เสพงานศิลป์ ๒๒ ภาพจากเวบ deviantart.com
Grace - Yukiyo Nakamura "ร่องรอยแห่งศรัทธา” โรงแรมอมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพฯ เชิญชมงานศิลปะชุด "ร่องรอยแห่งศรัทธา ครั้งที่ ๓" ผลงานของศิวกร พุ่มทอง ระหว่างวันที่ ๕ - ๓๑ ม.ค. ๒๕๕๖ เป็นผลงานคุณภาพของศิลปินดีกรีรางวัลอมตะ อาร์ตอวอร์ด ได้แรงบันดาลใจมาจากความประทับใจในจิตรกรรมฝาผนังที่แฝงไว้ด้วยพลังยิ่งใหญ่ ความรู้สึกสงบ สมาธิ ซึ่งถูกบันทึกและถ่ายทอดจากบรรพบุรุษ ผลงานแสดงออกถึงเรื่องราวพุทธประวัติและชาดกรวมถึงความรุ่งเรืองของพุทธศาสนาที่มีมาแต่อดีต โดยมีพระบารมีของกษัตริย์ไทยเป็นองค์อุปถัมภกพระศาสนาให้งอกงามควบคู่กับงานศิลปกรรม แวะไปเสพศิลป์ได้ตั้งแต่เวลา o๙.oo - ๒๑.oo น. ณ บริเวณลานนิทรรศการ ชั้น ๓ ของโรงแรม อมารี วอเตอร์เกท รายได้จากการจำหน่ายภาพบางส่วนสมทบทุนองค์กรการกุศล ข้อมูลจาก ryt9.com "สยามแอพ" นิทรรศการที่เผยแพร่คุณค่าความงามและความรู้เกี่ยวกับศิลปะไทย ผ่านผลงานของศิลปินรุ่นใหม่ที่สืบสานและพัฒนาต่อยอดจากรากฐานของศิลปวัฒนธรรมไทย ด้วยแรงบันดาลใจในพุทธศาสนาและวัฒนธรรมท้องถิ่นกว่า ๕๐ ท่าน ร่วมกับการนำเสนอความงามของพุทธศิลป์และศิลปะพื้นบ้านผ่านผลงานศิลปะภาพถ่าย การจัดแสดงความรู้เกี่ยวกับพัฒนาการของศิลปะไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และการจัดแสดงเทคนิคขั้นตอนการสร้างสรรค์ผลงานที่ประยุกต์จากกรรมวิธีโบราณ พร้อมกิจกรรมการสาธิตโดยศิลปิน ศิลปะของไทยที่สร้างสรรค์และสืบทอดกันมาแต่ครั้งโบราณ หากพิจารณาถึงที่มาแล้วจะพบว่ามีรากฐานที่เกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กับพุทธศาสนาและวัฒนธรรม ซึ่งหลอมรวมอยู่ในวิธีคิดและการดำเนินชีวิตของคนไทยทั้งสิ้น กล่าวคือ เป็นศิลปะที่สร้างขึ้นเพื่อรับใช้พุทธศาสนาส่วนหนึ่ง และเป็นศิลปะที่สร้างขึ้นเพื่อประโยชน์ใช้สอยในชีวิตประจำวันอีกส่วนหนึ่ง โดยศิลปะที่สร้างขึ้นเพื่อรับใช้ศาสนาก็คือ ศิลปะที่อยู่ในวัด เช่น โบสถ์ วิหาร สถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์แทนที่ประทับของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธรูปที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์แทนองค์พระพุทธเจ้า จิตรกรรมฝาผนังและ จิตรกรรมที่เคลื่อนที่ได้ อย่างพระบฏ หรือสมุดข่อย ที่สร้างขึ้นเพื่อเผยแพร่พระธรรมคำสอนและเรื่องราวในพุทธศาสนา อันได้แก่ ไตรภูมิ พุทธประวัติ ชาดก รวมไปถึงงานประณีตศิลป์ที่สร้างขึ้นเพื่อประโยชน์ใช้สอยอันเกี่ยวเนื่องกับพุทธศาสนา เช่น ตู้พระธรรมลายรดน้ำ งานประดับมุก ประดับกระจก เป็นต้น ส่วนศิลปะที่สร้างขึ้นเพื่อประโยชน์ใช้สอยในชีวิตประจำวันนั้นจะมีความสัมพันธ์กับความเชื่อ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของแต่ละท้องถิ่น เช่น ศิลปหัตถกรรม เครื่องมือเครื่องใช้ ศิลปะพื้นบ้าน มหรสพ การละเล่นต่าง ๆ เป็นต้น แม้ต่อมาการสร้างสรรค์ศิลปะที่แสดงลักษณะไทย ด้วยรูปแบบ เนื้อหา หรือเทคนิคการใช้วัสดุ ซึ่งเราเรียกกันว่า “ศิลปะไทย” จะได้รับอิทธิพลจากทางตะวันตกในด้านรูปแบบและเทคนิคเข้ามาผสมผสาน ก่อเกิดเป็นศิลปะสมัยใหม่และหลังสมัยใหม่ตามลำดับเวลา แต่สิ่งที่ยังคงเป็นแรงบันดาลใจสำคัญให้แก่ศิลปิน ไทยก็คือ พุทธศาสนาและวัฒนธรรมท้องถิ่น ดังจะเห็นได้จากแนวความคิดและเนื้อหาสาระของผลงาน “ศิลปะไทย” ร่วมสมัยในปัจจุบัน ที่ยังคงผูกพันกับคติความเชื่อ พระธรรมคำสอนในพุทธศาสนา รวมไปถึงวัฒนธรรมพื้นบ้านในแต่ละท้องถิ่น หากแต่ปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ พัฒนารูปแบบและเทคนิคในการนำเสนอไปตามมุมมอง การตีความ และบริบทของยุคสมัย จนเกิดสุนทรียภาพรสชาติใหม่ แต่ยังคงแสดงถึงเอกลักษณ์ไทย ด้วยการนำเสนอความงามอันละเอียดอ่อนประณีต สะท้อนชีวิตและจิตวิญญาณของศิลปินที่เติบโตและเจริญงอกงามมาจากรากฐานของศิลปะและวัฒนธรรมไทย ส่งผ่านอารมณ์ ความรู้สึก และความคิดไปสู่ผู้ชม เพื่อกล่อมเกลาและยกระดับจิตใจ ผลงาน “ศิลปะไทย” ของศิลปินร่วมสมัยที่จัดแสดงในนิทรรศการ “สยามแอพ” ครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการการต่อยอดและคลี่คลายจากอดีตถึงปัจจุบัน ด้วยวิธีการหยิบยกรูปแบบและเทคนิคการแสดงออกของศิลปะไทยประเพณีมาผสมผสานกับรูปแบบการแสดงออกของศิลปะสมัยใหม่ เข้ากับเนื้อหาทางพุทธศาสนาและวัฒนธรรมท้องถิ่นตามมโนคติของศิลปิน เพื่อสร้างสรรค์ผลงานศิลปะที่แสดงลักษณะไทย สะท้อนรสนิยม ปรัชญาความคิด บุคลิก และจิตใจของศิลปินไทยกลุ่มหนึ่งที่กำเนิดและเติบโตภายใต้บริบทของสังคมไทย ซึ่งยังคงรักษาปรัชญาในการสร้างสรรค์ศิลปะ เพื่อตอบสนองความต้องการทางจิตใจของตน จรรโลงจิตใจผู้ชมด้วยสุนทรียภาพความงาม และเจริญปัญญาด้วยคติความคิด และความหมายของผลงาน เป็นศิลปะที่สร้างสรรค์ขึ้นจากภูมิปัญญา ด้วยทักษะฝีมือสูง เปี่ยมด้วยอารมณ์ ความรู้สึก และความคิด นำเสนอออกมาอย่างเรียบง่าย แต่ลึกซึ้ง และน่าสนใจ ผลงานบางชิ้นให้ความรู้สึกนุ่มนวล สงบ งาม ในขณะที่ผลงานบางชิ้นให้ความรู้สึกสนุกสนานและอิ่มเอม ในโลกปัจจุบันศิลปะกลายเป็นสิ่งสากล ไม่มีการแบ่งแยกเชื้อชาติ ในด้านรูปแบบและเทคนิคกลวิธีการนำเสนอ ด้วยความเจริญของเทคโนโลยีการสื่อสาร ศิลปินจากทั่วทุกมุมโลกสามารถเรียนรู้และส่งผ่านอิทธิพลไปสู่กันและกัน ศิลปะมุ่งเน้นการนำเสนอ “สิ่งแปลกใหม่” ทางทฤษฎีความคิด และรูปแบบในการนำเสนอ เพื่อแสดงนวัตกรรมแห่งภูมิปัญญาของมนุษย์ที่สัมพันธ์กับโลกร่วมสมัย หากมองในบริบทนี้ “ศิลปะไทย” อาจถูกมองว่าล้าหลัง และคล้ายจะหยุดนิ่งอยู่กับที่ ด้วยกลวิธีการสร้าง รูปแบบการนำเสนอ และวิธีคิดทางสุนทรียศาสตร์ที่ยังคงรักษาขนบแบบเดิม สวนทางกับความหมายของ “ความเจริญก้าวหน้า” ในปัจจุบัน ที่ถูกนิยามด้วยการล้มล้างสิ่งเก่า และรับเอาสิ่งใหม่เข้ามาแทนที่ แต่หากมอง “ศิลปะไทย” ในฐานแห่งการทำความเข้าใจร่วมกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ภายใต้บริบทของสังคมไทยแล้ว “ศิลปะไทย” ยังคงเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่มีความหมาย และเป็นสินทรัพย์ทางภูมิปัญญาที่มีคุณค่า ควรแก่การศึกษาและภาคภูมิใจ เพราะการสร้างสรรค์และพัฒนาอย่างมีที่มาที่ไป ก้าวไปข้างหน้าอย่างตระหนักรู้รากเหง้าว่าเราเป็นใคร ก้าวเดินมาจากไหน และจะมุ่งไปสู่ทิศทางใด ย่อมดีกว่าการก้าวตามคนอื่นอย่างไร้จุดหมาย จนหลงลืมไปว่า “เราเป็นใคร และเหมาะสมกับอะไร” ที่มา ของ “สยามแอพ” คำว่า “สยาม” คือ ชื่อเรียกของประเทศไทยในสมัยโบราณ และเป็นชื่ออย่างเป็นทางการของประเทศไทยตั้งแต่รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จนกระทั่งมีการเปลี่ยนชื่อเป็นประเทศไทยในปี พ.ศ. ๒๔๘๒ ดังนั้น คำว่า “สยาม” จึงเป็นตัวแทนของความเป็นไทยในอดีต แต่ในขณะเดียวกันคำว่า “สยาม” ก็ยังเป็นชื่อเรียกของ“สยามสแควร์” ย่านธุรกิจชื่อดังร่วมสมัยในละแวกที่ตั้งของหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการครั้งนี้ ส่วนคำว่า “แอพ” มีที่มาจากคำว่า “application” โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ช่วยในการเข้าถึงข้อมูลความรู้เพื่อสาระประโยชน์และความบันเทิง ซึ่งเป็นคำร่วมสมัยที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน คำว่า “สยามแอพ” ในที่นี้จึงหมายถึง พื้นที่หรือช่องทางร่วมสมัยที่ช่วยในการเข้าถึงข้อมูลความรู้เกี่ยวกับศิลปะที่แสดงลักษณะไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้คำว่า “แอพ” ยังมีที่มาจากคำว่า “appreciate” ซึ่งหมายถึงการเข้าถึงหรือความซาบซึ้ง และคำว่า “apply” ซึ่งหมายถึงการประยุกต์ เนื่องจากที่มาของการสร้างสรรค์ผลงาน “ศิลปะไทย” ในปัจจุบัน เกิดจากแรงบันดาลใจหรือความซาบซึ้งในคุณค่าของศิลปะไทยซึ่งสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน ทั้งศิลปะแบบประเพณีและศิลปะพื้นบ้าน จึงก่อให้เกิดการอนุรักษ์สืบสานและพัฒนาต่อยอดกันมาตามยุคสมัย โดยศิลปินได้นำรูปแบบ เทคนิค และเนื้อหาที่ปรากฏในศิลปะไทยโบราณมาประยุกต์และพัฒนาสร้างสรรค์ใหม่ให้มีความร่วมสมัยและแสดงลักษณะเฉพาะตน ในขณะเดียวกันนิทรรศการครั้งนี้ก็หวังที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการเผยแพร่ความรู้ ความคิด และความงาม เพื่อให้ทุกท่านได้ซึมซับคุณค่าของ“ศิลปะไทย”และนำแรงบันดาลใจที่ได้รับไปประยุกต์ใช้อย่างสร้างสรรค์เพื่อการพัฒนาสืบไป ดำเนินงานโดย ฝ่ายนิทรรศการ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ภัณฑารักษ์ คุณปกรณ์ กล่อมเกลี้ยง ภัณฑารักษ์รับเชิญ คุณโอชนา พูลทองดีวัฒนา bacc.or.th เฟซบุคหอศิลป์กรุงเทพฯ banmuang.co.th "ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์" นิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ “ควงกล้องท่องโลก” ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จัดขึ้นเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปได้มีโอกาสชื่นชมพระอัจฉริยภาพ ด้านการถ่ายภาพของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ ที่ได้ทรงบันทึกไว้ระหว่างการเสด็จพระราชดำเนินไปยังสถานที่ต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ ในช่วงปี ๒๕๕๔ – ๒๕๕๕ เพื่อจัดแสดงในนิทรรศการครั้งนี้ จำนวน ๑๘๑ ภาพ นับตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๕o สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ เพื่อนำมาจัดแสดงนิทรรศการอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นความรู้แก่นิสิต นักศึกษาและประชาชนทั่วไป เริ่มตั้งแต่นิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ “แสงคือสี สีคือแสง” ในปี ๒๕๕o นิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ “ชีวิตที่หมุนไปไม่หยุดยั้ง” ในปี ๒๕๕๑ นิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ “ถ้าเดินเรื่อยไปย่อมถึงปลายทาง” ในปี ๒๕๕๒ นิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ “สี แสง แสดงชีวิต” ในปี ๒๕๕๓ นิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ “อุปบัติ ณ โลกี” ในปี ๒๕๕๔ และในปี ๒๕๕๕ นี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานภาพถ่ายฝีพระหัตถ์เพื่อจัดนิทรรศการในหัวข้อ “ควงกล้องท่องโลก” ในการนี้ ผู้จัดงานฯ ได้รับพระราชานุญาตให้นำวิดีทัศน์ที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงบรรยายภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ด้วยพระองค์เอง มาจัดฉายให้แก่ผู้ร่วมชมนิทรรศการได้ทราบแนวคิด และเกร็ดมุมมองของถ่ายภาพนั้นๆ และทรงพระราชทานพระราชานุญาตให้ผู้จัดงานจัดวางสมุดแสดงความคิดเห็น เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เยี่ยมชมนิทรรศการได้เขียนข้อความแสดงความรู้สึก และความคิดเห็นอย่างอิสระต่อภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ อันเป็นไปตามพระราชประสงค์ที่ทรงอยากทราบถึงความรู้สึกของผู้มาชมนิทรรศการของพระองค์อีกด้วย ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่สนใจหนังสือภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ “ควงกล้องท่องโลก” สามารถติดต่อขอซื้อได้ในราคาเล่มละ ๙oo บาท ณ ห้องนิทรรศการ ชั้น ๙ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (สี่แยกปทุมวัน) และศูนย์หนังสือแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทั้งนี้รายได้ทั้งหมดจะนำขึ้นทูลเกล้าถวาย โดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย ร่วมชื่นชมพระอัจฉริยภาพด้านการถ่ายภาพผ่านมุมมองของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในนิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ “ควงกล้องท่องโลก ” ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย นิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ : “ควงกล้องท่องโลก” ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จัดโดย : สมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กรุงเทพมหานคร หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร และสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม วันที่ : ๑๑ ธันวาคม – ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ สถานที่ : ห้องนิทรรศการหลัก ชั้น ๙ สอบถามรายละเอียดโทร :o๒-๒๑๔-๖๖๓๗-๘ artbangkok.com "ภาพเขียนพู่กันจีนเหนือจริง ครั้งที่ ๔ " นิทรรศการศิลปะภาพเขียนพู่กันจีนเหนือจริงครั้งที่ ๔ "สุนทรียะแห่งธรรมชาติ : The Poetry of the Nature" ของท่าน "สีปิน" ปรมาจารย์จากสำนักศิลปะแห่งมณฑลเจียงซู ประเทศจีน พบกับการวาดภาพเน้นการลงรายละเอียดแบบดั้งเดิมของจีน ถ่ายทอดผ่านปลายพู่กัน สร้างสรรค์ผลงานด้วยลายเส้นอันวิจิตรบรรจง และสีสันแพรวพราว อาทิ ภาพวาดนกยูงที่มีชีวิตชีวาเปี่ยมด้วยพลังสดใส ภาพวาดนกกระเรียนในท่วงท่าสง่างาม ตระการตา ความยาวกว่า ๒.๕ เมตร ตลอดจนภาพวาดดอกไม้ นก และสัตว์ นิทรรศการจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๓ - ๒๗ ม.ค. ๒๕๕๖ เวลา ๑o.oo - ๒๒.oo น. ณ บริเวณ Fashion Hall ชั้น ๑ ศูนย์การค้าดิ เอ็มโพเรียม ภาพและข้อมูลจากเวบ ryt9.com "นิทรรศการภาพถ่าย จากศิลปินชาวอิตาเลียน" โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ จัดงานนิทรรศการภาพถ่ายศิลปะ ผลงานของ มร. ลุยจิ ฟิอานี ศิลปินและช่างภาพชาวอิตาเลียน ผู้สะสมประสบการณ์มากมายผ่านเลนส์กล้องและผลงานจิตรกรรมภาพเขียน ซึ่งถูกจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ในต่างประเทศมากมาย นิทรรศการภาพถ่ายจะจัดแสดงไปจนถึงวันที่ ๑o มกราคม ๒๕๕๕ บริเวณล็อบบี้เลานจ์ และ คลับเลาจน์ ชั้น ๑๙ โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ บุคคลทั่วไปสามารถเข้าชมได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ และผู้ที่สนใจซื้อภาพสามารถติดต่อได้ที่ บันยันทรี แกลลอรี่ บริเวณ ล็อบบี้เลานจ์ และชั้น ๒๑ ตั้งแต่เวลา ๙.00 น.- ๒๒.oo น. ทุกวัน รายได้ส่วนหนึ่งจากการจำหน่ายภาพจจะนำเข้าสมทบทุนโครงการความรับผิดชอบต่อสังคม หรือ CSR ของโรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ ประวัติศิลปิน มร. ลุยจิ ฟิเอนี เริ่มต้นอาชีพศิลปินด้วยการเป็นจิตรกรวาดภาพจิตรกรรมฝาผนังในกรุงโรม ประเทศอิตาลี เป็นเวลาหลายปี หลังจากนั้นเขาได้ร่วมงานกับมูลนิธิ The American Himalayan Foundation จนกระทั่งได้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ ในปี ๒oo๔ ทางมูลนิธิฯ ได้เริ่มทำการประชาสัมพันธ์ผ่านผลงานภาพเขียนของลุยจิ และได้มีนิทรรศการแสดงผลงานของเขาเองในประเทศอิตาลีเป็นครั้งแรก ภายหลังปี ๒๕๕๓ เป็นต้นมา ผลงานของลุยจิได้ถูกจัดแสดงในประเทศสหรัฐอเมริกา และได้ถูกจัดแสดงเรื่อยมาจนถึงทวีปเอเชีย ภายหลังเขาได้เริ่มสนใจการถ่ายภาพและมีโอกาสร่วมงานกับช่างภาพชื่อดังอย่าง Gianni Berengo และ Mimmo Jodice และเขายังมีผลงานในฐานะช่างภาพกับ The National Geographic Society, The North Face, The Getty Images, The Mill Valley Film Group, Skydoor Productions, the Kham Aid Foundation และ Bauer Media อีกด้วย แนวการสร้างสรรค์ผลงานของเขาคือ การนำเอาศิลปะของภาพวาดและภาพถ่าย มาผสมผสานเข้าด้วยกันและทำให้เกิดความกลมกลืน เพื่อสื่อถึงอารมณ์ของผู้ถ่าย ซึ่งบอกเล่าความรู้สึกและเรื่องราวจากประสบการณ์ ณ เวลานั้น ผ่านเลนส์กล้องลงบนภาพถ่าย ไม่ใช่เพียงแค่แสดงให้เห็นสิ่งที่เขามองเห็นเพียงเท่านั้น มร. ลุยจิ ฟิเอนี ได้รับรางวัลการันตีผลงานต่างๆ จากนานาชาติมากมาย อาทิ “Black & White Spider Awards and Photography Master Cup” ซึ่งเขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลในรอบชิงชนะเลิศเป็นประจำทุกปี thannews.th.com “นิทรรศการศิลปะ Phenomenon of Mind” ก้อย อาร์ต แกเลอรี่ นำเสนอนิทรรศการ “Phenomenon of Mind” ปรากฏการณ์แห่งจิต โดย ปรมัตถ์ เหลืองอ่อนศิลปินมากฝีมือชื่อดัง ที่สะท้อนธรรมชาติของ “จิต” ที่ไม่หยุดนิ่ง ลงบนภาพวาดอย่างพิถีพิถัน เพื่อสื่อให้เห็นถึงความมหัศจรรย์ของจิตอันสุดพรรณนา Phenomenon of Mind หรือ ปรากฏการณ์แห่งจิต เป็นการแสดงผลงานศิลปะร่วมสมัยชุดล่าสุด ของศิลปินชื่อดังที่ฝากผลงานผ่านตาคนรักงานศิลป์ทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ เช่น โรงแรมสยามเคมปินสกี้ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ ฯลฯ โดยผลงานภาพวาดชุดนี้ ปรมัตถ์ เหลืองอ่อน ตั้งใจใช้ปลายพู่กันสื่อให้เห็นถึงธรรมชาติของจิตที่ไม่เคยหยุดนิ่ง จิตมนุษย์เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่เหนือคำบรรยาย บางครั้งก็แปลกประหลาด พิสดาร อยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์ทุกสิ่งทุกอย่าง เกินกว่าที่จะควบคุมได้ จิตของคนเรามีทั้งมีเหตุผลและไม่มีเหตุผล ดีบ้างร้ายบ้าง แต่สิ่งที่แน่นอนที่สุดของจิตคือการแปรเปลี่ยนในทุกขณะ นิทรรศการ “Phenomenon of Mind” โดย ปรมัตถ์ เหลืองอ่อน จะจัดแสดง ณ ก้อย อาร์ต แกเลอรี่ ๔๓/๑๒ ซอยสุขุมวิท ๓๑ (ซอยสวัสดี) เขตวัฒนา กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๕๕ – ๗ มกราคม ๒๕๕๖ เวลา ๑๑.oo - ๑๙.oo น. สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร o๒-๖๖๒-๓๒๑๘ thaipr.net "Soda Singha So In Art So In Love @ Scenery” ด้าน คุณวุฒินันต์ ภิรมย์ภักดี กรรมการอำนวยการบริหาร บริษัท สหภาพดนตรี จำกัด และผู้ช่วยกรรมการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ได้กล่าวภายในงานแถลงข่าวครั้งนี้ว่า “หลังจากสหภาพดนตรีได้ทยอยผลิตผลงานออกมา และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จนถึงตอนนี้เรามีความพร้อมแล้วสำหรับการจัดคอนเสิร์ตใหญ่เป็นครั้งแรก สำหรับเทศกาลดนตรีและศิลปะ “Soda Singha So in Art So in Love@ Scenery” ที่จะกำลังจะเกิดขึ้น มีศิลปินชั้นนำมากมายอาทิ ป๊อด โมเดิร์นด๊อก, Singular, Room 39, Jet’seter, บี พีระพัฒน์, วัชราวลี และ อื่นๆ อีกมากมาย ที่เตรียมมาขึ้นเวทีร่วมกับศิลปินจากสหภาพดนตรี นอกจากนี้เรายังได้พันธมิตรอย่าง ซีนเนอรี่ วินเทจ ฟาร์ม ซึ่งมีประสบการณ์ในการจัดงานเทศกาลดนตรีและศิลปะที่ประสบความสำเร็จมาโดยตลอด และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในใจของนักท่องเที่ยวหลายคน มั่นใจว่างานครั้งนี้จะสามารถนำความสุขมามอบให้กับทุกคน ถือเป็นของขวัญชิ้นใหญ่จากสหภาพดนตรีที่มอบให้ส่งท้ายปีครับ” คุณพลกฤษณ์ สุขเกษม CEO Scenery Vintage Farm กล่าวถึงการจัดงานครั้งนี้ว่า “หลังจากที่เราได้เปลี่ยนรูปแบบการให้บริการจากรีสอร์ทมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยว และจัดกิจรรมในฐานะของสถานที่ ๆ มีรูปแบบการตกแต่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ได้ร่วมกับทางสหภาพดนตรี ซึ่งมีศิลปินคุณภาพ และเป็นมืออาชีพทางด้านดนตรี รวมถึงได้รับการสนับสนุนจากโซดาสิงห์ ซึ่งเป็นพันธมิตรในการจัดงานของ The Scenery Vintage Farm มาโดยตลอด การจัดงานครั้งนี้จึงถือเป็นความร่วมมือกันอย่างลงตัวในการจัดคอนเสิร์ตคุณภาพท่ามกลางสถานที่ที่ตกแต่งด้วยงานศิลปะสวยงาม และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว อยากให้ทุกคนมาร่วมบรรยากาศที่น่าประทับใจครั้งนี้ไปด้วยกัน” ด้านผู้สนับสนุน คุณรติ พันธุ์ทวี ผู้อำนวยการบริหารประจำสำนักงานกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สิงห์ คอร์เปอร์เรชั่น จำกัด (โซดาสิงห์) กล่าวว่า “โซดาสิงห์ได้เห็นถืงความแนวคิดในการสร้างสรรค์งานเทศกาลดนตรีและศิลปะในครั้งนี้ ว่าไม่ใช่แค่คอนเสิร์ตเพลงรักโรแมนติกเหมือนทุกครั้ง แต่งานครั้งนี้ได้รวบรวมศิลปินคุณภาพชั้นนำของเมืองไทยไว้อย่างมากมาย และยังมีส่วนของงานศิลปะเช่นแสงเทียน หรือประติมากรรมต่าง ๆ ที่จะรวบรวมอยู่ภายในในงานและทำให้บรรยากาศการของงานมีเสน่ห์เฉพาะตัว และมีความน่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีก โซดาสิงห์จึงภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการจัดกิจกรรมดี ๆ ในครั้งนี้” ภายในงาน พบกับคอนเสิร์ตใหญ่จากศิลปินชั้นนำ และศิลปินจากสหภาพดนตรีที่จะมาสร้างความสุขผ่านเสียงเพลง อาทิ โมเดิร์น ด็อก, บุรินทร์ and The old school all star, ETC, Tattoo Color, Black Head, แสตมป์, ตู่ ภพธร, วัชราวลี, Singular, AF, ละอองฟอง, Mild, เก่ง อธิป, ร๊อคมโหรี, แจ่มจันทร์, เต็น, VIP และนักร้องรับเชิญนิโคล เทริโอ ฯลฯ และเทศกาลศิลปะอีกมากมายไม่ว่าจะเป็น ประติมากรรมที่โดดเด่นเฉพาะตัวจาก “เถ้าฮงไถ่” โรงโอ่งเก่าแก่ประจำจังหวัดราชบุรี,บรรยากาศแสนอบอุ่นของแสงเทียนนับหมื่นดวงจาก “บ้านหอมเทียน”, กิจกรรมต่างๆ อาทิ การชมฟาร์มด้วยรถลากไม้, เพลิดเพลินกับการให้อาหารน้องแกะ พร้อมชมการสาธิตทอผ้าจากขนแกะ ทดลองทำงานศิลปะ เช่น ทำเทียน, ทอขนแกะ, เผาเซรามิก, เพ้นท์เสื้อ, เป่าแก้ว ฯลฯ, ร่วมสนุกและชิงของรางวัลกับ บูธเกมส์สไตล์ English Country, อิ่มอร่อยกับเมนูที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี อาทิ เช่น สลัดบาร์ เฟรนช์ฟราย นักเก็ต ไส้กรอก สปาเก็ตตี้ บาร์บีคิว รวมถึงเมนูอื่น ๆ จากร้าน Honey Scene Steak & Bar และอาหารอร่อยจากทั่ว จ.ราชบุรี ติดตามรายละเอียดความเคลื่อนไหวของการจัดงานเทศกาล “Soda Singha So in Art So in Love@ Scenery” ได้ทาง Facebook.com/soinartsoinlove หรือ Facebook.com/Singha Connect บัตรมีจำหน่ายที่ //www.webooking.com หรือที่ทรูช้อปทุกสาขา sadoodta.com "Collaborative Art" คลีเอทฟาวเดชั่น “CRE8 FOUNDATION” เป็นมูลนิธิที่ไม่แสวงหาผลกำไร มีเป้าหมาย ในการเสริมสร้าง แรงบันดาลใจเพื่อเด็กๆทุกชาติทุกภาษาผ่านศิลปะแห่งการร่วมมือ และแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันปัจจุบันได้เติบโตขึ้น เป็นประชาคมของศิลปินและอาสาสมัคร ซึ่งมีเครือข่ายทั่วโลก และเมื่อต้นปีที่ผ่านมา มูลนิธิคลีเอท ฟาวเดชัน ได้รับการสนับสนุนพื้นที่จากบ้าน ศิลปิลพำนับ Thaillywood Artist Residency เพื่อทำกิจกรรม สร้างสรรค์ร่วมกับ เด็ก ๆ จากโรงเรียนหนองเกตุใหญ่ จังหวัดชลบุรี ประเทศไทย คลีเอทเป็นศูนย์รวมของอาสาสมัครและศิลปิน ที่มีเป้าหมายในการเสริมสร้างแรงบันดาล ใจสร้าง ช่องทางให้เด็กๆจากพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลกได้มีโอกาสสื่อสารและสร้างสรรค์ผลงานร่วม กันอันจะนำไปสู่การแบ่งปัน ทางความคิดและวัฒนธรรมซึ่งกันและกันเพื่อมุ่งสูความ กลมเกลียวผ่านสื่อ ศิลปะแห่งการร่วมมือร่วมใจ “collaborative art” นิทรรศการศิลปะของเราจัดขึ้นในพิพิธภัณฑ์ และศูนย์ศิลปะในหลากหลายประเทศ เป้าหมายคือนำ เสนอความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว กันของผลงานที่เกิดจากการเชื่อมต่อของ พลังสร้างสรรค์จากเด็ก ๆ กว่า ๓o ประเทศทั่วโลก และพวกเรารู้สึกเป็นเกียรติ อย่างยิ่งที่จะนำเสนอนิทรรศการ ล่าสุด ซึ่งจะจัดขึ้น เป็นครั้งแรกในประเทศไทยแก่ท่าน ในครั้งนี้เราได้รับการ สนับสนุนด้านพื้นที่จาก หอศลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ซึ่งพิธีเปิดนิทรรศการจะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ ๕ มกราคม เวลา ๑๗.oo น. พร้อมกับกิจกรรมระดมทุนประมูล เงียบจากเด็กๆผู้บริจาค ผลงานและศิลปินจำนวน ๑o ชิ้น โดยรายได้ทั้งหมด จะใช้เพื่อการจัดกิจกรรมศิลปะ สร้างสรรค์แก่เด็ก ๆ ในประเทศซึ่งด้อยโอกาสต่อ พิธีเปิดในวันเสาร์ที่ ๕ มกราคม ๒๕๕๖ เวลา ๑๗.oo – ๒o.3o น. นิทรรศการ : Collaborative Art วันที่ : ๔ มกราคม – ๑o มกราคม ๒๕๕๖ สถานที่ : ชั้น ๑ และ ชั้น L หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ติดต่อสำนักงานหอศิลปกรุงเทพฯ : o๒-๒๑๔-๖๖๓o – ๘ โทรสาร: o๒-๒๑๔-๖๖๓๙ อีเมล : info@bacc.or.th เว็บไซต์ : //www.bacc.or.th artbangkok.com "พรุ่งนี้" การนำเสนอความภาคภูมิใจของเด็กไทย ที่มุ่งมั่นสร้างงานที่ตนรักเพื่อเป็นแบบอย่างให้กับเด็กไทยทั่วประเทศ นิทรรศการ ที่เกิดจากการร่วมมือร่วมใจเรียนรู้ ฝึกฝนจนเกิดความเข้าใจในงาน ของกลุ่มเด็กไทยทีมีเป้าหมายเดียวกัน ผ่านนิทรรศการ “เด็กปล่อย…ของ” ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร วันที่ ๒๗ - ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๕ เวลา ๑๘.oo - ๒๑.oo น. วันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๕ เวลา ๑๓.oo - ๑๖.oo น. และ ๑๘.oo - ๒๑.oo น. กรุณาสำรองที่นั่งล่วงหน้าได้ที่ D-Dance School หมายเลขโทรศัพท์ : o๒-๖๖๙-๘๘๙o, o๘๔-๕๕๕-๘๘๙๑ E-mail : d_dance_school@windowslive.com นิทรรศการ : “เด็กปล่อย…ของ” โดย : ดีแดนซ์ สคูล วันที่ : ๒๗ - ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๕ สถานที่ : ห้องออดิทอเรียม ชั้น 5 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร สอบถามรายละเอียดโทร : o๒-๒๑๔-๖๖๓๗-๘ artbangkok.com "ไม่มีความจริงใดใดในจักรวาล" ไม่มีความจริงใดใดในจักรวาล (No Absolute Truth In The Universe) คือชื่อของนิทรรศการศิลปะที่นำเสนอเนื้อหาทางธรรมะของพระพุทธศาสนา โดยนำมาสื่อสารและสร้างสรรค์ให้เข้ากับวัฒนธรรมร่วมสมัยอย่างซื่อตรง เพื่อจุดประกายพุทธิปัญญาให้กับผู้เสพงานศิลปะ และสร้างศรัทธา ความเข้าใจที่ถูกต้องในธรรมะของพระพุทธเจ้า ผ่านงานศิลปะร่วมสมัย อันประกอบด้วยผลงานของ เกสวิตา รอตพันธ์, ไชโย โล่ห์อมรปักษิณ, พันธ์สิริ สิริเวชชะพันธ์ และองอาจ โล่ห์อมรปักษิณ ในงานนิทรรศการครั้งนี้ต้องการนำเสนอผลลัพธ์แห่งการผสมผสานระหว่างความต่างกันของเทคนิคและวิธีการนำเสนอหลากหลายรูปแบบ ทั้งภาพวาด งานประติมากรรม ภาพถ่าย การจัดวางและความเข้าใจในธรรมะ ของศิลปินทั้ง ๔ ท่าน ซึ่งน่าจะเป็นทางเลือกใหม่ให้กับผู้เสพงานให้ได้เห็นธรรมะในหลากหลายมุมมอง และน่าจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยสร้างสรรค์วงการศิลปะและสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ให้ผู้คนสืบต่อไป พิธีเปิดในวันอังคารที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๕๖ เวลา ๑๘.oo น. นิทรรศการ : ไม่มีความจริงใดใดในจักรวาล ศิลปิน : เกสวิตา รอตพันธ์, ไชโย โล่ห์อมรปักษิณ, พันธ์สิริ สิริเวชชะพันธ์, องอาจ โล่ห์อมรปักษิณ วันที่ : ๒๕ มกราคม – ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ สถานที่ : สตูดิโอ ชั้น ๔ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร สอบถามรายละเอียดโทร : o๒-๒๑๔-๖๖๓๗-๘ artbangkok.com "ปะแป้ง" คุณภัทรีดา ประสานทอง นักวาดภาพประกอบชื่อดัง เชิญเซเลบริตี้ และคนในแวดวงศิลปะช่วมชมผลงานนิทรรศการ ‘ปะแป้ง’ ผลงานชิ้นล่าสุดที่นำเอาเศษกระดาษมาแปะปะจนเป็นรูปภาพที่งดงาม อีกทั้งภายในงานยังได้นำผลงานภ่าพประกอบในช่วง ๕ ปีที่ผ่านมา และผลงานล่าสุด นำมาจัดแสดงให้กับผู้ที่หลงรักงานอาร์ตร่วมชม ในบรรยากาศอบอุ่น และเป็นกันเอง นิทรรศการ : ปะแป้ง ศิลปิน : ภัทรีดา ประสานทอง วันที่ : ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๕ – ๓๑ มกราคม ๒๕๕๖ สถานที่ : ละลานตา แกลเลอรี่ สุขุมวิท ๓๑ รายละเอียดเพิ่มเติมโทร : o๒-๒๖o-๕๓๘๑, o๒-๒o๔-o๕๘๓ เว็บไซต์ : lalanta.com ภาพและข้อมูลจาก artbangkok.com "MIRROR" จากคนแปลกหน้า ๓o คน มารวมตัวกันใน ๑ ที่ ที่คุ้นเคย ความสุข ความสามัคคี ความผูกพัน ได้ก่อให้เกิด ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และนี่คือที่มาของชื่อ Unithirty กลุ่ม Unithirty ได้จัดนิทรรศการครั้งนี้ขึ้นเพื่อรวบรวม ๓o ความคิดสร้างสรรค์ ของนิสิตภาควิชา ทัศนศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชั้นปีที่สอง ผ่านงานศิลปะภาพพิมพ์แกะไม้ นิทรรศการ : MIRROR ศิลปิน : นักศึกษาคณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชั้นปีที่สอง วันที่ : ๑๔ – ๒๙ มกราคม ๒๕๕๖ สถานที่ : หอศิลป์จามจุรี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โทรศัพท์/ โทรสาร : o๒-๒๑๘-๓๗o๙ รายละเอียดเพิ่มเติมเว็บไซต์ : jamjureeartgallery.blogspot.com ภาพและข้อมูลจาก artbangkok.com* jamjureeartgallery.blogspot.com "ภาพถ่ายนู้ด โดยม.ล.ต้อย ชุมสาย" ม.ล.ต้อย ชุมสาย (๒๔๔๙ - ๒๕o๔) เป็นทั้งนักเขียนรุ่นบุกเบิกของเมืองไทย เคียงบ่าเคียงไหล่กับนักเขียนร่วมรุ่นอย่าง "ศรีบูรพา" และ "ยาขอบ" และยังเป็นช่างภาพผู้บุกเบิกการถ่ายภาพหญิงเปลือยยุคแรกของไทย จะนับว่าเป็น "ช่างภาพนู้ดคนแรกของไทย" ก็คงไม่ผิด คัดมันดู โฟโต้ แกลเลอรี่ เสนอผลงานภาพถ่ายนู้ดของม.ล.ต้อย ชุมสาย เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติให้แก่ “ช่างภาพชั้นครู” อันนับเป็นหนึ่งในโครงการของแกลเลอรี่ “ค้นหาครูถ่ายภาพไทย” (Seeking Forgotten Thai Photographers) รวบรวมประวัติและผลงานของช่างภาพไทยรุ่นบุกเบิกที่ประวัติศาสตร์ยังมิได้บันทึก "งานนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการค้นหาครูภาพถ่ายไทย ที่เราทำต่อเนื่องมาเป็นคนที่ ๔ แล้ว จริง ๆ แล้วเรื่องผลงานภาพถ่ายของท่านหม่อมหลวงต้อยผมเคยยินชื่อท่านมานานแล้ว ตั้งแต่ตอนที่รวบรวบผลงานภาพถ่ายของคุณรงค์ วงษ์สวรรค์ ก็ไปเจอชื่อของหม่อมหลวงต้อยในฐานะที่เป็นครูสอนภาพถ่ายให้คุณรงค์ พอมาสืบต่อก็เจอผลงานเขียนของท่านบ้างแต่งานภาพถ่ายไม่เจอเลย บังเอิญมาทราบว่าท่านเป็นคุณพ่อของคุณสีหศักดิ์ ชุมสาย ช่างภาพชื่อดังที่ล่วงลับไปแล้วอีกท่านหนึ่ง ซึ่งคุณสีหศักดิ์ทำบริษัทถ่ายหนังโฆษณามาก่อน ปัจจุบันได้ลูกชายรับทำงานต่อ ก็เลยตามไปที่บริษัทของลูกชาย เขาก็ดีใจบอกว่านึกว่าคนลืมคุณปู่ไปแล้ว ก็เลยยกอัลบั้มรูปชุดสุดท้ายของหม่อมหลวงต้อยที่มีอยู่มาให้ดู เป็นภาพถ่ายอายุน่าจะ ๕o ปีขึ้นไป ที่สำคัญคือมีเฉพาะภาพถ่ายเหลืออยู่เพียงชุดเดียว ส่วนฟิล์มต้นฉบับไม่มีแล้ว" มานิต ศรีวานิชภูมิ ช่างภาพร่วมสมัยที่มีผลงานเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ และผู้ก่อตั้ง คัดมันดู โฟโต้ แกลเลอรี่ กล่าวถึงการรวบรวมผลงานภาพถ่ายนู๊ดชุดประวัติศาสตร์ในครั้งนี้ “ไม่ใช่โป๊โว้ย เป็นภาพเปลือยต่างหาก” คือคำโต้แย้งของม.ล.ต้อย ชุมสาย เมื่อถูกผู้ชมวิพากษ์วิจารณ์ภาพถ่ายนู้ดของท่านอย่างไม่เข้าใจ ท่ามกลางบรรยากาศยุค "รัฐนิยม - ชาตินิยม" ของจอมพลป. พิบูลสงคราม เมื่อรัฐไทยพยายามเข้าควบคุมวิถีชีวิตและความคิดของผู้คน ตั้งแต่เรื่องกินอยู่หลับนอนจนถึงการทำสงครามกับเพื่อนบ้านเพื่อขยายอาณานิคม ภาพนู้ดของม.ล.ต้อย จึงเป็นมากกว่าภาพผู้หญิงแก้ผ้า แต่ยังแสดงถึงการท้าทายอำนาจรัฐและค่านิยมสังคมพับเพียบเรียบร้อย สะท้อนให้เห็นถึงความกล้าหาญในการสำรวจความงามของสาวไทย ความมั่นใจในเรือนร่างของนางแบบ และภาพฝันแฟนตาซีของชายไทยที่มีต่อเพศตรงข้าม "ผมคิดว่าบรรยากาศยุคนั้นน่าสนใจตรงที่ว่า ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ เข้าสู่ยุคการปกครองของจอมพลป. พิบูลสงคราม มีการกำหนดสิ่งที่เรียกว่ารัฐนิยม ผู้นำชอบอะไรก็เอามากำหนดให้คนทำตาม กำหนดวัฒนธรรม การกินอยู่ การนอนของคนอยู่ภายใต้การจัดระเบียบ ทีนี้ถ้าเราดูผลงานภาพถ่ายของหม่อมหลวงต้อยก็ต้องถือว่าสวนกระแสมาก ๆ เพราะเอาผู้หญิงมาเปลือยกายถ่ายรูป ก็มีกระแสต่อต้านว่าเป็นถึงหม่อมหลวงทำไมมาทำเรื่องแบบนี้ แต่การที่ท่านยืนยันทำงานแนวนี้คงต้องถือว่าเป็นคนที่กล้าบ้าบิ่น ไม่ธรรมดา และมีใจรักการทำงานแนวนี้จริง ๆ" จากการค้นคว้า ประวัติการทำงานของม.ล.ต้อย ทำให้มานิตพบว่า ผลงานภาพถ่ายนู้ดของท่านได้ตีพิมพ์ในวารสาร "ชาวกรุง" ประมาณ ๓ ครั้ง โดยเป็นภาพนู้ดที่ไม่โชว์มาก มีการปิด-บังด้วยแสงเงา ทำให้เห็นว่าแม้แต่หนังสือที่ค่อนข้าง "ก้าวหน้า" ในสมัยนั้น ก็ยังมีเส้นแบ่งในการยอมรับศิลปะภาพถ่ายนู้ด "หม่อมหลวงต้อยน่าจะเป็นคนแรก ที่ทำงานภาพถ่ายนู้ดตามแนวทางที่มีแง่มุมเชิงศิลปะ ไม่ใช่แค่ถ่ายผู้หญิงแก้ผ้าอย่างที่เรียกว่าภาพอนาจาร ในงานภาพถ่ายของหม่อมหลวงต้อยเราจะเห็นว่ามีการจัดแสงเงา มีการจัดท่าทางของนางแบบ มีการเลือกสถานที่ มีรายละเอียดต่าง ๆ ที่แสดงให้เห็นถึงการทำงานที่มีการคิดมีการวางแผน หม่อมหลวงต้อยท่านไปทำบังกะโลที่พัทยาโดยมีอยู่หลังหนึ่งทำเป็นสตูดิโอถ่ายนู้ดโดยเฉพาะ มีหลังคาเปิดให้แสงลงมาได้ พอผลงานเสร็จมีการนำเสนอให้กับสาธารณะชนในงานกาชาดโดยเอาผ้าล้อมให้คนเสียเงินเข้าไปดู มีอัลบั้มภาพจำหน่าย เรียกว่าทำจริงจังเป็นมืออาชีพ ความตั้งใจในการทำงานศิลปะสูงมาก ผู้หญิงที่มาเป็นแบบให้ก็เป็นผู้หญิงดีๆ มีการศึกษา และท่านจะให้ความเคารพนางแบบ ไม่มีการจัดท่าที่ล่อแหลม แต่แสดงถึงความงามของเรือนร่าง ไม่ใช่ความหยาบหรือน่ารังเกียจ" นิทรรศการครั้งนี้ เป็นการรวบรวมผลงานภาพถ่ายต้นฉบับชุดสุดท้าย (ผลิตระหว่างปี ๒๔๘๙ - ๒๕o๔) ที่เหลืออยู่ประมาณ ๑๒o ภาพ โดยคัดเลือกมาแสดง ๓o ภาพ มานิตมองว่า การศึกษาผลงานภาพถ่ายนู้ดของม.ล.ต้อย ชุมสาย ชุดนี้จะทำให้มองเห็นปรากฎการณ์ทางสังคมไทยในยุคสมัยหนึ่ง รวมถึงพัฒนาการทางความคิด มุมมอง และการยอมรับการสร้างสรรค์ศิลปะแนวทาง "ภาพถ่ายเปลือย" "งานชุดนี้ทำให้เราเห็นพัฒนาการของการยอมรับงานศิลปะภาพนู้ด ปัจจุบันเราอาจจะเห็นภาพผู้หญิงเปลือยหรือนุ่งน้อยห่มน้อยเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าย้อนกลับไปในยุคก็น่าสนใจตรงที่ว่าหม่อมหลวงต้อยเป็นผู้ที่สร้างการยอมรับว่าการถ่ายรูปนู้ดไม่ใช่เรื่องเสียหาย นั่นคือสิ่งที่ท่านพยายามให้สังคมเห็นว่าเรือนร่างผู้หญิงไม่ใช่สิ่งน่ารังเกียจ น่าอับอาย น่าปกปิด การแก้ผ้าไม่ใช่เรื่องเลวทรามเสมอไป ทำให้ผู้หญิงมีความเคารพในตัวเอง อันนี้เป็นจุดก้าวที่สำคัญในการเปลี่ยนทัศนคติของสังคมต่อภาพเปลือย" นิทรรศการภาพถ่ายนู้ด โดยม.ล.ต้อย ชุมสาย จัดแสดงจนถึง ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ณ คัดมันดู โฟโต้ แกลเลอรี ๘๗ ถนนปั้น ใกล้วัดแขก สีลม (เดิน ๕ นาทีจากสถานีรถไฟฟ้าสุรศักดิ์) สอบถามโทร.o๒-๒๓๔-๖๗oo หรือดู //www.kathmandu-bkk.com เปิดทุกวันระหว่าง ๑๑.oo-๑๙.oo น. (ปิดวันจันทร์) bangkokbiznews.com บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii Free TextEditor |
บทความทั้งหมด
|