กาญจนบุรี .. เป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นภูเขา แม่น้ำหรือน้ำตก โดยส่วนตัว จขบ.ชอบโลเคชั่นจังหวัดนี้นะคือเห็นทิวเขาเป็นแนวยาวเลยเวลาขับรถอยู่บนถนนแต่ละเส้นของกาญจนบุรี
จากตัวเมืองกาญจนบุรีใช้เวลาเดินทางไปเขื่อนศรีนครินท์ประมาณชั่วโมงนิดๆ แต่วันนี้เราจะไปลุยถ้ำกันค่ะ
ถ้ำแห่งนี้มีชื่อว่า "ถ้ำพระธาตุ" ไปทางน้ำตกห้วยขมิ้น
พวกเราขับรถมาตามเส้นทางที่บอกไว้มาถึงก็จะเจอวัดเลยค่ะ แต่เท่าที่ถามคนที่อยู่ที่นั่นบอกพวกเราว่า
ถ้ารถเก๋งไปเข้าอีกทางเถอะทางนี้สำหรับรถยกสูง โปรดสังเกตุทางคู่ขนานกับเส้นทางปูนนั่นแหละทางที่จะไปกันดูสภาพแล้วไม่น่ารอด
พวกเราเลยวนรถไปอีกทางโดยย้อนกลับไปแล้วเข้าทางอีกทางหนึ่งซึ่งมีป้ายบอกไว้ชัดเจน
เข้ามาเรื่อยๆ จะมีที่จอดรถในอุทยาน " ใครมาเที่ยวันธรรมดาเค้าลดค่าเข้าให้ 50% ด้วยล่ะ"
ค่าเข้าอุทยานก็คนะ 100 บาท เด็ก 40 บาท ชาวต่างชาติ 300 บาท โดยเสียเงินตรงเคาเตอร์นี้ล่ะ
เจ้าหน้าที่บอกว่าเดินไม่ไกลเท่าไหร่ จขบ.ก็ใจชื้นขึ้นมาทันทีไม่ไกลเว้ยเฮ้ย
ก่อนที่จะไปยังถ้ำพระธาตุต้องแบกป้ายเสียหน่อย "ป้ายบอกพวกเราว่าเดินไปอีกแค่ 600 เมตร"
ไม่ไกลแน่นอนป้ายยังฟันธงขนาดนี้
เริ่มต้นเดินด้วยทางบันไดกว้างๆ ไม่ถี่เริ่มสบายใจเดินสบายชิลล์แล้วเรา
ระหว่างทางก็ถ่ายรูปดอกไม้ใบหญ้าไปเรื่อยเปื่อย ที่นี่มีดอกเข้าพรรษาด้วยล่ะ จขบ.นึกว่ามีเฉพาะที่สระบุรีเสียอีก
ทางเดินก็มีสลับทางลาดและขั้นบันไดไปเรื่อยๆ ตอนนี้ชักเริ่มเกาะราวสะพานแระ
คือเริ่มเหนื่อยๆ นี่เราเดินมาไกลแล้วนะคงใกล้ถึงแล้วล่ะ
พอเห็นป้ายนี้อิชั้นถึงกับช็อค 300 M. เอ้ยนี่มันเดินมานานแล้วนะเพิ่งครึ่งทางใช่หราาา
แต่มาแล้วเอาวะอีกไม่ไกลอีก 300 เมตรเองไปต่อเว้ย
โหย .. ไม่อยากบอกว่าจะเห็นป้ายนี้ชีวิตขาป้าแก่ๆ อย่างอิชั้นถึงกับเงิบ
นี่มัน 600 เมตรแม้วเปล่าวะไกลแท้เห็นป้ายนี้แล้วบ่งบอกเลยว่าอีกไกล ตรูโดนหลอกมาหลายป้ายแล้วม๊ะ
นั่นไงป้ายมาอีกแระสัญญานมาแระยังไม่ถึงเหอะไปต่ออีก ป้ายนี่คือติดให้กำลังใจหรือติดผิดเนี่ย
ขาป้าตอนนี้นี่เริ่มก้าวไม่ออกแระแถมอากาศวันนี้ดูครึ้มๆ แต่เหงื่องี้ไหลเป็นน้ำเลยจ้า
กว่าจะตะกายมาถึงจุด 600 เมตรได้ไกลมากลากยาวๆ เห็นเพื่อนนั่งรออยู่ข้างหน้าพร้อมกับใครอีกคน
พอเดินเข้ามาใกล้ๆ ถึงรู้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่นำทาง
เอ่อ..เอาจริงๆ นะคนไม่มีแบบนี้ยังมีคนมานำทางด้วย แต่สอบถามเค้าจะมีเจ้าหน้าที่คอยนำทาง คือเราไม่สามารถเดินเข้าไปเองได้
หลังจากนั่งพักสักแป๊บพี่เค้าก็ถามว่า "พร้อมไหม" เอาวะพร้อมก็พร้อมไปลุยกันเลยจ้า
โดยเค้าจะให้เราศึกษาข้อปฏิบัติในการเข้าไปในถ้ำ ห้ามขีดเขียน ห้ามสัมผัส ห้ามสูบบุหรี่ ห้ามน้ำเครื่องดื่มเข้าไปประมาณนี้
จากนั้นพี่เค้าก็ถามว่า "จะเข้าทางไหน" คือมีให้เลือกสองทางทางแรกคือที่เห็นในรูปคือมืดๆ เนี่ย
กับอีกทางหนึ่งคือทางนี้ค่ะ
ดูจากสภาพทางเข้าบอกตามตรงไม่น่าเข้าสักทางอ่ะ แต่เอาวะไหนๆ มาแล้วไม่ถอยหลังแน่นอน
"พี่คะทางไหนหนูเข้าได้อ่ะ" คืออีสองทางที่เค้าให้มาเนี่ยแลดูแคบมากจะติดพุงตรูเปล่าฟ่ะ แต่ละทางไม่ธรรมดาทั้งนั้น
พี่คนนำทางเลยบอกว่างั้นเข้าทางหนึ่งแล้วกัน ส่วนทางสองไว้ออกค่อยมาลองดูขอประเมินก่อน "ประเมินอะไรฟ่ะ ??" เป็นคำถามค้างคาใจ
ระหว่างทางต้องมีไฟนำทางเพราะมืดมาก พี่เค้าก็เดินแล้วก็อธิบายเราเป็นจุดๆ จนมาหยุดที่หินก้อนนี้
พอส่องไฟจะเห็นว่าไฟสะท้อนเข้าไปยังด้านในของหินเลยทีเดียว คือสว่างด้านในทั้งก้อนเลย
ตรงจุดนี้คือหินงอกหินย้อยที่มีลักษณะเหมือนพระธาตุเลยเป็นที่มาของถ้ำพระธาตุ
เลยจากจุดนี้ไปเป็นสิ่งที่ จขบ.ประหลาดใจมากคือจะเห็นรอยเลื่อนปรากฏอยู่ด้านบนของถ้ำตรงนี้คือรอยเลื่อนศรีสวัสดิ์
รอยเลื่อนเห็นชัดมากแสดงว่ามันมีการเปลี่ยนแปลงของโลกจริงๆ น่าจะเป็นหลักฐานจากพวกนี้แหละ
ที่นี่เห็นชัดเป็นรอยยาวเลยทีเดียว จากนั้นพวกเราก็เดินต่อตามพี่เค้า
ตอนส่องไฟแว่บแรกมาที่หินก้อนนี้ตกใจเลยเห็นเป็นหน้าคน แถมในถ้ำมืดมากคือพี่เค้าสาดไฟแป๊บเดียวอ่ะ
โอ้ยย .. พี่คะทำอะไรเกรงใจคนขวัญอ่อนอย่างอิช้านนิดหนึ่ง
ตรงนี้ก็สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับ จขบ. คือส่องไฟไปที่หินแล้วเป็นประกายสะท้อนออกมาเห็นเป็นผลึกเลยอ่ะ
แสดงว่าต้องมีแร่ธาตุอะไรบ้างอย่างแหละคือสวยจัง
ตรงนี้ก็จะเหมือนหัวช้าง จขบ.ไฟก็ไม่มีนี่สุ่มถ่ายเลยนะใช้กล้องมือถือเปิดแฟลชถ่ายเอา
ดีนะที่รุ่นนี้ถ่ายแสงได้ดีไม่งั้นล่ะไม่มีรูปมาฝากเพื่อนๆ หรอก คริคริ
อันนี้ก็สวยนะคือเห็นเป็นหินบางๆ เลยไม่น่าเชื่อเนอะธรรมชาตินี่สันสร้างความงามเนอะ
เค้าถึงไม่ให้เอามือไปสัมผัส จขบ.ว่าหักแน่ๆ อ่ะบางขนาดนี้
จุดงานเข้าแล้วจ้า . .
หากใครอ่านมาตั้งแต่ต้น จขบ.มีเกริ่นไว้ก่อนเข้าไปในถ้ำเรื่องที่พี่คนนำทางบอกว่า "ทางออกไว้ประเมินกันอีกที" เนี่ยแหละคือคำตอบว่าทำไมพี่นำทางต้องประเมินอีกที คือดูลูกทัวร์ไงว่าตัวใหญ่ขนาดไหน เพราะช่องทางออกเนี่ยต้องอาศัยวิชัยซิกแซคตัว แต่ถ้าติดพุงนี่จบเลยนะออกลำบากแระ เพราะต้องแทรกผ่านช่องเนี่ยออกไปให้ได้ แล้วก้มตำคลานอีกทีสุดติ่งเลยอิชั้น
โมเม้นท์แรกที่ จขบ.เห็นช่องทางออกนึกในใจเลยจ้า "แล้วตรูจะออกยังไงแลดูพุงตรูไม่รอดแน่" แต่พอลองดูต้องดันตัวเองผ่านออกมาให้ได้อ่ะ สุดๆ ดีอ่ะเหมือนมาผจญภัยเลยค๊า ขอบอกว่าไม่ได้รู้ล่วงหน้ามาเลยมาเดาเอาเฉพาะหน้าเนี่ยแหละ ก็สนุกไปอีกแบบหนึ่งนะ โปรดสังเกตุหน้ามันย่องเลยเหอะคือร้อนอ่ะ
พอออกมาได้ก็ถามพี่นำทางว่า "อ้าวแล้วถ้าอ้วนอ่ะ" จะออกทางไหน พี่ที่นำทางบอกว่า "อ้วนก็ออกทางเดิมคือเข้าได้ก็ต้องออกได้นะ" ง่ายๆ ถ้าเข้าไม่ได้ก็เข้าไปในถ้ำไม่ได้ตั้งแต่แรกเลยอ่ะ
VIDEO
อ้อ .. ลืมเล่าให้ฟังไปว่าที่นี่มีค้างคาวที่ใหญ่ที่สุดและเล็กที่สุดอยู่ในถ้ำเดียวกันด้วย พอส่องไฟไปบนเพดานถ้ำจะเห็นชัดมาก ว่าตัวใหญ่สุดกับเล็กสุดมันต่างกันจริงๆ นะ ส่วนในรูปที่เห็นเป็นไฟส่องเนี่ยเป็นค้างคาวตัวเล็กสุดคิดดูสิว่าในรูถ้ำเล็กๆ มันเข้าไปอยู่ได้อ่ะ มันต้องเล็กมากแถมพี่เค้าไม่ได้อยู่ตัวเดียวนะจ๊ะ สามตัวค๊าในรูเล็กๆ เนี่ยอ่ะเริ่ดป่ะล่ะ สำหรับวันนี้ก็สนุกสนานกาญจนบุรีเมืองท่องเที่ยวยอดฮิตของฝั่งตะวันตกที่รอคอยใครหลายๆ คนมาสัมผัสค๊า
ก่อนกลับ จขบ.แวะไปถ่ายรูปบนเขือนศรีนครินทร์เสียหน่อยไหนๆ มาแล้วเนอะ ติดตามกันต่อตอนหน้านะคะ
ว่า จขบ.จะพาไปเที่ยวเมืองไทยที่ไหนกันต่อ ชีวิตมนุษย์เดินดินเสพสิ่งที่เรียกว่า "ความสุข"
Photo and Story By
Patthanid C.
ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
PZOBRIAN Book Blog ดู Blog
Mitsubachi Food Blog ดู Blog
ควายเฒ่า Literature Blog ดู Blog
patthanid Travel Blog ดู Blog
ว๊าวววว สุดยอดตามมาเที่ยวถ้ำด้วยคนนะคะ