Peace in car
เมื่อเราเดินทางโดยใช้รถยนต์แล้วมีสุนัขร่วมเดินทางไปด้วย สุนัขควรอยู่บนรถด้วยความสงบไม่วิ่งไปวิ่งมาบนรถ ไม่เห่าส่งเสียงรบกวน ไม่ว่าจะเห่าเล่นกันเอง(ในกรณีที่มีน้องหมามากกว่า 1 ตัว แย่กว่านั้นอาจกัดกันเอง) ไม่เห่าเสาไฟฟ้า ไม่เห่ารถที่วิ่งสวนไปมา ไม่เห่าคนเดินถนน ความวุ่นวายในรถไม่ควรเกิด เพราะอาจทำให้ผู้ขับเสียสมาธิ และอาจเกิดอุบัติเหตุได้ ถ้าทุกคนและทุกตัวอยู่อย่างสงบ อยู่อย่างสันติ รับรองว่าจะถึงที่หมายปลอดภัย และไม่อารมณ์เสียด้วย

การที่สุนัขแสดงอาการลุกลี้ลุกลน เห่า วิ่งไปมาตอนอยู่บนรถ เป็นอารมณ์ความตื่นเต้น และมีพลังงานล้นเหลือ ถ้าเราต้องการให้สุนัขสงบตอนอยู่บนรถ เพราะฉะนั้นสุนัขต้องสงบก่อนที่จะขึ้นรถ

"ถ้าสุนัขตื่นเต้นก่อนขึ้นรถ อยู่บนรถมีแนวโน้มจะตื่นเต้น ถ้าสุนัขสงบก่อนขึ้นรถ อยู่บนรถมีแนวโน้มจะสงบ "

ก่อนออกเดินทาง ควรงดอาหารก่อนเดินทางเพื่อป้องกันสุนัขอาเจียนบนรถ และพาสุนัขขับถ่ายให้เรียบร้อย

วิธีฝึกให้สุนัข"สงบ" ก่อนขึ้นรถ

1. สุนัขจะต้องปลดปล่อยพลังงานออกก่อนในกรณีที่เป็นสุนัขบ้าพลัง เพื่อให้สุนัขเหนื่อย เพราะสุนัขที่เหนื่อย มีแนวโน้มที่จะหลับและพักผ่อน เราอาจพาเดินออกกำลังก่อนเดินทาง หรือให้เขาใช้ลู่วิ่ง




2. เวลาเราจะเริ่มเดินทางหรือหยิบกุญแจรถ ไม่ต้องพูดอะไรกับสุนัข เพื่อไม่ให้สุนัขตื่นเต้น เราแค่เดินไปหยิบสายจูง ใส่สายจูงให้สุนัข หยิบกุญแจรถ กุญแจบ้าน ทำทุกอย่างเหมือนเหตุการณ์ปกติไม่มีอะไรเป็นพิเศษกว่าวันอื่นๆ ไม่ต้องพูดอะไรทั้งสิ้น เงียบไว้ดีที่สุด เพราะคำพูดเช่น "ไปเที่ยวกันนะ" "เอ้าเร็ว ขึ้นรถกัน" คำพูดต่างๆเหล่านี้ที่เราพูดเป็นประจำนั้นเป็นตัวที่กระตุ้นให้สุนัขตื่นเต้น และจะเป็นช่วงเวลาที่วุ่นวายน่าปวดหัวก่อนการเดินทาง

3.ถ้าสุนัขเริ่มกระวนกระวาย เดินไปเดินมา วิ่งวน มีเสียงหงิงๆๆๆหรือเห่า อาการต่างๆที่สุนัขแสดงออกเวลาเขาตื่นเต้นอยากขึ้นรถ เราต้องตักเตือนเพื่อให้เขากลับมาสงบ โดยใช้เสียงเตือนก่อนอันดับแรก เช่น เฮ้ หรือ ชูว์ หรือเสียงอื่นๆที่แสดงถึงพลัง ห้ามเรียกชื่อสุนัขเด็ดขาด ถ้าเขายังเก็บอาการไม่อยู่ ก็ต้องตามมาด้วยเตือนโดยการสัมผัสร่างกาย เช่นกระตุกสายจูง หรือ ฉกที่สีข้างเป็นการเตือน

4. เมื่อสุนัขสงบ สั่งให้สุนัขนั่งให้เรียบร้อยหน้าประตูรถ



5. เปิดประตูรถ สุนัขยังคงนั่งรออย่างสงบ



6. สั่งให้สุนัขขึ้นรถได้ ถ้ามีสุนัขมากกว่า1ตัว เราต้องให้ตัวที่สงบที่สุดได้ขึ้นรถก่อน
7.เมื่อสุนัขอยู่บนรถต้องสงบ ไม่เดินไปมาวุ่นวาย ต้องหมอบหรือนั่งเฉยๆ ถ้าตัวไหนแสดงความตื่นเต้น เราต้องตักเตือนเพื่อให้เขากลับมาสู่ความสงบ






8. เมื่อสุนัขสงบบนรถ มีแนวโน้มที่จะหลับตลอดการเดินทาง





วิธีการเหล่านี้เราสามารถฝึกซ้อมได้ก่อนการเดินทางจริง โดยการสร้างสถานการณ์ขึ้นมา ทำทุกอย่างเหมือนจะออกไปข้างนอก แต่เราไม่ต้องออกไปจริงๆ เพื่อให้เราฝึกการควบคุมสุนัข ฝึกให้สุนัขอยู่ในความสงบเมื่อได้ยินเสียงกุญแจ เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู เป็นต้น

....น้องหมากลัวรถ...

สำหรับน้องหมาที่มีอาการกลัวรถ หรือไม่มั่นใจ จะแสดงอาการแตกต่างจากอาการข้างบน เช่น น้องหมาอาจนั่งตัวเแข็ง สั่น ครางหงิงๆตลอดเวลา หางจุกตูด หรือมีอาการหอบตลอดเวลา นำ้ลายไหลยืด วิธีการแก้คือ (อย่าลืมพาน้องหมาออกกำลังกายให้เหนื่อยก่อน)

คำเตือน :เมื่อน้องหมามีความกลัวหรือกังวลตอนอยู่บนรถ ห้ามปลอบหรือลูบหัวเด็ดขาด การกระทำเหล่านี้เป็นการยำ้บอกน้องหมาว่า สิ่งที่เขากลัวเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แล้วน้องหมาจะไม่หายจากอาการเหล่านี้

1. ต้องให้น้องหมามีความรู้สึกดี เมื่ออยู่บนรถ เราอาจใช้อาหารหรือของเล่น ล่อให้น้องหมาขึ้นรถ
2.พอน้องหมาขึ้นบนรถได้ ก็ให้ขนมกิน แล้วก็พาเขาออกจากรถ
3.ทำข้อ 1-2 ซ้ำๆ จนน้องหมาก้าวหรือกระโดดขึ้นรถเอง โดยไม่ลังเล เราไม่ต้องล่อด้วยขนมหรือของเล่นแล้ว ให้เปลี่ยนเป็นการชมเชย ลูบหัวแทน ไม่เช่นนั้นน้องหมาจะติดขนมเหมือนเป็นสินบน
4.พอน้องหมาก้าวขึ้นรถอย่างสบายๆ เราปิดประตูรถ (เบาๆ)แล้วก็เล่นกับน้องหมา หรือ นวดให้น้องหมา หรือให้น้องหมาทานอาหารบนรถ ก็ได้ ให้เขารู้สึกว่า อยู่บนรถมีแต่สิ่งดีๆไม่มีสิ่งที่น่ากลัว
5. พอน้องหมาสงบ ก็พาลงจากรถ
6.พอน้องหมารับมือกับการอยู่บนรถได้ดี เราลองพาขับรถไปใกล้ๆก่อนเพื่อให้น้องเคยชินกับรถ

วิธีการเหล่านี้อาจฝึกซำ้ๆได้โดยจำลองเหตุการณ์ขึ้นมา เพื่อให้น้องหมาเคยชิน

...น้องหมาเมารถ....
1.ควรงดอาหารน้องหมาก่อนการเดินทาง ป้องกันน้องหมาอาเจียรบนรถ
2. พาน้องหมานั่งรถเล่นบ่อยๆ ระยะเวลาสั้นๆก่อน แล้วค่อยๆเพิ่มระยะทางเมื่อน้องหมาทนได้

วิธีการฝึกเหล่านี้ สันติจะเกิด เวลาอยู่บนรถ




Create Date : 27 มกราคม 2552
Last Update : 2 ธันวาคม 2554 21:14:50 น.
Counter : 7629 Pageviews.

22 comments
  
เจ้าสองตัวนี้ น่าจะสลับเพศกันนะคะ จีจี้นี่ตาหลุกหลิกท่าจะซนน่าจะเป็นผู้ชาย ส่วนโยจา เรียบร้อย ๆ น่าจะเกิดเป็นตัวเมียเนอะ
โดย: หน่อยจิง IP: 124.120.243.171 วันที่: 27 มกราคม 2552 เวลา:14:43:15 น.
  
น่ารักจังง่า
โดย: patra_vet วันที่: 27 มกราคม 2552 เวลา:18:30:15 น.
  
ชอบบล็อกนี้จังเลยค่ะ สงสัยต้องติดตามซะแล้ว
โดย: coyotemomay วันที่: 28 มกราคม 2552 เวลา:19:43:30 น.
  
ให้อะไรเป็นขนมหรอคะ
โดย: coyotemomay วันที่: 28 มกราคม 2552 เวลา:20:07:01 น.
  
ขอบคุณ คุณcoyotemomay นะคะ พยายามทำให้ดีที่สุด เพื่อที่จะมีประโยชน์ต่อคนอ่าน แล้วจะได้เข้าใจน้องหมาคะ

ใช้สิ่งที่เขาชอบทาน หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เจ้า 2 ตัวใช้ ไส้กรอก คะ
โดย: Yoja&Jiji วันที่: 29 มกราคม 2552 เวลา:11:33:22 น.
  
มีประโยชน์มากครับ ติดตามต่อๆ
โดย: Prinzknecht วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:17:42:40 น.
  
^^ 
โดย: peeshin วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:20:00:31 น.
  
อยากทราบ ว่าลู่วิ่ง ซื้อที่ไหนค่ะ เป็นของคน หรือของสุนัขค่ะ
โดย: แม่มดตัวจิ๋ว IP: 124.121.158.194 วันที่: 11 เมษายน 2552 เวลา:19:21:59 น.
  
ตอบคุณแม่มดตัวจิ๋วคะ
ลู่วิ่งเป็นของคนคะ จะได้วิ่งได้ทั้งคนและน้องหมา
เคยเห็นท่ีเป็นเฉพาะของน้องหมาด้วย แต่ส่วนตัวคิดว่าซื้อของคนดีกว่า ใช้ประโยชน์ได้ทั้งคนและหมา
โดย: Yoja&Jiji วันที่: 11 เมษายน 2552 เวลา:20:43:21 น.
  
สวัสดีค่ะคุณหญิง

เคยมาปรึกษาทีแล้วเรื่องที่เวลาหมาขึ้นรถ แล้วเวลาเห็นหมาข้างนอก(ไม่ว่าจะใกล้หรือไกลมากจากรถ ถ้าเห็น)ก็จะ พุ่งไปที่หน้าต่างฝั่งนั้น เห่ากรรโชก หวีดร้องเสียงแหลม สังเกตุเสียงร้องเหมือนเวลาร้องเรียกจะเข้าไปเล่นกะหมาตัวอื่นค่ะ

สิ่งที่ได้ลองไปแก้ไขคือ ก่อนขึ้นรถทุกครั้งต้องนั่งสงบ คอย จนเราเปิดประตูรถก็ยังนั่งคอยได้อยู่ พอสั่งให้ขึ้น จึงจะกระโดดขึ้นไป พอขึ้นไปแล้วก็จะนั่งนอนเรียบร้อยดีไม่มีปัญหาอะไรเลย ปัญหาก็จะเกิดเวลาเห็นหมาตัวอื่นเนี่ยแหละค่ะ กลุ้มใจมากๆ เพราะเวลาเค้าเห็น จะมีอาการอย่างที่ว่าและรุนแรงมากเลย เรียกไม่ฟัง จะบ้าอยู่อย่างนี้จนกว่าจะมองไม่เห็นหมาตัวนั้นแล้ว ก็จะกลับมาสงบ แล้วก็นั่งหรือนอนหลับต่อ

อาการเดียวกันนี้เกิดขึ้นเหมือนกัน เวลาอยู่ข้างนอกรถ เช่น เวลาพาไปนั่งร้านอาหาร แล้วเจอแมว หรือหมาตัวอื่นเดินผ่าน ไม่ว่าจะใกล้ หรือไกล แค่เห็นเท่านั้นเอง ก็จะออกอาการแบบนี้ทันที .... ควรทำอย่างไรคะ เพราะตอนนี้ก็พยายามเตือนแล้ว ทั้งกระตุกสายจูง และฉก(แต่ดูว่าฉกไม่ค่อยจะได้ผลเลย เพราะฉกไปก็เหมือนไม่รู้สึกเลยค่ะ อาจเป็นเพราะตัวหนาไปหน่อย เหอๆ) ทั้งๆที่ตอนแรกก็นอนเรียบร้อยสงบดี...

เป็นปัญหามากเวลาพาออกไปข้างนอกค่ะ

เกี่ยวมั้ยคะว่า เลี้ยงเค้ามาตัวเดียวตลอด แทบไม่ได้ยุ่งกะหมาตัวอื่นเท่าไหร่ เวลาเห็นตัวอื่นเลยอยากเข้าไปหา

ล่าสุดเมื่อวานนี้ พาเค้าออกไปเดินเล่นนอกบ้าน
ตอนนี้ก็กำลังฝึกเดินแบบ mastering the walk อยู่ คิดว่าเค้าทำได้ดีมากค่ะ ไม่ดึงสายจูง ไม่ดม ไม่ฉี่อึระหว่างทางเดินเลย กลับมาฉี่อึที่บ้าน เวลาเจอเด็กๆก็ไม่ค่อยตื่นเต้นมากแล้ว เค้าจะเดินอยู่ข้างรถตลอดไม่ว่าจะผ่อนสายจูงหรือไม่ก็ตาม สังเกตว่าพอเค้าเดินได้อย่างงี้ เวลาเดินผ่านหมาจรจัด ก็ดูจะไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ เดินผ่านไปเฉยๆ แต่อาจจะมีมองๆบ้าง เราก็พยายามกระตุกสายจูงเตือนให้ไม่ต้องไปสนใจ เค้าก็ทำได้ดีมากค่ะ การเดินได้อย่างถูกวิธีบ่อยๆจะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาพฤติกรรมตอนอยู่บนรถได้รึเปล่าคะ

ช่วยแนะนำด้วยค่ะ จะตั้งใจเอาไปฝึกอย่างสุดความสามารถเลย

ขอบคุณมากๆค่ะ

โดย: บีบี้ IP: 58.8.235.238 วันที่: 22 สิงหาคม 2553 เวลา:8:50:24 น.
  
ขออนุญาตแก้ไขคำผิดนะคะ

เค้าจะเดินอยู่ข้างรถตลอด เปลี่ยนเป็น เดินอยู่ข้าง"เรา"ตลอดค่ะ ^^''

เพิ่มเติมข้อมูลนิดนึงค่ะ เลี้ยงเค้ามาก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ยุ่งกะหมาตัวอื่นเลยซะทีเดียว ที่บ้านก็มีหมาอีกสองตัว แต่เค้าแก่แล้ว เลยไม่ค่อยชอบยุ่งด้วย ก็จะแยกโซนกันอยู่ เวลาที่เค้าเห็นหมาสองตัวเนี้ยก็จะมีอาการร้องแบบเดียวกัน นอกจากนี้ก็ยังพาเค้าไปสระว่ายน้ำของสุนัข ทุกอาิทิตย์ ...แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่ค่ะ กลุ้มกลุ้ม

แต่จะกลุ้มยังไง ก็ไม่ท้อที่จะแก้ไขค่ะ เพราะเค้าเป็นหมาที่น่ารักและเชื่อฟังคำสั่งอื่นๆมาก ขนาดเวลาให้ขนมที่ชอบมากๆ ก่อนให้จะบอกให้ คอย ทุกครั้ง เค้าก็จะคอยจนกว่าจะสั่งว่า กิน เมื่อวานได้ลองทดสอบเล่นๆดู คือ ง้างปากแล้วจับขนมยัดใส่เข้าไปในปากของเค้า แล้วก็เอามือปิดปากให้ แล้วก็ปล่อยมือ จากนั้นก็สั่งอีกว่าคอย สิ่งที่เค้าทำก็คือ คายขนมออกมา แต่โดยดีค่ะ และจะกินก็เมื่อเราสั่งให้เค้ากินค่ะ ....ประทับใจในตัวเค้ามากเลย ^^

โดย: บีบี้ IP: 58.8.235.238 วันที่: 22 สิงหาคม 2553 เวลา:8:58:43 น.
  
เพิ่มข้อมูลอีกนิดนึงนะคะ

เค้าจะมีอาการหวีดร้อง กรี๊ดๆ เอากรรโชก ต่อหมา แมวตัวอื่น ก็แต่เฉพาะเวลาเค้าอยู่ในสภาพที่จำกัด คือไม่สามารถไปหาหมาหรือแมวตัวนั้นได้ เช่น อยู่ในรถ อยู่ในคอก อยู่ในสายจูง แต่ถ้าตอนนั้นปล่อยๆ ไม่ได้อยู่ในสภาพจำกัดก็จะไม่ร้องค่ะ แต่จะวิ่งไปเลย - -''
โดย: บีบี้ IP: 58.8.235.238 วันที่: 22 สิงหาคม 2553 เวลา:9:01:33 น.
  
สวัสดีคะคุณบีบี้

ก่อนอื่นต้องขอชื่นชมคุณบีบี้นะคะ ในเรื่องความตั้งใจจริง แน่วแน่ที่ต้องการปรับพฤติกรรมสุนัขและไม่ท้อถอย เยี่ยมมากเลยคะ
จะเป็นจ่าฝูงของสุนัขได้ ความแน่วแน่จริงจัง ไม่ยอมแพ้และความอึดต้องมีในตัวจ่่าฝูงคะ นั่นเองทำให้คุณบีบี้สามารถพาเดินแบบ Mastering the walk ได้สบายเหมือนปลอกกล้วย

การเดินแบบ Mastering the walk เป็นทางลัดที่ทำให้หมายอมรับเราเป็นจ่าฝูงที่เร็ววิธีหนึ่ง ถ้าเขายอมรับเราเป็นจ่าฝูงผ่านการเดิน จะทำให้เราตักเตือนในเรื่องอื่นๆง่ายขึ้น แต่การตักเตือนในเรื่องอื่นๆนั้นก็ต้องอาศัยปัจจัยอื่นๆเช่นกันที่จะทำให้การตักเตือนนั้นสำเร็จได้ไว

นอกจากต้องมีความเป็นจ่าฝูงแล้ว จังหวะการเตือน สภาวะอารมณ์ขณะเตือน timingขณะฉกคือฉกเมื่อสุนัขมีอาการเริ่มๆ ตำแหน่งที่ฉก ความแรงที่ฉกก็มีผลเหมือนกัน ถ้าทุกอย่างสมบูรณ์ ร่วมกับเราเป็นจ่าฝูง บางทีแก้ปัญหาหมาได้เลยทันทีภายในการฉกไม่เกิน 2 ฉก หมาหายเลย

การพาเดิน Mastering the walk ได้สำเร็จและทำเป็นประจำ จะทำให้การใช้ชีวิตประจำวันในเรื่องทั่วๆไป ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น เพราะเขาเชื่อฟังเรา เคารพเรา แต่ถ้าเขามีพฤติกรรมบางอย่างที่ต้องแก้เฉพาะกิจ เช่น เห่าบ้าคลั่งเมื่อเห็นหมาแมวขณะถูกจำกัดพื้นที่ อันนี้ก็ต้องแก้แยกต่างหากคะ แต่การที่เราทำให้หมายอมรับเราเป็นจ่าฝูงผ่านการเดินMastering the walk มาก่อน ก็จะทำให้การเตือนนั้นง่ายขึ้น หมายอมรับเร็วขึ้นคะ แต่เราต้องเตือนถูกด้วยนะคะ ถ้าเตือนไม่ถูก ทำผิดจังหวะ หมาก็จะหายช้าคะ

ปัญหาของคุณบีบี้

-ฉกไม่ถูกต้อง

การฉกไม่ถูกต้องเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น

ฉกช้าไป - ถ้าเราไปฉกตอนที่หมาเห่าแล้ว พุ่งทะยานแล้ว ฉกล้มเหลวทุกราย เราต้องฉกตั้งแต่หมาเริ่มๆมีอาการ ภายใน 1-2 วินาทีแรกจะได้ผลสุด ถ้าเลยไป 4-5 วินาทีแล้ว หมาก็จะพุ่งทะยานแล้วอารมณ์ปะทุเกินร้อย นั้นเองที่ทำให้เราฉกไม่สำเร็จ เพราะฉะนั้น timing สำคัญมากๆ ภายใน1-2 วินาทีแรก หมาอาจเปลี่ยนภาวะอารมณ์ จากหมอบอยู่ดีๆ ก็ยกหัวขึ้นมา ตาจ้องโต หูตั้ง หน้าผากย่น ปากหุบ อันนี้ฉกได้เลยทันที และฉกจนกว่าหมาจะเลิกสนใจสิ่งกระตุ้นนั้นๆ แบบว่า หันหน้าที หรือ หันไปหมอบต่อ ต้องทำให้ได้อย่างนี้นะคะ
แต่ถ้าเราไม่ทันสังเกตสุนัข แล้วปล่อยให้หมาเริ่มลุกยืน พุ่งทะยาน มีเสียงเห่าแล้วค่อยมาฉก มากระตุกสายจูง ผิดคะ การฉกจะล้มเหลวทันทีเหมือนกับที่คุณบีบี้เผชิญอยู่ขณะนี้

-ฉกร่วมกับความโมโห - เมื่อไหร่มีความหงุดหงิด อาย รีบ โมโห เสียใจ ผิดหวัง กลัว เพียงนิดเดียว การฉกล้มเหลวทันทีคะ เพราะฉะนั้นเราต้องควบคุมอารมณ์เราให้นิ่ง สงบที่สุดขณะตักเตือนสุนัข ให้เราจำภาวะอารมณ์ขณะเราพาเดินแบบ Mastering the walk มาใช้ ความนิ่งแบบนั้น ความสุขแบบนั้น เอามาใช้ขณะฉกตักเตือนสุนัขคะ แล้วจะได้ผล จำไว้ว่า ยิ่งนิ่งเท่าไหร่ หัวโล่งๆเท่าไหร่ จะเตือนหมาได้ดีมากๆเลย อันนี้ต้องฝึกคะ เพราะการเปลี่ยนจิตใจตัวเอง เป็นเรื่องที่ยากที่สุดในการปรับพฤติกรรมสุนัข

หมาเหมือนกระจะสะท้อนเรานะคะ ถ้าเราโมโห หมาก็โมโหด้วย ถ้าเราเตือนด้วยความหงุดหงิด หมาก็ยิ่งหงุดหงิดคะ นั่นเอง หมาถึงบ้าคลั่งคุมไม่ได้ เพราะเรายังคุมอารมณ์เราให้นิ่งไม่ได้เลย แล้วจะคุมหมาได้เหรอ ถ้าอยากให้หมานิ่ง เราต้องนิ่งก่อนคะ เพราะหมาเขาจะเลียนแบบภาวะอารมณ์ของคนที่เขาอยู่ใกล้ หรือ คนที่ถือสายจูงขณะนั้นๆ

-ฉกไปที่เอวคอดนะคะ พยายามให้สะดุ้งภายในทีเดียว การฉกที่ดี ไม่ใช่การทำให้หมาเจ็บ หรือ ผลักหมาให้กระเด็น แต่เป็นการทำให้หมาสะดุ้งคะ เหมือนกับเราตอนถูกจั๊กจี๋ที่เองหนะคะ หรือ ตอนที่เรากำลังจ้องอะไรอยู่แล้วมีคนมาจับแขนเราแล้วทำให้เราสะดุ้ง พอเราสะดุ้งปุ๊ปเราก็จะเลิกสนใจสิ่งนั้นๆทันทีและก็จะหันมาสนใจคนที่ทำให้เราสะดุ้ง อันนี้แหละคะที่ไปปรับใช้กับหมา ตอนที่หมากำลังอยู่ในภวังค์บ้าคลั่ง เราต้องทำให้เขาสะดุ้งคะ เขาถึงหายแบบไม่หงุดหงิด
แต่ถ้าเราทำให้เขาเจ็บเขาก็จะกลับมาตอบโต้เราด้วยความโมโหเหมือนกับคนที่ชอบตีสุนัข นั่นคือทำให้หมาเจ็บหมาเลยสู้กลับ เราก็จะถูกกัด

-การจะปรับพฤติกรรมหมา ต้องฝึกนะคะ ทั้งคนทั้งหมาสำหรับคนที่ยังไม่คล่อง เราอาจจำลองสถานการณ์ขึ้นมาคะ เราจะได้มีโอกาสฝึกตักเตือน ก่อนที่จะไปเจอสถานการณ์จริงๆ

เนื่องจากนอ้งหมาก็ยังมีปัญหากับสุนัขแก่ที่บ้าน เห็นแล้วเห่าอยากเข้าไปเล่น เราก็ใช้เจ้าหมาแก่ให้เป็นประโยชน์ โดยการ ให้น้องหมานั่งมองหมาแก่เลย แล้วเราใส่สายจูงไว้ และฝึกตักเตือนไม่ให้เขาเห่าเมื่อเห็นหมาแก่ที่บ้าน ให้นั่งเฉยๆ มองเฉยๆแบบผ่อนคลาย หรือ ให้เขาเมินหมาแก่ไปเลย ฝึกบ่อยๆ เราจะได้รู้อาการเริ่มๆของน้องหมาว่า อาการก่อนเห่า อาการก่อนพุ่งเป็นอย่างไร เราจะได้ตักเตือนทัน และ ควบคุมความแรงของมือได้ ถ้าฝึกบ่อยๆและเตือนหมาได้สำเร็จบ่อยๆ จะทำให้เตือนได้ง่ายขึ้น เมื่อไปเจอกับสถานการณ์จริงๆนอกบ้าน


- ถ้าทำแล้วไม่มั่นใจว่าฉกถูกหรือไม่ คุณบีบี้สามารถถ่ายเป็นคลิปวิดีโอแล้วใส่ youtube มาให้หญิงดูก็ได้นะคะ หญิงจะได้ดูให้ว่า ฉกถูกหรือไม่ หรือ ต้องปรับการฉกอย่างไรให้ได้ผล

--------------------------------

น้องหมาคายขนมออกมาจากปากได้เนี่ย สุดยอดมากเลยคะ แปลว่าเขาเคารพคุณมากๆเลยนะคะ เขาถึงยอมคายออกมาให้คุณบีบี้

คุณบีีบี้เยี่ยมมาก มาถูกทางแล้วคะ เพียงแต่ปรับจังหวะการฉกนิดหน่อย หญิงเชื่อว่า น้องหมาจะต้องหายในเร็ววัน เพราะจ่าฝูงของเขาไม่เคยยอมแพ้

สู้ๆ

หญิง
โดย: Yoja&Jiji วันที่: 22 สิงหาคม 2553 เวลา:12:20:01 น.
  


อ่านแล้วรู้สึกมีกำลังใจขึ้นเยอะเลย ค่ะ

^____________^


ขอบคุณมากๆนะคะ สำหรับคำแนะนำ ^__^

ที่แท้เราก็ฉกผิดที่นี่เอง ฮ่าๆ หลงไปฉกที่คออยู่ตั้งนานสองนาน ^^'' เดี๋ยวจะเริ่มหัดใหม่ตั้งแต่วันนี้เลยค่ะ


fighting !!! (^O^)y

PS. อยากให้คุณหญิงช่วยเขียนบทความแนะนำเกี่ยวกับเรื่องหัดไม่ให้สุนัขเห่ามั่งจังเลยค่ะ (จีจี้ โยจา ยูจิ ก็ไม่(ได้รับอนุญาติให้)เห่าใช่มั้ยคะ ^^'') คือว่า ลูกหมา Jack Russell ที่บ้าน เห่าเก่งม๊ากกกก เสียงเล็กๆ แหลมๆ บาดหู จี๊ดๆเลยค่ะ


โดย: บีบี้ IP: 58.8.235.238 วันที่: 22 สิงหาคม 2553 เวลา:15:41:06 น.
  
สวัสดีคะคุณบีบี้

หญิงไม่อนุญาตให้มีการเห่าคะ ไม่ว่าจะเห่าเรื่องอะไรก็ตามแต่ ไม่ให้คะ เพราะหญิงไม่ชอบเสียงเห่าของหมาคะ ก็เลยเป็นกฎเหล็กของบ้าน กฎเหล็กของบ้านที่เข้มงวดที่สุดและยอมไม่ได้คือ ห้ามกัด และ ห้ามเห่า คะ

เลี้ยงแจ็คให้เรียบร้อย สำคัญที่สุดคือ ระบายพลังงานออกให้หมดทุกวัน ต้องมีกิจกรรมให้เขาทำทุกวัน และ ต้องเป็นกิจกรรมที่มีสมาธิ ร่วมกับความตื่นเต้นที่น้อยๆ จีจี้ี่บ้าน วิ่งลู่วิ่ง วันละ 2ครั้ง ครั้งละ1 ชั่วโมงคะ ร่วมกับการพาเดิน และ กิจกรรมฝึก trick แล้วเขาจะสงบทั้งวัน พอสงบก็จะว่านอนสอนง่าย ไม่วุ่นวาย

ถ้าจะแก้เรื่องเห่าของแจ็ค ต้องให้เขาเหนื่อยทุกวัน และต้องไว ต้องอึด ต้องหูไวตาไว เพื่อจะได้เตือนทัน

Dog behavior; น้องหมาเห่าจัง.....แก้ได้คะ
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=yojajiji&month=30-12-2009&group=7&gblog=17

สู้ๆคะ
หญิง
โดย: Yoja&Jiji วันที่: 22 สิงหาคม 2553 เวลา:16:31:29 น.
  
สวัสดีตอนหัวค่ำค่ะ ^^

วันนี้พาเค้าไปเดินมา เค้าหอบ ลิ้นห้อยเลยค่ะ ^^''
แต่ว่าไปสองคนกะคุณพ่อ ผลัดกันจูง
สังเกตได้เลยว่าเค้ามีปฏิกิริยาต่างกัน
คือเค้าจะฟังเรามากกว่า ดูจากกเวลาจูงผ่านบ้านที่มีหมาอยู่แล้วหมาิวิ่งมาเห่าที่รั้ว ถ้าเป็นตัวเราเองจูง ในตอนแรกเค้าอาจจะปลายๆตามองไม่ได้หันไปทั้งหัว เราก็กระตุกสายจูงเตือนแล้ว(ใช้เป็นเชือกจูงแบบมีห่วง ไม่ต้องใช้ปลอกคออ่ะค่ะ กระตุกได้เหมือน choke chain) เตือนทันทีที่รู้สึกว่าเค้าเริ่มมีอาการวอกแวก..แล้วก็กระตุก ปล่อย กระตุก ปล่อย หลายที พูดว่า"ไม่"ไปด้วย ทำอย่างนี้จนกว่าจะได้ผ่านบ้านหลังนั้น...ผลคือ เค้าก็เดินได้ค่อนข้างสงบดีค่ะ ไม่วอกแวก เพียงแต่เรารู้สึกได้ว่าเค้าตื่นเต้นกว่านิดหน่อยถ้าเทียบกับเวลาเดินแล้วไม่เจอหมา แต่คือไม่ได้ร้องกรี๊ดด หรือพยายามลากเราเข้าไปทางบ้านของหมาที่เห่าเค้า ...แบบนี้ถือว่าทำถูกรึเปล่าคะ ถ้าถูกแล้วจะได้ทำต่อไปเรื่อยๆค่ะ ^^ ถ้าไม่ถูกรบกวนช่วยแนะนำด้วยค่ะ

ส่วนเวลาผลัดให้คุณพ่อจูง แล้วเดินผ่านบ้านที่มีหมาวิ่งมาเห่าที่รั้วเหมือนกัน ปฏิกิริยาเค้าคือ กรี๊ดดดใส่ แล้วพุ่งตัวไปทางรั้ว ดึงแรงมาก จนขนหน้าเค้าลอยจากพื้นเลย เหมือนคุณพ่อเค้าจะยังไม่ค่อยรู้จังหวะ หรือไม่ค่อยกระตุกเตือนเท่าไหร่อ่ะค่ะ ถ้าผลัดกันกับคุณพ่อจุงแบบนี้ สุนัขของเราเค้าจะเกิดความสับสนรึเปล่าคะ ว่า เอ๊ะ ทำไมเมื่อกี้ทำไม่ได้ ทำไมตอนนี้ทำได้ หรืออะไรแบบเนี้ยอ่ะค่ะ เพราะเพิ่งเริ่มฝึกเดินอย่างจริงจังได้วันนี้เป็นวันที่ 2 เอง เลยไม่อยากให้เค้าสับสนอ่ะค่ะ

แล้วก็มีอีกปัญหานึงค่ะ คือ เวลาเราจูงเค้าเดินผ่านหมาจรจัด เค้าจะมีปฏิกิริยาไม่เหมือนกัน มี 2 แบบคือ
1. ถ้าหมาจรจัด นอนเฉยๆไม่ได้สนใจเค้า หรือสนใจ แต่ไม่ได้มีทีท่าขู่ หรืออะไรทำนองนั้น เค้าก็จะเฉยๆ เดินได้ดีไม่มีปัญหา แต่ถ้าไปเจอ
2. หมาจรจัดที่เห่า ขู่ หวงอาณาเขต หมาเราเค้าจะร้องนิดหน่อย และพยายามจะลากสายจูงไปข้างหน้า แต่เราไม่ยอม และสั่งให้เค้าหยุดเดิน ซักพักก็เดินต่อ (ในระหว่างนั้นคุณพ่อที่เดินอยู่ข้างหน้า เอาไม้ที่เตรียมไปพยายามไล่หมาๆจรเหล่านั้นออกไป พลังงานที่ปล่อยออกมามันทำให้สุนัขของเราสับสนรึเปล่าคะ ระหว่างพลังงานของตัวเรา กับคุณพ่อ เพราะคุณพ่อใจไม่่ค่อยนิ่งเลยค่ะ เค้ากลัวหมาจรจะเข้ามากัด ในขณะที่ตัวเราเองจะควบคุมจิตใจตลอด จะนึกว่า ไม่กลัว ไม่เป็นไร เราต้องเดินผ่านไป เฉยๆๆ)

แต่พอเดินผ่านหมาฝูงนี้ไปได้ สุนัขของเราเค้าก็กลับมาสงบเหมือนเดิมค่ะ...

สรุปคือ สงสัยว่า การที่คนสองคนที่มีความรู้สึกไม่เหมือนกัน ผลัดกันจูงสุนัขที่กำลังหัดเดิน mastering the walk ให้ได้ดีเนี่ย มันจะมีผลต่อตัวสุนัขมั้ยคะ.... และควรจะทำอย่างไรคะ เพราะไม่สามารถพาเค้าไปเดินคนเดียวได้ค่ะ

ปล. เรื่องฉก พยายามฉกที่เอวแล้ว ผลคือ ขาหลังกระตุกตอนฉก แต่เค้าไม่หันมามองเลย มองอะไรอยุ่ก็ยังคงมองอย่างนั้นต่อไป - -" นอกจากว่า บางที พยายามฉกๆๆๆ ที่เอวหลายๆครั้ง เค้าก็จะหันหน้ามามองแบบทำหน้าเรียบๆเลย เหมือนจะถามว่า "จะทำอะไรกะเอวหนูกันนักกันหนา ฮะ..." - -"




โดย: บีบี้ IP: 58.8.156.139 วันที่: 22 สิงหาคม 2553 เวลา:19:47:36 น.
  
บทความของคุณหญิงเยอะมากเลยค่ะ เลยอ่านข้ามไปเรื่องวิธีการรับมือกับหมาจร - -" ขอโทษทีนะคะ ที่ถามเรื่องที่เคยเขียนไว้แล้ว ตอนนี้เข้าไปอ่านแล้วค่ะ จะเอาไปปรับใช้ค่ะ ^^''
โดย: บีีบี้้ IP: 58.8.156.139 วันที่: 22 สิงหาคม 2553 เวลา:19:56:30 น.
  
สวัสดีคะคุณบีบี้

พลังงานของทั้งสองท่านมีผลต่อน้องหมาคะ หมาจะเลียนแบบพฤติกรรมคนที่อยู่ใกล้ หรือ คนที่ถือสายจูงคะ

ถ้าคนถือไม่มั่นใจ กลัว ไม่กล้าทำ งักๆเงิ่นๆ หมาก็จะไม่มั่นใจในตัวเรา เขาก็จะเข้าสู่โหมดป้องกันตัวเอง เพราะคนที่ถือสายจูงไม่มีภาวะอารมณ์ที่จะเป็นผู้นำ เขาก็จะนำทีมเอง เมื่อนั้นหมาจะดื้อ จะดึง จะวอกแวก จะกร่่างกว่าเดิม

แม้เราจะนิ่ง แต่คุณพ่อไม่นิ่ง ก็ทำให้หมาแกว่งไ้ด้เหมือนกัน เพราะมีพลังงานในแง่ลบอยู่ หมาก็จะไม่มั่นใจในการนำฝูงของมนุษย์ เข้าสู่โหมดปกป้องตัวเอง หรือ ปกป้องคนที่อ่อนแอที่สุด เมื่อนั้นหมาก็จะไม่นิ่ง

ไม่ผิดคะที่จะให้คุณพ่อเดินด้วย หรือ เดินถือสายจูง แถมต้องให้เขาเป็นคนฝึกพาเดินบ่อยๆด้วยซ้ำ เพราะจะได้ฝึกไปในตัว แล้วเราก็เป็นฝ่ายช่วยก็ได้คะ คุณพ่อถือสายจูง แล้วเราก็คอยบอกเขาว่าต้องกระตุกตอนไหน ทำอย่างไรบ้าง หรือเราก็อาจช่วยฉกหมาด้วยก็ได้ สองแรงช่วยกันเป็นทีมเดียวกัน ถือเป็นการดีคะ ดีกว่าเราเป็นอยู่คนเดียว แล้วอีกคนก็เป็นพลังลบอยู่อย่างนั้นไม่พัฒนาเสียที หมาก็จะไม่นิ่งเสียที ถ้าทำได้ทั้งสองคน รับรองว่าหมาจะนิ่งสุดๆ
ฝึกคนเนี่ย ยากนะคะ ฝึกหมาหนะง่ายกว่าเยอะ นี่แหละคะงานใหญ่ คุณบีบี้ต้องฝึกคุณพ่อให้เป็นจ่าฝูงให้ได้


การเดินผ่านหมาจรแล้วมีคนใดคนหนึ่งกลัว ความกลัวจะทำให้มีปัญหา ต้องไม่กลัวคะ ถ้ามีคนกลัวเมื่อไหร่ หมาของเราจะเข้าสู่โหมดป้องกันตัวเองทันที เมื่อไหร่หมาของเราเข้าสู่โหมดป้องกันตัว หมาจรเขาจะรับพลังงานป้องกันตัวของหมาเราได้ที่ส่งไป แ้ล้วหมาจรจะเ้ข้าสู่โหมดป้องกันตัวเองบ้าง เมื่อนั้นเราจะเห็นหมาจรเริ่มมีปฎิกริยาเวลากลุ่มเราเดินผ่าน เริ่มหวงที่ เริ่มขู่ เริ่มเห่า เพราะเขาเลียนแบบพลังงานที่หมาอีกตัวส่งออกไปคะ

หมาจรส่วนใหญ่เป็นหมาที่สมดุลนะคะ เขาเข้าสังคมเก่งกว่าสุนัขบ้าน ถ้าหมาจรเริ่มมีการขู่ เห่า หวงถิ่นขึ้นมา เราก็ต้องประเมินหมาของเราแล้วว่า ไปท้าทายหมาจรก่อนหรือเปล่า บางทีเรามัวแต่มองหมาจรจนลืมระวังพฤติกรรมของหมาเรา จึงทำให้เกิดการท้าทายกันเกิดขึ้นได้ ต้องห้ามไม่ให้หมาเราไปมองหมาจรคะ พยายามควบคุมส่วนหัวไว้ไม่ให้หันมองกัน การมองตากันหมายถึงการท้าทาย ซึ่งอันตรายคะ

ถ้าฉกแล้วหมาไม่สะดุ้ง แปลว่ายังไม่ไวพอ แรงยังไม่พอดี

สามารถดูคลิปการฉกและกระตุกสายจูงที่หญิงได้ถ่ายไว้ให้ดูเป็นตัวอย่างเปรียบเทียบได้ที่

Video;

Dog Control 3; ตักเตือนสุนัขด้วยการ "ฉก"
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=yojajiji&month=26-02-2010&group=8&gblog=56

Dog Control 2 ; วิธีใช้ Check Chain เพื่อตักเตือนสุนัข เมื่อสุนัขวอกแวก
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=yojajiji&month=26-02-2010&group=8&gblog=55

มีปัญหาสงสัยถามได้เสมอคะ

หญิง


โดย: Yoja&Jiji วันที่: 22 สิงหาคม 2553 เวลา:20:36:18 น.
  


ขอบมากคุณค่ะ ^^


โดย: บีบี้ IP: 58.8.156.139 วันที่: 22 สิงหาคม 2553 เวลา:21:35:24 น.
  
ขอแวะมุมหน่อยนะคะพี่หญิงวันสุดสัปดาห์นี้คุณสามีไปงานต่างจังหวัดก็เลยมีเวลาเยอะเข้ามาอ่านหลายหัวข้อเลยหลังจากที่ไม่ได้เข้ามาสักพักใหญ่แต่ก็ตั้งหน้าตั้งตาฝึกซันไชอยู่ไม่เคยได้ขาดพอดีอ่านเคสของคุณบีบี้แล้วเหมือนของตัวเองมากเลยในขณะนี้ระหว่างแมวกับวซันไชดูเหมือนเจอกันแล้วจะไม่สงบเลยเมื่อก่อนไม่หนักอย่างนี้เพราะฝึกเค้ามาตั้งแต่แต่ต้นเดินผ่านแมวได้ดีแค่มองๆแล้วก็ดึงๆหน่อยและไม่มีเห่าเพราะแมวที่นี่เยอะมากเจอเกือบทุกวันทุกครั้งทีึ่เดินบางทีเดินผ่านเป็นกลุ่มๆ8-9ตัวแต่เดินผ่านแล้วก็ผ่านเลย แต่เหตุเกิดได้เมื่อเร็วๆนี้คือหวาหวากับแฟนพาเค้าออกไปเดิน mastering the walk จนได้เวลาและเค้าเหนื่อยสงบก็เลยแวะร้านอาหารนั่งดื่มน้ำกันเพราะอากาศวันนั้นดีแต่ดื่มยังไม่ถึงครึ่งแก้วกันเลยไม่รู้แมวแก่ตัวอ้วนๆสีขาวโผล่มาจากใหนไม่รู้เดินมาด้านหลังเก้าอี้ที่หวาหวานั่งอยู่(ไม่รู้เหมือนกันมันมาเมื่อใหร่)ส่วนซันไชที่นอนหมอบหันหลังอยู่หันหน้าไปทางแฟนดันหันกลับมาและวิ่งพรวดพราดลักษณะคลานตระกายไปหาแมวทันทีพร้อมกับส่งเสียงบ้าคลั่งเลยหวาหวาก็ตกใจเกิดอะไรขึ้นแต่มือก็ดึงสายจูงดึงหมาเรากลับเลยทั้งๆที่ยังมองไม่เห็นว่าหมาเรามุดวิ่งบ้าไปหาอะไรเพราะมันเกิดขึ้นเร็วมากโชคดีที่เก้าอี้ที่นั่งอยู่ไม่ล้มคว่ำ:)พอดึงหมาเรากลับออกมาได้ถึงมองหันหลังกลับไปดูอ้าวแมวมาจากใหนเนี่ยและมันก็ยืนอยู่ตรงนั้นเลยไม่ขยับขยื้นเดินไปใหนเลยเก๋ามากๆ เลยให้แฟนพาซันไชออกไปห่างจากโต้ะนั้นซักพักก็หยุดบ้านี่เป็นครั้งแรกเลยที่เห็นหมาตัวเองมีอาการเห่าบ้าเหมือนจะกินเลือดกินเนื้ออย่างนี้และก็ไม่ทันได้ตั้งตัวจริงๆคะสามีก็จะลูบหัวปลอบลูกสาวเค้าแต่ทันทีหวาหวาก็รีบสั่งเลยห้ามลูบหัวมันนะ!คนอะไรสอนยากจริงๆเลยบอกไม่รู้กี่ครั้งแล้วเรื่องลูบหัวหมาเวลาอารมณ์อย่างนี้ สรุปคงไม่นั่งต่อแล้วคะไปจ่ายเงินแล้วก้เดินตามสามีไปที่ที่รถดูอาการหมาเราปรากฏว่าโดนแมวข่วนมาสองรอยตรงบริเวณใบหน้ามีอันนึงใกล้กับตามีเลือดออกด้วยทั้งสองที่เลยนึกในใจว่าโชคดีจริงๆที่ไม่เดินตาถ้าเป็นอย่างนั้นไม่รู้จะไปเอาเรื่องกับใครแต่คิดว่าแมวตัวนั้นคงมีเจ้าของแต่เราไม่ได้สนตรงนั้นแต่ที่สนคือหมาเราเจ็บหน่อยเราก็สงสารเค้าจับใจแต่ไม่ได้โอ๋กลับบ้านมาก็เลยทายาเบนต้าดีนให้ล้างแผลสดไม่รู้ใช้ได้หรือเปล่าแต่คิดว่าโอเค คะจากวันนั้นก็เหมือนเห็นแมวไม่ได้เลยต้องอยากวิ่งใส่และต้องเตือนกันให้หายใช่ใหมคะพี่หญิง

แล้วที่เหมือนเคสของคุณบีบี้อีกเรืองก็คือเปลี่ยนมือคนจูงทุกครั้งที่ให้คุณสามีเป็นคนจูงเจ้าซันไชจะดึงสายจูงตลอดเวลาเลยแตกต่างจากหวาหวาจูงมากเค้าจะต้องพยายมเดินนำหน้าตลอดเวลาดูตื่นเต้นเสมอเวลาเราสองคนพาเค้าออกไปเดินด้วยกันอยากแก้ตรงจุดนี้มากๆเลยพี่หญิงช่วยบอกกลยุทธเทคนิคด้วยจ้าแล้วหวาหวาจะพยายามฝึกและแก้ไข

แต่เหมือนพี่หญิงว่าทุกประการเปลี่ยนคนเปลียนยากยิ่งกว่าเปลี่ยนหมาแต่ยังไงซะก็จะพยายามปั้นหมาของเราต่อไปคะดีมาเกินครึ่งทางกว่าๆแล้วไม่ยอมแพ้คะ

สู้สู้

ขอบคุณคะ

หวาหวา
โดย: หวาหวา IP: 77.208.169.67 วันที่: 10 เมษายน 2554 เวลา:5:24:02 น.
  
ตอบน้องหวาหวา

เรื่องแมว

สิ่งที่ทำให้เจ้าซันไซเห็นแมวแล้วอยากพุ่งเข้าใส่ก็คือ วันที่เขาโดนแมวตะปบที่ร้านอาหารแล้วน้องไม่ทำให้จบในวันนั้น น้องปล่อยให้หมาอยู่ในภาวะบ้าคลั่ง เห่าคลั่ง แล้วพาซันไซจากออกมาทั้งอย่างนั้น ทำให้หมาติดค้างกับภาวะอารมณ์คลั่งอย่างนั้นเมื่อเจอแมว ถือเป็นการสร้างcondition ที่ผิดๆให้เจ้าซันไซ จึงทำให้เจ้าซันไซเจอแมวเมื่อไหร่ก็จะคลั่งทุกครั้งเหมือนกับการคลั่งที่ ร้านอาหาร

ถ้าเราอยากให้เขาเจอแมวในครั้งต่อๆไปในรูปแบบที่เขาสงบ นั่งเฉยๆเมื่อเห็นแมว เมื่อในวันที่ร้านอาหาร น้องก็ต้องทำให้จบในแบบเขานั่งเฉยๆ เขายอมจำนน เขาignoreแมว แล้วค่อยพาเขาจากออกมา ถือเป็นการสร้า่งconditionที่ถูกต้อง แล้วการที่เจอแมวในครั้งต่อๆไป เขาก็จะนั่งสงบเหมือนกับนั่งสงบในวันที่อยู่ในร้านอาหาร

จำไว้ว่า ไม่ว่าสถานการณ์ไหนๆก็ตามที่เกิดกับสุนัข ต้องทำให้จบ จบในแบบหมาสงบ หมายอมจำนนต่อสถานการณ์ก่อนพาเขาออกมาจากสถานการณ์

ใน ครั้งต่อไปเมื่อเขาเห็นแมว น้องต้องเตือนก่อนที่เขาจะจ้อง และให้เขานั้ง หันหน้าออกจากแมว ไม่ให้มองแมว รอจนเขาสงบแล้วพาเดินผ่านไปโดยที่ไม่ให้เขาหันมองแมว ต้องสอนเขาให้รู้ว่า เมื่อไหร่เจอแมว ก็แค่ ignoreแมว ห้ามจ้อง เมื่อไม่จ้องแมว หมาก็ไม่คลั่ง

----------------

เรื่องคุณแฟนพาเดินแล้วซันไซเดินดึง

น้องหวาหวาสามารถช่วยแฟนได้โดย
-เมือ่ไหร่ซันไซจะเดินนำ เราก็ฉกเตือนหรือ ใช้ขาของเรากั้นขวางหน้าซันไซไว้เพื่อไม่ให้เขาถลำเดินนำหน้าแฟนของน้อง

---------------

พี่หญิง
โดย: Yoja&Jiji วันที่: 10 เมษายน 2554 เวลา:21:20:17 น.
  
ขอบคุณครับ
โดย: โจ๊ก IP: 171.101.33.47 วันที่: 8 มกราคม 2557 เวลา:20:27:38 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Yojajiji.BlogGang.com

Yoja&Jiji
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 560 คน [?]

บทความทั้งหมด