บทที่ 2 วันออกเดินทาง บันทึกการเดินทางเที่ยวยุโรป 3ประเทศ บทที่ 2 วันออกเดินทาง เราเลือกบินกับสายการบินไทย น้องสาวกับคุณอาซื้อตั๋วชั้นอีโคโนมี แบบลองเลก ได้ที่นั่งแถวหน้าแบบมีที่ว่างให้ยืดขาได้สบายหน่อย ฉันกับลูกชายทุ่มทุนซื้อตั๋วบิซิเนสคลาส เพราะตั้งใจไว้ว่าจะขอลองนั่งสักครั้ง และหวังจะใช้บริการกินดื่มที่ห้องรับรองที่สนามบินให้เปรม เที่ยวบินของเราออกเวลา 01.00น. ด้วยความตื่นเต้นเราเรียกรถมารับจากบ้านตั้งแต่ 19.00น. เช็คอินเสร็จตั้งแต่ 21.00น. นั่งรอยาวๆไปที่สนามบินสมใจอยาก อาหารที่หวังจะได้กินอย่างอิ่มหนำกลับมีให้เลือกไม่มากเท่าที่คิด แต่ถึงกระนั้นลูกชายก็ชิมไปหลายรายการอยู่ ฉันแจ้งกับสายการบินตั้งแต่ตอนซื้อตั๋วว่าขอวีลแชร์ เพราะรู้ตัวว่าคงจะเดินไกลไม่ไหว เจ้าหน้าที่นัดคนเข็นวีลแชร์มารับที่ห้องรับรองตอนเที่ยงคืน ซึ่งเขาก็ส่งเราจนถึงประตูเครื่องเลยที่เดียว เมื่อฉันไปถึงที่นั่งแวบแรกรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เพราะขนาดของที่นั่งไม่ได้กว้างขวางอย่างที่คิด แถมต้องเบียดร่างอันใหญ่โตผ่านลงไปนั่งอย่างลำบากลำบนเล็กน้อย ความคิดแรกคือโดนหลอกซะแล้ว ราคาตั๋วแพงกว่าตั้งเกือบสามเท่าแต่ทำไมได้ที่นั่งแคบๆแบบนี้ แต่เมื่อลงนั่งเข้าที่และลองกดเลื่อนเบาะปรับเอนนอนดูก็รู้สึกเบาใจ และเห็นว่านั่งนอนได้สบาย เบาะปรับนอนราบประกอบกับช่องด้านหน้าที่ให้วางเท้านั้น สอดเท้าเข้าไปได้ลึกพอให้นอนเหยียดตัวตรงได้ ก็ถือว่าคุ้มที่จะจ่าย ฉันจะไม่ขอวิจารณ์อาหารที่มีบริการบนเครื่อง เพราะไม่ได้ประทับใจมากนักแต่ก็ไม่เลวร้าย คุณแอร์ให้บริการอย่างดีไม่มีอาการรังเกียจรังงอนใดๆ ฉันกับลูกกินๆนอนๆจนถึงที่หมายตามเวลาที่กัปตันแจ้ง เที่ยวบินนี้ใช้เวลาบินประมาณ 11ชั่วโมง เมื่อเครื่องถึงสนามบินซูริค ก็มีวีลแชร์มารอรับ แต่กลับเข็นเราไปทิ้งให้รอตรงทางเดินอยู่นานเพราะต้องรอเจ้าหน้าที่มาเข็น เมื่อออกจากเกทแล้วต้องต่อรถไฟใต้ดินขบวนสั้นๆเข้าไปที่ตัวอาคารสนามบิน เจ้าหน้าที่ช่วยเข็นเราไปจนถึงสายพานรับกระเป๋าแถมยังเข็นไปส่งไว้ที่อาคารอีกฝั่ง จากนั้นเราก็ต้องเริ่มหาทางไปต่อกันเอง น้องสาวอาสาเดินไปหาบริษัทเช่ารถที่จองไว้ ปล่อยให้ลูกทัวร์นั่งรอที่ร้านกาแฟ สักครู่ใหญ่ก็กลับมาเรียกว่าได้รถแล้ว และเราก็ได้เจออุปสรรคแรก รถที่เราได้คันแรกเป็นฮอนด้าซึ่งก็ดูว่าใหญ่ แต่ไม่สามารถบรรจุกระเป๋าทั้ง4ใบได้ น้องเลยต้องไปแจ้งขอเปลี่ยนคัน ซึ่งเขาก็จัดหาแทนให้เร็วทันใจเป็นรถซีตรองที่มีช่องเก็บของท้ายรถลึกกว่าช่วยให้อัดสัมภาระเราเข้าไปได้หมด ความขลุกขลักนี้กินเวลาเราไปเกือบสองชั่วโมง ในยุโรปเขาขับรถเลนขวาและรถเป็นแบบพวงมาลัยซ้าย เวลานั่งก็จะรู้สึกเสียวไส้กับระยะห่างระหว่างรถและมุมมอง รู้สึกเหมือนจะเฉี่ยวชนกับรถหรือขอบถนนไปตลอดทาง เราเช่ารถที่มี GPSด้วยเพื่อความสะดวกในการหาเส้นทาง แต่ระบบนำทางของรถนี้ไม่สามารถหาชื่อสถานที่ได้ เราต้องระบุตำแหน่งด้วยชื่อถนนและรหัสไปรษณีย์ ทำเอาปวดหัวไม่ใช่น้อย ในที่สุดเราก็มุ่งหน้าออกจากซูริคกันได้เสียที |
BlogGang Popular Award#20
สมาชิกหมายเลข 8225107
บทความทั้งหมด
|