The Zodiac รหัสลับแห่งความตาย (8) ....วันที่ 11 ตุลาคม เวลาสามทุ่มครึ่ง พอล สไตน์ คนขับแท็กซี่ได้รับการโทรเรียกให้ไปรับผู้โดยสารที่บริเวณ ไนน์สตรีทของเมื่องซานฟรานซิสโก...ระหว่างทางเขาต้องชะลอรถหยุดให้ฝูงคนข้ามถนน มีชายผู้หนึ่งเข้ามาติดต่อให้พาไปส่งบริเวณใกล้ๆกับไนน์สตรีท ..พอลเห็นว่าตนต้องผ่านเส้นทางนั้นอยู่แล้ว จึงรับชายคนดังกล่าวขึ้นรถ เมื่อไปถึงสถานที่ซึ่งตกลงกันไว้ แทนที่ผู้โดยสารจะจ่ายเงินและลงจากรถ ชายผู้นั้นกลับชักปืนขึ้นมาจ่อยิงเข้าที่บริเวณใบหน้าด้านขวาของพอลในระยะประชิดตัว ก่อนจะเลื่อนตัวจากเบาะหลังไปยังเบาะหน้าเพื่อหยิบกระเป๋าเงินจากร่างคนขับและกระชากฉีกเสื้อที่ชุ่มเลือดติดมือไปด้วย ...ชายผู้นั้นเปิดประตูก้าวลงจากรถ ควักผ้าที่ติดตัวมาเช็ดร่องรอยลายนิ้วมือที่อาจหลงเหลือติดอยู่ที่ด้านข้างประตูรถและใกล้ร่างของคนขับแท็กซี่ที่ตนเพิ่งจะลงมือยิง เมื่อเช็ดบริเวณต่างๆเรียบร้อยแล้ว เขาปิดประตูรถและเดินจากไปในความมืดด้วยอาการปกติ ...สิ่งที่ชายผู้นั้นไม่รู้ก็คือ ตลอดเวลาที่ลงมือฆาตรกรรม บนตึกชั้นที่สองของอีกฟากถนน เด็กสาวอายุสิบสี่ปีที่กำลังปาร์ตี้อยู่กับเพื่อนๆได้มาหยุดยืนที่หน้าต่างและมองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่เริ่มแรก เด็กสาวได้เรียกพี่ชายอีกสองคนและเพื่อนๆให้มาดูด้วย ทั้งหมดยืนดูอย่างเงียบเชียบผ่านหน้าต่างกระจกใส ก่อนที่คนหนึ่งในกลุ่มจะได้สติโทรแจ้งตำรวจ ...โอปะเรเตอร์ผู้รับสายเกิดความสับสน แทนที่จะวิทยุบอกตำรวจสายตรวจในบริเวณนั้นว่าคนร้ายเป็นชายผิวขาวร่างล่ำสัน กลับบอกว่าเป็นชายผิวดำ ดังนั้นตำรวจสายตรวจสองนายที่ได้รับรายงานและรีบมุ่งตรงไปตรวจค้นหาผู้ต้องสงสัยจึงมุ่งเป้าหมายอยู่ที่คนผิวดำอย่างที่ได้รับข้อมูล... ..เมื่อผ่านไปยังบริเวณถนนเชอรี่ที่ตัดกันกับถนนแจ็คสัน ตำรวจทั้งสองได้พบกับชายผิวขาวรูปร่างล่ำสันในชุดแต่งกายสีเข้มเดินสวนมาด้วยท่าทางปกติ เมื่อตำรวจหยุดซักถามว่าเห็นผู้ชายผิวดำผ่านมาทางนี้บ้างหรือไม่ เขาตอบว่าเห็นผู้ชายลักษณะดังกล่าวถือปืนวิ่งไปอีกทาง ....หนึ่งอาทิตย์หลังจากนั้น เมื่อภาพสเก็ตจากพยานและรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับฆาตรกรเปิดเผยออกมา ตำรวจทั้งสองนายจึงรู้ว่าคืนนั้นคนที่ตนเองหยุดถามก็คือฆาตรกรตัวร้ายที่ทุกคนพยายามควานหาตัวอยู่...ในสถานที่เกิดเหตุร่างที่สิ้นลมหายใจของคนขับแท็กซี่ถูกลำเลียงออกไปและได้มีการกั้นเขตไว้เพื่อให้ฝ่ายสืบสวนมาตรวจเก็บรวบรวมหลักฐาน พร้อมทั้งได้ระดมเจ้าหน้าทีหลายนายรวมทั้งสุนัขตำรวจออกค้นหาผู้ต้องสงสัยที่ได้รับการยืนยันจากพยานที่เห็นเหตุการณ์ว่าเป็นคนผิวขาว ...การค้นหาดำเนินไปจนถึงเวลาตีสองของวันใหม่ ทุกฝายคว้าน้ำเหลว ...ศพของ พอล ถูกผ่าชันสูตรและพบว่าลูกปืนที่ยิงทะลุเข้าไปทำลายสมองเป็นลูกปืนกึ่งออโตเมติคชนิด 9 มม. หัวทองแดง ..สมัยนั้นปืนชนิดดังกล่าวจำหน่ายออกไปในบริเวณชายฝั่งแถบเมืองซานฟรานฯจำนวนไม่ต่ำกว่า 150 กระบอกในระยะเวลาสามปีก่อนหน้านั้น ...ผิวหนังที่เป็นรอยไหม้ชัดเจนบริเวณแก้มขวาของศพแสดงว่าเป็นการใช้ปืนจ่อยิงชนิดเผาขนและเลือดเย็น...จำนวนเงินที่ฆาตรกรได้ไปไม่เกิน ยี่สิบห้าดอลลาร์ เนื่องจากพอลอยู่ในช่วงที่เพิ่งเริ่มออกรับผู้โดยสารของวันนั้น...แม้ว่าฆาตรกรจะพยายามเช็ดร่องรอยลายนิ้วมือก่อนจากไป แต่ทางตำรวจสามารถค้นพบรอยนิ้วมือเปื้อนเลือดที่เล็ดลอดการถูกลบทำลายสองแห่งด้วยกัน ....คดีนี้ดูเหมือนการปล้นฆ่าชิงทรัพย์ธรรมดา จนกระทั่งวันถัดมา หนังสือพิมพ์ ซานฟรานซิสโก โครนิคอล ได้รับจดหมายที่ตรงมุมซองเป็นสัญญลักษณ์วงกลมทับด้วยเครื่องหมายบวก ที่เริ่มต้นบรรทัดแรกด้วยข้อความว่า " นี่คือคำพูดของโซดิแอค " และเช่นเดียวกับคดีก่อนหน้านี้ ผู้เขียนกล่าวว่าตนคือคนที่ฆ่า พอล เหยื่อรายล่าสุด ...เพื่อยืนยันข้อความดังกล่าวสิ่งที่แนบมาด้วยคือเศษเสื้อเปื้อนเลือดของพอลที่ฆาตรกรฉีกกระชากติดมือไปเป็นที่ระลึก และในจดหมายฉบับนี้ได้เยาะหยันความพยายามค้นหาตัวฆาตรกรของตำรวจว่า ตำรวจของเมืองซานฟราน อาจจับตัวข้าได้ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ หากตรวจค้นสวนสาธารณะให้ดีๆ แทนการแข่งกันบิดมอเตอร์ไซค์ ค้นหาไปทั่ว...และพวกที่ขับรถ ก็ควรจะจอดซุ่มอยู่เงียบๆ รอให้ข้าโผล่ออกมาเอง... ...เป็นข้อความแสดงความลำพองใจที่สามารถอยู่เหนือเงื้อมมือของตำรวจได้อีกครั้ง ทั้งที่ตัวของฆาตรกรเองอาจจะยังหวาดกลัวไม่หายที่หลุดรอดไปได้ชนิดฉิวเฉียด เนื่องจากการสื่อสารผิดพลาดระหว่างโอปะเรเตอร์ผู้รับแจ้งเหตุกับตำรวจสายตรวจ การแสดงตนว่าอยู่เหนือกว่า มีอำนาจควบคุมคนอื่น เพื่อลบความรู้สึกด้อยของตนเองปรากฏชัดในตอนท้ายของจดหมายที่ข่มขู่ว่า เด็กนักเรียนเป็นเป้าหมายที่ดี ข้าคิดว่าจะจัดการกับรถโรงเรียน ในตอนเช้าของวันใดวันหนึ่ง แค่ยิงเข้าที่ล้อหน้าของรถ แล้วก็จัดการกับเด็กๆที่ทยอยกันออกมา โหหหห...หหหหหหหหหหห ไม่รู้จะพูดอะไรค่ะ อึ้ง
แหะๆ โจว่าต้องขอบคุณน้องจิตรนะคะที่ปิดภาคเรียนแล้ว พี่มินเลยอัพได้ทันใจ โดย: โจเซฟิน วันที่: 21 มีนาคม 2550 เวลา:10:49:35 น.
ขอดูหุ่นเท่ๆ เพ่โซดิแอ๊คก่อนจากค่ะ(อีกไม่กี่ตอนมันตายแน่ใช่มะเพ่มิน)
โดย: โจเซฟิน วันที่: 21 มีนาคม 2550 เวลา:10:52:33 น.
ย้อนกลับไปอ่านมาแล้วค่ะ เลือดเย็นและโหดโคตรๆค่ะ รอลุ้นๆต่อว่า เมื่อไหร่จะจับได้ และโซดิแอคตายหรือเปล่า ตายยังไง
โดย: PANDIN วันที่: 21 มีนาคม 2550 เวลา:11:40:51 น.
...สบายดีค่ะ คุณแผ่นดิน ขอบคุณที่แวะมาทักทาย เรื่องนี้รายละเอียดเยอะไปนิด แต่น่าติดตามค่ะ
...อ่านมาถึงความคิดเห็นที่สอง หัวเราะก๊ากเลย..5555...ถ้าพี่โซดิแอคยังอยู่คงอยากไปเยี่ยมน้องโจมั่งแน่ๆ...ตัวใครตัวมันเด้อสู...ตูบ่เกี่ยว...ขอบใจที่ทำให้หัวเราะได้มั่ง ...พี่ไปดูหนังเรื่องนี้เมื่อต้นเดือนนะโจ...คนเข้าแถวยาวเลย แต่ดูแล้วไม่สนุกเหมือนอ่านหนังสือ ในหนังเน้นบทเด่นไปที่โรเบิร์ต เกรย์สมิธ นักวาดการ์ตูน+นักข่าวที่แกะรอยโซดิแอคและเป็นคนที่วาดรูปนี้ด้วย...ไม่รู้ที่เมืองไทยเข้าฉายหรือยัง โดย: แม่ของจิตร วันที่: 21 มีนาคม 2550 เวลา:11:41:33 น.
หวัดดีค่ะพี่มิน...
แวะมามาอ่านที่พี่มินแปลดีกว่าเน๊อะ...ตื่นเต้น..เห็นภาพ..เลยค่ะ... เกาะติดขอบบล๊อก..รอตอนต่อไปค่ะ... โดย: น้องแดดร่ม....^-^ (แดดร่มลมโชย ) วันที่: 21 มีนาคม 2550 เวลา:13:33:55 น.
เพิ่งรู้นะคะเนี่ยว่าเรื่องนี้สร้างเป็นหนังแล้ว ดู๊โจชนบทเชียะ หลังเขาพอๆกับเพ่โซดิแอคเยย (เผลอๆเพ่โซดิแอคเป็นกระบือ โจเป็นนกเอี้ยงค่ะ<<ท่าจะบ้า)
เดี๋ยวไปค้นๆกูเกิลดีก่า ว่าหน้าตาเพ่โซดิแอคน่าร๊ากเต๊าใด(เท่าไร) โดย: โจเซฟิน วันที่: 21 มีนาคม 2550 เวลา:19:17:21 น.
พี่มิน.... ยังไม่เคยอ่านที่พี่แปลสักเรื่องเลย ทำไงดีล่ะ อยากอ่าน แต่มันเยอะ หาเวลาก็ไม่ได้ และ และ ขี้เกียจด้วยค่ะ มื้อไหนจะร่วมเล่มน๊ออออ โดย: ไม่เคยอ่านเลย ทำไงดี (sunny-low ) วันที่: 22 มีนาคม 2550 เวลา:17:40:25 น.
^
^ โอ๊ะ ต้องหาคนอื่นอ่านให้ฟังแล้วล่ะค่ะ แหะๆ โต๊ดด ต่างกะอิช้านน อยากอ่านให้มันช้าๆๆๆ กว่านี้นิสสสนึง พี่มิน เรื่องนี้โจไปดูเวปที่เค้าสร้างเป็น the movie แล้ว ดาราดังเยอะเนอะ ขนาดเอ็ดเวริ์ดจาก ER. ยังมาแจมเลย แต่รายละเอียดคงสู้หนังสือไม่ได้อยู่แล้วล่ะว่ามั้ย แต่ยังไม่เห็นหน้าเพ่โซดิแอคเลย เค้าน่าจะเอาแบบหล่อๆ เนอะ โดย: โจเซฟิน วันที่: 22 มีนาคม 2550 เวลา:21:40:26 น.
|
บทความทั้งหมด
|
จขบ.สบายดีนะคะ