รณรงค์ให้เลิกวัฒนธรรมการจุดธูปครับ จุดธูปแล้วได้อะไร? ใครรู้บ้าง นี่ผมจะรณรงค์ให้หักดิบเลยเหรอ จะฝืนโบราณประเพณีหรือ? ก็อะไรหละ คือโบราณประเพณี ลองย้อนอดีตไปดูซิ ว่าในสมัยพุทธกาล มีหรือไม่ ดอกไม้ ![]() แต่อย่างไรเสีย อานิสงส์จากอามิสบูชา ก็ยังไม่เท่ากับอานิสงส์จากการปฏิบัติบูชา เทียน ![]() เทียน ผมเข้าใจว่าน่าจะเข้ามาจากอิทธิพลตะวันตก แต่อย่างไรเสีย โดยพื้นฐานของมันก็น่าจะหมดความจำเป็นลงไปแล้วในยุคที่มีหลอดไฟฟ้าใช้ แต่ศาสนาเหมือนเป็นเครื่องยึดติดอย่างนึงของมนุษย์ จึงพยายามอนุรักษ์อะไรเดิมๆเอาไว้ ผมกำลังจะบอกว่า ใช้หลอดไฟสองดวงแทนเทียนสองเล่ม ก็ไม่น่าเป็นสิ่งผิดแต่อย่างใด สังเกตุว่าสมัยนี้มีเทียนไฟฟ้า ดวงไฟมีการกระพริบเล็กน้อยเกิดขึ้นเหมือนเทียน ก็จะไปทำให้มันกระพริบทามมมมายยยยย ธูป : ในสมัยพุทธกาลไม่มีธูป และไม่มีอะไรที่ใช้แทนธูปเหมือนกับเทียนครับ นี่จึงเป็นสิ่งให้ผมกล้ายืนยันว่าจะจุดหรือไม่จุดก็ได้ มีผู้กล่าวว่า การบูชาด้วยธูป คือการบูชาด้วยเครื่องหอม. ในความหมายนี้ ก็คงเป็นอะไรที่ประเสริฐอยู่ ฟังดูเป็นกุศล แต่ทว่า ธูปหอมเพิ่งมามีขึ้นได้ไม่นาน (ก่อนนั้นเป็นธูปเหม็นเหรอ) แล้วธูปหอมเนียะ เราสามารถใช้มาดมแทนน้ำหอมหรือแทนดอกไม้ได้หรือเปล่า? ถ้าไม่ได้ ก็อย่าบังคับให้ใครดมเลย แม้แต่พระพุทธรูป ที่สำคัญ บางคนก็แพ้กลิ่นธูปด้วยครับ ประวัติของธูป ในอดีตผลิตจากไม้หอม มีลักษณะคล้ายธูปจีนโบราณ (วัฒนธรรมและการทำธูปในไทย สืบทอดมาจากการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และการค้าในอดีต) และเนื่องจากตัววัตถุดิบเป็นไม้หอม ควันธูปค่อนข้างละเอียด ไม่ระคายเคืองจมูกและตา ในอดีตธูป ทำจากเนื้อไม้หอม (Aromatic wood) หลายชนิด เช่น ไม้จันทน์ขาว (Sandalwood) จันทน์เทศ (Nutmeg) กำยาน (Gum Benzoin เป็นยางไม้หอมชนิดหนึ่ง) ไม้กฤษณา (Agar wood) กันเกรา (Tembusu) หรือต้นบง หรือโกวบั๊วะ (นำมาผสมน้ำเพื่อให้เนื้อผงธูปเหนียว พอที่จะฟั่นเป็นธูปได้) บดเนื้อไม้ให้เป็นผงละเอียด นำมาเป็นวัตถุดิบในการทำธูป ปัจจุบัน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป ประกอบกับวัตถุดิบที่แพงขึ้น ไม้หอมต่างๆที่นำมาผลิตธูปเริ่มมีราคาแพง ผู้ผลิตส่วนใหญ่ จึงเปลี่ยนมาใช้ขี้เลื่อยไม้ยางพาราแทน เนื่องจากมีราคาถูกกว่า และมีสีขาวนวลเหมือนไม้จันทน์ขาว ลักษณะเป็นผงละเอียด ขึ้นรูปได้ง่าย แล้วจึงนำมาผสมน้ำหอม เรียกว่า "ธูปหอม" เมื่อนำมาจุดจะให้ควันและกลิ่นหอม ![]() สารก่อมะเร็งอื้อ นพ.มนูญ กล่าวว่า ธูปทุกชนิด ล้วนมีสารก่อมะเร็งทั้งสิ้น ในสถานที่จุดธูป มีสารก่อมะเร็งสูงกว่าที่ไม่จุดถึง 63 เท่า ควันธูปในวัดส่งผลอันตรายต่อพระสงฆ์ คนงานที่ทำงานในวัด แต่ที่น่ากังวลมากที่สุด คือ บริเวณศาลเจ้า หรือ วัดจีน โดยเฉพาะย่านเยาวราช ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีการจุดธูปตลอดทั้งวัน และอากาศไม่ค่อยถ่ายเท ประกอบกับยังมีควันพิษจากท่อไอเสีย ทำให้เป็นแหล่งรวมสารก่อมะเร็งที่ต้องเฝ้าระวังมากที่สุด ที่สำคัญที่มองข้ามไม่ได้คือการจุดธูปในบ้าน ตามความเชื่อและประเพณีที่ปฏิบัติกันมาแต่โบราณ เพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จึงทำให้มีควันธูปในบ้านมาก ซึ่งถือว่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยธูป 3 ดอก สามารถปล่อยมลพิษและสารก่อมะเร็งได้เทียบเท่าสี่แยกไฟแดงที่มีการจราจรคับคั่ง ถึงเวลาแล้วที่เราควรจะปรับเปลี่ยนความเชื่อ และพฤติกรรมการจุดธูปเสียใหม่ เราสามารถทำการสักการะได้โดยพนมมือถือธูปไว้ในมือได้แต่อย่าจุด หากทุกคนช่วยกันปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่ เราก็จะมีส่วนช่วยในการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดภาวะวิกฤติโลกร้อน และยังช่วยลดอุบัติการณ์การเกิดมะเร็งลงได้"นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ กล่าวโดยสรุป สุดท้ายจะเลือกจุดธูปเพื่ออธิษฐานให้สุขภาพแข็งแรง หรือจะดับธูปเพื่อรักษาสุขภาพ ก็อยู่ที่การตัดสินใจของคุณ หรือหากต้องจุดธูป เมื่ออธิฐานแล้วก็ควรดับธูปทันที หรือหากไม่จุดธูปเลย ก็ไม่ต้องสิ้นเปลืองเงินซื้อธูปไปเปล่าๆครับ ทำใจเสียเถอะ หากต้องการบอกอะไรกับผู้ที่ล่วงลับไปแล้วผ่านควันธูป มันเป็นสัจธรรมของมันอย่างงั้นเอง มีอะไรก็รีบๆบอกเค้าเสียตั้งแต่ยังมีชีวิต ก่อนอะไรจะสายเกินไป ถ้าจุดธูปแล้วไม่รักษาศีล...ก็เท่านั้น
มีความศรัทธาในอานิสงส์จากการปฏิบัติบูชามากกว่าค่ะ ![]() ... ขออนุญาตนะคะ เมื่อสมัยเด็กๆ ที่บ้านป้าจะจัดชุดอาหารเล็กๆ ถวายพระพุทธด้วย แต่ที่บ้าน พ่อบอกว่าไม่ควรถวาย เพราะท่านได้ปรินิพพานไปแล้ว ได้ดับเพลิงกิเลิสเพลิงทุกข์โดยสิ้นเชิงแล้ว ส่วนป้า ถ้าถวายแล้วสบายใจก็ปล่อยป้าไป พ่อบอกให้รู้ความหมายเอาไว้เท่านั้น ไม่ทราบว่าตามความเข้าใจที่พ่อบอกมาจะคลาดเคลื่อนอย่างไรไหมคะ ![]() โดย: ตะวันเจ้าขา
![]() พี่ว่าการจุดธูปมันเป็นรูปธรรมในการที่เราสื่อสารกับสิ่งที่มองไม่เห็น มันเป็นความเชื่อนะ
โดย: พี่อ้อ IP: 58.147.97.222 วันที่: 27 พฤษภาคม 2552 เวลา:14:28:15 น.
ตามที่พ่อคุณ ตะวันเจ้าขา บอกก็ไม่ผิดครับ พระองค์ท่านปรินิพพานไปแล้ว แต่ถ้าคิดอย่างงั้นแล้วจะทำให้ปฏิเสธการไหว้พระพุทธรูปไปด้วย ก็คงไม่ถูกนัก การไหว้พระพุทธรูปจึงทำเพื่อระลึกถึงพระพุทธองค์อยู่ครับ จึงยังมีอานิสงส์อยู่
ส่วนคุณป้าถวายข้าวพระพุทธ ก็ไม่ถือว่าผิดอะไรมาก เพราะคุณป้าอาจจะยังยึดติดการไหว้แบบเทพเจ้าทั้งหลาย (ความเชื่อที่มนุษย์เข้าใจง่ายที่สุด) แต่เพียงการระลึกนั้นก็ควรเลียบง่ายที่ครับ ไม่จำเป็นต้องจัดอาหารแต่อย่างใดครับ เพราะก็ทราบดีว่าสุดท้ายก็ต้องได้ลาข้าวพระพุทธ ไม่ได้ลามาเพียงถาด แต่ข้าวและกับก็กลับมาครบบริบูรณ์ ความรู้สึกผิดจะมีขึ้น ก็ต่อเมื่อมีคนอดอยากมาขออาหาร แต่เรากลับไม่มีให้เพราะต้องถวายพระพุทธรูปครับ โดย: สมภพ เจ้าเก่า
![]() เรียนมากรู้มากรู้ไปสะหมดละครับคนสมันนี้
วัฒนธรรมเขามีมานมนาน ตั้งแต่เราๆท่านๆยังไม่เกิด การละทิ้งความเชื่อเท่ากับการละทิ้งตัวตนต้นตระกูลของเรา ไปรณรงค์พวกโรงงานโน้นไปแถวนิคมนะ ดึกๆแอบปล่อยควันกันไม่รู้เท่าไร ชิ โดย: เอก ชกส30 IP: 58.11.37.116 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:11:08:55 น.
วัฒนธรรมการดื่มเหล้า ก็มีมานมนานแล้วเหมือนกัน
ผมก็ยังตั้งอยู่บนความเป็นผู้เจริญได้ ชิ โดย: สมภพ เจ้าเก่า
![]() ไม่ถึงกับเลิกจุดทีเดียว แต่จุดน้อยๆ ได้ไหม
งานศพ จุดเต็มไปหมด ทุกคนจุดคนละก้าน คิดดูถ้าคนไปร้อยคนก็ร้อยก้าน พันคนก็พันก้าน ขี้ธูปเอย ควันธูปเอยเต็ม งานวัด เวลาเวียนเทียน หรือทำบุญอะไร ก็ต้องจุดคนละก้าน ยิ่งอยู่ในศาลา ในวิหาร ควันก็ไม่ออกไปไหน แสบตา หลังคาโบสถ์วิหารก็ดำ ถ้าเลิกไม่ได้ ก็จุดบูชาพระแก่ ๓ ก้าน พอ งานศพก็จุดแค่เพียงดอกเดียวพอ ไม่ต้องจุดมาก โดย: tara IP: 118.173.18.53 วันที่: 9 กันยายน 2555 เวลา:5:39:43 น.
|
บทความทั้งหมด
|
ทุกวันนี้ไหว้พระไม่จุดธูปแล้ว กราบอย่างเดียว..
เป็นห่วงว่าโลกจะร้อน..