บทที่ 3 Day1 ซูริค ฟุสเซน มิวนิค บันทึกการเดินทางเที่ยวยุโรป 3ประเทศ บทที่ 3 Day1 ซูริค ฟุสเซน มิวนิค เมื่อเริ่มขับออกจากอาคารจอดรถของสนามบิน ก็พบว่าเราไม่ค่อยเข้าใจวิธีการใช้ GPS ที่มีมากับรถ น้องสาวพยายามเลี้ยวรถกลับเพื่อกลับไปที่บริษัทเช่ารถ แต่อาคารจอดรถเขามีหลายส่วน บางส่วนก็ไม่ได้เชื่อมกัน เราไม่สามารถเข้าประตูใดประตูหนึ่งแล้วเลี้ยววนเพื่อกลับไปยังจุดที่เราต้องการได้ ผลคือเราวนอยู่ในอาคารจอดรถหลังหนึ่งอยู่สักสามรอบ แล้วก็ตัดสินใจไปหาทางตั้งGPSเอาเองดีกว่า โดยเบื้องต้นเราตั้งเป้าโดยกำหนดชื่อเมืองฟุสเซนไปเลย และนี่ก็เป็นจุดเริ่มของการทุ่มเถียงเรื่องทิศทางและการขับรถตลอดการเดินทางนี้ วันแรกที่เรามาถึงมีฝนโปรยต้อนรับเราตลอดวัน ท้องฟ้ามัวซัวและอากาศค่อนข้างเย็น พอเราออกพ้นเขตเมืองก็แวะจุดพักรถเพื่อหาซื้ออาหารกลางวันกินกัน เป็นประเภทฟาสท์ฟู้ด ฉันทดลองใช้เครดิตการ์ด เกิดเหตุขลุกขลักเล็กน้อยเพราะเครื่องอ่านการ์ดเขาเสีย ฉันลืมซื้อน้ำจึงกลับไปซื้อแต่จ่ายด้วยเงินสดที่แลกมา คนขายรับและทอนเงินซึ่งมารู้ภายหลังว่าเขารับเงินยูโรจากฉันแต่ทอนมาให้เป็นเงินสวิสฟรัง เนื่องจากเราเสียเวลาตอนรับรถอยู่นานไปหน่อย ทำให้แผนการเดินทางเริ่มล่าไปกว่ากำหนด เราเลยไม่แวะเข้าเมืองฟุสเซน แต่มุ่งหน้าไปชมปราสาทนอยชวานสไตน์กับปราสาทโฮเอินชวังเกา ใช้เวลาขับรถประมาณ2ชั่วโมงเราก็ได้เห็นปราสาท แต่ฝนยังคงตกทำให้ไม่สะดวกในการเดินชมหรือขึ้นรถม้าต่อไปยังตัวปราสาท เราเลยได้แต่ชะโงกทัวร์แล้วก็โบกมือลา มุ่งหน้าไปยังมิวนิคต่อไป ขับรถบนมอเตอร์เวย์ต่อมาอีก 2-3ชั่วโมงเราก็เข้าเขตมิวนิค เช่นเดียวกับเมืองใหญ่ทั่วไปเมื่อเข้าใกล้เขตเมืองรถก็เริ่มติด เราตั้งเป้าหมายโดยปักหมุดชื่อโรงแรม แต่หารู้ไม่ว่าขื่อโรงแรมนั้นมันเป็นชื่อเดียวกับย่าน เช่นย่านอโศก ย่านคู้บอน ประมาณนั้น ดังนั้นเมื่อเราไปถึงย่านแผนที่นำทางมันก็บอกว่าถึงแล้ว แต่เราก็ยังหาโรงแรมไม่เจอ ต้องกลับรถตั้งใจจะไปเริ่มมองหาจากหัวถนนกันอีกรอบ เดชะบุญขณะที่เราติดไฟแดงพลันสายตามองข้ามแยกไปเห็นป้ายโรงแรมอยู่ซอยตรงข้าม จึงรีบขับเลี้ยวเข้าไปตามป้ายที่ชี้ว่าเป็นที่จอดของโรงแรม แต่กลับหาตัวอาคารโรงแรมไม่เจอ ต้องใช้พลลาดตระเวนเดินเท้าสอดส่องหา ในที่สุดก็เจอว่าตัวโรงแรมนั้นอยู่ลึกเข้าไปอีก น้องสาวเลยกลับไปเลื่อนรถเพื่อลำเลียงกระเป๋าลงได้สะดวก โรงแรมแรกนี้ชื่อ แอม มูสเฟลด์ ตัวโรงแรมเป็นอาคาร5ชั้น สภาพค่อนข้างเก่าแต่ก็สะอาดดี เมื่อเราแยกย้ายขนของเข้าห้อง ลูกชายมาบอกว่าหน้าต่างห้องนี้มันเสียนะแม่ เราก็เลยให้ลูกไปขอเปลี่ยนห้อง พอได้กุญแจห้องใหม่และขนย้ายกระเป๋าเข้าไป ถึงได้รู้ว่าหน้าต่างที่เมืองนอกนี้เขาเปิดแบบบานกระทุ้งทางตั้งและเปิดแบบเอียงด้านบนเข้า สรุปฉันกลับไปหาพนักงานและขอย้ายกลับไปห้องเดิม ค่ำนั้นเรากินอาหารเย็นที่ห้องอาหารของโรงแรม เป็นอาหารจานใหญ่ที่กินกันแทบไม่หมด คืนนั้นหลับใหลด้วยความเหนื่อยล้า ตื่นมาหิวจัดตอนประมาณตีสี่ ควานหาเฟร้นช์ฟรายที่ห่อมาจากอาหารเย็นมาประทัง อาหารเช้าของที่นี่แบบบุฟเฟ่ มีไข่ ไส้กรอก แฮม ขนมปัง สลัด ผลไม้ ชีส โยเกิร์ต หลากหลายแบบให้เลือกตัก ถือเป็นอาหารเช้าที่ดีที่สุดในการเดินทางนี้
|
BlogGang Popular Award#20
สมาชิกหมายเลข 8225107
บทความทั้งหมด
|