บทที่ 9 Day7 บุคส์(Buchs) ทิทลิส เบรียนซ์ บันทึกการเดินทางเที่ยวยุโรป 3ประเทศ บทที่ 9 Day7 บุคส์(Buchs) ทิทลิส เบรียนซ์ ตื่นเช้ามาเป็นวันจันทร์เมืองเริ่มกลับมามีชีวิต ร้านรวงเริ่มเปิด น้องสาวบอกให้ไปจัดเสบียงเสียที่ร้านCoOpข้างโรงแรม เมื่อเราลงมาถึงชั้นล่างพบว่ามีร้านรวงมากมายเปิดให้บริการอย่างคึกคัก ฉันกับลูกไปเลือกซื้ออาหารสำเร็จรูปไว้ไปกินเป็นมื้อกลางวัน ได้ซีซาร์สลัด แซนวิช และอื่นๆอีกสองสามอย่าง เขามีช้อนส้อมมีดพลาสติกใส่ซองกระดาษขายด้วย สะดวกมาก ระหว่างทางจากบุคส์ไปยังเขาทิทลิส เราตั้งใจขับผ่านเข้าชมลูเซิร์นแบบโฉบๆ ใช้เวลาแป๊บเดียวก็เข้าเขตเมืองลูเซิร์น เป็นเมืองหลักที่มีขนาดไม่ใหญ่โตเท่าใด มีทั้งโซนเมืองเก่าที่อนุรักษ์อาคารเก่า และโซนธุรกิจที่มีอาคารสมัยใหม่ เป้าหมายคือจะผ่านไปชมสะพานไม้100ปี เราขับรถเข้าเมือง วนหาที่จอดรถแต่ก็ไม่ได้ลานที่ใกล้พอ ก็เลยว่าจะใช้วิธีวนรถผ่านแล้วถ่ายรูปจากในรถ แต่เผอิญจากการวนเข้าซอยเล็กซอยน้อยไปมา เราได้เลี้ยวเข้าถนนเส้นเลียบแม่น้ำและเห็นสะพานพอดี เราเลยจอดข้างทางเปิดไฟฉุกเฉินแล้วฉันรีบวิ่งลงไปถ่ายรูป ถือว่าปฏิบัติการสำเร็จ จุดหมายหลักในวันนี้ที่น้องสาวภูมิใจนำเสนออย่างที่สุดคือยอดเขา Titlis เราไปถึงจุดหมายในเวลาใกล้เที่ยงแต่ยังไม่หิว ก็เลยแยกทีมอีกครั้ง เพราะน้องสาวกับคุณอาเคยมาแล้ว เลยสมัครใจไปหาที่ปิคนิครออยู่ข้างล่าง ส่วนฉันกับลูกชายดิ่งไปซื้อตั๋วกระเช้าเพื่อขึ้นไปชมยอดเขา ราคาตั๋วแพงหูดับคนละ96CHF แต่มาถึงแล้วยังไงก็ต้องขึ้น กระเช้าช่วงแรกเป็นกระเช้าคันเล็กขนาดนั่งได้อย่างมาก6คน เป็นกระเช้าที่วนมารับและผู้โดยสารก็เลือกกระโดดขึ้นได้ตามใจ กระเช้ามีจำนวนมากเวียนมาเรื่อยๆไม่ต้องรอ ฉันกับลูกขึ้นไปจนถึงสถานีหนึ่งที่ฉันเข้าใจว่ามันคือยอดเขา แต่ก็ไม่ได้ฟังที่ลูกพยายามบอกว่ายังไม่ถึงนะแม่ ผมได้ยินเขาบอกว่า “ทิทลิส ซิทดาวน์” นั่นแปลว่ายังไม่ถึงให้นั่งต่อไป แต่ฉันก็โดดออกมาซะแล้วเลยทำเป็นออกไปถ่ายรูปสองสามแชะ แล้วกลับไปที่ท่าเพื่อพยายามจับกระเช้าคันต่อไป ซึ่งเราต้องจำใจโดดเข้าไปในกระเช้าที่มีคู่รักคู่หนึ่งเขานั่งขึ้นมา เป็นที่กระอักกระอ่วนทั้งสองฝ่าย จนกระทั่งมาถึงสถานีปลายทาง แต่ยังค่ะ ยังไม่ถึงยอด เมื่อต้องลงจากกระเช้าเล็ก เราได้พบกับอภิมหาแถวยาวของนักท่องเที่ยว ขดไปมาหลายพับเพื่อรอขึ้นกระเช้าใหญ่อีกขั้นหนึ่ง กระเช้าขั้นนี้ใหญ่กว่าเดิมและจุผู้โดยสารได้คันละราวๆ50คน โดยผู้โดยสารต้องยืนเบียดกันไป กระเช้ามีจำนวนแค่2คันสลับกันมารับ นั่นคือสาเหตุที่มีแถวรอยาวมากๆๆ การยืนรอคิวที่ขยับได้ทีละนิดเป็นเรื่องทรมานขาของฉันเป็นที่สุด แต่เราก็ฝ่าฟันกันจนถึงยอดจนได้ จากสถานีกระเช้าต้องขึ้นลิฟท์ไปอีกที่ชั้น4และ5ถึงจะเป็นชั้นที่ออกไปสัมผัสอากาศยอดเขาได้ โชคไม่ดีเพราะตอนเราขึ้นไปถึงเป็นช่วงที่หมอกลงหนัก มองอะไรไม่เห็นเลย ในอาคารเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวเดินวนไปมา หาซื้อของที่ระลึกบ้าง หาซื้อขนมทานเล่นบ้าง ฉันกับลูกพยายามถ่ายรูปกับวิวที่มีแต่หมอกอยู่ครู่หนึ่งก็ยอมแพ้ รีบลงมาเข้าคิวรอลงกระเช้า เป็นการทรมานขาอย่างทารุณอีกครั้ง ในที่สุดเราก็ได้จับกระเช้าเล็กเพื่อลงสู่พื้นดิน แต่เมื่อถึงสถานีกลางทางก็โดนกลุ่มนักท่องเที่ยวแขก4คนโดดเข้ามานั่งด้วย แถมไม่นั่งเปล่ายังลุกขึ้นยืนแอ็คท่าถ่ายรูปและย้ายสลับที่นั่งไปมา ทำทุกอย่างที่เขาติดป้ายว่าอย่าทำขณะโดยสารกระเช้า แม้ว่าจะโดนคนเหล่านี้รบกวนให้รำคาญใจ แต่วิวที่มองลงมาขณะนั่งในกระเช้าก็สวยมาก คุ้มกับการเสียเวลาเข้าแถวรอขึ้นรอลง มีบางช่วงที่กระเช้าผ่านฝูงวัวในทุ่งหญ้าด้านล่าง ดูเหมือนเขาจะติดลำโพงและกระจายเสียงกระดึงวัวให้เราได้ยินแว่วๆด้วย เมื่อลงมาถึงพื้นดินจึงเห็นว่ามีข้อความจากน้องและคุณอาหลายอัน ถามว่าเราไปกันถึงไหนแล้ว เลยได้รู้ตัวว่าเราใช้เวลาขึ้นลงกระเช้านานพอดู ฉันได้แวะซื้อของที่ระลึกนิดหน่อย จัดการเสบียงเป็นมื้อกลางวัน แล้วเราก็ออกเดินทางต่อ เดิมเราจองที่พักในเขตหมู่บ้านกรินเดลวัลด์เลย แต่มีเหตุให้เราต้องยกเลิกและจองที่ใหม่ ซึ่งเราเห็นว่าเรามีรถส่วนตัวเลยตัดสินใจหาที่พักที่ไกลออกมาหน่อย ดังนั้นโรงแรมในวันนี้ชื่อ Alpenrose อยู่ในเขตเมืองเบรียนซ์(Brienz) ห่างจากกรินเดลวัลด์ประมาณครึ่งชั่วโมง เราถึงโรงแรมประมาณหนึ่งทุ่ม น้องสาวกับคุณอาออกไปหาร้านอาหารเย็นแต่ฉันกับลูกยังมีเสบียงเหลือเลยไม่ต้องออกไป โรงแรมนี้ดูเหมือนปรับปรุงบ้านมาเป็นโรงแรม ห้องพักอยู่ชั้น2ที่เหมือนกับอยู่ห้องใต้หลังคา ห้องพักขนาดเล็กแต่ก็ไม่คับแคบนัก มีลิฟท์ตัวเล็กๆที่ตอนขึ้นจะกระตุกแรงขนาดทำให้เข่าทรุดได้ถ้าไม่ตั้งหลักให้ดี แต่ก็เรียกเสียงหัวเราะได้ทุกครั้งที่ขึ้นลิฟท์ เจ้าของโรงแรมเป็นชายวัยเดียวกับฉันอาจแก่กว่าหน่อย พอรู้ว่าเรามาจากเมืองไทย ก็คุยว่าเขาเคยมาเที่ยวเมืองไทย และพยายามนึกว่าเขาเคยมาพักที่จังหวัดไหน นึกนานเสียจนสรุปว่าพรุ่งนี้เช้านึกออกแล้วค่อยบอกว่าเป็นที่ไหน ฮ่าๆ |
บทความทั้งหมด
|