ความทรงจำและความฝันแต่งแต้มชีวิตให้สวยงามเสมอ

ลีกภูมิภาค ดิวิชัน 2 รอบแชมเปียนส์ลีก กลุ่ม A
20 พ.ย.53 สนามฟุตบอลศูนย์กีฬาสุรี บูรณธนิต มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
ม.รังสิต-เจดับบลิว 0-1 พิจิตร


ไม่ได้ดูบอลไทยที่สนามมานานเลยครับ

คลิกดูบล็อกของตัวเอง เรื่องล่าสุดที่อัพเดทอยู่ มันฟ้องว่าแม็ทช์สุดท้ายที่เกาะติดขอบสนามก็คือวันที่ 25 ก.ย.โน้น ในแม็ทช์ที่จุฬา ยูไนเต็ดทำได้แค่เสมอปตท.ระยองจน “โค้ชธง” ธงชัย สุขโกกีเกือบต้องอำลาตำแหน่งหัวเสือ (สามย่าน)

เหตุผลเป็นเหตุผลที่เบสิคมั่ก ๆ...ติดงาน

จะมีก็แม็ทช์ปิดฤดูกาลดิวิชัน 1 ที่กะว่าจะไปดูจุฬา ยูไนเต็ดเย่อแข้งกับแคช ทูเดย์ จันทบุรีนั่นแหละ ที่มีเหตุผลอื่น...ก็คือ

สัปดาห์ก่อนหน้านั้น แทนที่จะนั่งดูแมนฯยูฯแข่งกับเวสต์บรอมฯไปตามปรกติก็ไม่ทำ ดั๊นโรคจิตไปหาเรื่องยัยดั๊กกี้ จนทะเลาะกันรุนแรง

และสัปดาห์นั้นก็กลายเป็นสัปดาห์สูญญากาศแห่งความสัมพันธ์ไป เลิกหรือไม่เลิก? T_T

ก็เลยไม่มีใจไปดูบอลน่ะครับ

แล้วทีม “กระต่ายป่า” ทีมนี้ก็เป็นความทรงจำดี ๆ ซ่อนอยู่ด้วย ก็แม็ทช์ไปเยือนน่ะ ผมพายัยดั๊กกี้ไปเที่ยวเมืองจันท์ด้วยนี่

แม้จุฬา ยูไนเต็ดจะแพ้วันนั้น แต่ก็ยังนับว่าเป็นความทรงจำ (ส่วนตัว) ที่ดีได้อยู่

แม้ไม่ไปดูแต่ก็แอบลุ้นให้แคช ทูเดย์ จันทบุรีได้อยู่ดิวิชัน 1 ต่อ

เพราะถ้าคืนดีกันได้สำเร็จ...ปีหน้าจะได้พายัยดั๊กกี้ไปเที่ยวเมืองจันท์อีกเพื่อต่อเติมความทรงจำดี ๆ

ชีวิตที่เคว้งคว้างแบบนี้ ไม่มีอะไรเป็นพลังใจได้ดีไปกว่า “ความทรงจำ” ที่แสนงดงามอีกแล้วครับ ^-^




แลนด์มาร์คสำคัญของม.กรุงเทพ วิทยาเขตรังสิต

ป้ายจอดรถประจำทางภายในมหา'ลัย มีทั้งรถบัสและรถราง


กลับมาดูบอลที่สนามอีกครั้ง ผมเลือกเกมที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพซึ่ง “จ้าวเวหา” ม.รังสิต-เจดับบลิวจะเปิดบ้านรับมือ “พญาชาละวัน” พิจิตร

รุ่งขึ้นเป็นวันลอยกระทง ซึ่งผมมีข่าวดีรับวันเพ็ญเดือน 12 ด้วย

ผมคืนดีกับยัยดั๊กกี้แล้ว

การไปที่สนามแห่งนี้ก็เลยกลายเป็นการขุดความทรงจำเก่า ๆ ขึ้นมาใหม่ ก็ปีที่แล้วผมเคยพาเธอมาดูบอลที่สนามแห่งนี้นี่ วันนั้นบียูเสมอบีจี 1-1

จำได้ว่ายัยดั๊กกี้กระดี๊กระด๊าใหญ่ที่ได้กลับมหา’ลัยที่เธอจบมา

แล้วไม่ว่าบียูจะโมดิฟายด์โฉมทีมไปขนาดไหน แต่สำหรับยัยดั๊กกี้แล้ว นี่ก็คือทีมมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ที่เธอแบ่งใจมาเชียร์เสมอในฐานะศิษย์เก่าที่ดีอยู่ดี

วันนี้ผมมาคนเดียวครับ หลังจากซื้อเครปญี่ปุ่นในโรงอาหารเสร็จก็นั่งรถรางของมหา’ลัยเข้าไปยังสนาม ระหว่างทางเห็นรถบัสของมหาวิทยาลัยรังสิตขับแซงขึ้นไป

รถบัสคันนี้ขนกองเชียร์ของ “เจ้าบ้าน” มาส่งกำลังใจเชียร์ทีมจ้าวเวหา

หน้าสนามมีเสื้อเชียร์ม.รังสิต-เจดับบลิวขาย เป็นเสื้อสีส้ม กลางหน้าอกสกรีนชื่อทีม อกขวากึ่งไปทางไหล่เป็นลายหัวเสือ บริเวณเอวซ้ายเป็นลายหัวนก ลายเส้นของสัตว์ทั้ง 2 ตัวคล้าย ๆ ลายเส้นหัวเสือในเสื้อเชียร์ทีมชาติเกาหลีใต้ที่ยัยดั๊กกี้ซื้อมาฝากผมจากเมืองโสม

“เสือเป็นสัญลักษณ์ของม.รังสิต ส่วนอินทรีก็สัญลักษณ์ของเจดับบลิวครับ” คนขายบอกอย่างนั้น

สนนราคาไม่แพงเท่าไหร่ 150 บาทเท่านั้น ก็เลยจัดไปแบบเบา ๆ ซะ 1 ตัว




นักเตะทั้งสองทีมเดินลงสู่สนาม

มงคล นกกาศักดิ์ของเจ้าบ้านแลกของที่ระลึกกับศุภกร นาคน้อยของทีมเยือน


วันนี้ทีมเจ้าบ้านขาดปราการหลังตัวเก่งอย่างเจมส์ บัวเต็งไปเพราะโดนไล่ออกในนัดที่แล้ว โค้ชคนคู่อย่างไพรัช หิมเวช (เฮดโค้ชตามใบรายชื่อ) และกฤษดา เพี้ยนดิษฐ์จัดทัพ 11 คนแรกนำโดยมงคล นกกาศักดิ์ กัปตันทีมยืนเป็นศูนย์หน้าคู่วิลลี เอ็นโย ส่วนแดนกลางนั้นมีเลสลี แอดเจดยืนคุมคู่กับอำพล สมบัติ โดยมีปอล ตาเกมเลื้อยทางซ้ายและธาดา ทองท้วมรับผิดชอบทางกราบขวา

แผงหลังสี่คนจากขวามาซ้ายมีอิทธิพล จันแปงเงิน, วินิชชา อินญาวงศ์, จีระศักดิ์ ทีจันทร์และสมหมาย ไทรน้อย โดยมีณรงค์ วงศ์ทองคำยืนตระหง่านเป็นด่านสุดท้าย

ในขณะที่ “พญาชาละวัน” ทีมเยือนนั้นส่งอาณาจักร ทีโนยืนเสาเฝ้า แผงหลัง 4 คนจากขวามาซ้ายประกอบไปด้วยสถาพร สีอ่อน, นิรัตน์ อินทรเทศน์, สุทน กุลมัยและสัจจา มณีโชติ

แดนกลาง 3 คน เอกพันธ์ ศรสิทธิ์ยืนเป็นโฮลดิงมิดฟิลด์ มีอำนาจ รักประเสริฐและศิตธิไชย คุ้มญาติทำหน้าที่เปิดเกมรุก

แนวหน้า 3 คนของทีมประกอบไปด้วยพิสิฐ ยืนยิ่งทางด้านขวา, ชอว์ โกฟีทางด้านซ้าย มีกัปตันทีม ศุภกร นาคน้อยยืนเป็นศูนย์หน้าตัวเป้า




11 ตัวแรกของ "จ้าวเวหา" ม.รังสิต-เจดับบลิว

โฉมหน้าผู้เล่นพิจิตรที่หวังเอาคืนทีมเจ้าบ้านให้สาสม หลังแพ้มาในสัปดาห์ที่แล้ว


แค่ 2 นาทีแรก ธาดาของฝั่ง “จ้าวเวหา” ได้โอกาสยิงฟรีคิกประเดิมก่อนเลย แต่ยิงได้เบามาก เข้ามืออาณาจักรสบาย ๆ

15 นาทีแรกดูพิจิตรทำได้ดีกว่าเจ้าบ้านนิด ๆ จนพ้น 20 นาทีไปแล้วนั่นแหละเกมถึงจะกลับมาสูสี แต่เป็นความสูสีในลักษณะที่มีโอกาสยิงประตูไม่มากนัก

นาที 21 สองคนสองคมในแดนหน้าของพิจิตรประสานงานกันได้ดี ศุภกรโหม่งตั้งให้พิสิฐยิง แต่ติดณรงค์ออกหลังไป

สิบนาทีต่อมาชอว์ โกฟี ดาวเตะต่างชาติของพิจิตรหลอกยิงไกลนอกเขตโทษดู แต่ณรงค์ยังไม่หลับ กระโดดปัดข้ามคานไว้ได้

นาที 37 ลูกทะลักมาเข้าทางวิลลี เอ็นโย แต่ก็ยิงไม่ดีซะอีก ออกหลังไปอย่างน่าผิดหวัง

“ไอ้อ่อน ๆ” คือเสียงร้องจากกองเชียร์ชาละวันทุกครั้งที่นักเตะเจ้าบ้านยิงพลาด

ท้ายครึ่งแรก ทั้งสองทีมเริ่มแลกกันมากขึ้น นาที 40 พิสิฐสบโอกาสยิงทางมุมขวา แต่ณรงค์ยังปฏิเสธอย่างแข็งขัน ถัดมาอำพลที่ไม่ใช่ลำพูนของเจ้าบ้านลองยิงไกลบ้าง แต่ก็ไม่ตรงกรอบอีก

ไม่กี่อึดใจต่อมา อำนาจของพิจิตรโดนใบเหลืองเมื่อไปสอยปอล ตาเกม ทำเอาพิสิฐเพื่อนร่วมทีมถึงกับโวย “เบอร์ 9 (ตาเกม) ของเค้าเข้าจังหวะสองตลอดเลย!”

ก่อนหมดเวลา 2 นาที มงคล กัปตันทีมเจ้าบ้านทิ้งตัวโหม่งลูกฟรีคิกอย่างสวยงาม แต่อาณาจักรทำได้สวยกว่า เหิรกายปัดออกหลังได้สำเร็จ ตรึงสกอร์ครึ่งแรกไว้ที่ 0-0




มงคลเขี่ยบอลเปิดเกม

13 แย่งโหม่งบอลกับ 13 มงคลของเจ้าบ้านและเอกพันธ์ของทีมเยือน

สมหมาย แบ็กซ้ายเจ้าบ้านเดินเกมลุยเต็มตัว

เอกพันธ์หันมาดวลลูกโด่งกับตาเกมบ้าง

มงคลลากบอลหนีสุทน

ธาดาบล็อกการเปิดบอลของคู่แข่ง

จังหวะพุ่งโหม่งของมงคล แต่อาณาจักรเซฟได้สวยไม่แพ้กัน


หลังจากอั้นไว้ตั้งนาน พอได้ยินเสียงนกหวีดปุ๊บ ผมก็รีบเผ่นเข้าห้องน้ำปั๊บ เห็นโค้ชดำเดินนำหน้าเข้าสุขาไปก่อนผม

“จะได้ฉี่ใกล้ ๆ กับอดีตแบ็กขวาทีมชาติละวะ คราวนี้”

แต่กฤษดาเลี้ยวเข้าซอกแรกซึ่งเป็นอ่างล้างหน้าครับ ทิ้งให้ผมเลี้ยวเข้าซอกที่ 2 เพื่อ “จัดเบา” คนเดียว ^^!

ทำธุระเสร็จเดินออกมาล้างมือ เห็นโค้ชดำยังสติลอยู่ที่อ่างล้างหน้า พ่นควันปุ๋ย ๆ

“เกมนี้คงเป็นเกมที่เครียดสำหรับอดีตแบ็กขวาทีมชาติไทยคนนี้น่าดู” ผมคิดในใจ

เดินออกไปเก็บบรรยากาศหน้าสนาม เห็นฝรั่งสะพายกระเป๋าพะโลโก้ “เมืองทองฯ ยูไนเต็ด” หราอยู่ เขาร้องทักเพื่อนชาวไทยของเขาเป็นภาษาอังกฤษ

“วันที่ 22 นี้ผมจะไปสระบุรีนะ” แล้วก็ทำสองมือชกกันเอง “จะไปดูสระบุรีเจอบุรีรัมย์”

พูดถึง “บุรีรัมย์” ทีไร ฝรั่งคนนี้จะออกแอคชัน “แพ้ท้อง” ประกอบความรู้สึกไปด้วย สบโอกาสได้คุยกัน ผมก็เลยถามออกไปเป็นภาษาปะกิตว่า

“คุณเกลียดบุรีรัมย์หรอ?”

ฝรั่งคนนี้ไม่ตอบ แต่เสริมประโยคคำถามของผมให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นด้วยภาษาไทยว่า “มาก ๆ”

“ผมชอบบุรีรัมย์ครับ” ผมแกล้งพูด

“ไม่เป็นไร ๆ” คือคำตอบของแฟนบอลฝรั่งคนนี้

แต่สุดท้ายเกมสระบุรี-บุรีรัมย์ก็ถูกเลื่อนออกไปแข่งวันที่ 4 ธ.ค.ครับ

สักพักมีคนรู้จักเดินมาทักทายผม...อ.ก้องเกียรติ อดีตผู้ช่วยโค้ชจุฬา ยูไนเต็ด โดยปัจจุบันคุมทีมอาร์แบคซึ่งจะมีคิวเพลย์ออฟเพื่อชีวิตกับทีมไหนสักทีมที่กำลังแข่งรอบแชมเปียนส์ลีกตอนนี้อยู่นั่นเอง

“อยากเจอใครที่สุดครับ?” ผมถาม

“ดูทรงแล้ว เจอม.รังสิต-เจดับบลิวน่าจะที่ดีสุดนะ...” โค้ชก้องตอบ

แต่เฮดโค้ช “สิงโตน้ำเงินทอง” ก็ไม่ได้ดูคู่แข่งที่เขาอยากเจอจนจบครับเพราะขับรถออกไปก่อน

“แล้วผมจะไปช่วยเชียร์อาร์แบคนะครับ” ผมหยอดคำหวานก่อนลา




กองเชียร์ม.รังสิต-เจดับบลิว

กองเชียร์ของพิจิตรส่งเสียงเชียร์ตลอดเกม


เปิดฉากครึ่งหลังมาแค่ 6 นาที อำนาจ มิดฟิลด์ตัวเก่งของพญาชาละวันสบโอกาสยิงฟรีคิกถึง 2 หน ครั้งแรกเข้ามือโกล์เจ้าบ้านสบาย ๆ ส่วนครั้งที่ 2 น่าผิดหวังกว่าเพราะไม่ตรงกรอบเลย

สรศักดิ์ แรดสอน เฮดโค้ชพิจิตรเริ่มมีการปรับทัพ ส่งเอกสถา ธัญญกรรมลงไปเล่นแทนศิตธิไชยนาทีที่ 55

ถัดมานาทีเดียว พิจิตรมีโอกาสยิงนำอีกครั้ง ศุภกรตอกส้นให้อำนาจยึก ๆ ยัก ๆ เข้าไปหาโอกาสยิงได้สำเร็จ แต่ณรงค์ล้มตัวปัดออกทัน เวลาไล่เลี่ยกัน มงคลของเจ้าบ้านได้โหม่ง แต่ก็ข้ามคานไปอีก

นาที 58 เจ้าบ้านปรับทัพบ้าง ถอดวิลลี เอ็นโยออก ส่งวรายุทธ กล่อมนาคที่รูปร่างบึกบึนลงไปแทน

“ยืนค้ำไปเลย ไม่ต้องออกมาด้านข้างหรอก” โค้ชดำตะโกนสั่งตัวสำรองคนแรกของตนเองแบบนั้นหลายครั้ง

เกมเริ่มเนือย ๆ ลง แม้ทั้ง 2 ทีมจะพยายามปรับทัพเพื่อเก็บ 3 แต้มให้ได้ก็ตามที พิจิตรส่งศักดิ์ชัย คงคาลงไปแทนนิรัตน์ในนาทีที่ 66 ส่วนม.รังสิต-เจดับบลิวเปลี่ยนศุภชัย มัยวงษ์ลงไปแทนตาเกมอีก 4 นาทีต่อมา

เกมที่อืดเอื่อยจนดูเหมือนว่าน่าจะจบด้วยการแชร์แต้มของทั้งสองทีมอยู่แล้ว แต่แล้วจากจังหวะเคลียร์บอลกันกิ๊ก ๆ กั๊ก ๆ เองของกองหลังเจ้าบ้าน สุดท้ายพอบอลเข้าไปอยู่ในระยะจั๋งหนับของศุภกร นาคน้อยปั๊บ ศูนย์หน้าขวัญใจชาวพิจิตรคนนี้ก็ไม่ยอมพลาดอีก หวดเต็ม ๆ ลูกบอลลอยวาบเข้าไปจูบก้นตาข่ายอย่างหมดจดในนาทีที่ 72

พิจิตรนำ 1-0 ซะแล้ว!

ม.รังสิต-เจดับบลิวอยู่เฉยไม่ได้ เดินหน้าบุกทันที เป็นสิบแปดนาที (บวก ๆ) ที่ทีมจ้าวเวหาคุมเกมรุกได้แบบอยู่หมัด แต่น่าเสียดายที่จังหวะสุดท้ายไม่เด็ดขาดพอเท่านั้นเอง

10 นาทีสุดท้าย ทั้งสองทีมทิ้งไพ่ใบสุดท้ายด้วยจุดประสงค์ที่ต่างกัน เจ้าบ้านส่งอำนาจ ทรงรัมย์ลงไปแทนอำพล ส่วนพิจิตรส่งธีรวุฒิ รัตนสิทธิ์ลงไปเล่นด้านซ้ายแทนโกฟี แต่ดูเหมือนจะไม่ได้เน้นการเดินหน้ามากนัก

“ไม่ต้องถอยหลังแล้ว รีบ ๆ ส่งบอลสู่แดนหน้าเลย” อดีตแบ็กขวาทีมชาติไทยออกมาสั่งลูกทีม

แต่แม้จะเดินหน้าบุกอย่างไร เมื่อยิงประตูไม่ได้ สุดท้ายม.รังสิต-เจดับบลิวก็ต้องก้มหน้ารับความพ่ายแพ้ไป พร้อม ๆ กับร่วงลงสู่พื้นที่แห่งความสูญเปล่าอีกครั้ง




การปะทะคารมกันในเกมนี้

อำนาจเปิดลูกฟรีคิก

อิทธิพลปะทะกับชอว์ โกฟี

อิทธิพลเปิดฟรีคิกเพื่อลุ้นประตู

ศุภกรเฮฮาที่ยิงขึ้นนำได้สำเร็จ


“อิทธิพล ปีหน้ามาอยู่พิจิตรนะ” แฟน ๆ พญาชาละวันร้องบอกแบ็กขวาเจ้าบ้านหลังจบเกม แม้ตลอดเกม ดาวเตะร่างเล็กคนนี้จะเป็นคนที่พวกเขา “แซว” เยอะที่สุดก็ตามที

เท่าที่ผมดู อิทธิพล จันทร์แปงเงินคนนี้ (เคยดูแม็ทช์ที่พวกเขาบุกไปชนะบีซีซี เอฟซี ตอนแข่งโซนกรุงเทพและปริมณฑลด้วย) เป็นแบ็กขวาที่ใช้ได้เลย กล้าเติมเกมรุกดี แล้วก็ดูห้าวหาญ เล่นได้ดุดัน...อาจจะเป็นเพราะรูปร่างที่เล็กด้วยก็ได้ทำให้เขาต้องใส่ลูกบู๊เข้ามาเป็นออพชันเสริม ซึ่งนั่นแหละมันก็ทำให้แบ็กขวาหมายเลข 31 คนนี้กลายเป็น “เป้า” ของกองเชียร์คู่แข่งได้ดีทีเดียว

“มาเก็บ 3 คะแนนในบ้านของเค้าได้ก็พอใจครับ คงมีลุ้นได้อีกเฮือกนึง เกมโดยรวมก็ถือว่าแฟร์เพลย์ทั้งคู่” สรศักดิ์ แรดสอนเผยความรู้สึกด้วยรอยยิ้ม

ในขณะที่อีกฝั่งนั้นนั่งหน้าเซ็ง ๆ อยู่ที่ม้านั่งสำรองพร้อมกับเปิดใจว่า

“เกมก็โอเค แต่เราจบสกอร์ไม่ได้เอง ลูกที่เสียเป็นจังหวะพลาดที่เด็กสมาธิหลุดไปนิดนึง เมื่อยิงไม่ได้เองก็ต้องยอมรับนะเพราะมันคงไม่เสมอก็แพ้”

สถานการณ์ตอนนี้แตกต่างไปจากเมื่อสัปดาห์ก่อน พิจิตรกระโจนกลับมาอยู่ที่ 3 มีแต้มเท่ากับสระบุรี (ที่เลื่อนแข่งกับบุรีรัมย์) ส่วนม.รังสิต-เจดับบลิวถอยกลับไปอยู่อันดับ 5 ตามเดิม

“ตอนนี้คะแนนยังตามที่ 1 อยู่ 5 แต้มก็คงต้องลุ้นไปแบบแม็ทช์ต่อแม็ทช์ ซึ่งเราจะทำผลงานให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป ถึงจะไม่ได้เลื่อนชั้นโดยอัตโนมัติ แต่ก็จะพยายามติดกลุ่มเพลย์ออฟให้ได้” เฮดโค้ชพญาชาละวันวาดฝัน

ในขณะที่โค้ชดำนั้น ความพ่ายแพ้นัดนี้ไม่ต่างอะไรจากฝันที่เริ่มสลาย

“คงไม่วาดฝันอะไรไว้แล้ว ทั้ง ๆ ที่ก่อนแข่งคิดว่าถ้าชนะไปเรื่อย ๆ คงได้อันดับ 2 พอมาสะดุดก็ต้องมองแบบแม็ทช์ต่อแม็ทช์เพราะกลุ่มเพลย์ออฟก็ยังเปิดกว้างอยู่”




มิตรภาพหลังจบเกม

นักเตะพิจิตรเข้าไปขอบคุณแฟน ๆ


ชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันไปนั่นแหละ ในสถานการณ์ที่ยากลำบากแบบนี้ ไม่มีสิ่งไหนจะหล่อเลี้ยงให้ชื่นใจได้เท่ากับความฝันอีกแล้ว

จากวันวาเลนไทน์ที่มีคิวเปิดสนาม ไม่รู้ว่าคริสต์มาสปีนี้ทีมไหนจะได้เฮขึ้นดิวิชัน 1 สมใจ แต่ความทรงจำตลอด 1 ปีจะคอยหล่อเลี้ยงและผลักดันให้แต่ละทีมกลับมาฝันเพื่อสู้ต่อในปีหน้าแน่นอน

ผมเดินออกมาจากสนาม แม้จะยังไม่ถึงคืนวันเพ็ญ แต่ดวงจันทร์เวลานี้ก็สวยเด่นเต็มดวงแล้ว อีกไม่กี่คืนข้างหน้า จันทราก็จะกลับไปเหลือเพียงเศษเสี้ยวดั่งเดิม ทิ้งความงดงามและสว่างไสวไว้เป็นแค่ความทรงจำ จากนั้นก็ให้เราฝันใฝ่ถึงพระจันทร์เต็มดวงอีกครั้ง วนเวียนเป็นวัฏจักรไป

ก็ความทรงจำและความฝันนี่เองไม่ใช่หรือ? ที่เป็นสิ่งหล่อเลี้ยงให้ชีวิตก้าวเดินไปข้างหน้าเสมอ




Create Date : 25 พฤศจิกายน 2553
Last Update : 25 พฤศจิกายน 2553 7:20:48 น.
Counter : 1763 Pageviews.

2 comments
  
สวัสดีครับ แวะมาทักทายครับ
โดย: MaFiaVza วันที่: 25 พฤศจิกายน 2553 เวลา:9:37:49 น.
  
วันนี้มาแต่เช้าเลยนะครับ ^ ^
จากคุณ : ChubbyGal
เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 53 09:12:00

เจ๋งค๊าบ
จากคุณ : คิงส์ เควิน
เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 53 09:19:42

ผมชอบสำนวนคุณมาก
จากคุณ : bluedracula
เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 53 09:19:45

ขอบคุณสำหรับพรีวิวดีๆครับ เห็นภาพมากๆ และขอบคุณเรื่องขอบสนามของคุณ baevi ด้วย

แฟนบอลฝรั่งใส่เสื้อเมืองทองคนนี้ ทำงานส่งข่าวไปให้กับเวปไทยลีกภาษาเยอรมัน ความรอบรู้ ต้องบอกว่ามากกว่าแฟนๆบอลไทยส่วนใหญ่ที่ผมเจอมา เพราะว่าเขาตระเวนดูไปเรื่อยๆ ทำให้เห็นพัฒนาการ ความแตกต่าง และ ข้อดีข้อเสียของแต่ละืทีม เขาไปดูสระบุรีบ่อยเพราะใกล้ จนทำไปทำมาเชียร์สระบุรีไปแล้ว 555 (แต่ยอมรับว่าสระบุรี เอฟซี เป็นทีมที่กองเชียร์ และเจ้าหน้าที่น่ารักน่าเชียร์จริงๆครับ)

ถาม จขกท เกี่ยวกับ ธาดา ทองท้วม ตอนนี้ฟอร์มเป็นไงบ้าง พอจะเ้ข็นกลับมาเล่น TPL ได้อยู่หรือเปล่า ชอบเด็กคนนี้นะ ตอนเล่น U-19 เมื่อหลายปีก่อน
จากคุณ : Ahura
เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 53 09:52:12
โดย: from pantip (baevi ) วันที่: 6 ธันวาคม 2553 เวลา:2:08:09 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Futbolreview.BlogGang.com

baevi
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]