ระบบการศึกษาในประเทศไทย สวัสดีครับ...วันนี้ผมจะมาเขียนบล็อกเกี่ยวกับการศึกษาไทยนะครับ คุณคิดว่าในปัจจุบันระบบการศึกษาไทยในปัจจุบันนั้นเป็นระบบที่ดีแล้วหรอครับ? ผมมองเห็นตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา หลายๆรัฐบาลพยายามที่จะพัฒนาระบบการศึกษาในประเทศไทย ให้ดีขึ้นกว่าเก่า แต่ก็ล้มเหลวเสมอมาครับ ซึ่งมีสาเหตุอยู่หลายประการครับ 1.ไม่มีการแก้ไขปัญหาการศึกษาอย่างจริงจัง 2. เกิดขึ้นตัวผู้สอนเอง 3.เกิดขึ้นจากตัวของผู้เรียนเอง 4.ระบบการศึกษาที่ล้าสมัย ซึ่งระบบการศึกษาในประเทศไทยในปัจจุบันนั้น นักเรียนในแต่ละช่วงชั้นจะถูกบังคับให้เรียน เช่น เหมือนกับนักเรียน 1 ห้องมี 20 คน ซึ่งในแต่ละคนต่างก็มีจุดอ่อน-จุดแข็งที่แตกต่างกันออกไปครับ มีพรสวรรค์ที่แตกต่างกันออกไป บางคนอาจจะมีพรสวรรค์ด้านการร้องเพลง บางคนอาจจะมีพรสวรรค์ทางด้านเทคโนโลยี หรือ บางคนอาจจะมีพรสวรรค์ด้านกฏหมาย แต่พวกเขากับต้องโดนบังคับให้เรียนในรายวิชาที่เหมือนกัน มันใช่หรือครับ? ทั้งๆที่พวกเขาสามารถเลือกที่จะเรียนในสิ่งที่ชอบได้ครับ การบังคับให้เรียนในสิ่งที่เหมือนกันจะทำให้พวกเขาไม่สามารถพบเจอกับพรสวรค์ได้ครับ ซึ่งถือว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กไทยถูกมองว่า ไม่มีความสามารถครับ ซึ่งจะโทษตัวผู้สอนอย่างเดียวไม่ได้ครับ เพราะพวกเขาต้องสอนหนังสือตามระบบของกระทรวงศึกษาวางเอาไว้ครับ ผมว่ามันถึงเวลาแล้วครับที่เราจะต้องปฎิรูปเปลี่ยนแปลงสังคายนากันเสียใหม่ทั้งหมดครับ เพื่อเยาวชนรุ่นหลังมีอนาคตที่ดีและได้รับการศึกษาที่ถูกต้องครับ หากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยครับ ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านบล็อกผมครับ
พี่เห็นด้วยอย่างมากครับ ถ้าถามว่าทำไมเด็กไทยส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เพราะว่าประเทศไทยสอนภาษาอังกฤษเด็กไทยให้เขียนได้ก่อนที่เด็กจะพูดได้ซ้ำ ซึ่งภาษาไทยที่เราใช้ในชีวิตประจำวันนั้น เราจะต้องพูดใวห้ได้ก่อน แล้วเราจึงจะสามารถเขียนได้ และพี่ยังไม่เข้าใจว่า ทำไมประเทศไทยถึงต้องกำหนดให้วิชาดนตรี ศิลปะ และพละต้องมีเกรด 1-4 ซึ่งเป็นวิชาที่เน้นนันทนาการ หรือเน้นให้ผู้เรียนผ่อนคลายความตึงเครียดจากการเรียนในภาคบังคับของการศึกษาในประเทศไทย ซึ่งผมเป็นหนึ่งในคนที่ไม่ถนัดใน 3 วิชานี้เลย จึงเป็นวิชากดเกรดผมสมัยที่ผมเรียนอย่างมากครับ
โดย: Mr. K IP: 223.204.40.49 วันที่: 19 พฤษภาคม 2561 เวลา:18:24:04 น.
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับ
เห็นด้วยกับทุกข้อเลยครับ อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น แต่ไมเ่ป็นไรครับ พี่ก๋ามีลูกชาย ก็สอนลูกชายเองก่อนเลย ให้เค้ารักในการเรียนรู้ ตรงนี้ทำไกด้โดยไม่ต้องรอรัฐบาลเลยครับ ![]() โดย: กะว่าก๋า
![]() ![]() สวัสดี ยามดึก จ้ะ น้อง Nior Heavens Five
ระบบการศึกษา ที่เป็นปัญหาตามที่เธอเสนอมา เป็น อย่างนี้มาช้านานมาก ๆ แล้วจ้ะ เพราะ ร.ม.ต.กระทรวงศึกษา ไม่เคยเป็นคนที่มาจากวงการศึกษาเลย แต่ละคนเข้ามาแต่แปล๊บๆ แล้วก็จากไป คนใหม่มาใหม๋ ก็เปลี่ยนนโยบายใหม่กันไป ความ เจริญก้าวหน้าจึงยากที่จะเกิดขึ้น จ้ะ คงเป็นกรรมของประเทศ ไทย เนาะ โหวดหมวด งานเขียนฯ โดย: อาจารย์สุวิมล
![]() ![]() เห็นด้วยกับข้อเขียนของคุณมากเลยค่ะ
ระบบการศึกษาของไทยเรายังล้าลังมากมาย นโยบายไม่คงที่ เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ดูแล้วคงจะเป็นอย่างนี้อีกนาน สงสารทั้งนักเรียนและครูค่ะ โดย: mambymam
![]() ![]() ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับ
เห็นด้วยกับเม้นท์ที่บล้อกพี่ก๋าเลยครับ ![]() โดย: กะว่าก๋า
![]() ![]() เป็นแบบนี้มานาน เพื่อนบ้านไปไกลมากแล้ว
ของเรามีนักวิชาการมากเก๊น นักพัฒนาไม่ค่อยมี แม่ซองฯก็อยู่นราฯค่ะ โดย: ซองขาวเบอร์ 9
![]() ![]() สวัสดีค่ะคุณเนียร์ ... ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ
![]() ![]() โดย: PrettyNatty
![]() สวัสดีครับ
เรื่องการศึกษาถือว่าเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยพัฒนาบ้านเมืองได้ เพราะถ้าให้การศึกษาที่ดีมีคุณภาพแก่ประชาชน เขาเหล่านั้น ก็จะนำความรู้ที่ได้ไปต่อยอดพัฒนาสร้างความเจริญ เมืองไทยผมว่าที่เป็นแบบนี้เพราะระบบการศึกษาเราเน้นท่องจำ มากกว่าการทดลองหรือลงมือปฏิบัติ เคยคุยกันกับเพื่อน เกี่ยวกับอะไรหลายอย่างในสังคม ประเด็นหนึ่งที่ถูกพูดถึง คือเรื่องการศึกษา สังเกตว่าเดี๋ยวนี้เรียนจบมาเหมือนเรียนไม่จบ ในบางสาขาวิชาก็ล้นตลาด ส่วนตัวผมมีความเห็นว่า การศึกษาไทยมันมีข้อจำกัดอันไม่พึงประสงค์หลายอย่าง คือ มีการสร้างหลักสูตรให้มีวิชาที่ต้องเรียนมากเกินไป และอัดแน่นจนมีแต่เรียนๆๆ กันตั้งแต่อนุบาลทั้งๆที่เด็กวัยนั้น ควรได้เล่นนอกห้องเรียนกับเพื่อนๆที่จะเป็นทักษะการเข้าสังคมบ้าง การผลิตครูก็ควรจะคัดเอาคนเก่งและคนที่รักมาเรียน ผมอ้างอิงจากประสบการณ์ส่วนตัว เพราะเจอหลายครั้ง ที่คนซึ่งสอบเข้าเรียนที่ได้ไม่ได้จะเบนเข็มมาทางครู ซึ่งผมมองว่าไม่ได้อยากมาเรียนแต่แรกอยู่แล้ว เรื่องการสอบเข้าเรียนต่อ พูดถึงระดับอุดมศึกษา อยากให้มีสอบแค่ครั้งเดียวเหมือนตอนสอบ Entrance เพราะผมรู้สึกว่าเดี๋ยวนี้เน้นที่ปริมาณมากกว่าคุณภาพ มันเลยทำให้การศึกษาของเรายังไม่เติบโตในทางที่ดีเท่าที่ควร อย่างไรก็ดีมันอาจจะยังมีอีกหลายปัจจัย ซึ่งที่ผมยกมานั้น เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวที่ได้คุยกับเพื่อนไปเมื่อไม่นานมานี้ ดังนั้นหากมีอะไรไม่ตรงกับข้อเท็จจริงก็ต้องขออภัยไว้ล่วงหน้าครับ ปล.ดีใจที่เจอคนนราฯใน Bloggang เพราะผมก็คนนราฯ ครับ โดย: ruennara
![]() เห็นด้วยทุกข้อนั่นแหละค่ะ พี่ก็สอนมาไม่น้อยเหมือนกัน
สอนตามหลักสูตรแล้วก็ได้แต่ปลงว่าเรียนและสอนกันเกือบตาย เด็กไม่ได้อะไรกลับไปเท่าไร พี่สอนถาษาอังกฤษนี่แหละ เรารู้ว่า ควรทำอย่างไร เพราะพี่เรียนมาในประเทศเจ้าของภาษา ตัวเอง รับมาอย่างไรก็อยากถ่ายทอดแบบนั้น แต่มันไม่เข้ากับหลักสูตร ภายหลังถอดใจว่าสอนเด็กไม่ได้ผลตามที่คิด ไปหาสอนระดับที่ น่าจะรู้เรื่องภาษานี้ดีกันมาแล้ว มาต่อยอดที่พี่ซึ่งเป็นระดับ ป.โท เนอะพี่ก็ตกม้าตายตามเคย เพราะเขาไม่มีพื้นที่แข็งแรงมาจะต่อยอด ได้อย่างไรล่ะ พี่ก็โง่ซ้าาาา เลยออกมาทำงานส่วนตัวตั้งแต่บัดนั้น ไม่ได้สนใจระบบการเรียนการสอนอีกเลย ![]() โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า
![]() ![]() Nior Heavens Five Literature Blog ดู Blog
มีหลายเรื่องในประเทศนี้ที่ควรปรับปรุงมากมายจ้า ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() โดย: หอมกร
![]() ![]() แหม..... ปัจจุบัน เด็ก ๆ ที่อ่านหนังสือจากมือถือ
น่าจะมองออกนะ อาชีพครู เขาทันสมัยจะตาย ดูที่เขา วางแผนการสอน วางแผน ให้เด็กต้องสอบ "เข้า" ซิครับ ว่ามีอะไรบ้าง... ทำเงินให้ครูเยอะแยะ... ไปสอนพิเศษ ไปติว ไปเปิดสถาบัน ทั้งที่จริงแล้ว.. เขาก็ไม่ทำอะไรมากหรอก.. ดูซิ เขาไม่วาง แผนอะไรลึกมากเลย แค่สามัญสำนึก หรือธรรมชาติของเด็ก ย่อมจะสนใจที่จะต้องสอบเข้า เลยเฝ้าหน้าจอมคอม..เตรียม จะสมัครสอบ... ถึงเวลาปั๊บ..เด็กแห่คลิ๊กเข้าไป เกิดการติด ขัด..เซิร์ฟเวอร์รับไม่ได้.. แค่นี้เขายังไม่วางแผน รองรับได้ แล้วจะไปเรียนทำไม แต่เอะ ยังไงก็ต้องเรียนอยู่ดี.. อยากจะให้ ในวิชาเรียน มีอาจารย์พิเศษที่ ทำงานในสายอาชีพ จริง มาสอนมากขึ้น ถ้าสอนตามตำรา.. แบบที่พี่ ภา เขียน ไว้ ก็แค่นั้น.. ตำรา มาจากนักวิชาการเป็นส่วนใหญ่ มิได้มา จากชีวิตจริง พูดไปก็กระเทือนทราง หรือ ซาง ว่า..แหะ ๆ ชักตกภาษา ไทยซะแล้ว.. ไปดีกว่า โดย: ไวน์กับสายน้ำ
![]() ![]() เห็นหัวข้อเกี่ยวกับการศึกษา
เข้ามาอ่านแนวคิดด้วยความสนใจ เพราะทำงานในวงการศึกษามาตลอด แถมด้วยงานการเมืองอีก เป็นมุมมองอีกด้านหนึ่งที่เป็นเสียงสะท้อน ให้กับวงการ แต่ตามความคิดแล้วขอเพิ่มอีกด้าน คือสิ่งแวดล้อม สังคม เทคโนโลยี่ และความเปลี่ยนแปลงของโลกที่เปลี่ยนไป ทำให้การศึกษาที่ใช้ระบบเดียวกันกับคนและสิ่งแวดล้อม ที่แตกต่างกัน ไม่ประสบความสำเร็จ ถ้าจะแก้ไขคงต้องมีนโยบายที่มั่นคง กว้างครอบคลุม และแก้ไขที่คนไปพร้อมๆกันอีกด้วย ผู้บริหารเปลี่ยนไป แต่นโยบายยังอยู่แก้ไข ปรับให้ทันยุคสมัยก็อาจจะดีได้บ้าง โดย: หมุยจุ๋ย
![]() เข้ามาอ่านแล้ว มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยค่ะ
ข้อที่อยากแย้งก็คือ การที่ทุกคนต้องเรียนเหมือนกันค่ะ คือโรงเรียนก็ไม่สามารถที่จะรู้ได้ว่า เด็กนักเรียนจากร้อยพ่อพันแม่นั้นใครถนัดหรือไม่ถนัด ชอบหรือไม่ชอบอะไร ในระดับประถมศึกษาจึงกวาดเอาวิชาที่คิดว่าจำเป็นต่อการใช้ชีวิตในเบื้องต้นมาให้ก่อน เพราะระยะนั้นเด็กๆ เองก็ยังไม่ค่อยรู้จักตัวเอง เมื่อถึงระดับมัธยมศึกษาตอนต้น เด็กเขาจะเริ่มรู้จักตัวเองมากขึ้น เริ่มรู้ว่าตัวเองอ่อนและไม่ถนัดในวิชาอะไร การเลือกเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจึงเกิดขึ้น เลือกผิด รู้ตัวไวก็ยังเปลี่ยนแผนการเรียนได้ทัน ใครไม่ชอบด้านวิชาการอยากทำงานใช้ฝีมืออยากหารายได้เร็วก็มีทางเลือกให้ไปเรียนทางอาชีวะ หรือเทคนิค ถึงระดับอุดมศึกษาก็แยกเป็นวิชาเอกชัดเจน ใครชอบทางไหนก็เลือกไปได้ตามใจ แต่ปัญหามันก็เริ่มตั้งแต่การเลือกเรียนแล้วว่า ได้เลือกเพราะตนเองชอบหรือถนัดจริงหรือไม่ หรือชอบอยากไปทางนี้แต่ไม่ได้ถนัด ไม่ได้ทุ่มเทเพียงพอเมื่อเทียบกับคนอื่น เลือกเพราะตามเพื่อนถ้าไม่เรียนสายนี้เดี๋ยวไม่มีเพื่อน ปัญหาของโรงเรียนก็คือการจัดหลักสูตรให้นักเรียนอีก บางโรงเรียนเพราะจำกัดเรื่องจำนวนบุคลากรก็ไม่สามารถแบ่งแผนการเรียนให้นักเรียนได้มาก ถ้าแบ่งแผนการเรียนได้มากก็จะไปเจอกับดักของหลักสูตรการศึกษาอีกว่า ถ้าสอนเท่านี้ตามที่ว่า แต่เมื่อไปสอบเข้าระดับอุดมศึกษาเนื้อหามันกว้างกว่านี้ ถ้าครูจัดให้เท่านี้นักเรียนก็ไปต่อไม่ได้ ก็จำเป็นต้องอัดบางวิชาลงในแผนการเรียนที่ไม่ได้เน้นทางนั้น กลายเป็นบังคับให้ต้องเรียนในวิชาที่ไม่ถนัด บางคนก็ต้องเรียนตามที่ผู้ปกครองเลือกใคร นั่นก็เป็นอีกเหตุความคับข้องใจ ปัญหาเกี่ยวกับการศึกษามีเยอะค่ะ แต่มันมาจากหลายด้านเหลือเกิน ขนาดเลือกแค่ประเด็นเดียวยังยาวเลยเนอะ เรื่องวิชาพวกศิลปะ พลศึกษาก็อยากพูดถึงเหมือนกัน แต่...ยกให้คนอื่นดีกว่าค่ะ เอาเป็นว่า มันมีเหตุผลที่เขาวางระบบมาแบบนั้น แต่มันมีปัญหาในทางปฎิบัติซึ่งยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังซะที มัวแต่วิ่งหาสิ่งใหม่เอามาถมปัญหาไปเรื่อย มันเลยแย่ต่อเนื่องไป... ![]() โดย: เพรางาย
![]() #แม่อยากเล่า เรื่องราวของใบบัวเด็กประถมที่กำลังเรียนปริญญาตรีล่วงหน้า สาขานิติศาสตร์ มสธ.(เก็บหน่วยกิตได้เทียบเท่านักศึกษาปีที่ 3 )
พอใบบัวเปิดเรียนการบ้านก็มีให้เธอทำเยอะพอสมควรแม่ก็เลยเปิดไฟล์เสียงกฎหมายให้ใบบัวฟังไปด้วยในระหว่างทำการบ้าน ใบบัวเป็นเด็กที่มีสมาธิที่ดี ทำให้เธอสามารถทำสองอย่างพร้อมกันได้ สมาธิส่วนใหญ่ของเธออยู่ที่การบ้านที่เธอทำ ฟังไฟล์เสียงไปประมาณ 3 ตอน แม่ลืมเปิดต่อ พอเสียงบรรยายกฎหมายเงียบ ขบวนการชวนแม่คุยระหว่างที่ทำการบ้านไปด้วยเริ่มมา เธอเริ่มเล่าถึงสิ่งที่เธอและเพื่อนๆทำที่โรงเรียน ลักษณะการเล่าของเธอเป็นการเล่าแบบออกรส บ่งบอกว่าเธอมีความสุขในช่วงเวลาที่เธออยู่ที่โรงเรียน ตอนหนึ่งเธอเล่าว่าตอนเช้าพวกเธอมักจะเล่นเกมส์ 24 กัน (แม่เล่นไม่เป็น) ใบบัวบอกว่ามีเพื่อนคนหนึ่งคิดเลขเร็วมากจนเพื่อนคนอื่นไม่มีใครยอมเล่นเกมส์นี้ด้วยเพราะกลัวแพ้ หนูก็เลยต้องยอมเล่นกับเพื่อนคนนี้(ฟังดูเหมือนจะเป็นผู้เสียสละ) เพื่อนจะได้มีคนเล่นด้วย หนูก็จะได้รู้วิธีการคิดจากเพื่อนด้วยไงแม่ แม่เคยคิดว่าใบบัวจบ ป.6 แล้วอาจให้ใบบัวออกจากระบบมาเรียนการศึกษาทางไกล หรือ กศน. เพราะมีโอกาสจบได้เร็วกว่าการเรียนในระบบ(กิเลสของมนุษย์แม่) เมื่อเห็นลูกมีความสุขจากการได้ไปโรงเรียน ได้เล่าถึงเพื่อนๆ เล่าเรื่องราวของคุณครู แม่จำเป็นต้องหยุดความคิดที่จะให้ลูกออกมาเรียนนอกระบบลงทันที ทำการบ้านเสร็จ อาบน้ำเตรียมเข้านอน ขบวนการเล่าเรื่องราวยังไม่จบ เธอเล่าถึงเรื่องราวในหนังสือเรียนให้แม่ฟัง แล้วบอกแม่ขออ่านหนังสือภาษาไทยแม่ต้องฟังหนูอ่านนะ เธออ่านทั้งร้อยแก้วร้อยกรองให้แม่ฟังไปเรื่อยๆจนถึงเวลานอน #ความสุขของเธอไม่ได้อยู่ที่ตัวหนังสือที่เธออ่านแต่อยู่ที่มีคนฟังสิ่งที่เธออยากอ่าน #มุมดีๆที่ลูกยังต้องไปโรงเรียน โดย: สมาชิกหมายเลข 4104044
![]() |
บทความทั้งหมด
|