สนามที่เคยทิ้งความฝันไว้ค้างคา

ลีกภูมิภาค ดิวิชัน 2 รอบแชมเปียนส์ลีก กลุ่ม B
12 ธ.ค.53 สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติบางมด
บางกอก เอฟซี 1-0 เลย ซิตี้


เช้าวันอาทิตย์เมื่อหลายปีก่อน...

รถบัสเก่า ๆ แต้มสีชมพู-ฟ้าแล่นออกจากแถวสะพานพุทธเพื่อไปยังสนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติบางมด โดยนำพานักฟุตบอลรุ่นอายุ 14 ปีของโรงเรียนไปแข่งขันรายการของกรุงเทพมหานคร

(อ้อ! ปัจจุบันรถคันนี้เก็บเข้ากรุไปแล้ว และมีรถโค้ชคันเอี่ยมมาทดแทน)

ไม่รู้ว่าฝ่ายจัดคิดยังไงเหมือนกันที่เลือกสังเวียนแข่งนัดนี้เป็นสนามกีฬาระดับมาตรฐานสนามนี้ ทั้ง ๆ ที่ทุกแม็ทช์ที่ผ่านมาจะได้ฟาดแข้งกันในสนามบอลที่เหมาะกับการ “เล่นกันเอง ดูกันเอง” มาก ๆ

(อ้อ! สนามนี้เมื่อปีก่อนใช้เป็นสังเวียนรอบชิงชนะเลิศของฟุตบอลรายการเดียวกันและรุ่นเดียวกันระหว่างโรงเรียนเทพศิรินทร์และโรงเรียนทวีธาภิเษกด้วย)

(อ้อ! “ปีก่อน” ที่ว่าคือปีก่อนของ “หลายปีก่อน” นะ)

(อ้อ! คนอ่านจะเข้าใจไหมนี่)

(อ้อ! แล้วจะวงเล็บและอ้อ! ไปอีกนานไหมนี่) :-P

วันนั้นเราแพ้อิสลามวิทยาลัยแห่งประเทศไทยไปแบบสู้ไม่ได้ 2-4 ก่อนจะจบเส้นทางถ้วยนี้แค่รอบนี้...รอบ 8 ทีมสุดท้ายที่แบ่งเป็น 2 สายและแข่งแบบพบกันหมด

สิริรวมแล้วปีนั้น “ตัวสำรองอดทน” อย่างผมได้ลงเล่นแค่ 4 นัด เป็นบอลกรุงเทพมหานคร 2 นัดและบอลกรมพละ 2 นัด โดยทั้ง 4 นัด สตาร์ทที่ม้านั่งสำรอง (ที่ความจริงแล้วไม่มีม้านั่งให้นั่งหรอก) ตลอด

ปิดเทอมใหญ่ หัวใจว้าวุ่นปีนั้น ผมคุยกับไอ้วุตตี้...เพื่อนซี้ในทีม (ที่เป็นตัวสำรองอดทนเหมือนกัน) ว่า

“คอยดูปีหน้า กูจะขยับมาเป็นโจ๊กเกอร์ของทีมให้ได้”

“โค้ชเค้าจำชื่อมึงได้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย” มันแกล้งเย้า

“ปีหน้า” ของผมจบลงด้วยการหิ้วชุดซ้อม (ซึ่งยังสะอาดเอี่ยม) ชุดเดิมกลับบ้านทุกวันเพราะผมทำได้แค่เกาะขอบรั้วสนามดูนักบอลรุ่น 16 ปี (ปีนั้นผมอายุ 15) ซ้อมกันโดยไม่กล้าแม้กระทั่งลงไปคัดตัว

ก็ตัวสำรองรุ่น 14 ปีอย่างผมจะเอาอะไรไปสู้นักบอลโค้กคัพจากทั่วประเทศที่โรงเรียนดึงตัวมาร่วมทีมได้ล่ะ...ผมคิดสั้น ๆ แค่นั้น

แต่เพราะยังฝันอยากเป็นนักบอลอยู่ (แบบไม่ค่อยเจียมตัวเลย) ผมจึงหาทางกลับเข้าสู่วงการอีกครั้งด้วยการหอบสตั๊ดไปคัดตัวทีมเขต 10 กรุงเทพฯที่จะเข้าแข่งกีฬาเยาวชนแห่งชาติ

ปีนั้นทีมเมืองหลวงเปิดคัดนักฟุตบอลที่สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติบางมดครับ โดยมี “โค้ชน้อย” บงการ พรหมผุยคุมทีม

ผมได้ลงคัดในทีมสุดท้ายเลยครับ ในตำแหน่งมิดฟิลด์ด้านซ้าย (ทั้ง ๆ ที่ถนัดมิดฟิลด์ตัวกลางมากกว่า)

ผมเล่นเป็นไรอัน กิ๊กส์เลยครับ

เลื้อยสะเด่า ยิงสะเด็ดน่ะหรอ?

เปล่าครับ...

ที่ว่า “กิ๊กส์” น่ะ...กิ๊กก๊อกครับ ^^!

“สัปดาห์หน้ามาคัดตัวอีกรอบนึงนะ” โค้ชประกาศกับทุกคนหลังคัดตัววันแรกเสร็จ

“สัปดาห์หน้า” ของผมคือการจับพลัดจับผลูเป็นพี่เลี้ยงประจำอัฒจันทร์แปรอักษรให้กับโรงเรียนในวันปิดจตุรมิตรครับ

ผมรักโรงเรียนขนาดนั้นเลย?

เปล่าหรอกมันก็แค่เหตุผลของคนช่างฝัน...แต่ขี้ขลาดและชอบหลอกตัวเองเท่านั้นเอง

“ถ้าไม่ติดภารกิจเพื่อโรงเรียนนะ กูอาจจะติดทีมเยาวชนเขต 10 ไปแล้วก็ได้”

ผมทิ้งความฝันในเกมลูกหนังไว้ค้างคาแค่นั้นในวันที่อภิสิทธิ์ อิ่มอำไภยนำโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนได้แชมป์จตุรมิตรอย่างยิ่งใหญ่




อ.ทองสุข สัมปหังสิต เฮดโค้ชบางกอก เอฟซีคุยกับเจ้าหน้าที่ทีม

ขุนพลวัยหนุ่มของบางกอก เอฟซีที่ส่วนใหญ่อายุอยู่ราว ๆ 20 วอร์มกันอย่างแข็งขัน

เลย ซิตี้ ผลงานไม่ดีดังคิด


ฟัง ๆ ดูแล้วสนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติบางมดบันทึกไว้แต่ความทรงจำที่ผิดหวังของผมนะ

แต่ผมก็รักสนามนี้เหลือเกินและคิดว่าหากทีมไหนเลือกใช้สนามเหย้าแห่งนี้...ผมจะเชียร์

ปีที่แล้วฟ้าส่งสมุทรปราการมาให้ผม...แล้วก็พรากจากไป ก่อนจะส่งบางกอก เอฟซีมาแทนในปีนี้

ตอนแรกผมทำตัวเป็นพระเอกละครไทยเด๊ะ ๆ เลย...หูเบา ฟังคนนั้น คนนี้ด่าทีมบางกอก เอฟซีอย่างโน้น อย่างนี้ก็เลยไม่คิดเชียร์

แต่พอตั้งสติคิด ติดตามข่าวสารเรื่อย ๆ ผมค่อย ๆ ให้ความสนใจ “กระทิงเหล็ก” ทีมนี้เรื่อย ๆ

คิดจะมาดูก่อนหน้านี้หลายหน แต่ก็ติดภารกิจทุกครั้ง จนฤกษ์งามยามดีใกล้จบฤดูกาลนี่แหละถึงเพิ่งมีโอกาส

วันนี้บางกอก เอฟซีเปิดบ้านต้อนรับเลย ซิตี้ที่นำทัพมาโดย “โค้ชจิ๋ว” อภิสิทธิ์ อิ่มอำไภย...อดีตแชมป์จตุรมิตรคนนั้น

หากยังต้องการรักษาความหวังในการเลื่อนชั้นไปเล่นดิวิชัน 1 ด้วยโควต้าเพลย์ออฟ อ.ทองสุข สัมปหังสิตต้องนำทีมชนะเท่านั้น!

ก่อนแข่งก็เหมือนฟ้าจะเป็นใจเมื่อ “เจ้าของสนามแห่งนี้เมื่อปีก่อน” สมุทรปราการทำได้แค่เสมอระยองแบบโนสกอร์ แต้มสะสมจึงยังไม่ไกลห่างเกินบางกอก เอฟซีจะไขว่คว้าได้

“ปีนี้ความจริงก็ไม่ได้หวังว่าจะได้เล่นรอบแชมเปียนส์ลีกด้วยซ้ำ ตัวผู้เล่นที่ใช้ก็เตรียมตัวแค่ 2 สัปดาห์ก่อนแข่ง แต่พอมาถึงขั้นนี้แล้วก็อยากจะหวังนะ แต่ประสบการณ์ยังเทียบทีมอื่นไม่ได้ ทีเด็ดทีขาดก็แพ้เค้า เกมเราดีทุกแม็ทช์เลยนะ แต่สกอร์ไม่ได้ ไม่ว่าจะกับระยอง, ภูเก็ต, สมุทรปราการ...ควรจะมีสกอร์ทั้งนั้น แต่ไม่ได้” โค้ชคนเก่งของกระทิงเหล็กเผยใจ

วันนี้อดีตโค้ชการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจัดทัพในระบบมาตรฐาน 4-4-2 วางกิตติ สุริเจย์เป็นผู้รักษาประตู ไลน์ดีเฟนซ์จากขวามาซ้ายประกอบไปด้วยเอกสิทธิ์ ฉาวบุตร, ณัฐพงษ์ จุมลี, ธุวนันทิวัฒน์ ภาคภูมิและเฉลิมเกียรติ บุญเนตร

แดนกลางมีจิรัฏฐ์ กิ่งกรดกลาง กัปตันทีมนำทัพ มีมุสซา ดูนบูย่าประคองหลังให้ ใช้ซามวล ควาคูและเสมอภาค ศรีนนท์ทำเกมทางริมเส้นขวา-ซ้ายตามลำดับ

คู่หน้าใช้ศรัทธา เจ๊ะสูยืนคู่กับเอเก อึมบาห์




โฉมหน้านักเตะทีม "กระทิงเหล็ก" เจ้าบ้าน

กองเชียร์ "บูล อาร์มี่" ที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน


ส่วนเลย ซิตี้ ซึ่งอกหักจากปีก่อน ปีนี้หลาย ๆ คนเลยยกให้เป็นตัวเก็ง แต่เล่นไปเล่นมากลายเป็นตัว “เกร็ง” ไปซะ ทำผลงานได้น่าผิดหวังจริง ๆ

เจ้าโตโร่ ณัฐภัทร สมศรี ดาวซัลโวประจำทีมวิเคราะห์สาเหตุของความย่ำแย่ว่า

“ไม่แน่ใจนะว่าเพราะอะไร อาจจะเป็นตัวผู้เล่นที่เจ็บบ้าง แบนบ้าง แล้วนักเตะหลายคนออกจากทีมไปแล้วด้วย กว่าจะตามมาร่วมกันใหม่ได้...แล้วก็อาจจะมีการปรับเปลี่ยนโค้ชด้วย ทั้งหมดนี้เลยทำให้ยืนระยะไม่ได้เหมือนตอนรอบคัดเลือกมั้งครับ”

อ้อ! (ยังจะ “อ้อ!” อีก) “นักเตะหลายคนที่ออกจากทีมไปแล้ว” น่ะ หมายถึงเจ้าโตโร่นัมเบอร์ 27 คนนี้ด้วยนะเพราะปีหน้าเขาจะรับบทบาทล่าตาข่ายให้กับหนองคาย เอฟทีนั่นเอง

ในขณะที่โค้ชอย่างอภิสิทธิ์ อิ่มอำไภยนั้น เขามองสาเหตุของเรื่องนี้ว่า “ผมคิดว่าน่าจะมาจากการเตรียมที่จะแข่งในรอบนี้รวมทั้งการวางแผนที่มีน้อย แล้วมีหลาย ๆ เคสที่มีปัญหาด้วย อย่างบางคนหมดสัญญาก็ไปเซ็นกับทีมอื่นแล้ว การมาฝึกซ้อมกับทีมก็เลยน้อย ความเป็นทีมก็เลยไม่มี แล้วตัวที่ยังอยู่หรือเด็กที่ขึ้นมาแทนนั้นก็แทนกันไม่ได้หรอก เนื่องจากช่วงก่อนหน้านี้เขาไม่ค่อยได้โอกาสได้ลง พอมาถึงเกมจริงก็ทำได้แค่ระดับนึงเท่านั้น”

เดินหน้าคว้าแชมป์โซนตะวันออกเฉียงเหนือพร้อมกับถีบบุรีรัมย์หล่นไปเป็นเบอร์ 2 ได้ ดูแล้วช่างสวยงาม เป็นความสำเร็จที่หอมหวลเหลือเกิน แต่ลึก ๆ ใครจะไปรู้ล่ะว่ามันก็แค่ “Loey Beauty” เท่านั้นเอง

หากใครเคยดูหนังระดับรางวัลเรื่อง “American Beauty” จะเข้าใจความหมายที่ผมเขียนถึง...ความสวยงามที่เป็นแค่เพียงภาพภายนอก แต่ข้างในช่างแหลกเหลวสิ้นดี

“การเปลี่ยนโค้ชให้ผมเข้ามาทำทีมแทนนั้น...มันก็ดีขึ้นมานิดนึง...แต่ไม่มีผลมากหรอก เพราะพื้นฐานก่อนหน้านี้ เด็กมันฟรีกันมาก ใครจะมาซ้อมก็มา ผมมาที่นี่ก็มาจัดให้พวกเค้ารู้ว่ามันต้องมาซ้อมบอล มันต้องมาฝึกหัดนะ ก่อนหน้านี้ทีมเลยยังไม่มีตรงนี้เลย แล้วในทีมยังมีปัญหาหลายอย่าง พอมีปัญหาหลายคนก็ไม่มา วันนี้กิษฐชัยก็ไม่มา นี่ยังดีนะนี่ ตอนแรกเกือบจะมาแค่ 11 คนแล้ว” โค้ชจิ๋วรำพัน

ถึงจะมีปัญหาอย่างไร แต่เมื่อมาสังเวียนแข่งแล้ว มันก็ต้องเต็มที่นั่นแหละ 11 นักเตะ “ผีตาโขนออกศึก” ในระบบ 4-4-2 มีวิชิตชัย รักษา ผู้รักษาประตูจอมหนึบสวมปลอกแขนกัปตันทีมลงเฝ้าเสา แผงหลังจากขวามาซ้ายมีทรงวุฒิ ศรีบุรินทร์, เรย์มอนด์ อาตานญา, นัฐพล ธนาภรณ์และจักรพงษ์ แก้วเกียรติชัย

แดนกลางนั้นคุมทัพโดยวิลลี ดิโปโกและอลงกรณ์ จรนาทอง ใช้อดิศักดิ์ สุดทะเสนเลื้อยทางขวา โยกณัฐภัทร สมศรีเล่นทางซ้าย ส่วนคู่หน้าเป็น “ทีเจ” อาโยยินก้า อาคีบและวรวุธ พินิจมนตรี




4 กระทิงสาวเดินนำนักเตะทั้งสองทีมลงสนาม

ศึกหนีท้ายตารางระหว่าง "กระทิงเหล็ก" และ "ผีตาโขน"

จิรัฎฐ์ กัปตันทีมบางกอก เอฟซีจับมือกับวิชิตชัย กัปตันทีมเลย ซิตี้


“กระทิงเหล็ก” เจ้าบ้านเปิดฉากไล่ขย่มทีมเยือนตั้งแต่เริ่มเกมเลย ตามประสาเจ้าบ้านที่ดี แต่พอเลย ซิตี้จับจังหวะได้ก็เปิดเกมแลกอย่างสนุกสนาน ทีมเยือนเล่นเหมือนไม่มีปัญหาเยอะแยะหยุมหยิมภายในทีมอย่างที่คนเป็นโค้ชบ่นเลยสักนิด

เอเก ศูนย์หน้าร่างโย่งของเจ้าบ้านได้โอกาสโหม่งก่อนในนาทีที่ 10 แต่ยังจูนไม่เข้าเป้า โด่งข้ามคานไป

“โตโรมาเล่นด้านขวาสิ” อภิสิทธิ์สั่งการศูนย์หน้าคนเก่ง แล้วก็ได้ผลเมื่อดาวซัลโวประจำทีมคนนี้ลากเลาะจากขวาก่อนจะสับไกยิง ดีที่กิตติเซฟไว้ได้

เจ้าบ้านอาศัยเกมด้านข้างโจมตีคู่แข่ง โดยมีคู่หน้าที่สไตล์แตกต่างกันคอยป่วน ศรัทธาเร็วและคล่อง ส่วนเอเกใหญ่และแกร่ง

ในขณะที่ทีมเยือนนอกจากความเร็วของเจ้าโตโร่แล้ว อลงกรณ์ยังเป็นมิดฟิลด์ที่น่าจับตามองมาก คล่องและเทคนิคดี

นาทีที่ 18 เอเกโดดโฉบมาโหม่งลูกคอร์เนอร์ แต่ก็ยังไม่ตรงเป้าอีก

ห้านาทีต่อมา ศรัทธาเปิดให้เอเกโหม่งชนเสา ลูกขลุกขลิกไปมาก่อนที่ควาคูจะซ้ำเข้าหน้าต่าง

เกมผ่านไปครึ่งชั่วโมง จู่ ๆ ก็ไฟดับ ทำเอาแฟน ๆ ทีมเยือนได้ทีเยาะเย้ยกลับเพราะก่อนแข่งเหล่า “บูล อาร์มี่” ดันตะโกนลั่นว่า

“มาแข่งที่นี่ ไฟไม่ดับ!”

นั่นเป็นเพราะเกมแรกที่เจอกันที่เลยนั้น เกิดเหตุการณ์ไฟดับนั่นเอง

ไฟดับกินเวลา 14 นาทีก็แข่งต่อได้ โดยช่วง 15 นาทีสุดท้ายของครึ่งแรกนั้น ทั้งสองทีมเปิดเกมแลกกันอย่างสนุก แต่จังหวะจบไม่เฉียบกันเองจึงเสมอกันไป 0-0 เมื่อจบครึ่งแรก

พักครึ่งระหว่างที่หาอะไรกินรองท้อง ผมได้ยินแฟน ๆ เจ้าบ้านคุยกันอย่างออกรส

“ไม่ออก...ยังไงก็ไม่ออก”

เพราะคุยกันอยู่หน้าห้องน้ำ ผมจึงเข้าใจเอาเองว่าอาจจะเป็นเรื่อง...อึ พี่เขาคงท้องผุมั้ง

แต่พอได้ฟังต่ออีกนิด ผมก็ได้รู้ว่า “อึ” หน้าตาเป็นยังไง?

“ฟังให้สัมภาษณ์แล้ว แม่งปัดให้พ้นผิดอย่างเดียว”

ฟิ้ว...ไปดูเกมในครึ่งหลังต่อดีกว่า




อลงกรณ์ยิงฟรีคิกไปติดกำแพงเจ้าบ้าน

จังหวะล็อกแล้วยิงของเจ้าโตโร่

เอเกโฉบมาโหม่งแต่ไม่ตรงกรอบ

อ.ทองสุขติวเข้มลูกทีม

ทรงวุฒิเปิดฟรีคิกเข้าไปลุ้น

วิชิตชัยเหวอ แต่โชคดีไม่เสียประตู


เลย ซิตี้ทีมเยือนมีการปรับทัพในแนวรุกใหม่ โยกเจ้าโตโร่กลับมายืนตัวเป้าเหมือนเดิม สลับวรวุธไปเล่นด้านข้างแทน

เกมยังคงสนุก กองเชียร์เจ้าบ้านที่แรกเริ่มตอนเปิดฤดูกาลยังแทบจะไม่มีใครเลยก็เชียร์กันสนุก ทั้งลีดเดอร์สาว (เหลือ) น้อย และเหล่ากระทิงสาว

แค่สิบนาทีเท่านั้น เลย ซิตี้ก็เริ่มปรับทัพใหม่โดยส่งสุริยกานต์ ฉิมจีนลงไปแทนอดิศักดิ์

เกมผ่านหนึ่งชั่วโมงไปแล้ว บางกอก เอฟซีเริ่มเร่งเกมขึ้นเรื่อย ๆ และก็ได้กดดันทีมเยือนติด ๆ กัน 4-5 จังหวะทั้งการสับไกมุมแคบของเฉลิมเกียรติ, ลูกโหม่งของเอเกที่วิชิตชัยเซฟและอีกครั้งที่เอเกได้โหม่ง แต่ไปติดแนวรับเลย ซิตี้บนเส้นประตู ฯลฯ

นาทีที่ 66 ผีตาโขนมีการปรับทัพอีกครั้ง ส่งวรยศ แสกรุงลงมาแทนทรงวุฒิ

สามนาทีต่อมา อ.ทองสุขทิ้งไพ่เด็ด ส่งกรวุฒิ แสงโพธิ์ ศูนย์หน้าร่างบึกลงมาแทนเสมอภาค แล้วโยกศรัทธาไปใช้ความเร็วให้เป็นประโยชน์ตรงริมเส้นซ้ายแทน ซึ่งมันก็ได้ผลในนาทีที่ 75 เมื่อศรัทธาลากบอลขึ้นมาทางกราบซ้ายก่อนจะตักข้ามฟากมาให้เอเกโถมโขกคนเดียวเหน่ง ๆ...ผลน่ะหรอ

กองเชียร์บูล อาร์มีได้เฮกันสุดเสียง สกอร์บอร์ดขยับเป็นบางกอก เอฟซี 1-0 เลย ซิตี้!

หลังเสียประตูเลย ซิตี้เปลี่ยนตัวอีกครั้ง ส่งธนชัย หอมขจรลงมาแทนทีเจที่ดูแผ่วลงไป

แม้จะนำอยู่ แต่กระทิงเหล็กทีมนี้เล่นบอลเหมือนกระทิงเลย ไล่ขวิดทีมเยือนอย่างไม่มีกลัว จนช่วงท้ายเกมอ.ทองสุขต้องออกมาปรามด้วยเสียงดุ ๆ

“2 นาทีจะหมดเวลาแล้ว มึงจะรีบเล่นไปทำไม?”

ว่าแล้ว โค้ชคนเก่งก็ทำการผ่อนเกมให้ช้าลงด้วยการใช้โควต้าตัวสำรองที่เหลืออยู่ 2 โควต้าจนหมดในช่วงทดเวลาเจ็บ 4 นาที ด้วยการส่งธราวุฒิ บุญช่วยเหลือลงไปแทนเอเกก่อน จากนั้นก็ส่งภูวนาท แสงศรีลงมาแทนศรัทธาในแทบจะนาทีสุดท้ายอยู่แล้ว

แม้เลยจะพยายามบุกตีเสมอ แต่จังหวะซัดจะ ๆ กลายเป็นของเจ้าบ้าน เมื่อแบ็กขวาอย่างเอกสิทธิ์หลุดขึ้นมาซัดเองเต็ม ๆ ดีที่วิชิตชัยเซฟไว้ได้

สิ้นเสียงนกหวีดยาวของผู้ตัดสิน บางกอก เอฟซีจึงเป็นฝ่ายเก็บชัยชนะได้เป็นครั้งแรกในรอบแชมเปียนส์ลีกนี้ ด้วยผล 1-0 พร้อมกับขยับขึ้นไปอยู่อันดับ 5 ถีบเลย ซิตี้หล่นไปอยู่ท้ายตารางแทน




คุณศักดา ปานสุดเป่านกหวีดเปิดเกมครึ่งหลัง

ณัฐภัทรโยกหลอกคู่แข่ง

อีกจังหวะที่เจ้าโตโร่พยายามหนีนักเตะคนเดิม

ณัฐพงษ์ดักลูกโหม่งก่อนที่ณัฐภัทรจะได้เล่น

ลูกโขกของเอเกลูกนี้ถูกสกัดไว้ที่เส้นประตู

อ.ทองสุขติวเข้มกรวุฒิ ก่อนส่งลงสนาม

เอเกเฮฮาหลังโขกขึ้นนำ

เฉลิมเกียรติซัดฟรีคิก

ช่วงท้ายเกม เอกสิทธิ์หลุดเข้าไปยิง แต่วิชิตชัยเซฟได้สวย


“จริง ๆ แล้ววันนี้เราน่าจะได้หลายประตูนะ แต่ว่าจังหวะของฟุตบอลและความมุ่งมั่นของเด็กมันทำให้เออเรอร์ไปหน่อย รับส่งกันผิดพลาดง่าย ๆ วันนี้จะว่าไป...ตอนแรก...ยังคิดว่าอาจจะไม่ได้ประตูด้วยซ้ำเพราะเรายิงชนเสา ชนคานไปสองลูก ชนะได้ก็ทำให้เรามีความหวังขึ้นไปอีกนิดนึง” อ.ทองสุขพูดไปยิ้มไป

ในขณะที่อภิสิทธิ์นั้นพูดด้วยน้ำเสียงเนือย ๆ ว่า “เกมวันนี้...ตามสภาพเพราะเด็กป่วย เด็กเจ็บ เด็กแบน ตัวผู้เล่นเราน้อยด้วย ต้องจับตัวสำรองลงไปช่วยแก้ปัญหา”

ส่วนดาวซัลโวประจำทีมอย่างณัฐภัทรดูจะมองโลกในแง่ดีกว่า “เกมวันนี้เราเล่นดีนะ เราวางแผนมาดี แต่เสียเปรียบที่มาเล่นบ้านเค้า แล้วนักเตะเราล้า ทั้งแบน ทั้งอะไร ต้องใช้น้อง ๆ ที่จะผลักดันขึ้นมาเล่นในทีมต่อไปมาช่วย แล้วเราก็ล้าจากการเดินทางด้วยเพราะเดินทางมาเมื่อเช้านี่เอง”

ตารางอัพเดทล่าสุดนั้นบอกว่าบางกอก เอฟซีมี 6 แต้ม ห่างจากสมุทรปราการ ทีมอันดับ 4 อยู่ 4 แต้ม ในขณะที่เลย ซิตี้นั้น แต้มยังตรึงอยู่ที 5 เท่าเดิม ตามทฤษฎีแล้วยังมีโอกาสลุ้นเพลย์ออฟทั้งสองทีมนั่นแหละ

แต่ 1 แต้มที่ทั้งคู่ห่างกันนั้นกลับดูไกลราวกับดวงจันทร์และก้อนหิน...และก้อนหินก้อนนี้ไม่ละเมอแบบวงโซล อาฟเตอร์ ซิกซะด้วย

“ผมว่ายาก...เพลย์ออฟก็ไม่หวังแล้วเพราะสภาพทีมเราไม่พร้อม หลายคนก็มีปัญหาส่วนตัวเยอะ อยากฝากบอกแฟนเลยด้วยว่ามันทำได้แค่นี้แหละ มันไม่ใช่เด็กไม่สู้ แต่สภาพเด็กมันมีแค่นี้ มาได้แค่นี้ก็บุญแล้ว” โค้ชจิ๋วยอมรับ

“เรายังหวังเพลย์ออฟอยู่นะ ต้องชนะสมุทรปราการให้ได้ แล้วก็ต้องออกไปชนะชัยนาท ต้องทำตรงนี้ให้ได้...” เฮดโค้ชคนเก่งของชาวกระทิงเหล็กเอ่ยแบบเปี่ยมไปด้วยความหวังและความฝัน

เป็นเวลา 2 ปีแล้วที่เลย ซิตี้มาถึงรอบนี้ แต่ก็ต้องกลับไปเริ่มต้นที่รอบภูมิภาคอีกครั้ง

ปีที่แล้วพวกเขาก็เคยมาเยือนสนามแห่งนี้ พร้อมกับทิ้งความฝันไว้ค้างคา ปีหน้าแน่นอนว่าพวกเขาก็ยังเป็นทีมเต็งอีกนั่นแหละ...และสำหรับชาวชงโคสีม่วง ศึกร้อยเอ็ด ยูไนเต็ด-เลย ซิตี้ นอกจากจะเป็นการวัดกันของทีมเต็งอันดับต้น ๆ ของโซนอีสานแล้ว นี่ยังจะเป็นแม็ทช์ดวลกึ๋นกันของคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟชุดแชมป์จตุรมิตรชุดนั้นด้วย จักราช โทนหงสาแห่งกระรอกขาวและอภิสิทธิ์แห่งผีตาโขน

ทว่า...โค้ชจิ๋วกลับไม่คิดเก็บเศษซากแห่งความฝันของชาวเลยมาถักทอต่อ

“ผมขอพูดตรงนี้เลยว่า...ขอลาออก ตั้งแต่วันนี้ผมไม่มาทำแล้ว ผมไม่กลับไปเลยแล้วเพราะดู ๆ แล้วทีมมันเดินยาก มันอยู่ที่เด็กด้วย เด็กต้องมาซ้อม ต้องมีระเบียบมากกว่านี้ ไม่งั้นมีปัญหา ปัญหาทีมเราเยอะมาก แต่กองเชียร์ไม่เข้าใจเรา มันทำให้ผมปวดหัว ซึ่งความจริงก็จะออกตั้งนานแล้ว” โค้ชจิ๋วโพล่งความในใจออกมา




กองเชียร์บูล อาร์มี่เฮสุดเสียงหลังทีมรักเก็บ 3 แต้มสำเร็จ

โค้ชจิ๋วคุยกับโค้ชทองหลังจบเกม

อ.ทองสุขทักทายดาวซัลโวคู่แข่ง


ไม่ใช่แค่เฮดโค้ชเท่านั้น ดาวเตะหลาย ๆ ก็พร้อมจรลีจาก...ทิ้งความฝันที่ล่มสลายของเลย ซิตี้ไว้เบื้องหลัง หนึ่งในนั้นก็...”เจ้าโตโร่” ณัฐภัทร สมศรี ดาวซัลโวพระกาฬชาวอุดรฯนั่นแหละ

“ผมเซ็นหนองคาย เอฟทีไปแล้ว เพราะอยากจะช่วยผลักดันทีมเล็ก ๆ ให้ขึ้นมา แล้วหนองคายก็มีภาษีดีกว่าด้วย นี่ไม่ได้พูดชมทีมที่ผมจะไปเล่นด้วยนะ แต่หนองคายมีระบบการจัดการที่ดี นักเตะมีการเตรียมตัวฝึกซ้อมกันมาประมาณ 3 เดือนเต็มแล้ว โดยปีหน้าเราจะได้นักเตะทีมชาติลาวที่ไปเล่นซูซูกิคัพ มาร่วมทีม 4 คนด้วย มีการดึงนักเตะจากกทม.มาช่วยเยอะด้วย แล้วก็ยังมีนักเตะจากเลย ซิตี้อีก 2-3 ตัว ซึ่งยังไม่เปิดเผยว่าเป็นใครเพราะยังไม่ได้คุยกันเรื่องสัญญา ผู้บริหารของทีมตั้งเป้าไว้แล้วว่าหนองคายจะต้องเป็นแชมป์หรืออย่างน้อยต้องได้เล่นแชมเปี้ยนส์ลีก...”

ความฝันที่หลุดลอยในวันนี้...ไม่แน่ว่าณัฐภัทรอาจจะตามหาเจอที่หนองคายก็เป็นได้ ส่วนกับเลยนั้น...

“ก็จะคิดถึงเลยต่อไปนะ...เพราะเป็นทีมที่ทำให้ผมมีชื่อเสียงขึ้นมาจากเด็กบ้านนอกคนนึง ผมจะจำไว้ว่าครั้งนึงผมเคยสร้างผลงานได้ดีที่นี่...”

หันไปที่ปีกแห่งความฝันอีกข้างของสนามบางมด เกมตัดสินชะตาของบางกอก เอฟซีก็คือวันอาทิตย์หน้า ที่พวกเขาต้องเปิดบ้านรับ “เจ้าของบ้านเดิม” สมุทรปราการ หากชนะไม่ได้...ทุกอย่างจบ เริ่มกันใหม่ปีหน้า แต่ถ้าทำได้ ชาวกระทิงเหล็กก็ยังมีด่านใหญ่ให้ต้องฟันฝ่า นั่นก็คือการปีนเขาพลองเพื่อสยบชัยนาทให้ได้

แม้จะเป็นงานที่แสนสาหัส แต่เชื่อเถอะว่าทีมสีส้มทีมนี้จะไม่ยอมทิ้งความฝันไปแน่นอน

หากอยากให้ฝันเป็นจริง...มันก็ต้องสู้ ไม่ใช่หนี แล้วหาข้ออ้างไปเรื่อยเปื่อย

และถ้าทำไม่สำเร็จล่ะ?

มันก็ต้องสู้ต่อไงล่ะ!

“ไม่ต้องห่วง ผมยังจะทำทีมนี้ต่อแน่นอน ผมจะสร้างเด็กชุดนี้ต่อไป ปีนี้เราใช้เด็กใหม่ ๆ เยอะมาก ก็ต้องค่อย ๆ สร้างเสริมประสบการณ์ให้เด็กไปเรื่อย ๆ ปีหน้าก็ต้องมีอะไรมาเสริมเพิ่มอีก...ส่วนเรื่องเลื่อนชั้นนั้น ถ้าไม่ได้ปีนี้ ผมหวังว่าจะได้เลื่อนชั้นปีหน้าเลย...” อ.ทองสุขประกาศ

สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติบางมดจะเป็นสนามที่บางกอก เอฟซีทิ้งความฝันไว้ค้างคาตั้งแต่นัดหน้าหรือเปล่า? ไม่มีใครรู้...ที่รู้คือพวกเขาพร้อมจะสานฝันนี้ต่อไปและต่อไป

ผมเดินออกจากสนามแห่งนี้ก็ 2 ทุ่มครึ่งแล้ว ความฝันที่ผมเคยทิ้งไว้ค้างคาก็ยังอยู่บนพื้นหญ้าเขียวขจีนั้นต่อไป...ฝันในตอนนี้ของผมมีแค่หน้ากระดาษที่ผมจะร่ายมนต์ตัวอักษรให้น่าตื่นตายิ่งกว่าไรอัน กิ๊กส์ในวัยนั้นร่ายเวทบนผืนหญ้าซะอีก

และแน่นอน

ผมสัญญาว่า

จะเอาใจช่วยไม่ให้ “กระทิงเหล็ก” ตัวนี้ ทิ้งความฝันไว้ค้างคา...

บนสนามแห่งนี้เหมือนดั่งผม




Create Date : 14 ธันวาคม 2553
Last Update : 31 ธันวาคม 2555 12:19:55 น.
Counter : 1491 Pageviews.

1 comments
  
ชอบมากบทความนี้ เหมือนอ่านสารคดี ดูคนค้นคน เปลี่ยนมาเป็นนักข่าวเหอะไอ้น้อง
โดย: บางมดบ้านผม IP: 202.44.8.100 วันที่: 14 ธันวาคม 2553 เวลา:12:36:49 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Futbolreview.BlogGang.com

baevi
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]