จริตทางการเมืองของปัญญาชน ชนชั้นกลาง



เมื่อกล่าวถึงปัญญาชน เรามักหมายถึงคนที่ผ่านรั้วมหาวิทยาลัยมาแล้ว และเมื่อนึกถึงชนชั้นกลางเรามักหมายถึงกลุ่มคนที่มีรายได้จากเงินเดือน ..แต่ถ้ามิใช่เราเรียกว่าผู้ประกอบการบ้าง ผู้ประกอบอาชีพอิสระบ้าง...ในประเทศที่เศรษฐกิจกำลังเติบโต ระบบการศึกษาก็มักจะเน้นการผลิตบุคลากรกลุ่มนี้เพื่อเป็นกำลังแรงงานให้แก่ภาคธุรกิจซึ่งต้องการบุคลากรเพิ่มขึ้น ตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจ...ในด้านที่กลับกัน หากเศรษฐกิจไม่ขยายตัว..คนกลุ่มนี้ก็จะเป็นกลุ่มแรกที่จะหางานยาก ว่างงาน หรือ ถูกลอยแพ

หากพิจารณาเส้นทางเดินชีวิตของคนกลุ่มนี้ มักจะมีทางเดินคล้ายกันคือ ในวัยเรียนก็เดินเข้าออก ระหว่างบ้านกับสถาบันการศึกษา เมื่อเรียนจบก็มักจะเดินเข้าออกระหว่างบ้านกับที่ทำงาน บางครั้งก็ออกไปทานอาหารนอกบ้านกับเพื่อนผอง น้อง พี่ เดินห้าง เข้าไปผ่อนคลายในสถานบันเทิง และหาโอกาสไปสัมผัสธรรมชาติต่างจังหวัด หรือไปทัวร์ต่างประเทศบ้างตามแต่กำลังทรัพย์ของแต่ละคน

พฤติกรรมการรับรู้ข่าวสาร มาจากโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ วิทยุ และการพูดคุยกันในกลุ่มเพื่อน มีบ้างที่อ่านหนังสือ พ็อกเก็ตบุ๊ค และแมกกาซีนตามสไตล์ความชอบของแต่ละคน ..ประเด็นข่าวสารที่คนกลุ่มนี้เสพย์ติด มักจะเป็นเรื่องดารา นักแสดง เรื่องซุบซิบของคนดัง หรือคนในวงการ ไฮโซ....และมักจะถูกเรียกร้องความสนใจจากพาดหัวหนังสือพิมพ์ หรือ ข่าวร้อนประเด็นดัง ตามที่สื่อมวลชนเสนอและตั้งใจประโคมเพื่อให้ตลาดข่าวสารเกิดความกระหาย ใคร่รู้ ซึ่งหมายถึงยอดขายหรือรายได้ของสื่อนั่นเอง

หากพิจารณาทางเดินชีวิตของปํญญาชน ชนชั้นกลาง จะรับรู้เรื่องราวความเป็นไปของสังคมผ่าน กลุ่มเพื่อน คนใกล้ชิด บ้าน ที่ทำงาน และสื่อ โดยเฉพาะสื่อจะมีอิทธิพลต่อการรับรู้และสร้างทัศนะคติ ในทางบวกหรือลบต่อ คนกลุ่มนี้ได้ง่ายมาก

ที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นเพียงภาพรวมโดยทั่วไป แต่ปัจเจกชนเลือกที่จะรับรู้ ข่าวสารตามความสนใจของตนเอง เลือกที่จะเชื่อ และมีปฎิกริยาตอบสนองไปในทางที่เห็นด้วย ยกย่อง สนับสนุน คัดค้าน ประณาม ตามแบบฉบับของแต่ละคนเช่นกัน....ตรงนี้ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ในอดีต ขึ้นอยู่กับความเกี่ยวข้องกับเรื่องราวที่สื่อมวลชนนำเสนอ ณ เวลานั้นๆ...

การเลือกที่จะรับรู้ เลือกที่จะเชื่อ และการมีปฏิกริยาตอบสนองต่อสถานการณ์นี่แหละ....เราเรียกว่า “จริต”.

ปัญญาชน ชนชั้นกลาง...มีสักกี่เปอร์เซ็นต์ ทีให้ความสนใจต่อข่าวเศรษฐกิจ สังคมอย่างต่อเนื่อง..คนเหล่านี้มีจำนวนมากเท่าไหร่ ที่เข้าใจความเกี่ยวข้องของนโยบายรัฐบาลกับวิถีชีวิตของตนเอง คนเหล่านี้มีจำนวนสักเท่าไหร่ที่รับรู้วิถีชีวิตของคนรากหญ้า ทั้งก่อนหน้านี้และปัจจุบันนี้..คนเหล่านี้มีสักเท่าไหร่ ทีเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างการเพิ่มศักยภาพของคนรากหญ้า การเพิ่มกำลังซื้อ กับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ กับการมีงานทำ กับการขึ้นเงินเดือน กับการได้ลดภาษี กับการได้เลื่อนตำแหน่ง กับการเพิ่มกำลังผลิต ขยายโรงงานหรือกิจการ.....มีสักกี่คนที่เข้าใจความเชื่อมโยงระหว่างวิถีชีวิตตนเอง กับการส่งออก การท่องเที่ยว การไหลมาของเงินลงทุนจากต่างประเทศ......และมีสักกี่คนที่จะเข้าใจความเกี่ยวข้องระหว่างดอกเบี้ย ค่างวดการผ่อนบ้าน ผ่อนรถของตนเองกับนโยบายทางเศรษฐกิจของภาครัฐ.....เชื่อว่ามีไม่มากนักหรอก

เมื่อพวกเขาไม่สามารถเชื่อมโยงในประเด็นดังกล่าวข้างต้นได้..... จริตทางการเมืองของพวกเขาส่วนใหญ่ก็ไม่สามารถรอดพ้นไปจากอิทธิพลของ...ข่าวลือ ข่าวซุบซิบ และสื่อโดยเฉพาะสื่อหากต้องการให้ปัญญาชน ชนชั้นกลาง รับรู้ คิด รู้สึก เกิดอารมณ์และมีปฎิกริยาต่อเหตุการณ์อย่างไร ปัญญาชน ชนชั้นกลางก็มักมีแนวโน้มไปในทิศทางนั้น....มีคนเคยกล่าวว่า “คนในกรุงเทพ และหัวเมืองใหญ่ไม่ยึดมั่นกับพรรคการเมืองไหนจริงจังหรอก มักขึ้นอยู่กับกระแส กระแสไปทางไหน คนกรุงเทพก็ไปทางนั้น” ....ผู้ที่สามารถก่อกระแส ใช้กระแส ก็มีแต่สื่อเท่านั้น....ส่วนปัญญาชน ชนชั้นกลางส่วนใหญ่ก็เป็นได้แค่เหยื่อของกระแสที่มีการบริหารและกำกับโดยกลุ่มการเมืองบางกลุ่ม

จากการพิจารณาทางเดินของชีวิตและสภาพแวดล้อมดังกล่าว....จริตทางการเมืองของปัญญาชนชั้นกลางมีลักษณะสำคัญดังต่อไปนี้.....

หนึ่ง......มีลักษณะอ่อนไหวต่อข่าวสารไม่ว่าจะเป็นข่าวลือ ข่าวซูบซิบ หรือข่าวจากสื่อ แม้จะอ่อนไหวไม่เท่านักลงทุนในตลาดหุ้น แต่ก็ถือว่าอ่อนไหวรองลงมา....

สอง......การเชื่อ หรือไม่เชื่อข่าวสารแม้ว่าบางส่วนเกิดจากการวิเคราะห์หรือใช้หลักคิด ที่ผ่านการไตร่ตรอง แต่กระแสและตัวบุคคลอ้างอิงจะมีอิทธิพลมากกว่า

สาม......ปัญญาชน ชนชั้นกลางสามารถสร้างอารมณ์ร่วมได้ไม่ยากหากสื่อก่อกระแส และถ้ามีคนตกเป็นเหยื่อของกระแส แล้วไปก่อกระแสในกลุ่มเล็กๆก็จะเกิดกระแสเสริม หากมีกระบวนการใดจงใจให้เกิดเหตุการณ์คล้ายคลึงแบบนี้...ยิ่งสามารถสร้างอารมณ์ร่วมได้ไม่ยากนัก

สี่.........มีลักษณะโลเลทางการเมือง กล่าวคือปัญญาชนชนชั้นกลาง ไม่สามารถเชื่อมโยง นโยบายของรัฐกับวิถีชีวิตของตนเองได้ ทำให้ไม่เกิดความผูกพันและความรู้สึกสูญเสีย จึงสามารถเปลี่ยนใจสนับสนุน หรือ คัดค้านได้ ตามอิทธิพลของ กระแสและตัวแปรอื่นๆในเวลานั้น

ห้า.......มีลักษณะ หวาดระแวง สงสัย ไม่ไว้วางใจ ผู้มีอำนาจเป็นพื้นฐาน เพราะเขาเป็นชนชั้นกลางที่ต้องทำงานรับใช้และอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่ามาโดยตลอด

หก......มีลักษณะยอมรับใคร ยกย่องใคร นับถือใคร ไม่ง่ายนัก...คู่ขนานกันไป ก็มีลักษณะ เขม่น และแสดงออกซึ่งความไม่พอใจโดยการวิพากษ์ วิจารณ์ พูดจาประชดประชัน กระแทกแดกดันในโอกาสที่เกิดความไม่พอใจขึ้นมา...

เจ็ด......ทนไม่ได้กับความไม่ in trend เพราะสังคมของปัญญาชนชนชั้นกลางอยู่ใต้อานัติสื่อ และความนิยมของกลุ่ม หากตนเองถูกมองว่าไม่ in trend ย่อมเป็นเรื่องใหญ่ พวกเขาจึงเป็นพวกที่มีแนวโน้มปรับตัวเข้ากับ trend ได้โดยง่าย

จริตทางการเมืองของปัญญาชน ชนชั้นกลาง....เป็นจริตที่ยืดหยุ่น เปลี่ยนแปลงง่าย คล้ายดินน้ำมัน คงรูปใดรูปหนึ่งในเวลาสั้นๆ และพร้อมที่จะเปลี่ยนเป็นรูปอื่นได้ในเวลาไม่นานนัก หากสื่อมวลชนก่อกระแส มีข่าวลือ มีข่าวซุบซิบ มีบุคคลอ้างอิง มีสตอรี่......

ในสถานการณ์ปัจจุบัน...สิ่งที่น่ากลัวก็คือสื่อมวลชนสังกัดขั้วการเมือง...ก่อกระแสเกลียดชังมากกว่าการสร้างความเข้าใจ...หากปัญญาชนเสพย์สื่อเกินขนาด....ก็จะเกิดอาการเสียจริตทางการเมือง หรือไม่ก็เกิดอาการวิกลจริตทางการเมืองจนกู่ไม่กลับ......







Create Date : 09 เมษายน 2549
Last Update : 29 สิงหาคม 2549 16:44:08 น.
Counter : 736 Pageviews.

24 comments
อุ้มสีมาทำบุญ ๙ วัด ในวันขึ้นปีใหม่ที่จ.อุบลราชธานี อุ้มสี
(3 ม.ค. 2567 19:10:02 น.)
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๗ มาช้ายังดีกว่าไม่มา
(2 ม.ค. 2567 07:30:30 น.)
อุ้มสีมาทำบุญ ๙ วัด ในวันขึ้นปีใหม่ที่จ.อุบลราชธานี อุ้มสี
(3 ม.ค. 2567 19:10:02 น.)
No. 1259 สาระเกือบมี (ตอนทำงานที่ใหม่ ถูกลองดี) ไวน์กับสายน้ำ
(1 ม.ค. 2567 05:58:05 น.)
  
อ่านแล้ว.....สะใจจัง
โดย: anna-raya IP: 124.120.165.206 วันที่: 9 เมษายน 2549 เวลา:1:17:05 น.
  
เห็นด้วยอย่างมาก โดยเฉพาะ สื่อ เมืองไทยก็เป็นอย่างนี้ไม่ไหวจริงๆ คิดว่าตัวเองถูกอย่างเดียว เข้าข้างแต่พวกเดียวกันเอง
โดย: Hummoo IP: 124.121.123.78 วันที่: 9 เมษายน 2549 เวลา:9:34:02 น.
  
โดย: สื่อเลวมีแยะ IP: 221.128.99.159 วันที่: 9 เมษายน 2549 เวลา:10:07:00 น.
  
โดย: สื่อเลวมีแยะ IP: 221.128.99.159 วันที่: 9 เมษายน 2549 เวลา:10:09:01 น.
  
กระจายข่าว กระจายข่าว...ข่าว
ขอความร่วมมือคนไทยทุกคน ช่วยกันกระจายข่าว ร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดงานฉลองฯ สงบศึกชั่วคราวหรือถาวร ก็ดี ขอแต่ 60 กว่าวัน ให้ภาพพจน์ และชื่อเสียงของไทยคงอยู่ในความภาคภูมิใจในความเป็นไทย ขอความร่วมมือกระจายข่าวให้สื่อได้รับรู้ว่า เราคนไทยพร้อมใจกันแล้ว แล้วสื่อละอยู่ที่ไหน ทำอะไร จะเสนอข่าวเพื่อเป็นการปลุกใจรักชาติ เพื่อให้ชาติดำรงอยู่ในทิศทางไหนหรือ วันนี้เรามีความรักในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเรากำลังมีการจัดงานเพื่อบุคคลอันเป็นจุดศูนย์รวมจิตใจของคนไทย แต่เวลาอีก 60 วันที่จะถึงนี้ เรายังทะเลาะกันในความต่างในความคิด หยุดสักนิด หรือพักซักหน่อย มาร่วมกันทำให้งานฉลองฯที่จะมีขึ้นเป็นวันที่เราคนไทยแสดงออกถึงความปลาบปลื้มและจงรักภักดีต่อพ่อหลวงของไทยเราเถอะ

ขอความร่วมมือ กระจายข่าว หวังเพียงว่า การโพสให้มากจะทำให้ทุกคนร่วมใจ เป็นกำลังในการผลักดันให้สื่อและทุกฝ่ายทำงานฉลองฯนี้ให้ดีที่สุด เพื่อหน้าตา และความภาคภูมิใจที่เกิดเป็นคนไทย
โดย: Hummoo IP: 124.121.123.78 วันที่: 9 เมษายน 2549 เวลา:10:30:01 น.
  
ใครบอกคนกรุงเทพฯ....รู้อะไรดีกว่าคนต่างจังหวัด.....
คนกรุงเทพส่วนใหญ่ทำมาหากินตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต...ไม่มีเวลานั่งคิดเรื่องอะไรจริงอะไรเท็จหรอก...มีนักวิชาการกับสื่อสองตัวนี้แหละที่คิดแทนให้...แล้วทุกคนที่อ่านหรือฟังมาก็เชื่อ....เหมือนฟังครูสอนนั่นแหละ....มันติดนิสัยตั้งแต่เรียนแล้ว...สื่อเมืองไทยเหมือนอสูรกาย....ทำลายชาติได้ตลอดเวลาถ้ารวมหัวกัน.....
โดย: ศิลาแลง IP: 58.147.4.190 วันที่: 9 เมษายน 2549 เวลา:13:41:27 น.
  
ผมเห็นว่าการเป็นผู้ปกครองประเทศ สำคัญที่จะต้อง
1 เป็นคนที่ดูแลรักษาระบบ และส่งเสริมให้ประเทศมีการพัฒนาไปในทิศทางที่เหมาะสม
2 มีความเป็นธรรมให้กับทุกๆคน
3 ไม่เห็นพวกพ้องของตนดีกว่า บุคคลที่ไม่ใช่พวกของตน
4 ไม่เอาข้อมูลต่างๆที่ตนรู้ ไปใช้หาประโยชน์ ให้กับตอนเองและพวกพ้อง
5 มีความรู้ความสามารถเหมาะกับยุคสมัย
6 รู้จักใช้และบริหารบุคคลากรที่มีความสามารถ


การเมืองไทยในปัจจุบัน เป็นที่รู้กันดีกว่า ส่วนใหญ่มีแต่พวกที่เข้ามาหาผลประโยชน์ นักการเมืองในรูบแบบเก่าก็นิยมหาผลประโยชน์จากนักธุรกิจ นักธุรกิจก็ต้องรู้จักเข้าหานักการเมืองเพื่อประโยชน์ของธุรกิจตน

บ่อยๆเข้า นานเข้า เมื่อนักธุรกิจเรียนรู้ถึงทักษะในการเป็นนักการเมือง ก็เลือกที่จะตัดพ่อค้าคนกลางออกไปแล้วก็เข้าถึงแหล่งอำนาจโดยตรง

ดังนั้นประเด็นของข้อขัดแย้งคือ
1.ทักษิณและคณะหาประโยชน์จากตำแหน่งหน้าที่ จริงหรือไม่
2.ทักษิณทำหน้าที่ส่งเสริมและรักษาระบบการปกครองอย่างเป็นธรรมหรือไม่
2.1 ทักษิณแทรกซงองค์กรอิสระต่างๆจริงหรือไม่
3.หาทักษิณ et al. โกงกินจริง ประโยชน์ที่เกิดขึ้นกับบ้านเมือง ดีกว่าจริงหรือไม่


ประเด็นเรื่องความสามารถคงต้องตัดทิ้งไป เพราะคงเห็นกันอยู่แล้วว่า ทักษิณได้เสนอมุมมองที่มีประโยชน์ต่อนักการเมืองไทยในหลายๆเรื่อง
ดังนั้นจึงมีอีกประเด็นคือ

4. ถ้าทักษิณ โกงกินจริง แต่ทำประโยชน์ได้มากกว่า ควรให้เค้าอยู่ต่อหรือไม่


เคยมีการพูดกันว่าระบบการปกครองแบบเผด็จการ เป็นการปกครองที่ดีที่สุด หากผู้ปกครองมีใจเป็นธรรม เหมือนในยุคที่ Bismarc เป็นนายกของเยอรมันนี ประเทศเยอรมันก้าวหน้าไปมาก แต่หลังๆไม่ค่อยมีบทบาทเพราะกษัตริย์ของเยอรมันในเวลานั้นอยากจะให้มีสงคราม แต่ Bismarc ไม่เห็นด้วย

จริงๆ ผมอยากเห็นข้อมูลเศรษฐกิจ ว่าจริงๆแล้วมันเป็นอย่างไร แยกย่อยเป็นอุตสาหกรรม แต่ละชนิด จะได้เห็นภาพรวมว่าที่เค้าบอกว่าเศรษฐกิจดีขึ้น วัดจากอะไร (gdp ไม่ค่อยมีความหมายอะไรหรอก) การกระจายตัวของรายได้เป็นอย่างไร จะได้รู้ว่าแต่ละฝ่ายที่อ้างเหตุผลของตัว ใครมีน้ำหนักกว่า

คอรัปชั่นเชิงนโยบาย ผมว่ามันชัดเจนอยู่แล้ว ลองดูรายการที่รัฐบาลส่งเสริมการลงทุน คงไม่มีอะไรชัดเจนกว่านี้ การส่งคนของบริษัทตัวเองเข้าไปควบคุมการแปรรูปของรัฐวิสาหกิจต่างๆ แม้อาจอ้างได้ว่าเพราะรู้ว่ามีความสามารถ แต่ก็คงพ้นข้อกล่าวหาไปได้ยาก
การแทรกแซงองค์กรต่างๆ แม้ไม่ชัด เพราะทำกันในที่มืด แต่ผลที่ออกมาก็เห็นๆกันอยู่

หลายคนอาจจะบอกว่าก็ธรรมดา มีอำนาจก็ต้องคอยดูแลรักษาอำนาจตัวเอง และ ปกครองให้เป็นไปแนวทางที่เห็นว่าดี และถูกต้อง

คนที่บอกอย่างนั้น ย่อมเชื่อว่าเมื่อตัวเองมีโอกาส มีอำนาจก็ควรจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตังเองอยู่ในอำนาจ ซึ่งหากผู้ปกครองมีใจเป็นธรรมจริง ก็จะเกิดผลดีเลิศ แต่เราก็รู้กันดีกว่าการตัดสินใจของคนหนึ่งคน ผิดพลาดได้มากกว่าการตัดสินใจของคน พันคน และการตัดสินใจของคนหนึ่งคน corrupt ได้ง่ายกว่าการตัดสินใจของคนพันคน
(แต่การตัดสินใจของคนครึ่งพัน ที่ผูกอยู่กับผลประโยชน์ของตนซึ่งเกี่ยวอยู่กับคนหนึ่งคน คงไม่ต่างอะไร)

เราถึงมีประชาธิปไตยกัน แต่ประชาธิปไตยไม่ใช่แค่เปลือกว่าเลือกตั้ง แต่คือการมีส่วนร่วม และที่มีประชาธิปไตยก็เพื่อป้องกันระบบเผด็จการและการทุจริตต่างๆในการปกครอง เพราะมีกลไกการตรวจสอบ


ผมเห็นว่าทักษิณมีความสามารถ และเค้าได้สอนมุมมองใหม่ๆ ให้กับแวดวงการเมืองและประชาชน แต่คนที่ทำผิด ก็ต้องรับผิด ถ้าจะบอกว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมา แปลว่าประชาชนยอมรับให้ทักษิณอยู่ ไม่ใช่ว่าจะเอามาแปลว่าประชาชนยอมรับให้ทักษิณอยู่ไปโกงไป ถ้าจะเหมาว่าประชาชนยอมรับทักษิณให้โกง ก็เปลี่ยนหัวข้อเลือกตั้งใหม่ เอาข้อมูลที่ฝ่ายตรงข้ามทักษิณ บอกให้ประชาชนรู้ ทำฟรีทีวีให้แฟร์กว่าที่เป็นอยู่ แล้วค่อยมาบอกว่าประชาชนรับรองทักษิณ

สาเหตุหลักที่คนไม่เห็นด้วยกับรูปแบบการปกครองของทักษิณ คือ มันcorupt ได้ง่าย และทุกคนเชื่อว่ามันalready corrupted

หลายคนบอก เอ้าผิดก็ไปฟ้องสิ เหอะๆ แล้วใครจะกล้าให้ร้ายเจ้านายตัวเอง คงเคยดูศาลไคฟง แล้วเชื่อว่าจะตัดสินให้เป็นธรรม แต่อย่าลืมว่าคนมีอำนาจปกครองสูงสุดในรัฐเรา คือนายกไม่ใช่ ฮ่องเต้จีน เหมือนอย่างในหนัง แล้วพยานไหนจะกล้าพูด เมื่อไม่มีการรับประกันว่าตัวเองจะปลอดภัยและอยู่ได้อย่างไม่มีภยันตรายใดๆ มารบกวน หสกผู้ถูกกล่าวหาชนะคดี แค่ดูอย่างที่เค้าจัดการฝ่ายตรงข้ามก็น่าจะรู้แล้วว่าต่อไปตัวเองจะเป็นยังไง

จริงๆควรจะมีใครซักคนเอา ข้อมูลต่างๆมาแจงอย่างละเอียดว่าข้อกล่าวหา หลักฐานอ้างอิงต่างๆ ของแต่ละฝ่ายเป็นยังไง จะได้มาดูกันจริงๆจังๆ ไม่ใช่ฟังความแต่ละฝ่ายแค่หางช้างแล้วมาเดาว่าจริงๆแล้วตัวมันจะใหญ่ หรือ ตัวมันจะเล็ก หรือบางทีมันอาจจะเป็นแค่ไม้ขนไก่โดยที่ไม่มีตัวจริงๆอยู่เลยยยย
โดย: arphy IP: 85.181.122.73 วันที่: 9 เมษายน 2549 เวลา:18:17:05 น.
  
เรียน คุณสื่อเลวมีเยอะครับ

ช่วยทำให้เป็นไฟล์ที่ผู้เห็นด้วยกับคุณสามารถเอาไปใช้ได้หน่อยครับ ถ้าคุณไม่สงวนลิขสิทธิ์ จะได้เผยแพร่ไปกว้าง ๆ หน่อย เพิ่มข้อความนิดครับ ผมอยากเสนอให้ใช้คำว่า "สื่อมวลชั่ว" กับสื่อพวกนี้ครับ

สำหรับพวกสถุลสายอื่น ๆ ช่วยทำดีไซน์เพิ่มเติมให้เป็นทานเพื่อประชาชนที่กำลังทนไม่ได้สุด ๆ แล้วจะได้นำไปใช้สร้างมติมหาชนต่อต้านสนธิ จำลอง ปชป.ฯลฯ พวกแนวร่วมล้มล้างประเทศชาติและประชาธิปไตยครับ
โดย: Sammy IP: 124.121.190.211 วันที่: 10 เมษายน 2549 เวลา:10:37:55 น.
  
ไทยรักไทยซุกหุ้น บอกว่าไม่มีจริยธรรม แล้วพรรค___?ที่ซุกเมียล่ะ เรียกว่าไม่มีวัฒนธรรม ไม่มีประเพณี และจริยธรรมใช่หรือไม่
โดย: papa_s IP: 203.114.102.115 วันที่: 10 เมษายน 2549 เวลา:23:01:53 น.
  
กร๊าก
ไอ้ข้อ 1-7 ที่ว่ามาน่ะ ช่วยหาอะไรที่เป็นรูปธรรมมาอ้างอิงหน่อยได้ไหม
ไม่ใช่ตั้งทฤษฎีจินตนาการขึ้นมาลอยๆ แล้วก็เอามากล่าวหาชาวบ้าน

แล้วคุณที่เขียน blog นี่ไม่ทราบว่าคุณเป็นชนชั้นไหน ชั้นล่าง หรือชั้นสูงครับ
ถ้ามีปัญญาเล่นเนทแต่บอกว่าเป็นชนชั้นล่าง ผมว่าคงไม่ใช่ร้อก
โดย: บัตรผ่านรุ่นล่าสุด IP: 124.120.11.211 วันที่: 11 เมษายน 2549 เวลา:0:41:37 น.
  

คน กทม ก็จะรับฟังความสำเร็จของนโยบายของรัฐจาก สื่อ แล้วก็จะมีความเชื่อ คล้ายๆกัน เหมือนฝูงวัวตื่น (คำนี้ได้ยินมาจากวิธีการโจมตีค่าเงินของพวก เฮดจ์ฟันด์) หรือเรียกว่า กระแส คราวนี้คน ตจว ก็จะรับนโยบายอย่างเป็นรูปธรรมโดยตรง ดีบ้างเลวบ้าง ก็มีความแตกต่างเกิดขึ้น ควรรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างครับ มันเป็นภาพ 2 มิติ
แล้วอะไรๆจะดีขึ้น
โดย: สวัสดี IP: 124.157.144.194 วันที่: 12 เมษายน 2549 เวลา:12:43:53 น.
  
คุณ arphy ผมอ่านแล้วงงครับความคิดเห็นของคุณ
"สาเหตุหลักที่คนไม่เห็นด้วยกับรูปแบบการปกครองของทักษิณ คือ มันcorupt ได้ง่าย และทุกคนเชื่อว่ามันalready corrupted "
"จริงๆควรจะมีใครซักคนเอา ข้อมูลต่างๆมาแจงอย่างละเอียดว่าข้อกล่าวหา หลักฐานอ้างอิงต่างๆ ของแต่ละฝ่ายเป็นยังไง จะได้มาดูกันจริงๆจังๆ ไม่ใช่ฟังความแต่ละฝ่ายแค่หางช้างแล้วมาเดาว่าจริงๆแล้วตัวมันจะใหญ่ หรือ ตัวมันจะเล็ก หรือบางทีมันอาจจะเป็นแค่ไม้ขนไก่โดยที่ไม่มีตัวจริงๆอยู่เลยยยย"
ความเห็นที่ 1เป็นความเชื่อหรือมีหลักฐานถึงศาลแล้วว่ามีการ coruption จริงๆในคณะรัฐบาล เพราะคุณบอกว่ามันโกงกันเรียบร้อยแล้ว
ความเห็นที่ 2 แสดงว่าที่กล่าวหากันทั้งสองฝ่ายมีหลักฐานนิดเดียวยังเชื่อใครไม่ได้
สรุปแล้วคุณเชื่อว่ามีการcoruption แต่ไม่มีหลักฐานชัดเจนใช่ไหมครับ
คุณบัตรผ่านรุ่นล่าสุด ผมสรุปว่าคุณเป็นคนชั้นสูงใช่ใหมเพราะคุณเล่นเนทได้
คุณเป็นปัญญาหรือคนชั้นกลางเพราะคุณเดือดร้อนว่าเขากล่าวหาคุณใช่ไหมครับ
ตกลงคนชั้นล่างโง่ใช่ไหมเพราะเล่นเนทไม่เป็น
โดย: นายสอดรู้ IP: 58.147.104.199 วันที่: 12 เมษายน 2549 เวลา:12:57:05 น.
  
อย่าทะเลาะกันหน่ะ น่าเบื่อจริงๆ
โดย: ..... IP: 202.5.87.134 วันที่: 19 เมษายน 2549 เวลา:10:16:04 น.
  
++ ผู้ชุมนุมของประชาชน มีแต่ ประชาชนทุกหมู่เหล่า แพทย์ , เภสัชกร , พยาบาล , คณะบดี , สภาคณาจารย์มหาวิทยาลัย , สภาการหนังสือพิมพ์ , สภาทนายความ , สภาวิศวกรรม , คณาจารย์จากมหาวิทยาลัยทุกสถาบันทั้งจากภาครัฐและเอกชน , นักธุรกิจ , ข้าราชการ , เอกอัคราชทูต , ทหาร , ดารา , นักร้อง , ศิลปิน , นักเรียนอนุบาล , ประถม , มัธยม , นิสิต , นักศึกษา , สื่อมวลชน , คนพิการ , สมัชชาคนจน , ชาวบ้าน , คนไทยในต่างประเทศ ฯลฯ " คนพวกนี้ไม่มีผลประโยชน์ครับ …..และมาเองไม่ต้องจ้างแต่อย่างใด.........สิ่งที่เขาต้องการคือให้ “ ทักษิณ “ ออกไป เพียงคนเดียวเท่านั้น
โดย: zzz IP: 61.19.54.238 วันที่: 23 เมษายน 2549 เวลา:2:28:08 น.
  
หากคุณวางกบตัวหนึ่งลงในกระทะที่กำลังตั้งไฟร้อนๆ กบจะกระโดดหนีออกจากกระทะทันที แต่ถ้าใช้เทียนไขค่อยๆ ลนกระทะใบนั้น ให้ร้อนขึ้นเรื่อยๆ ตอนเริ่มต้นกบจะยังไม่รู้สึกถึงความร้อน แต่พอเริ่มรู้สึกและอยากกระโดดหนี ขาก็จะโดนละลายติดกับกระทะ จนหนีไม่พ้น ปัจจุบันเตาไมโครเวฟ ก็เหมือนเทียนไขเล่มนั้น คนที่ใช้ก็เหมือนกบตัวนั้น กว่าจะรู้ตัวว่า ถูกละลายติดหนับ ก็อาจสิบ หรือยี่สิบปีผ่านไปแล้ว แต่จะช้าหรือเร็ว ต้องถูกยึดติดขาไว้แน่ ...
โดย: zzz IP: 61.19.54.238 วันที่: 23 เมษายน 2549 เวลา:2:29:12 น.
  
พื้นฐานการศึกษาของคนไทยถูกปลูกฝังการเรียนรู้ด้วยวิธี "ป้อน" และ "เชื่อฟัง" มานานแล้ว...จึงไม่แปลกที่คนที่มีการศึกษามากและสูง เช่น หมอ พยาบาล นักวิชาการ อาจารย์ ฯลฯ เหล่านี้เมื่อดู หรือ ฟัง จากสื่อต่างๆ แล้ว จะเชื่อตามสื่อ แทบจะทันทีที่ดูหรืออ่านจบ....นี่คือพื้นฐานการเรียนรู้ที่ติดเป็นอุปนิสัยมานานแล้ว.....น้อยคนนักที่จะเรียนรู้ และ เชื่อ บนพื้นฐานของการ "วิเคราะห์" หรือ "วินิจฉัยที่ดี"
โดย: คนกรุงเทพ IP: 58.9.77.104 วันที่: 23 เมษายน 2549 เวลา:8:14:29 น.
  
การโกง การคอร์รัปชั่น เป็นสิ่งที่ไม่ดี และ ทำลายชาติได้หากรุนแรง...แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า สิ่งเหล่านี้มีมาทุกยุคทุกสมัย ทุกพรรค....การทำงานใด ๆ ย่อมมีทั้ง ความสำเร็จ และ ความบกพร่อง แต่หาก ความสำเร็จที่จะยังประโยชน์โดยส่วนรวม มีมากกว่า ความบกพร่องอย่างเห็นได้ชัดเจน ก็ต้องทำหลับหูหลับตาไปบ้าง.เพื่อความสำเร็จอันยิ่งใหญ่..เรียกว่า " คิดใหญ่ไม่คิดเล็ก." ซึ่งอุปนิสัยนี้จะมีอยู่ในตัวผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จเกือบทุกคน......ยกตัวอย่าง การสร้าง สนามบินสุวรรณภูมิ กรณีคอร์รัปชั่น CTX จริงเท็จแค่ไหนอย่างไร นั้นไม่รู้..แต่เชื่อว่า ก็ต้องมีการกินตามน้ำกันบ้าง....แต่เมื่อชั่งน้ำหนักดูแล้ว...ระหว่าง ผลสำเร็จระดับประเทศแล้วมันยิ่งใหญ่มาก....และขณะเดียวกันเมื่อเปรียบเทียบตัวเลขงบประมาณการก่อสร้าง สมัยพรรคประชาธิปัตย์นั้น สูงกว่า กับ สมัย ทรท. มากมาย......หากพวกเราประชาชนบ้าจี้ตาม ปชป ถือกรณี CTX เป็นเรื่องของการ "โคตรโกง" ต้องเอาผิดอย่างเอาเป็นเอาตายต่อ ทรท สุดท้ายแล้ว ประเทศไทย คนไทยนั่นแหละ ที่จะตาย!
โดย: คนกรุงเทพ IP: 58.9.77.104 วันที่: 23 เมษายน 2549 เวลา:8:35:38 น.
  
"จริตทางการเมืองของปัญญาชน ชนชั้นกลาง" อ่านแล้วสะท้อนมุมมองของคนชนชั้นกลางได้โดนใจที่สุด
หลังจากที่เข้าไปศึกษาในระดับปริญญาโท พบเพื่อนร่วมชั้นจากหลายสาขาอาชีพ ส่วนใหญ่จะมีฐานะทางการเงินจัดอยู่ระดับที่เรียกกันว่ามีอันจะกินก็ว่าได้ วิถีชีวิตก็ไม่มีอะไรมากสื่อบอกว่าไง ก็ว่างั้น คล้อยตามง่ายมากจนน่าตกใจ ทุกครั้งที่มีประเด็นร้อน ทางสังคมจะหยิบยกมาพูดกันโดยที่ส่วนใหญ่เป็นมุมที่สื่อมองแล้วสื่อก็นำเสนอ สื่อเสนออะไรก็รู้เท่านั้นไม่มี การวิเคราะห์ต่อ ยุคนี้อาจเป็นยุคที่ถูกสื่อครอบงำมากที่สุดอีกยุคหนึ่งก็ว่าได้
โดย: นักศึกษาป.โท ต่างจังหวัด IP: 203.113.67.36 วันที่: 27 สิงหาคม 2549 เวลา:20:30:22 น.
  
ทำไมต้องเชื่อสื่อด้วย มันมอมเมาประชาชน เป็นช่างทาสี เก่งมาก เช่นสนธิไง
โดย: มาช่า IP: 203.146.35.50 วันที่: 12 ตุลาคม 2549 เวลา:13:18:13 น.
  
สื่อก็คน ม็อบก็คน และเงินก็เป็นที่คนใฝ่ฝันที่จะมาเป็นของคนคนนั้น เราก็คนจึงเชื่อสื่อเราจึงรู้ว่าม็อบก็เป็นคนเหมือนกับเรา
โดย: เท่ รปศ IP: 202.29.20.70 วันที่: 7 ธันวาคม 2549 เวลา:10:42:11 น.
  
ตามที่ท่านกล่าวไว้ว่าเหตุที่สับสนเนื่องจากมีสื่อที่เป็นขั้วการเมืองนั้น เห็นด้วยอย่างยิ่ง เนื่องจากปัจจุบันมีการเสนอข่าวให้ร้ายกันรุนแรงมากโดยมุ่งที่จะยั่วยุให้เกิดความขัดแย้งของคนในชาติให้แบ่งเป็น 2 ขั้ว ซึ่งสื่อที่ดีควรจะเสนอข่าวที่เป็นกลาง และเสนอข่าวของทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ใช่เสนอเพียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
โดย: ขอเขียนด้วยฅน IP: 202.69.141.245 วันที่: 28 พฤษภาคม 2550 เวลา:18:08:05 น.
  
น่าเบื่อนักการเมืองส่วนท้องถิ่น ประชุมสภาท้องถิ่นยังไม่รุ้เลยว่าตนเองมีหน้าที่อะไร เริ่มตั้งแต่ ประธานสภา เลขาฯสภา สมาชิกฯสภา พอจับไมค์ได้ก็ขอเป็นนักร้องงานเลี้ยง จดใส่กระดาษมาอ่านตามโพยที่ได้รับบัญชามาจาก ....... โทรศัพท์แนบอยู่ข้างหู รับฟังคำสั่งว่าให้พูดอย่างไร ทุเรศ ทุรัง จริงๆ สมองตัวเองไม่มี ยังเอาสมองของ.......มาใส่.....แถมออกอากาศให้เขาได้รู้ว่า.......ข้าฯ........ได้พูดออกอากาศแล้ว...อายแทนบรรพบุรุษของพวกท่านเหลือเกิน..........
โดย: ขอนินทา IP: 125.26.50.127 วันที่: 27 สิงหาคม 2550 เวลา:1:54:23 น.
  
โดย: เรื่องจริง IP: 125.26.50.127 วันที่: 27 สิงหาคม 2550 เวลา:1:57:11 น.
  
การเมืองไทยปัจจุบันเป็นอะไรที่เข้าถึงยากจริงๆ และคงไม่มีนักการเมืองดีๆในสังคมไทยอีกแล้ว
โดย: ผู้หวังดี IP: 203.113.17.167 วันที่: 14 พฤศจิกายน 2550 เวลา:14:48:45 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Grassroot.BlogGang.com

grassroot
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด