Peter Doherty – Grace/Wastelands อัจฉริยะทำลายได้ แต่ก็...กลับมาดีได้

ถ้าเป็นประเทศไทยลองมีศิลปินนักร้องสักคนที่ประพฤติตัวเหลวแหลก ขายยา ติดยาเสพติดอาการสาหัส ติดสุราเมรัยขั้นรุนแรง วิวาทกับคนอื่น ทำลายข้าวของ มีแต่ข่าวทางร้ายๆปรากฏทางหน้าหนังสือพิมพ์ไม่เว้นแต่ละวัน บางทีเห็นยังแทบจำไม่ได้ สภาพอย่างกับซากศพอะไรไม่รู้ กระทั่งติดคุกมาแล้วและไม่เว้นแม้แต่เคยแอบหนีจากวัดถ้ำกระบอกเมื่อถูกส่งไปบำบัดยาฯ อย่างผู้ชายที่ชื่อ Pete Doherty แล้ว มันคนนั้นคงไม่สามารถโผล่หัวมาเป็นที่ชื่นชอบของใครๆได้เป็นแน่แท้ อย่าหวังแม้กระทั่งการจะมีอนาคตอยู่ต่อไปในวงการอย่างราบรื่น


เอาแค่มีข่าวกับอบายมุขนิดหน่อย ชาวบ้านเขาก็ว่ากันโครมๆ แทบหมดอนาคตกันอยู่แล้ว ถูกตราหน้าว่าเป็นตัวอย่างไม่ดีแก่เยาวชนบ้างล่ะ คุณเป็นคนสาธารณะ จะประพฤติตัวไม่ดีไม่ได้นะ เพราะเด็กๆมองคุณอยู่(และผู้ปกครองบางท่านไม่มีเวลาสอนลูกๆ)


แต่ก็นั่นแหละ นาย Pete Doherty ดันเป็นคนอังกฤษ ไม่ใช่คนไทย โชคดีไป สังคมฝรั่งที่อย่างไรเสียผลงานกับเรื่องส่วนตัวยังคงถูกแยกออกจากกันอยู่
ใครจะสนใจความประพฤติเขาล่ะ ?
ก็เราดันฟังผลงานมันแล้วเจ๋งดี เพลงก็เพราะ


นั่นคือเหตุผลว่า ทำไม Amy Winehouse ถึงมียอดขายอัลบั้มดีและกวาดรางวัลแกรมมี่ได้มากมาย
หรือยังคงมีคนบูชา Kurt Cobain อยู่มากจนถึงทุกวันนี้


Pete Doherty คือคนที่มีความสามารถและพรสวรรค์คนนึง
แต่เขาก็เหมือนหลายๆคนที่ชอบย่ำเหยียบสิ่งที่ตัวเองมี
จะว่าไป  ความประพฤติแบบนี้ดูจะยิ่งเข้าทางซะอีก กลายเป็นว่านิสัยเลวๆ ติสต์แตกนั่นแหละ ทำให้มีคนชอบมันมากเอาการ
ฉันก็ชอบนายคนนี้ และอีกนัยหนึ่งก็เกลียดมันโทษฐานที่บรรจงใช้เท้าบดขยี้ความสำเร็จและความรุ่งโรจน์ที่กำลังพวยพุ่งเข้ามาใส่วงดีๆอย่าง The Libertines
ผลงานของสมาชิกทุกคน ในช่วง post-Libertines ยังไม่เคยตรึงใจฉันได้เท่าผลงานเก่าๆของของตัวพวกเขาเอง


ขอโทษนะ
เอาเพลง Dirty Pretty Things กับ Babyshambles มารวมกันออกเป็นรวมฮิตออกมายังสู้ของ The Libertines เดิมไม่ได้ด้วยซ้ำ
อย่างที่เห็นว่าพอไม่มีกันและกัน ทั้งคู่กลับเหลวเป๋ว
แม้ทั้ง Pete และ Carl ต่างมีความสามารถในตัว แต่มันจะยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้นหากร่วมพลังกันสองคน
ช่วงที่ความประพฤตินาย Pete เริ่มออกลายสุดขีดนั้น ใครเล่าจะคิดว่าจะมีวันที่เขามายืนรับรางวัลหรือออกอัลบั้มเดี่ยวได้อย่างทุกวันนี้


อันที่จริง ฉันก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกันว่า จวบจนทุกวันนี้ Pete Doherty จะยังมีชีวิตอยู่
เปล่า
ฉันไม่ได้มีเจตนามุ่งร้ายอยากให้มันตายๆไป แต่จากแค่มองดูสถิติ ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา มันบอกชัดไม่ใช่เหรอว่ามาแบบนี้ ส่วนใหญ่คงอยู่ได้ไม่นาน
ไม่นาน ฉันหมายถึงทั้งอนาคตและชีวิต


หรือกระทั่งการมายืนเชิดหน้าชูรางวัล Best Male Solo Artist จากเวที NME Awards ครั้งล่าสุด ทั้งๆที่ไม่เห็นมันจะมีอัลบั้มเดี่ยวจริงจังออกมาเลยตอนนั้น ก็เป็นการประกาศิตได้อย่างดีว่า นายคนนี้ยังมีอนาคตในวงการดนตรีอยู่เสมอและผู้คนก็ยังนิยมชมชอบผลงานเขาอยู่


ในวันที่ 16 มีนาคมนี้แล้ว ที่อัลบั้มเดี่ยวชุดแรก Grace/Wastelands ภายใต้ชื่อว่าอย่างเป็นทางการว่า Peter Doherty จะออกวางจำหน่ายในสหราชอาณาจักร
โอเค เพื่อสนองตอบความต้องการของนาย Pete เอ๊ย! Peter  ต่อไปนี้ฉันจะเขียนถึงเขาด้วยคำเรียกว่า Peter



(อาร์ตเวิร์กอัลบั้มนี้ แน่นอนว่าวาดโดยตัวเขาเอง)


ถ้ามันจะมีอะไรดีๆไปกว่าการที่เขามาโซโลโชว์คนเดียวแบบปลดปล่อยมันสมองออกมาได้อย่างเต็มที่ สิ่งนั้นก็คงเป็นข่าวคราวที่ออกมาเรื่องแขกรับเชิญที่ได้มาร่วมงานในอัลบั้ม


การเสริมขุมกำลังกีต้าร์ด้วย Graham Coxon  Dot Allison หรือเพื่อนๆจาก Babyshambles การมีโปรดิวเซอร์อย่าง Stephen Street (หลังจากร่วมงานกันแล้วใน Shotter's Nation) เป็นส่วนเติมเต็มสำคัญให้อัลบั้มนี้สมบูรณ์


Grace/Wastelands เป็นอีกอัลบั้มที่มีเสน่ห์เย้ายวน
เสน่ห์ของนาย Peter Doherty ที่จะเรียกจากผู้ฟังได้
แต่อย่าได้คาดหวังอันใดที่จะได้ยินซาวนด์คุ้นหูแบบใน Libs หรือ Babyshambles
ไม่มีอินดี้ร็อค พังค์ร็อคกระโชกโยกมันส์
มีแต่อารมณ์เพ้อฝันราวกับมีศิลปินยุคโรแมนติกมาอ่านบทกวีให้คุณฟังต่อหน้า
มีแม้กระทั่งการบอกรักประเทศตัวเอง
หรืออารมณ์ความรักในแบบที่ยังโหยหาคู่รักคนเก่าคนนั้นอยู่ของ Peter (กระมัง)


นี่เป็นการปลดปล่อยตัวเองในรูปแบบที่เขาอยากจะทำจริงๆ และทุกแทร็กคืองานที่เขาเคยสร้างสรรค์ อาจทั้งเขียนไว้ เคยลองๆแต่งไว้ แต่ยังไม่เหมาะกับงานที่ผ่านมาของวงหรือยังไม่ถึงเวลาอันควร เขาเลยเอามันยัดใส่โหลดองรอเวลาที่มันจะสุกงอมหอมหวนและสมบูรณ์ได้ที่เพื่อจะบรรจุเข้าเป็นสิบสองแทร็กอันกอปรด้วยมวลแห่งแรงดึงดูดที่ชักชวนคนฟังให้เปิดฟังครั้งแล้วครั้งเล่า


ถ้า Grace/Wastelands เป็นภาพยนตร์สักเรื่อง มันคงจะกำกับการแสดงโดย Joe Wright ดัดแปลงจากบทประพันธ์ของ Oscar Wild มีฉากหลังอยู่ในยุควิคตอเรียน แสดงนำโดย Robert Downey, jr เวอร์ชั่นกลับใจ พ่วงด้วยดาราสมทบที่คอยสนับสนุนพระเอกตลอดเวลาอย่าง Paul Giamatti Smiley


ภาพรวมอัลบั้มนี้ช่างเชื่องช้า เซื่องซึม เจือด้วยความหวานชื่นระคนเศร้าโศก ถูกก่อร่างด้วยบรรยากาศแบบกีต้าร์อคูสติก ทำนองอคูสติกแบบหยาบๆซึ่งเตร็ดเตร่อยู่ทั่วทุกแทร็ก ออกจะไปในทางเดียวกันเกือบทั้งอัลบั้ม หากแต่ความกลมกลืนกันดีของเสียงเครื่องดนตรีละมุนหูที่ขับเคลื่อนไปอย่างงดงามช่วยผลักไสความง่วงไปก่อนที่จะไปหาหมอนมาอยู่เป็นเพื่อนกันได้อย่างชงักงัน


ถ้าเป็นพวกชื่นชอบหรือติดตามนาย Peter คงคุ้นเคยกับ Arcady เพลงในแทร็กแรกที่เมื่อก่อนเขาตระเวนร้องไปทั่วทุกงานอยู่แล้ว ล่าสุดก็งาน NME Awards ที่เขาแสดงกับ Graham Coxon เสียงกีต้าร์เปาะแปะบวกจังหวะกลองให้กลิ่นอายโฟล์คลอยมาหน่อยๆ และฟังดูสดใสเหมาะกับการเปิดตัว แต่หากจะมีอะไรแปลกๆ ไม่เคยเห็นในแบบ Peter มาก่อน เพลงซิงเกิ้ลแรก Last Of The English Roses (เอ็มวีออกนานแล้วซึ่งช่วงท้ายๆนั่นมั่นช่าง....) ก็คือคำตอบ ฟังครั้งแรกแม้อาจได้หง่าวๆกับอาการมาแบบเรื่อยและเอื่อยเฉื่อย แต่หากใครใคร่จะดื่มด่ำไปกับเสียงดิบหวานในอารมณ์โซซัดโซเซแต่แฝงความนุ่มโรแมนติกแบบเสียง Peter ในเพลงนี้แล้วล่ะก็ ฟังไปฟังมาคงได้ละเมอเกลือกกลิ้งฝันหวานกับจังหวะเนิบๆขึ้นๆลงๆในเพลงรักไร้เดียงสานี้ได้ดี


1939 Returning ขึ้นต้นมาทำให้คิดถึงดนตรีประกอบในหนังขาวดำเก่าๆ ก่อนที่จะเข้าใจว่าเนื้อหาเพลงมันไปสงครามโลกครั้งที่สองกันเลยทีเดียว เคยอ่านเจอว่าเพลงนี้ตอนแรกเขาตั้งใจแต่งไว้ร้องกับ Amy Winehouse แต่ยังไงไม่ทราบได้ เพลงเลยมาอยู่นี่
A Little Death Around the Eyes (ในวิกิฯ บอกว่า Carl Barat ร่วมเขียนด้วย) เพลงหรูหราในแบบออร์เคสตร้าที่เคยคุ้นเคยมาแล้วในแบบ The Last Shadow Puppets
แทร็กต่อมาเข้าสู่โหมดมืดหม่นกับ  Salome เพลงระดับเสียงต่ำมาหน่อยและเป็นอีกหนึ่งในเพลงไพเราะงดงามด้วยการพรรณนา (ในอารมณ์จิกกัด?)
 


ด้วยสไตล์การร้องแบบ Peter  ที่ทอดเสียงร้องเบาๆในลำคอ พึมพำงึมงำและมีเสียงหายใจเล็ดรอดในบางทีอาจไม่เป็นที่ชื่นชอบของทุกคน แต่ฉันอยากให้ลองจับความสวยงามในบทเพลงซึ่งเปี่ยมด้วยภาพพจน์ โวหารของแต่ละบทเพลงที่เขาเปล่งเสียงร้องออกมา แน่นอนว่าสำหรับการเขียนเพลง  หมอนี่ก็อัจฉริยะด้านอารมณ์คมกวี เขียนได้ทุกเรื่องกระทั่งยันเรื่องข้างถนน
เฉกเช่น ในเพลงที่ดูง่ายๆ ไม่มีอะไรอย่าง I Am The Rain ที่ใช้การเปรียบเทียบแจ่มๆในเพลงแต่ละท่อน เริ่มต้นด้วยเสียง Peter และกีต้าร์อคูสติกตัวเดียวก่อนจะเข้าสู่ท่อนคอรัสที่เข้ารับกันได้กลมกลืนดูมีชีวิตชีวา (ซึ่งจะได้ยินเสียงแทมบูรีนด้วย) ก่อนจะกลับมาสู่กีต้าร์อีกครั้ง
Sweet By And By ดูออกแนวแจ๊สเลยนะนั่น เสียงเปียโนเคล้าเคลียแทร็มเป็ตเข้ากันกับเสียงปั๊ป ปะ ดา ดาๆๆ   ให้อารมณ์ไฮโซมาก
Palace Of Bone ฟังเผินๆ ก็นึกว่า The Coral มาเอง เนื้อหาช่างคล้ายกับการคร่ำครวญกับชีวิตตัวเองอย่างไรชอบกล หรือจนแล้วคนรอด Kate Moss ก็ยังคงตามหลอกหลอนคุณอยู่?
Sheepskin Tearaway มีเสียง Dot Allison มาเป็นแขกรับเชิญและแต่งเพลงร่วม เพลงรักที่น่าจะชวนเคลิบเคลิ้มไปในทางหลับซะมากกว่า แต่ยังดีที่เสียงเปียโนกับ Dot Allison มันดูกลมกล่อม ฟังได้เพลินๆ เป็นอีกหนึ่งแทร็กที่ให้อารมณ์อคูสติกอ่อนนุ่มและยังไม่รู้สึกระคายเคืองหู
ในเพลงเศร้าสร้อยอย่าง Broken Love Song ที่อย่างกับมาบอกเล่าชีวประวัติตัวเองอีกครั้ง แน่นอนว่าที่ Peter ครวญถึงก็คือการที่เขาเคยอยู่ในคุก (ท่อน “Through my cell window”)  เพลงนี้ ft. Peter Wolfe (For The Lovers ไงล่ะ จำได้มั้ย?)
เฮ้! และมันมีท่อนนี้ด้วยแหละ
Every morning
I'll be singing
Like a caged bird who might say
Jump on George and Ringo
Help me pass the hours away


New Love Grows On Trees เพลงนี้ไม่ใช่เพลงใหม่ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมฉันคลับคล้ายคลับคลามันเมื่อได้ยินครั้งแรก เวอร์ชั่นในอัลบั้มนี้เพราะกว่าเดโมเวอร์ชั่นเยอะ โดยเฉพาะในส่วนกีต้าร์และการจัดการเครื่องดนตรีที่ทำได้ดีจนกลบข้อเสียเรื่องเสียงร้องอย่างคนเมาแอ๋ของ Peter ไปได้


Lady, Don’t Fall Backwards โรแมนติกโฮกกกก ท่อน “C’mon fall into my arms” นั่น
ไม่อยากบอกเลยว่า ให้ตายเถอะ ฉันอยากเป็นผู้หญิงคนนั้นเสียจริง


ในสิบสองเพลง คงเห็นมุมมองในด้านที่ดูโตเป็นผู้ใหญ่(จริงๆ) ของเขาซะที เปิดเผยมุมส่วนตัวที่นุ่มนวล จิตใจที่ไหวอ่อน และดูจะชวนให้มองเขาในด้านคนเขียนเพลง(กวี)/ร้องเพลง ได้มากกว่าฐานะพังค์ร็อคเกอร์แบบเคยๆ
ผู้ฟังคงได้รู้เรื่องราว Pete เพิ่มขึ้นอีกและแนวแบบนี้คงได้แฟนใหม่ๆไม่มากก็น้อย
ไม่รักก็เกลียดมันไปเลย ใช่ไหม สำหรับนายคนนี้ 


เพลงแนะนำ : Broken Love Song




อัลบั้มนี้ไม่ได้ดีเลิศ
แต่มันก็ไม่ใช่การสักแต่สุ่มเอาเพลงเหลือเดนที่เคยลองๆทำไว้ แต่ไม่เคย release มายัดรวมกัน
มันอาจไม่กระชากขี้หูให้เริงระบำและยอดเยี่ยมเท่าจุดที่เขาเคยสร้างชื่อไว้กับ Libertines
ไม่น่าตื่นตะลึงซี๊ดปากเท่าเห็นฉาก Kate Winslet ในอ่าง เอ๊ย! ในศาลใน The Reader
ไม่หวานจ๋อยโรแมนติกชวนดื่มด่ำเท่าหนัง Richard Curtis
ไม่ให้อารมณ์สุดยอดเท่าเห็น Mickey Rourke กลับมาพีคใน The Wrestler


แต่ฉันว่าฉันพอใจกับงานเดี่ยวของคนไม่ดีที่กำลังพยายามทำตัวดีอยู่ตอนนี้ และพิจารณาได้ว่ามันเป็นงานที่ดีที่สุดของเขานับตั้งแต่การสิ้นสุดลงของ The Libertines

และคงทราบดีกว่าในปีนี้ เมื่อแฟนๆ Blur ได้ปรีดากับการมาจูจุ๊บปากกันอีกครั้งของ Damon กับ Graham ไปแล้ว ฉันก็หวังเหลือเกินว่าจะมีความน่ายินดีของ Carlos และ Peter ตามมาในไม่ช้านี้...



ปล. Happy Birthday ย้อนหลังเมื่อวานด้วย Peter Doherty!!
ปล. 2 เขาเอาลงไว้ที่นี่ให้ได้ฟังกันด้วย
//www.myspace.com/gracewastelands ฟังดูได้ แล้วอัลบั้มมันก็ leak  แล้ว แบบ high quality ไม่ใช่rip จาก myspace (ไม่ได้ชี้ทางนะ แต่มันเป็นนิสัยเลวอย่างหาที่สุดไม่ได้ของฉัน มี leak ที่อยากฟังที่ไหน เมื่อไหร่ มันต้องโหลดโดยพลัน) ส่วนแผ่นลิขสิทธิ์ไทย  ฉันเข้าใจว่าอยู่กับวอร์เนอร์ฯ (อัลบั้มนี้เป็นสัญญากับ Parlophone เหมือน Babyshambles ซึ่งแผ่นที่ว่า EMI เดิมก็ทำไว้อยู่) หวังว่ามันคงจะทำเร็วๆนี้ 
ปล. 3 เนื่องจากทิ้งบล็อกไว้นานโคตร ตอนแรกคิดอยู่ว่าน่าจะเขียนสรุป รวมๆเหมือนบล็อกที่แล้วด้วย แต่เนื่องจากสาเหตุ 1. ขี้เกียจมากกกกกกๆ  2. เดือนที่แล้วไม่มีอัลบั้มไหนที่ประทับใจ โดนๆเป็นพิเศษ และผิดหวังอย่างสูงกับ U2 (แต่บ็อกซ์เซ็ต No Line On The Horizon สุดยอดมากกและใน booklet ตรงเขียนขอบคุณผู้คน มีชื่อ Chris Martin ด้วย) และเหตุผลประการสำคัญคือ คงไม่มีใครมานั่งทนอ่านแกพร่ำบ่นอะไรยาวๆหรอกนะ 555+ สรุปบล็อกนี้เกี่ยวกับ Peter Doherty ทั้งหมด ได้ยาวๆไปล่ะนะ
ปล. 4 ตอนนี้ชอบ Dinosaur Pile-Up มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก จับตาดูไว้ให้ดีๆนะ (จะรุ่งไม่รุ่งไม่รู้ ขอพูดเอาไว้ก่อน ฮ่าๆ)
ปล. 5 โอเคฉันต้องเอ่ยถึง Coldplay ก่อนจบบล็อก (เฮ่อออ – เสียงถอนหายใจพลางส่ายหน้าของผู้อ่าน) อันเนื่องมาจากปลายเดือนนี้พวกมันจะมาโฉบเฉี่ยวแถวบ้านใกล้เรือนเคียงอย่างสิงคโปร์และฮ่องกง โดยไม่คำนึงถึงไทยแลนด์โดยแม้แต่น้อย ฉันจะไม่ยอมเด็ดขาดถ้า Viva La Vida Tour ไม่บรรจุประเทศไทยไว้ในตาราง แม้ต้องอาศัยปาฏิหาริย์ระดับ Michael Clarke Duncan ใน The Green Mile ยังลำบากใจ กระนั้นฉันได้บนบานศาลกล่าวต่อเจ้าพ่อหลายที่แล้ว ตั้งแต่เจ้าพ่อ Sir Matt Busby ยันเจ้าพ่อ Don Vito Smiley


ได้โปรดเถอะๆๆๆๆ


อนึ่ง หากใครมีเงินเหลือใช้ แบบไม่รู้จะเอาไปทำอะไรแล้ว เก็บไว้ก็รกลูกหูลูกตาเปล่าๆ โอนมาทางหลังไมค์ให้จขบ. ดีกว่า ฉันจะได้ไปดูเล่นมันที่ประเทศอื่น อาทิ สเตเดี้ยมทัวร์ที่เวมบลีย์ในเดือนกันยา.นี้ ที่อเมริกาเหนือซึ่งมันประกาศทัวร์ได้ประกาศทัวร์ดี ฯลฯ







Create Date : 13 มีนาคม 2552
Last Update : 13 มีนาคม 2552 14:41:33 น.
Counter : 2565 Pageviews.

18 comments
เนื้อเพลง Solo – Jennie First Step
(2 พ.ย. 2567 04:12:44 น.)
แปลเพลง Creatures in heaven - Glass animals First Step
(1 พ.ย. 2567 17:08:33 น.)
:: ถนนสายนี้มีตะพาบ โครงการที่ 363 :: กะว่าก๋า
(31 ต.ค. 2567 04:30:16 น.)
แปลเพลง Hot Girl Bummer - Blackbear First Step
(25 ต.ค. 2567 07:59:29 น.)
  
ผมยังไม่ได้ฟังเลย แต่เห็นด้วยมาก ๆ กับเรื่องที่ว่ายุคโพสต์ของวงนี่ มาตรฐานบ่ได้เลย
โดย: I will see U in the next life. วันที่: 13 มีนาคม 2552 เวลา:14:25:45 น.
  

บังเอิญผ่านมาเจอ...
และเก็บข้อมูลไปลองฟังดู
บังเอิญ Com ตัวนี้ไม่มีโพง....



โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 13 มีนาคม 2552 เวลา:16:17:24 น.
  
ถึงแม้พีทจะ ติสแตก ซกมก ทำตัวแย่ แต่ก็เป็นอัจฉริยะ จนใครๆต้องยอมรับ ตรงนี้แหละที่ทำให้ทุกคนไม่สนใจเรื่องราวแย่ๆที่พีททำไว้ แต่สนใจตรงผลงานที่เจ้าตัวได้ทำออกมา
ฉะนั้น เราเองก็ชื่นชมพีทมาก (ไหนจะแต่งตัวเจ๋งอีก) ถึงแม้ผลงานผ่านๆมานั้น จะไม่มีอันไหนสู้ The Libertines ได้ แต่พีทเองก็สร้างความตื่นเต้นให้แก่วงการเพลงมาตลอด
พอนึกถึงพีท จะต้องมีหน้าคาร์ลลอยขึ้นมา ตอนที่สองคนกำลังแชร์ไมค์แบ่งกันน่ะ ชอบๆ 55+
โดย: Lonely Windmill วันที่: 13 มีนาคม 2552 เวลา:19:02:47 น.
  
เป็นเพื่อนบ้านกังไว้ ดีจาตาย งุงิๆๆๆ
มีไร จาได้ ช่วยปลอบใจกัง

โจ...พลังชีวิต
โดย: พลังชีวิต วันที่: 14 มีนาคม 2552 เวลา:0:12:16 น.
  
ถ้าตาพีทอยู่เมืองไทย จะต้องมีผู้ใหญ่ในวงการออกมากรี๊ดๆเป็นแน่ "เดี้ยนรับบ่ได้ฮ่าาาา"

โดย: Mesia_82 วันที่: 14 มีนาคม 2552 เวลา:10:43:43 น.
  
เขียนได้เมามันส์เหมือนเดิมฮะ
กำลังอยากลองฟังอยู่เหมือนกัน

แต่เห็นรูปปกซีดีแล้ว กลัว กลัวจะเมาไปกับมัน
โดย: haro_haro วันที่: 14 มีนาคม 2552 เวลา:16:59:57 น.
  
ชอบ The Libertines มากๆเลยคับ

ขอบคุณ บล็อกนี้ ที่ทำให้ผมติดตามพีท อีก
โดย: เพชร IP: 114.128.60.208 วันที่: 14 มีนาคม 2552 เวลา:17:07:07 น.
  
เราว่าจริงๆแล้วพีทคงมีด้านดีๆมั่งแหละ
แต่สื่ออาจจะไม่ค่อนนำเสนอ
ว่ากันว่า คนที่รักสัตว์ส่วนใหญ่จะอ่อนโยนน๊าา


ปล.อัลบั้มเดี่ยวเฮียแกคงซื้อแบบไม่คิด
ปล2. ขอให้มีโอกาสดู coldplay ในเร็ววันนะจ้ะ
โดย: little_fuku วันที่: 14 มีนาคม 2552 เวลา:17:55:11 น.
  
แวะมาอ่าน มาอัพบ่อยๆก็ดีนะคะ ต้องไปปั่นงานต่อก่อนละ
โดย: prunelle la belle femme วันที่: 17 มีนาคม 2552 เวลา:5:01:26 น.
  
อ่า กับ อ.ตุล นี่เป็นเพื่อนกันครับ คุณลูซี่ไปรู้จัก พณฯ ท่านพราหมณ์หมีได้อย่างไรหรือครับ
โดย: I will see U in the next life. วันที่: 22 มีนาคม 2552 เวลา:11:12:24 น.
  
เราไม่รู้จัก Pete เลยไม่ขอพูดถึงเค้านะ ~แหะ แหะ

แต่ก็เห็นด้วยแหละว่า บ้านเมืองอื่นเค้าแยกออกระหว่างเรื่องส่วนตัว กับ เรื่องงาน ....ไม่ใช่มานั่งคิดเล็กคิดน้อยว่า ถ้าทำตัวชั่ว ฝีมือผลงานก็ต้องชั่วสมตัว

หรือการทำตัวชั่วมีผลส่งต่อมาถึงผลงาน

แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่ใช่ว่าบ้านเมืองเค้าจะไม่แยกแยะน่ะ ส่วนใหญ่กรณีที่เค้าจะปล่อยเลยก็คือ เอ็งชั่วก็เหลวแหลกไปคนเดียว แต่เมื่อใดก็ตามทำสังคม หรือคนอื่นเดือดร้อน ก็โดนแน่...(แบบกรณี Chris Brown)


ยังไงก้ดีใจที่เห็นวงการบริทพ๊อพ/อินดี้ คึกคัก ตอนนี้วงการเพลงพ๊อพของเราน่าเบื่อมากๆๆๆ (มีเลดี้ กาก้า นี้แหละที่พอจะประคับประคองให้มีสีสัน)....ศิลปินคนเดียวที่เรารอคอยงานอยู่ตอนนี้ก็คือ Tori Amos แต่ไม่ใช่แนวพ๊อพนะ เป็นอัลเถอร์.... ไม่รู้ ลูซี่ รู้จักไหม... แต่น่าจะได้ยินนะ เพราะยุค 90 ก็มีเธอและป้าบียอร์ก พีเจ ฮาร์วีร์ ที่กอดคอกันดัง...

Tori Amos เคยคัฟเวอร์เพลง Happiness is a warm gun ของบีทเทิ่ล ด้วยนะ เฮี้ยนมาก เราไม่เคยฟังต้นฉบับ แต่ฟังของเจ๊แกแล้ว ท่าทางตีความไปไกลหลายกระบวนท่าเลย...

ยังไงๆเราก็ขอให้คำอทิษฐานเรื่องทัวร์เป็นจริงซักวันแล้วกัน การได้เจอศิลปินที่เรารักเล่นสด ตัวเป็นๆ โชยกลิ่นเหงื่อหอมๆ แตะปลายจมูก นี้มันเป็นความสุขขั้นนิมมานรดี เลยทีเดียว
โดย: AguileraAnimato วันที่: 7 เมษายน 2552 เวลา:0:28:33 น.
  
ก่อก ก่อก
- -"
โดย: little_fuku วันที่: 17 เมษายน 2552 เวลา:20:21:46 น.
  
ขอบอกว่า อัลบั้มนี้ต้องได้เงินเราแน่ๆ อิอิ

ฟังที่มายสเปชแล้วชอบทุกเพลงเลย

ปล. ดีใจที่พี่ๆชาว Blur กลับมารวมตัวกันได้ซะที

โดย: Shaz วันที่: 18 เมษายน 2552 เวลา:5:08:40 น.
  
ชอบ libs
โดย: popjew IP: 125.26.38.122 วันที่: 8 พฤษภาคม 2552 เวลา:1:57:41 น.
  
รู้จักคำว่า rock star มั้ยครับ
โดย: freedom IP: 58.8.34.43 วันที่: 9 พฤศจิกายน 2552 เวลา:17:30:18 น.
  
อุ๊ย เมา ....
โดย: The wobble IP: 114.128.180.120 วันที่: 6 มกราคม 2553 เวลา:0:36:16 น.
  
นี้คือผู้ชายที่เท่ที่สุด ต่อจาก kurt เเละ sid ดีกว่าวง boyband ในบ้านเรา ที่ดีเเต่ขายหน้าตา
โดย: lampai IP: 182.93.141.220 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2553 เวลา:16:03:47 น.
  
เขาเป็นทายาทของ เอมี ไวส์เฮาส์ ....
โดย: hippie IP: 110.171.54.24 วันที่: 26 กรกฎาคม 2554 เวลา:0:32:24 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Tinkerbell.BlogGang.com

Lucy in the sky with diamonds
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]

บทความทั้งหมด