาลัยที่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๓ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่พระบรมอัยกาธิราชและพระชนก” น้าจวงเล่าอย่างละเอียดตามที่เคยอ่านมาจากหนังสือ

หลังจากไหว้พระและเดินชมโดยทั่วพระบรมหาราชวังแล้วน้าจวงก็พาทั้งหมดไปทานอาหารก๋วยเตี๋ยวเรือกันต่อที่บริเวณท่าน้ำท่าพระจันทร์ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัด แล้วจึงพากันเดินทางกลับมาพักยังร้านน้าจวงที่ปากคลองตลาดนั้นและคืนนี้เธอก็ค้างคืนอยู่เป็นเพื่อนหญิงกับหลาน ๆ ด้วย

เมื่อทุกคนอาบน้ำอาบท่ากันเรียบร้อยหมายและเด็กน้อยทั้งสองเข้านอนกันแล้ว น้าจวงจึงเรียกหญิงเข้ามาคุยกันในห้องพระที่บ้านเป็นการส่วนตัวเพื่อนัดแนะและให้รายละเอียดเกี่ยวกับงานที่คนรู้จักจะช่วยหาให้นั้น

“ตอนนี้น้าวานให้เพื่อน ๆ ที่สนิทช่วยดูให้เราอยู่ แต่ร้านค้าส่วนมากที่หาคนอยู่ช่วงนี้ต้องการผู้ชายไปทำงานใช้แรงแบกหามมันคงหนักเกินไปสำหรับผู้หญิง ส่วนงานตามร้านดอกไม้นี้ก็จุกจิกเหลือเกินแต่ไม่ต้องห่วงนะ น้าจะพยายามหางานที่ดีที่เหมาะกับหลานให้ได้เร็วที่สุด” แล้วน้าจวงอธิบายด้วยความห่วงใย แล้วถึงถามหญิงต่อ “เราอยากทำงานอะไรเป็นพิเศษไหมบอกน้ามาได้เลยนะจ๊ะ”

“จริง ๆ หลานชอบทำครัว ทำอาหารแต่ถ้ามีงานอะไรก่อนก็ทำได้ทุกอย่างค่ะ เพราะปกติอยู่อยุธยางานหนักอะไรก็ทำมาหมดแล้วขอให้มีเงินมาจุนเจือครอบครัว เพียงพอจะส่งเงินกลับบ้านให้พ่อหมายไว้ดูแลลูกทั้งสอง”หญิงกล่าวด้วยสีหน้าเศร้า ๆ แต่แฝ้งด้วยความมุ่งมั่น

“ถ้าเราคิดดีแล้วน้าก็ตามใจนะ เพราะที่จริงกรุงเทพฯกับอยุธยาก็ไม่ไกลกันนัก ถ้าวันหยุดอยากจะกลับบ้านไปเจอหน้าลูกทุกเดือนก็ยังได้”น้าจวงมองหญิงด้วยแววตาสงสารและเข้าใจ “น้าคิดว่าอีกไม่นานคงหางานให้เราได้อย่างช้าก็ไม่น่าเกินสองเดือน ยังไงเราเตรียมตัวไว้เลยก็ดี ถ้ามีคืบหน้าจะรีบส่งข่าวให้รู้ทันที”

“ขอบคุณน้าจวงมาก ฉันจะขยันตั้งใจทำงานเต็มที่ ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอนค่ะ” พอหญิงรับคำจบ น้าจวงก็หันไปหยิบกล่องไม้สักขนาดเท่าฝ่ามือเก็บอยู่ใต้โต๊ะหมู่บูชานั้นที่ภายในบรรจุเหรียญพระแก้วมรกตทรงเครื่องสามฤดูโดยมีทั้งหมดสามเหรียญคือทรงเครื่องฤดูร้อน ฤดูฝน และฤดูหนาว ขึ้นมา

“เหรียญพระแก้วมรกตนี้ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนักได้ผ่านพิธีพุทธาภิเษกจากพระเกจิอาจารย์หลายท่าน และที่สำคัญในหลวงท่านทรงมาเป็นองค์พระธานในพิธีนี้ด้วยน้าเพิ่งฝากเพื่อนในตลาดเช่ามาได้หนึ่งชุดมีสามเหรียญ สำหรับองค์พระเครื่องทรงฤดูร้อนนี้น้าเพิ่งนำไปเลี่ยมกรอบมาโดยเฉพาะเพื่อรับขวัญหลาน”น้าจวงพูดพลางหยิบองค์พระที่เลี่ยมกรอบทองอย่างประณีตและคล้องอยู่กับสายสร้อยทองแท้นั้นมอบให้กับมือหญิง

“ขอบพระคุณคุณน้ายิ่งนักที่ช่วยเหลือสารพัดแล้วยังเอื้อเฟื้อถึงลูกฉัน” หญิงกล่าวขอบคุณด้วยรู้สึกซึ้งใจมากในความเมตตาของน้าจวง“เป็นบุญของเจ้ายี่ยิ่งนักที่มีวาสนาได้เหรียญพระคู่บ้านคู่เมืองนี้ไว้คุ้มครอง” เธอน้ำตาคลอเบ้าด้วยความซาบซึ้งใจ

พอสนทนาเสร็จเรียบร้อย หญิงยกมือพนมไหว้ขอบคุณน้าจวงอีกครั้งก่อนเดินกลับไปยังห้องนอนเล็กด้านบนที่จัดไว้ และเมื่อหญิงแง้มประตูห้องเข้าไปก็เห็นสามีกับลูกทั้งสองหลับสนิทเพราะดึกมากแล้วเธอจึงค่อย ๆ นำสร้อยพระนั้นสวมไปที่คอของลูกสาวตัวน้อยอย่างเบามือ จากนั้นจึงสวดมนต์ระลึกถึงคุณพระรัตนตรัยทำให้หลับสนิททั้งคืนด้วยจิตใจที่แจ่มใส

https://web.facebook.com/199Foods/

 







Create Date : 10 พฤศจิกายน 2560
Last Update : 23 ธันวาคม 2560 10:47:30 น.
Counter : 645 Pageviews.

0 comments
: รูปแบบของความอยาก : กะว่าก๋า
(30 เม.ย. 2567 05:58:27 น.)
: รูปแบบของความปรารถนา : กะว่าก๋า
(29 เม.ย. 2567 05:52:35 น.)
Naram Kalja (नरम कालजा) from Amar Singh Chamkila (अमर सिंह चमकिला) ปรศุราม
(29 เม.ย. 2567 11:12:50 น.)
การสละโสดครั้งแรกในชีวิต Nior Heavens Five
(25 เม.ย. 2567 21:11:03 น.)
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Yoktawangel.BlogGang.com

จอมใจจอมมโน
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด