ลีกภูมิภาค ดิวิชัน 2 โซนกรุงเทพฯและปริมณฑล
21 ก.พ. 53 สนามเทพหัสดิน
บีซีซี เอฟ.ซี. 1-3 ม.รังสิต-เจดับลิว เอฟ.ซี.
เย็น ๆ เดือนกุมภาฯแบบนี้ ไม่มีอะไรสุขใจเท่ากับการกดรีโมทไปที่ช่อง 7 สี ทีวีเพื่อคุณเพื่อดูถ่ายทอดสดฟุตบอลอีกแล้ว
อะไรนะ? ฟรีทีวีเมืองไทยนี่นะถ่ายทอดสดฟุตบอลตอนเย็น ๆ O_O
ผมหมายถึงเมื่อปี 33 ครับ และฟุตบอลที่ผมพูดถึงก็คือแม็ทช์ชิงชนะเลิศโค้กคัพ รอบชิงแชมป์ประเทศไทย ซึ่ง 2 สิงห์อีสานอย่างร้อยเอ็ดกับบุรีรัมย์ที่เข้ามาชิงกันเอง
ประทับใจนักเตะหมายเลข 5 ของบุรีรัมย์ในเสื้อสีแดงมาก ๆ เดือนแห่งความรักแบบนี้...อากาศไม่หนาวจนต้องใส่เสื้อแขนยาว แล้วแดดตอนเย็น ๆ ก็ไม่ร้อนจนต้องใส่เสื้อแขนยาวเช่นกัน แต่หนุ่มน้อยคนนี้ใส่!
แถมยังใส่กางเกงรัดต้นขาสีดำซึ่งฮิตมาก ๆ ในสมัยนั้น ถ้าจำไม่ผิด...จอห์น บาร์นส์ ปีกนิลกาฬแห่งลิเวอร์พูลจะเป็นผู้นำแฟชันนี้ (เอ๊ะ! หรือว่าเป็นเดวิด แพลท)
หมายเลข 5 บุรีรัมย์ลงเล่นเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟ แถมยังมีผ้าคาดหน้าผากสีขาวซะด้วย ทำให้ผมนึกถึงสตีฟ ฟอสเตอร์ ปราการหลังจอมบึ้กแห่งลูตัน ทาวน์ สมัยที่เคนิลเวิร์ธ โร้ดยังเป็นหญ้าเทียมสำหรับใช้ปราบทีมดัง ๆ อย่างลิเวอร์พูลมาแล้ว
ผมบอกยังครับว่าเจ้าหนุ่มที่ผมพูดถึงคือณัฐวุฒิ เข็มทิศซึ่งโชว์ฟอร์มโดดเด่นมาก ทำให้ปีการศึกษาต่อมาได้เข้ามาศึกษาต่อในรั้วชงโคสีม่วง กรุงเทพคริสเตียน
ปี 34 ณัฐวุฒิพากรุงเทพคริสเตียนเป็นแชมป์จตุรมิตรได้สำเร็จ...และหลังจากนั้น ทีมม่วง-ทองก็กลายเป็นมหาอำนาจลูกหนังนักเรียนต่อไปอีกหลายปี
บอร์ดรายชื่อนักเตะและหน้าตาของทีมบีซีซี เอฟ.ซี.
แฟน ๆ ทีมสีม่วงมาสมัครเป็นสมาชิกกันมากมาย
ส่วนมุมนี้มุมขายของที่ระลึก โชว์ออกมาสิว่าจะสนับสนุนทีมได้แค่ไหนอืม! ก่อนจะไปถึงตอนนั้น ผมขอ l<< REW กลับไปที่ปี 33 อีกครั้ง...ก็เค้ากำลังจะเปิดตัวตัวละครใหม่ที่จะมีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้นี่หน่า
ความจริงณัฐวุฒิไม่ได้อยากแต่งตัวแนว ๆ แบบที่ผมบรรยายมาหรอกครับ แต่พอทัวร์นาเมนท์เริ่ม เจ้าตัวก็ดันเป็นโรคอีสุกอีใสพอดี ซึ่งพอถึงวันชิง เม็ดใส ๆ แดง ๆ ก็เริ่มตกสะเก็ด โค้ชบุรีรัมย์จึงสามารถส่งนักเตะที่เล่นได้ดีทั้งกองหลัง-กลาง-หน้าคนนี้ลงได้ แต่มีข้อแม้ว่าต้องแต่งตัวซะมิดชิดอย่างนั้น
ปีเดียวกันนั้นทีมเยาวชนไทย 16 ปีมีคิวต้องเตะรอบคัดเลือกฟุตบอลเยาวชนโลก โซนเอเชีย ว่ากันตามหลักการแล้ว โค้กคัพซึ่งเป็นทัวร์นาเมนท์ที่รวบรวมนักเตะฝีเท้าดีอายุ 16 ปีมาจากทั่วประเทศ ดาวเด่นในรายการนี้น่าจะพาเหรดกันติดทีมชาติใช่ไหมครับ?
แต่ตอนนั้นผมมองโลกในแง่ดีเกินไป เพราะในความเป็นจริง ดาวเด่นบุรีรัมย์อย่างณัฐวุฒิเป็นหนึ่งในไม่กี่คนจากโค้กคัพที่ติดทีมชาติไทย นอกนั้นมาจากไหนก็ไม่รู้? (มารู้ตอนหลังว่าเพิ่งออกจากอำเภอร้อน ๆ เลย เพื่อเข้าไปเปลี่ยนปีเกิด --")
นักเตะที่ผมจำได้คือศูนย์หน้าที่ชื่อว่านพพร เอกศาสตราและมักจะจำเป็นแพ็กเกจคู่ไปกับคู่หูในแดนหน้าอีกคนอย่างสุวัชร์ วงษ์จิตราทรด้วย (อาจจะเพราะนามสกุลมีคำว่า ตรา เหมือนกัน ^^)
อ้อ! จำกองกลางได้อีกคนหนึ่ง ตอนนั้นมิดฟิลด์จากสถาบันพลศึกษา ชลบุรีคนนี้ยังโนเนมเอามาก ๆ แต่ปัจจุบัน...ไม่มีแฟนบอลไทยคนไหนไม่รู้จักเขา...ดุสิต เฉลิมแสน!
ความจริงจะเปิดตัวนพพรคนเดียวนะนี่ ไหงเถลไถลไปถึงคนอื่นได้ ปัจจุบันนพพร (ที่ไม่ใช่กูรูดังในหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ^^!) เป็นเฮดโค้ชของบีซีซี เอฟ.ซี. ทีมลูกหนังแห่งความภาคภูมิใจของชาวกรุงเทพคริสเตียนในระดับดิวิชัน 2 พอป๊ะหน้ากัน ผมถามเขาแบบเว้ากันซื่อ ๆ เลยว่า
ตอนนั้น พี่โกงกี่ปีอ่ะ?
นอกจากจะไม่โดนเตะแล้ว อดีตศูนย์หน้าทีมชาติไทยรุ่น 16 ปียังตอบกลับมาแบบซื่อ ๆ เหมือนกันว่า
สองปีครับ
ความจริงนพพรไม่ได้โกงอายุเองหรอก แต่เป็นสมาคมฟุต...อุ๊บส์! ไม่เอ๊า ไม่พูด รีบสวมวิญญาณจตุรงค์ ม๊กจ๊กดีกว่า
กองเชียร์บีซีซีมากันหนาแน่น
ข้างสนามยังมีสาว ๆ Cheer Girls ที่พร้อมมอบกำลังใจให้ด้วย
โฉมหน้าชัด ๆ สวย ๆ ของสาว ๆอืม! ถ้าทนอ่านมาถึงตรงนี้ได้ ผมอยากบอกว่าที่ผ่านมา ผมเขียนได้เถลไถลมาก เอาล่ะ จะเริ่มเข้าเรื่องหล่ะนะ...
หลังเหตุการณ์ ศุภชลาศัยวิปโยค ที่ผมขอสวมวิญญาณจตุรงค์ ม๊กจ๊กอีกครั้ง (เพราะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์) วันต่อมา ผมเดินทางมาดูบอลที่สนามเทพหัสดินเพื่อยลฟอร์มบีซีซี เอฟ.ซี.ซะหน่อย
โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนเริ่มผงาดในวงการลูกหนังนักเรียนครั้งแรกเมื่อประมาณปี 34 (ที่มีณัฐวุฒิ เข็มทิศเป็นสตาร์ของทีมนั่นแหละ) ขณะเดียวกันพวกเขาก็ก่อสร้างสโมสรเพื่อส่งแข่งถ้วยต่าง ๆ ของสมาคมฟุตบอลฯเช่นกัน (อันนี้พูดชื่อสมาคมได้แล้ว ^^)
จุดพีคสุด ๆ ของทีมชงโคสีม่วงก็คือปี 2545 ที่ทีมสามารถผผงาดขึ้นสู่ไทยลีก ลีกสูงสุดของประเทศไทยได้สำเร็จหลังจากคว้าแชมป์ดิวิชัน 1 ได้ในปี 2544
แม้ลงท้ายหลังจบฤดูกาล พวกเขาจะรั้งท้ายตารางด้วยสถิติแข่ง 18 นัด ชนะแค่ 2 นัด มีแค่ 9 แต้มก็เหอะ แต่เด็กสวนฯอย่างผม (และอาจจะรวมถึงเด็กโรงเรียนอื่น ๆ ด้วย) ก็แอบอิจฉาเหมือนกัน
หลังจากเวียนว่ายอยู่ในลีกระดับรองมาหลายปี ฤดูกาลนี้กรุงเทพคริสเตียนหรือบีซีซี เอฟ.ซี.โมดิฟายด์ทีมใหม่ให้ไฉไลกว่าเดิม ทั้งการประชาสัมพันธ์, การจัดการทีม, การสร้างภาพลักษณ์ของทีม ฯลฯ ส่วนฟอร์มการเล่นจะเป็นอย่างไรต้องดูให้เห็นกะตา
แม้จะเลือดชมพู-ฟ้าเต็มตัว แต่เกมนี้ผมกะจะไปเชียร์ทีมสีม่วงจริง ๆ เหตุผลเดียวที่จะทำให้ผมเขวไปเชียร์ม.รังสิต-เจดับลิว คู่แข่งในวันนี้ได้มีข้อเดียวเท่านั้น...
ไม่ใช่เลือดรักโรงเรียนเข้มข้นหรอก แต่เป็น...
ถ้าบนอัฒจันทร์ฝั่งทีมเยือนมีนักศึกษาสาวรังสิตขาวอึ๋มในเสื้อนักศึกษาขนาด 3S และกระโปรงสั้นจิ๋วมานั่งเชียร์...แต่กวาดสายตาดูกองเชียร์กลุ่มเล็กแล้ว...ไม่น่าจะมี
กองเชียร์ทีมเยือนมากันเป็นกลุ่มเล็ก ๆผมมาถึงสนามก่อนเวลาตั้งเยอะ หน้าสนามกองเชียร์ซึ่งเป็นศิษย์เก่ากรุงเทพคริสเตียนพร้อมใจกันจับจ่ายเสื้อทีมสีม่วงมาเปลี่ยนเพื่อใส่เชียร์แบบพร้อมหน้าพร้อมตากัน
ก่อนเกม เอ็ม.ซี.สาวสวยคนหนึ่งกับสวยน้อยอีกคนหนึ่งเชิญนายแบบและนางแบบมาโชว์แบบเสื้อชุดทีมเหย้าและชุดทีมเยือน
ระหว่างที่ผมเก็บภาพอยู่ก็เหมือนมีคนมาทัก...พี่จอมหรือที่คนทั่วไปรู้จักในชื่อ บ.บู๋ นั่นเอง
แม้จะเป็นนักเขียนโนเนม แต่คนอย่างผม ระดับคอลัมนิสต์ชื่อดังยังต้องเป็นฝ่ายทักก่อนเหมือนกันนะนี่ อิอิ ^^ (แอบหลงตัวเองเล็กน้อย...แต่ตอนนั้น ผมไม่เห็นพี่จอมจริง ๆ นะครับ เลยไม่ได้เป็นฝ่ายทักก่อน)
บ.บู๋ถามสารทุกข์สุขดิบผมเล็กน้อย ก็ต้องไปโชว์ตัวซะแล้ว โดยรับบทบาทเป็นพิธีกรช่วงทอล์คเพื่อพูดคุยกับ เซเลบ ซึ่งเป็นศิษย์เก่ากรุงเทพคริสเตียนหลาย ๆ คน เช่น คุณต้น ตระการ, โชคทวี พรหมรัตน์, ผู้นำเชียร์ของทีม, พี่ป๋อง กพล โดยมีนักฟุตบอลชื่อดังในอดีตของโรงเรียนขึ้นมาประดับประดาให้เวทีดูขลังขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสระราวุฒิ ตรีพันธ์ที่ปัจจุบันเป็นสต๊าฟโค้ชอยู่ที่เมืองทองฯ ยูไนเต็ด, ปิยชาติ ถามะพันธ์ แบ็กซ้ายที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์ระทึกมาเมื่อคืนก่อนและอานนท์ นานอก กัปตันทีมอินทรีเพื่อนตำรวจ
เห็นนักบอลดัง ๆ เยอะขนาดนี้ พี่จอมเลยปล่อยมุก
แต่พวกนี้ไม่มีใครเล่นให้เราเลยครับ
พี่ป๋องเลยตอบว่า ถ้าเอาเงินฟาดหัว มันก็น่าจะมาบ้างแหละน่ะ
สองเอ็ม.ซีสาวผู้สร้างสีสรรให้เกมนัดเหย้าของบีซีซี
นายแบบ-นางแบบเปิดตัวชุดทีมเหย้าและชุดทีมเยือน
ช่วงทอล์คที่เป็นการรวมมิตรศิษย์เก่าชื่อดังของโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนไม่ใช่แค่ศิษย์เก่าระดับพระกาฬที่ไม่มีชื่อเล่นให้บีซีซี เอฟ.ซี.เท่านั้น แม้แต่นักเตะรุ่น 18 ปีของโรงเรียนชุดที่แพ้สวนกุหลาบฯในนัดชิงฟุตบอลสพก.เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนก็ไม่มีชื่อเช่นกัน (อะไรนะ?...อ๋อ...บอกว่าชุดแชมป์จตุรมิตรครั้งล่าสุดจะดีกว่าหรอ? โอเค ๆ)
อดิศักดิ์ ไกรษรนั่นเมืองทองฯ ยูไนเต็ดจับจองตัวไปแล้ว ล่าสุดอ่านข่าวฟุตบอลลีกภูมิภาคดิวิชัน 2 โซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือคู่ร้อยเอ็ด ยูไนเต็ดกับชัยภูมิ ยูไนเต็ด ธีระพงษ์ ดีหามแห มิดฟิลด์หมายเลข 11 ชุดรองแชมป์สพก.เอ้ย! ชุดแชมป์จตุรมิตรก็เป็นคนยิงฟรีคิกให้ทีมเกินร้อยขึ้นนำ
เราอยากได้พวกเขาเล่นเหมือนกันนะ แต่ไม่มีใครเล่น อาจจะเป็นเพราะเราเป็นทีมเล็กก็ได้มั้ง? โค้ชนพพรสารภาพ ซึ่งผมฟังไม่ออกว่าพูดเล่นหรือน้อยใจ ก่อนที่จะเสริมต่อว่า แล้วเราเตรียมทีมมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกาฯซึ่งเป็นช่วงที่แข่งจตุรมิตรพอดีด้วย
กลายเป็นว่านักเตะชุดนี้เป็นการผสมผสานระหว่างศิษย์เก่าซึ่งสิริรวมแล้วมีแค่ 8 คน ทั้งแบบที่จบไม่นาน, แบบสุดเก๋า นอกนั้นก็เป็นนักเตะนอก (ทั้งนอกโรงเรียนและนอกประเทศ) รวมทั้งนักเตะกำลังสำรองที่มีอายุประมาณ 16 ปี พวกหลังนี้...ตอนแรกผมเข้าใจว่าเป็นนักบอลของโรงเรียนเอง แต่ตอนหลังมาได้ข้อมูลเพิ่มว่าเป็นนักเตะจากโรงเรียนกีฬากทม.
นพพร เอกศาตราจัด 11 ตัวแรกในระบบ 4-4-2 โดยใช้พรพัฒน์ เธียรถาวรเป็นผู้รักษาประตู แผงหลังไล่จากขวามาซ้ายมีวัชเรนทร์ ชูพันธ์, ประเวทย์ จิตรสิงห์, สุนทร ปั้นรัตน์ กัปตันทีมและดนัย ว่าโระ แดนกลางมีหัสนัย บูราณสุขคุมเกมร่วมกับธนบูรณ์ เกษารัตน์ มีวิษณุศักดิ์ อุ่นน้อยกระชากทางขวา นรากร คณาขึ้นทางซ้าย คู่หน้าเป็นชนินทร์ธร โพธิ์หิรัญกับเอกพจน์ ผ่องแผ้ว
สิบเอ็ดตัวจริง มีนักเตะอายุ 16 ปีถึง 2 คน
โฉมหน้านักเตะบีซีซี เอฟ.ซี.
โฉมหน้านักเตะม.รังสิตยุคผสมผสานกับเจดับลิว กรุ๊ปส่วนฝั่งผู้มาเยือนนั้นเป็นการผสมทีมกันระหว่างมหาวิทยาลัยรังสิตและทีมเจดับลิว กรุ๊ปของเสี่ยเอ๋ วิสิษฐ์ กอวรกุล ซึ่งโค้ชไพรัช หิมเวชมองว่าทำให้ทีมครบเครื่องขึ้น
มันก็เป็นผลดีนะเพราะนักเตะเจดับลิวก็มีทั้งนักเตะที่ทำงานแล้วและตัวต่างชาติ ส่วนของผมเป็นเด็กมหาลัยล้วน ๆ ซึ่งต้องมีเรียน มีสอบ ทำให้นักเตะดูพร้อมขึ้น
ส่วนความหวังในฤดูกาลนี้ โค้ชคนเก่งบอกว่า คุณเอ๋ ผู้จัดการทีมตั้งเป้าไว้เลยว่าในโซนนี้เราต้องติด 1 ใน 2 ให้ได้
ม.รังสิต-เจดับลิว เอฟ.ซี.ส่งนักเตะ 11 คนแรกในระบบ4-4-2 โดยใช้ณรงค์ วงษ์ทองคำเป็นผู้รักษาประตู แผงหลังมีกัปตันทีม จิระศักดิ์ ทีจันทร์คุมแนวรับคู่กับดาวเตะต่างชาติ เจมส์ บัวเต็ง ด้านข้างเป็นอิทธิพล จันแปงเงินทางด้านขวาและธนา ปุ่นประโคนทางฝั่งซ้าย แดนกลางใช้นักเตะขึงไว้ 3 คน มีเลสลียืนปักหลั่นหน้าแผงหลัง ศุภชัย มัยวงษ์ประคองทางขวา ธนวรกฤติ์ กัญญาเงินอยู่ทางซ้าย มีธาดา ทองท้วมเล่นเป็นตัวรุกอยู่หลังคู่หน้าอย่างวิลลี เอ็นโยและอำนาจ ทรงรัมย์
เจ้าบ้านให้นักเตะทีมเยือนเดินลงสนามไปก่อน จึงเปิดตัวทีมอย่างสุดอลัง
กัปตันทีมทั้งสองทีมซึ่งล้วนเล่นเซนเตอร์ฮาล์ฟ จับมือกันก่อนเริ่มเกม
บ.บู๋ประกาศรายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีมแค่นาทีที่ 3 เท่านั้น ธนาก็มีโอกาสปั่นฟรีคิกให้ทีมเยือน แต่พรพัฒน์ปัดข้ามคานไว้ได้
ถัดมาแค่นาทีเดียวแผงหลังเจ้าถิ่นดันไปทำแฮนด์บอลในเขตโทษ เจมส์ บัวเต็งสังหารได้อย่างเฉียบขาดพาทีมเยือนขึ้นนำสำเร็จ 1-0
บีซีซีพยายามโหมรุกเข้าใส่ แต่การต่อบอลดูขาด ๆ เกิน ๆ อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ตามตีเสมอได้อยู่ดีจากเอกพจน์ในนาทีที่ 26
ท้ายครึ่งแรกเกมดูเนือย ๆ ลงไปและจบลงที่สกอร์ 1-1
ช็อตสำเร็จโทษของเจมส์ บัวเต็ง
ออกมาเฮฮากับกลุ่มทีมงาน
วิลลี เอ็นโยขึ้นได้สูงกว่าเหล่าผู้เล่นเจ้าบ้าน
ธนวรกฤติ์สับไกลูกนี้เฉี่ยวเสาออกไป
วินาทีตีเสมอของบีซีซี แต่คนทำประตูไม่ได้อยู่ในภาพนี้นะ
ธาดา ทองท้วม จอมทัพของทีมเยือน
นรากร นักเตะวัย 16 พยายามหนีอิทธิพล แบ็กขวาร่างเล็กของทีมเยือนเกมครึ่งหลังลดดีกรีความสนุกลงไป แต่คอบอลแนวซาดิสม์ยังได้มันส์กันต่อเพราะทั้งสองทีมเข้าสกัดกันหนักขึ้น คุณสุวัฒน์ วงษ์สุวรรณที่ฤดูกาลที่แล้วผมยังเห็นเป็นกรรมการที่ 4 ในระดับไทยพรีเมียร์ลีกอยู่เลย ปีนี้ได้โชว์ฝีมือเป่าในระดับดิวิชัน 2 จึงดูตัดสินใจไม่ค่อยดี เป่าผิด เป่าถูก บางจังหวะก็ปล่อยเกมเกินไปเรียกเสียงด่าจากกองเชียร์ทั้งสองฝั่งได้ไม่น้อย
บีซีซีต่อบอลในแดนตัวเองใช้ได้เลย แต่ไปตายตรงจังหวะเข้าทำ บางช่วงก็ดูแผ่ว ๆ ลงไป ส่วนทีมเยือนแม้กระดูกบอลจะดูดีกว่าแต่ก็เหมือนไปยึดติดกับคติของการเล่นเป็นทีมเยือนมากเกินไป เกมเลยดูไม่ค่อยมีพิษสงเท่าไหร่
โค้ชนพพรและโค้ชไพรัชพยายามปรับทีมเพื่อเก็บผลการแข่งขันที่ต้องการให้ได้ เจ้าบ้านส่งอิทธิพล แก้วเขียว นักเตะเลือดชมพู-ฟ้าในทีมสีม่วงลงไปแทนนักเตะทีนเอจอย่างนรากรเพื่อคุมเกมแดนกลาง ตามมาด้วยจตุรงค์ พิมพ์คูณที่ถูกส่งลงไปแทนชนินทร์ธรในอีกสิบนาทีต่อมา
ส่วนทีมเยือนนั้นส่งศรันย์ ชุวัสวัสแทนศุภชัย ตามมาด้วยมงคล นกกาศักดิ์ที่ลงมาแทนอำนาจ
เกมตื้อ ๆ ที่น่าจะจบลงด้วยผลเสมอ แต่แล้วฟ้าก็ผ่าลงมากลางอัฒจันทร์ฝั่งสีม่วง เมื่อวิลลี เอ็นโยหลุดเข้าไปยิงผ่านมือเจ้าต้า พรพัฒน์ผู้รักษาประตูวัย 20 ปีของเจ้าบ้านเข้าไป
โค้ชนพพรขยับตัวอีกครั้ง ส่งเจษฎา ปิ่นวิเศษ ดาวเด่นจากทีมโค้กคัพ จังหวัดอ่างทองรุ่นหลังณัฐวุฒิ เข็มทิศหนึ่งปี ลงไปใช้ความเก๋าแก้เกมแทนแบ็กซ้ายอย่างดนัย เรียกว่า เติมหน้าถอดหลัง สูตรเดียวกับเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันสมัยยังกล้าได้กล้าเสียเปี๊ยบ
ช่วงท้ายเกม เจ้าโจ๊ก อิทธิพล รับใบเหลืองที่สองกลายเป็นใบแดง หลังจากนั้นไม่กี่นาที เลสลี ดาวเตะต่างชาติของทีมเยือนก็ขอตัวออกไปอาบน้ำบ้างเมื่อทำฟาวล์และรับใบแดงไป
ช่วงทดเวลาเจ็บ บีซีซียิ่งเละกันไปใหญ่เมื่อ 2 ตัวสำรองทีมเยือน ศรันย์ลากบอลขึ้นไป ก่อนจะตบเข้ากลางให้มงคลสังหารโหดเป็น 3-1 ซูเปอร์ซับของม.รังสิต-เจดับลิวคงเพ้อคิดว่าตนเองเป็นอังเดร อาร์ชาวินเลยทำมือ ทำปากจุ๊ ๆ ใส่กองเชียร์เจ้าบ้าน แล้วก็รับเสียงโห่ รวมทั้งเสียงด่าไปตามระเบียบ (ไอ้ระเบียบนี่ทีมไหนหว่า?)
โค้ชไพรัชส่งธรรมรัฐ กุสสลานุภาพลงไปแทนธาดา ลูกชายของมาด๊าดอดีตดาวเตะดังราชประชาเพื่อเผาเวลาให้หมดไป ก่อนจะชนะไปในที่สุด 3-1
บีซีซีเขี่ยเปิดเกมครึ่งหลัง
เลสลีดวลลูกโหม่งกับชนินทร์ธร
วิษณุศักดิ์เข้าปั๊มบอลอย่างหนักหน่วง
วิษณุศักดิ์พยายามลากหนีแผงหลังทีมเยือน
เลสลี มิดฟิลด์ตัวรับของทีมเยือนแข็งแกร่งมากโดยเฉพาะลูกกลางอากาศ
วัชเรนทร์ แบ็กขวาเจ้าบ้านลุยขึ้นสูงพยายามโยกหลอกธนา แบ็กซ้ายทีมเยือน
ช็อตที่ศรันย์แอสสิสท์ให้เพื่อนทำประตูย้ำชัย 3-1
มงคล "จุ๊ ๆ"ครึ่งแรกยังไม่ลงตัวทั้งตัวผู้เล่นและตำแหน่ง ต้องมาจูนใหม่ช่วงพักครึ่ง ซึ่งก็ออกมาโอเค เด็กตั้งใจดี ไพรัช หิมเวชเผยความรู้สึก
ส่วนฝั่งผู้แพ้นั้น นพพรบอกว่า มันเป็นเกมแรกในบ้าน ความจริงเราหวัง 3 คะแนนก็พยายามแลก แต่เราไปพลาดลูกง่าย ๆ ความจริงเกมเราใช้ได้ เด็ก ๆ ก็เล่นดี ซึ่งผมก็หวังว่าเด็ก ๆ จะเล่นอย่างนี้ทุกครั้ง ส่วนผลก็ผิดหวังนะ ยอมรับว่าพวกเราแพ้เพราะยังเด็กด้วย ทั้งประสบการณ์และกำลังที่เราไปแลกในครึ่งแรกเยอะด้วย แล้วมันเปลี่ยนตัวได้แค่ 3 คน ช่วงท้ายเกม พวกตัวรับเลยหมดกัน
ผมกลับบ้านด้วยรถไฟฟ้าเช่นเดียวกับเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน สิ่งที่เหมือนกันทั้ง 2 วันคือผมกลับพร้อมกับความพ่ายแพ้ของทีมสีม่วง แต่ความรู้สึกนั้นต่างกัน...
13 วันก่อน ผมสุขเหลือล้นกับชัยชนะของสวนกุหลาบฯ แต่วันนี้ผม พิชิตพงษ์ (เฉย ๆ เอ้ย! นั่นมันเฉยฉิวนี่ ^^) อาจจะรู้สึกผิดหวังร่วมไปกับเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ร่วมเครือจตุรมิตรบ้างก็แค่เล็กน้อยถึงปานกลาง
ในสายตาของคนดูบอลอย่างผม บีซีซี เอฟ.ซี.ถ้าเล่นได้เท่านี้...คงยากที่จะผงาดขึ้นไปสู่ลีกสูงสุดแบบที่ทำได้เมื่อ 8 ปีก่อน แต่กับคนเป็นโค้ชแล้ว เขากลับมองอีกแบบหนึ่ง
ผมว่าไม่ยากนะ เราสู้ได้ทุกทีม แต่ขอเวลาหน่อยเพราะทีมนี้เราเตรียมทีมแค่สองเดือนเองนะ ในขณะที่ทีมอื่นใช้วิธีดึงตัวเอามันจึงง่ายที่จะประสบความสำเร็จ แต่เราสร้างทีมขึ้นมาเองซึ่งผมคิดว่ามันถูกทางแล้ว ผมบอกได้เลยว่าไม่กลัวที่จะสู้กับใครหรอก กลัวการสู้กับตัวเองมากกว่า ตอนนี้ที่สำคัญคือเราต้องอดทนกับผลการแข่งขันสักนิด แล้วความสำเร็จจะมาเอง โค้ชนพพรแสดงทัศนะ
นักเตะเจ้าบ้านแสดงความเคารพต่อโค้ชทีมเยือน โดยมีแบ็กกราวด์เป็นสกอร์บอร์ดบ่งบอกผลการแข่งขันที่น่าผิดหวัง
กลุ่มกองเชียร์สีม่วงที่พร้อมซัพพอร์ททีมเสมอผมกลับมาถึงบ้านเปิดทรูสปอร์ต ดูบอลอังกฤษ, อิตาลี, สเปน ไม่ค่อยมีอีกแล้วบอลไทยทางทีวี ระดับไทยพรีเมียร์ลีกยังไม่ค่อยมีเลย คงไม่ต้องไปพูดถึงโค้กคัพแบบวันวานหรอก...ฟุตบอลที่ผมจะได้เฝ้ามองการเติบใหญ่ของนักเตะเยาวชนสักคน
20 ปีก่อนณัฐวุฒิ เข็มทิศสร้างชื่อกับบุรีรัมย์ ก่อนจะเข้ากรุงมาแผลงฤทธิ์กับโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน, ทีมชาติชุดเยาวชนและทีมนักเรียนไทยจนได้เล่นกับสโมสรโอสถสภา
อย่าถามถึงผลงานที่นักเตะมหัศจรรย์คนนี้สร้างกับทีมห้างขายยาเลยเพราะหลังจากนั้นเขาก็หายต๋อมไปจากวงการฟุตบอลไทย ได้ยินข่าวแว่ว ๆ ว่าเจ็บเรื้อรังจนต้องแขวนสตั๊ดก่อนวัยอันควร T_T
เด็กหนุ่มจากบุรีรัมย์กลายเป็นพลุที่แสนสวยงามในช่วงเวลาสั้น ๆ แล้วก็ดับลง
แล้วกับกรุงเทพคริสเตียนหรือบีซีซี เอฟ.ซี.ในวันนี้ล่ะ?
แม้จะไม่ได้เกี่ยวข้องกับทีมนี้ แต่ผมก็หวังว่าพวกเขาจะไม่ใช่แค่พลุที่ระเบิดความสวยงามไปแล้วเมื่อ 8 ปีก่อน
แล้วก็หายไปกับความมืดของท้องฟ้ายามรัตติกาลในปัจจุบันหรอกนะ