แม่นางหงส์และแม่นางโป่ว

ลีกภูมิภาค ดิวิชัน 2 รอบแชมเปียนส์ลีก กลุ่ม B
19 ธ.ค.53 สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติบางมด
บางกอก เอฟซี 3-0 สมุทรปราการ


ปรกติเวลาท่องเน็ต ผมมักจะวนเวียนอยู่กับเว็บเดิม ๆ

จนวันนึงได้อ่านบทความที่เขียนโดยคุณต่อพงษ์แห่งเว็บเมเนเจอร์ บทความนั้นมีชื่อว่า “บทเพลงของฮุ้นปวยเอี๊ยง...บทเพลงแห่งกระบี่ไร้เทียมทาน”

เนื้อหาโดยหลักพูดถึงเพลงไตเติ้ลของ “กระบี่ไร้เทียมทาน” ซีรีส์กำลังภายในที่ฮ็อตฮิตมากในเมืองไทยช่วงทศวรรษที่ 80 คิดว่าคนซีรีส์ 30 อัพน่าจะจำกันได้

“ฮ่า ฮา ฮ๊า ฮ๊า ฮา ฮ่า ฮ่า ฮา...สุดขอบฟ้านั้น ใครไม่อาจไปถึง บนดอยหุบเขาสูง แม้เพียงเฉียดเมฆา ชะตาชีวิตนั้น มันสูงเหลือคณา ดังทิวาลับไป...”

(สมัยนั้นมีเพลงแปลงเป็นเนื้อไทยด้วย)

หากคนรุ่นใหม่ไม่รู้จัก ลองไปหาดีวีดี “แฟนฉัน” มาดู คุณจะได้ฟังเพลงนี้ในฉากที่เพื่อน ๆ ของเจี๊ยบเล่นเป็นจอมยุทธ์กันอยู่ โดยแจ๊กรับบทเป็นพระเอก (ร่างอ้วนดำ)

สำหรับผม…ยอมรับว่าทันครับ ^^! เพลงเพราะมากและยังติดหูจนถึงทุกวันนี้ แต่ผมก็ไม่ได้ “แก่” ขนาดนั้นหรอกนะ :-P เพราะผมจำได้แค่เพลง, จำชื่อพระเอกและนางเอกได้ เนื้อหาในเรื่องเป็นอย่างไร?...จำไม่ได้หรอกเพราะตอนนั้นยังเด็กมาก

พอได้อ่านที่คุณต่อพงษ์เขียนปุ๊บ ผมเกิดความอยาก “ย้อนอดีต” กลับไปดูเรื่องนี้อีกครั้งปั๊บ

“ที่ผมชอบที่สุดกลับเป็นน้องนางรองของเรื่องอย่างหวีอันอัน ที่เธอรับบทเป็นโป่วเฮียงกุน คนที่ฮุ้นปวยเอี๊ยงแกรักเป็นน้องสาว แต่คนดูรักเธออย่างกับแฟนแน่ะ อิอิอิ ผมแน่ใจว่าคนดูนั้นชอบเธอมากกว่าเหมียวเค่อสิ้วที่รับบทต๊กโกวหงส์และเป็นคนที่ฮุ้นปวยเอี๊ยงแกจะแต่งงานด้วยเสียอีก...” คุณต่อพงษ์แกเขียนแบบนั้น

ด้วยความพยายาม ผมเสิร์ชในเน็ตจนพบว่ามีคนเอาวีดีโอเรื่องนี้มาปล่อยให้ดูฟรี ๆ ครบ 38 แผ่น (แต่มีบางแผ่นเสียไปบ้าง บางแผ่นลิงค์หายบ้าง อะไรบ้าง) สนุกมาก ฮุ้นปวยเอี๊ยงเท่ห์มาก

แล้วก็ทึ่งกับวิธีการเปลี่ยนคนแสดงฮุ้นปวยเอี๊ยงเอาดื้อ ๆ เหมือนกัน ดั่งที่คุณต่อพงษ์เขียนเอาไว้ว่า

“ถ่ายไปคนดูก็ไม่เห็นหน้าพระเอกฮุ้นปวยเอี๊ยงของเราเสียอย่างนั้น เหตุเพราะฉีเส้าเฉียนพระเอกแกโดนตัดออกจากกองถ่ายเพราะเมาเละและเบี้ยวคิว ทางเรื่องก็เลยต้องให้พระเอกใส่หน้ากากไหมซะเกือบ 10 ตอนก่อนที่กู้กวนจงจะมารับบทแทน”

เปลี่ยนคนแสดง แล้วมันจะเนียน คนดูจะรับได้หรอ?

พอได้ดูก็ต้องบอกว่า “เออ...มันทำได้และมันเอากันอย่างนี้เลยหรอ?”

ส่วนประเด็นต๊กโกวหงส์และโป่วเฮียงกุนนั้น ถ้าเป็นผม ผมขอ...เก็บเธอไว้ทั้งสองคนได้ไหม? (*^_^*)

ต๊กโกวหงส์ น่ารัก ช่างเง้างอน

โป่วเฮียงกุน ตาโต สดใส นิสัยดี





กระทิงสาวแสนสวยของบางกอก เอฟซี

พวกเธอช่วยสร้างสีสันการเชียร์ได้เยอะเลย


ผมดู “กระบี่ไร้เทียมทาน” ครบ 38 แผ่นก่อนวันที่บางกอก เอฟซีมีคิวชี้ชะตาชีวิต (นั้น มันสูงเหลือคณา...แอบติดเพลงแปลงเนื้อไทยของกระบี่ไร้เทียมทานมานิดโหน่ย แหะ ๆ ^^!) กับสมุทรปราการ 1 วัน

เคยบอกไปแล้วนะครับว่าพอติดตามข่าวคราวของ “กระทิงเหล็ก” มาเรื่อย ๆ ผมรู้สึกว่านี่เป็นทีมที่อยาก “เชียร์” ทีมหนึ่ง

เหตุผลก็คือ...กระทิงเหล็กมันโยงไปถึงกระทิงดุที่หมายถึงทีมชาติสเปน ทีมชาติที่ผมเชียร์เป็นอันดับสอง รองจากอาร์เจนตินาได้ (ฟังดูแถ ๆ นิดนึง) และ...

สนามเหย้า สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติบางมดนั้นเป็นสนามบอลที่ใกล้บ้านผมที่สุด รวมทั้งเป็นสนามแห่งความทรงจำด้วย

เกมวันนี้สำหรับแฟน ๆ “บูลลิแกน” ทั่ว ๆ ไป พวกเขาพร้อมทุ่มใจเต็มร้อยให้ทีมเอาชนะ “ป้อมปราการ” ให้ได้

แต่สำหรับผม ด้วยความที่แอบเอาใจช่วยทีม “บลังกิอาซูล” (ขาว-ฟ้า) ทีมนี้มาก่อน (เหตุผลคือเรื่องราวดรามาภายในทีม, เสื้อทีมเหมือนอาร์เจนตินา รวมทั้งยังเคยใช้สนามบางมดแห่งนี้มาก่อนด้วย) มันก็เลยออกอาการ “รักพี่เสียดายน้อง” ซะงั้น ^^/

แต่สุดท้าย...ถ้าผมเป็น “พี่ปวยเอี๊ยง” บางกอก เอฟซีก็น่าจะเป็น “ต๊กโกวหงส์” มากกว่าสมุทรปราการนะ

ผมมาถึงสังเวียนแข่งประมาณบ่ายสามนิด ๆ กองเชียร์ทั้งสองทีมมีการรวมตัวกันอยู่คนละจุดของสนาม ดูคึกคักทีเดียว

แต่เพราะกองเชียร์ที่หนาตาแบบนี้นี่เอง ตำรวจจึงมีการวางเจ้าหน้าที่ยืนประจำอยู่ตรงเส้นแบ่งแดนของกองเชียร์ทั้งสองฝั่ง กองเชียร์ป้อมปราการมากันหนาแน่นมาก ส่วนฝั่งบูลลิแกนดูเหมือนจะน้อยกว่า แต่อย่าลืมว่า นี่คือกองเชียร์ที่เพิ่งสร้างเสริมกันขึ้นมาเอาในฤดูกาลนี้เท่านั้นเอง แถมตอนต้นฤดูกาลยังแทบไม่มีกองเชียร์เลยด้วย




กองเชียร์ "บูลลิแกน" ของบางกอก เอฟซีชูธงประกาศความมั่นใจ

กองเชียร์ "ป้อมปราการ" มากันอย่างหนาตา


ผมขอใบรายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีมจากคุณสุเทพ อบเชย ผู้ตัดสินที่ 4 ในห้องพักเสร็จ ระหว่างยืนคา ๆ อยู่ตรงปากประตูก็มีเสียงใส ๆ ดังขึ้นข้างหลังว่า

“ขอเข้าห้องกรรมการหน่อยได้ไหมคะ?”

เจ้าของเสียงก็คือ “น้องนก” หนึ่งในกระทิงสาว เชียร์ลีดเดอร์ของบางกอก เอฟซีนั่นเอง

“ได้ครับ” ผมปล่อยให้เธอเข้ามาในหัวใจ...เอ้ย! ในห้อง ก่อนจะแกล้งเย้า “แล้วก็ล็อคห้องซะ 555” พูดพลางทำหน้าโรคจิตนิด ๆ -_-

“ว้าย!” เธอแกล้งร้อง จากนั้นก็เอาเอ็ม-150 ไปให้คุณสุเทพและพรรคพวก (ซึ่งออกไปแล้ว) พลางหยอดบุรุษชุดดำที่วันนี้สวมชุดเหลืองว่า “เป็นธรรมดาอยู่แล้วนะคะที่กองเชียร์อาจจะมีด่าบ้าง แต่อย่าลืมหันมามองพวกหนูที่ใส่เสื้อสีส้ม ๆ นี่นะคะ”

คำหวานนี้ทำเอาผู้ตัดสินที่ 4 วันนี้ยิ้มไม่หุบเลยทีเดียวเชียวแหละ

ออกมาข้างนอก น้องนกเดินมาถามผมว่า “นักข่าวจากที่ไหนคะ?”

“เว็บบล็อก...” ผมจะบอกชื่อเว็บบล็อกของตนเอง แต่ก็คิดว่ามันเล็กจนเกินเธอจะรู้จักแน่ เลยบอกไปง่าย ๆ ว่า “เว็บไซด์ ๆ หนึ่ง”...นี่เป็นวินาทีสั้น ๆ ที่ผมรู้สึกอยากมีสังกัดเป็นหนังสือพิมพ์กีฬายักษ์ใหญ่หัวหนึ่ง จะได้ดู “มีหัวนอนปลายเท้า” หน่อย แต่ก็เป็นแค่วินาทีสั้น ๆ เท่านั้นแหละเพราะหากจะเทียบลีลาการเขียนและอะไรทุก ๆ อย่างแล้ว คอลัมนิสต์ฟุตบอลไทยของหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นทาบผมไม่ติดสักคนหรอก...

อะไรนะ หลงตัวเองหรอ?...นั่นดิ ^^! ผมก็แค่มือสมัครเล่นที่รักฟุตบอลและการเขียน ก็เลยเอาทั้งสองอย่างมารวมกันเป็นงานอดิเรกเท่านั้นแหละ ไม่ได้เก่งไปกว่าเค้าหรอก




4 กระทิงสาวเดินนำหน้านักเตะทั้ง 2 ทีมลงสนาม

นักเตะสมุทรปราการแตะมือกับนักเตะสำรองและทีมงาน

กระทิงสาวทั้ง 4 กับธงตราสโมสรบางกอก เอฟซี

นักเตะทั้งสองทีมจับมือกันด้วยความเป็นมิตรภาพ

จิรัฏฐ์กัปตันทีมเจ้าบ้านแลกธงกับพงษ์สิริ กัปตันทีมเยือน

ขุนพลป้อมปราการเดินผ่านนักเตะกระทิงเหล็กที่กำลังรวมใจกันอยู่


บางกอก เอฟซีวันนี้มาฟูลทีมเลยครับ ได้ 2 คนที่ “น่าจับตามองมาก” มาเสริมจากทีมเมื่อสัปดาห์ก่อนด้วย...อ้าว! นั่นมันกระทิงสาวนี่ วันนี้มากัน 6 นาง ดูละลานตาดี

ส่วนขุนพล “กระทิงเหล็ก” ที่ลงสนาม วันนี้อ.ทองสุข สัมปหังสิต เฮดโค้ชคนเก่งจัด 11 คนหน้าเดิมจากสัปดาห์ก่อนเปี๊ยบในระบบ 4-4-2 ดังนี้กิตติ สุริเจย์-เอกสิทธิ์ ฉาวบุตร, ณัฐพงษ์ จุมลี, ธุวนันทิวัฒน์ ภาคภูมิ, เฉลิมเกียรติ บุญเนตร-ซามวล ควาคู, มุสซา ดูนบูย่า, จิรัฏฐ์ กิ่งกรดกลาง (กัปตันทีม), เสมอภาค ศรีนนท์-ศรัทธา เจ๊ะสู, เอเก อึมบาห์

ส่วนสมุทรปราการ ทีมเยือนนั้น จักรี หนองน้อย อดีตปราการหลังแข้งโหดของตำรวจ เฮดโค้ชของทีมจัดผู้เล่นลงบู๊ในระบบ 4-4-2 เช่นกัน ใช้ชูเกียรติ ฉิมวงศ์เฝ้าประตู แผงหลังไลน์ดีเฟนซ์จากขวามาซ้ายมีธงชัย ทองวิไล, โรดริเก โซนา, พงษ์สิริ ยะกัณฐะ (กัปตันทีม) และวรชัย นาสูงชน

แดนกลางมีพงศกร จันทร์หอมคุมทัพคู่กับจอมทัพคนเก่งอย่างกฤษดา นาคพันธ์ ริมเส้นใช้วิรัตน์ รอดสุขประจำการทางขวาและเกียรติศักดิ์ เทือนสันเที๊ยะอยู่ทางซ้าย ส่วนคู่หน้าเป็นชมนันท์ สุขเกษมและอิซาค อามัวห์




เจ้าบ้านใช้ 11 นักเตะคนแรกชุดเดียวกับสัปดาห์ก่อน

นักเตะป้อมปราการวันนี้ตัวจริงโดนแบนไป 3 คน


บางกอก เอฟซีในฐานะเจ้าบ้านเรียกเสียงซี้ดซ้าดจากกองเชียร์ได้ก่อนตั้งแต่ต้นเกมเมื่อปราการหลังต่างชาติของสมุทรปราการส่งบอลพลาด แต่ศรัทธาดันให้บอลผิดช่องกับที่เอเกวิ่งเปิดทางไป พลาดโอกาสยิงประตูอย่างน่าเสียดาย

นาทีถัดมาเอเกแตะสั้น ๆ ให้ศรัทธากดก็ติดบล็อกแผงหลังทีมเยือนอีก

หลังจากนั้นพอสมุทรปราการเริ่มคุมเกมอยู่ ความมันระดับ 5 ดาวก็เกิดขึ้นเพราะทั้งสองทีมเปิดเกมรุกใส่กันในแบบที่เรียกว่า “ถอยหลังเป็นหกล้ม” นั่นแหละ

ช่วงนาทีที่ 14-15 บางกอก เอฟซีบุกหนัก ทำเอาชูเกียรติที่พอรับบอลจากการเปิดพลาดของเจ้าบ้านแล้ว ต้องบอกเพื่อน ๆ ขุนพลป้อมปราการให้ดึงเกมช้าบ้าง

แล้วได้ผลมั้ย?

ดูเหมือนจะไม่นะเพราะถัดมาแค่ 2 นาที ศรัทธาไหลบอลให้เสมอภาคได้สับไก ตาข่ายข้างหลังของชูเกียรติไหวทันที

สกอร์บอร์ดขยับ บางกอก เอฟซี 1-0 สมุทรปราการ

กองเชียร์บูลลิแกนเฮฮา กรี๊ดกร๊าด

กองเชียร์ป้อมปราการเงียบกริบ เหลือแค่เพียงเสียงกลองคลอเบา ๆ ให้พอเศร้า ๆ เท่านั้น

บลังกิอาซูลยังไม่ฟื้น นาทีที่ 24 ก็มาเสียฟรีคิกให้เจ้าบ้านทางกราบขวาอีก จิรัฏฐ์วิ่งหลอก ปล่อยให้ใครสักคนที่ผมมองไม่ทัน (คิดว่าน่าจะเป็นเสมอภาค คนยิงประตูแรก) ซัด ลูกพุ่งวาบเข้าไปจมก้นตาข่ายอีกครั้ง แต่คราวนี้กองเชียร์บูลลิแกนได้เฮกันสั้น ๆ เพราะคุณสุเมธ สายแวว ผู้ตัดสินปฏิเสธ

“ดูจากสัญญาณธงแล้วน่าจะล้ำหน้านะ” คุณสุเทพที่ยังยิ้มหวานไม่หุบด้วยเอ็ม-150 จากมือน้องนกวิเคราะห์

“แต่ไม่โดนใครเลยนะ” เจ้าหน้าที่บางกอก เอฟซีคนหนึ่งแย้ง

ถ้างั้นต้องให้คนเป่านกหวีดมาแถลงไข

“ผมไม่รู้ คุณไปถามไลน์แมนสิ”

ซะงั้น

ผมก็เลยเดินไปถามคุณลือชา ดวงพรมที่มือกระตุกยกธงขึ้นมา เขาให้เหตุผลแบบรำคาญเจ้าหนูจำไมอย่างผมว่า “ออฟไซด์”

สั้น ๆ ห้วน ๆ แฝงความหมายว่า “อย่ามาถามอีก” ผมก็เลยหมดคำถามแค่นั้นเพราะถ้าถามต่อ เหล่าทีมงานผู้ตัดสินจะคิดว่าผมเป็นตัวแทนของฝั่งบางกอก เอฟซีมาโวย ทั้ง ๆ ที่ผมก็แค่อยากเอาความจริงมาเขียนแค่นั้น ไม่มีอะไรมากกว่านี้

ถัดมาอีกไม่กี่นาที คุณพันเลิศ ฤกษ์อุไร ไลน์แมนอีกฝั่งก็ทำกองเชียร์สมุทรปราการไม่พอใจบ้าง เมื่อยกธงจังหวะที่นักเตะทีมเยือนหลุดไปแล้ว ทำให้มีการโวยวายเล็ก ๆ น้อย ๆ

นาที 30 วิรัตน์ของทีมเยือนไปเตะธุวนันทวัฒน์ ปราการหลังชื่อยาวของเจ้าบ้านที่เท้าไวกว่าสกัดบอลทิ้งไปแล้ว รับใบเหลืองไปเป็นคนแรก

2 นาทีต่อมา บางกอก เอฟซีลักไก่ยิงฟรีคิกจากกลางสนาม ดีที่บอลข้ามคานไป ไม่งั้นดูไม่จืดแน่สำหรับชูเกียรติ ผู้รักษาประตูทีมเยือน

นาที 37 ขุนพลป้อมปราการลุยมาจนสุดเส้นทางด้านซ้าย ก่อนจะปาดเข้ามากลางประตู ลูกหลุดมาถึงวิรัตน์ที่ได้ตั้งป้อมยิง แต่ไปติดบล็อกแผงหลังเจ้าบ้าน

ช่วงท้ายครึ่งแรก เกมของทีมเยือนแผ่ว ๆ ลงไปทำให้เจ้าบ้านเล่นกันสบายขึ้น

“ทดแค่นาทีเดียวพอ” กองเชียร์กระทิงเหล็กร้องขอ แต่คุณสุเทพไม่จัดให้เพราะยกขึ้นมาถึง 3 นาที เรียกเสียงโห่ได้เล็ก ๆ เหมือนกัน

ช่วงทดเวลาเจ็บ แผงหลังชื่อยาวของกระทิงเหล็กรับใบเหลืองไปเพราะไปยันอามัวห์ซะชักกระตุก

ถัดมา กฤษดาของทีมเยือนได้โอกาสยิงฟรีคิก ทว่าโชคร้ายไปชนคานซ้า...

หมดครึ่งแรก “แม่นางหงส์” ของผมน่ารักกว่า “แม่นางโป่ว” อยู่ 1 กิ๊ก




ชมนันท์ ศูนย์หน้าร่างใหญ่ทีมเยือนพยายามหนีกัปตันทีมเจ้าถิ่น

โฉมหน้าของเสมอภาค ผู้ทำประตูขึ้นนำ

เสมอภาคและเฉลิมเกียรติ 2 นักเตะฝั่งซ้ายของทีมขอโทษกันและกัน

เสมอภาคพยายามหลบแบ็กคู่แข่ง

กองเชียร์ "บูลลิแกน" เฮฮาทีทีมรักขึ้นนำสำเร็จ

ชูเกียรติหยุดฟรีคิกลูกนี้ไม่อยู่ ดีที่ผู้ตัดสินไม่ให้ประตู

คุณสุเมธ ผู้ตัดสินพยายามสงบสติอารมณ์ของจักรี เฮดโค้ชสมุทรปราการ


ช่วงพักครึ่ง แฟน ๆ กระทิงเหล็กมอบเงินที่ได้จากการบริจาคและจากการขายเสื้อจำนวน 4,717 บาทให้แก่อัครเดช เครือน้ำคำ มิดฟิลด์ของทีมที่โชคร้ายขาหักในนัดเจอกับระยองเพื่อใช้ในการรักษาตัว




แฟน ๆ มอบเงินให้กับกองกลางตัวเก่ง ผู้บาดเจ็บ


กลับมาสู้กันต่อใน 45 นาทีหลัง ทีมเยือนมีการปรับทัพ 1 ตำแหน่ง ส่งมงคล วรพรมลงมาแทนวิรัตน์ แต่เกมกลับไม่กระเตื้องขึ้น นี่เป็น 45 นาทีที่บ่งบอกได้ว่าวันนี้บางกอก เอฟซีดีกว่าสมุทรปราการจริง ๆ

แค่ 3 นาทีหลังได้น้ำได้ท่า เสมอภาคเปิดลูกเตะมุมทางฝั่งขวาให้เอเกโฉบเข้ามาโหม่ง บอลพุ่งวาบไปชนคานชนิดที่ชูเกียรติหมดสิทธิ์ลุ้นไปแล้ว ก่อนที่จะขลุก ๆ ขลิก ๆ แล้วปราการหลังทีมฟ้า-ขาวเคลียร์ออกไปได้

สองนาทีต่อมา เอเกโชว์ให้เห็นว่าเขาไม่ได้มีดีแค่ลูกหัวอย่างเดียว เมื่อพลิกหาโอกาสยิงได้สวย บอลผ่านชูเกียรติไปแล้ว ดีที่โรดริเก แผงหลังทีมเยือนมาเคลียร์ที่เส้นได้ทัน

สมุทรปราการมีโอกาสยิงก็เมื่อผ่าน 15 นาทีไปแล้ว เมื่อเกียรติศักดิ์พลิกยิงจากหน้ากรอบโทษ แต่บอลก็ไม่ตรงเป้าหมายอีก

นาทีที่ 64 วรชัยของปราการรับใบเหลืองด้วยข้อหาเหนี่ยวมุสซา มิดฟิลด์ตัวรับเจ้าบ้าน

ไม่กี่อึดใจต่อมา จักรีแก้เกมอีกครั้ง ส่งอภิชน เมืองฮามลงมาเติมเกมรุกแทนเกียรติศักดิ์ แต่กระนั้นเกมก็ยังไม่ค่อยกระเตื้องเลย ชมนันท์ ศูนย์หน้าร่างใหญ่ของทีมต้องลงมาช่วยล้วงลูกหลายครั้ง ในขณะที่บางกอก เอฟซีได้โอกาสยิงอยู่ประปราย เช่น จังหวะที่เอเกสบโอกาสยิงให้ชูเกียรติโชว์หนึบเซฟไว้ได้ แต่บอลยังอยู่ในรัศมีอันตรายอยู่ ศรัทธาเลยชาร์จเผาขนทันที โชคร้ายที่ทั้งบอลและทั้งตัวของกองหน้าความเร็วสูงคนนี้ไปชนเสาเข้า ไม่ได้สกอร์แล้วยังต้องถูกหามออกไปปฐมพยาบาลซะอีก

นาทีที่ 70 จากจังหวะโต้กลับของบางกอก เอฟซี ควาคูหลุดเข้าไปดวลเดี่ยว ๆ กับชูเกียรติ ก่อนจะส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายได้ 2-0 ซะแล้ว

ควาคูตีลังกาโชว์ซะหลายรอบเลย

ส่วนข้างสนาม เจ้าหน้าที่ของทีมเยือนที่ใส่หมวกไหมพรมถึงกับลุกมาโวยกับคุณสุเทพ

“ผมเป็นผู้ช่วยโค้ช ผมมีสิทธิ์โวย กรรมการยังไม่ให้สัญญาณเลย แต่ทำไมปล่อยให้เล่น”

ก็ไม่รู้ว่าหลังโดนจัดหนักดอกนี้ ผู้ตัดสินที่ 4 จะหันไป “มองพวกหนูที่ใส่เสื้อส้ม ๆ” คลายเศร้าหรือเปล่า?

เสียประตูที่สองทำเอาขุนพลปราการเสียศูนย์ไปเลย นาทีต่อมา เอเกแตะบอลให้ควาคูสับไก ส่งบอลพุ่งเข้าประตูไปอีกครั้ง

3-0 พูนสวัสดิ์สำหรับเจ้าบ้าน...สกอร์ที่ขาดลอยแบบนี้ทำเอาขุนพลฟ้า-ขาวเริ่มถอดใจซะแล้ว

อ.ทองสุขใช้โควต้าเปลี่ยนตัวเพื่อผลาญเวลาให้หมดไปแบบนัดที่แล้วเปี๊ยบ ส่งภูวนาท แสงศรีลงมาแทนเสมอภาคในนาทีที่ 82 และพงศธร ศรีปราชญ์ลงมาแทนศรัทธาในนาทีสุดท้ายของการทดเวลาเจ็บ

ก่อนที่คุณสุเมธจะพ่นลมสุดท้ายใส่นกหวีดแค่อึดใจเดียว แผงหลังทีมเยือนส่งบอลกลับหลังพลาด เอเกโฉบเอาบอลไปได้ แต่ถูกชูเกียรติปิดมุมไว้จึงยิงไปชนเสาแรก พลาดโอกาสมีชื่อบนสกอร์บอร์ดไปอย่างน่าเสียดาย

แต่กระนั้น บางกอก เอฟซีก็สามารถต่อชะตาชีวิตได้สำเร็จเมื่อเอาชนะสมุทรปราการไปได้สวยงาม 3-0




ชูเกียรติลอยตัวเคว้ง ดีที่ลูกโขกของเอเกไปชนคาน

อามัวห์เรียกบอลจากเพื่อน ๆ

เสมอภาคกดฟรีคิกอีกครั้ง

ณัฐพงษ์เบียดซะจนชมนันท์ลงไปกลิ้ง

ผู้เล่นทั้งสองทีมประกบกันอย่างถึงพริกถึงขิง


“เราได้ 3 แต้มก็ถือว่าดี พอใจมาก แต่รูปเกมที่เราซ้อมมานั้น นัดนี้ก็ยังมีบางจุดที่ขาดตกบกพร่องไปบ้าง ดีที่เราได้สกอร์เร็ว แล้วสิ่งที่ดีอีกอย่างคือทำให้เรายังมีความหวังอยู่ ถ้าเราชนะแม็ทช์หน้าได้ เราก็มีโอกาสไปเพลย์ออฟ” คือเสียงแห่งความปลาบปลื้มของอ.ทองสุข

ในขณะที่ฝ่ายแพ้นั้น จักรี หนองน้อยเฮดโค้ชของทีมไม่ได้โทษกรรมการเหมือนอย่างแฟนบอลคนหนึ่งที่ลุกขึ้นมาชี้หน้า “คณะเสื้อเหลือง” ขณะเดินออกจากสนาม พร้อมกับให้ของชำร่วยซะ 1 ดอก

“ผมยอมรับว่าลูกทีมเล่นไม่ดี คือถ้าเราเล่นดีแล้วแพ้ไปตามมาตรฐานที่เคยแพ้ ผมว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเก็บไปคิด เพราะบอลพอมาถึงตรงนี้มันไปหนักที่นัดเยือนภูเก็ตอยู่แล้ว วันนี้เราต่ำกว่ามาตรฐานมาก เสียบอลง่าย แต่ผมคิดว่าพวกเขาทำเต็มที่แล้ว ผมไม่อยากแก้ตัวว่าที่แพ้เพราะโดนแบน 3 คนหรอก นัดที่แล้วเราก็โดนแบน 6 คนแต่เอาตัวรอดมาได้ ก็ต้องขอโทษแฟนบอลที่มาเชียร์กันเยอะมากมาย ตัวผมก็ผิดหวังที่แพ้ แต่กีฬามันก็ต้องมีแพ้มีชนะ”

สถานการณ์ตอนนี้ ชัยนาทแค่เสมอก็ได้เลื่อนชั้นแล้ว และด้วยความเคารพต่อเลย ซิตี้ ผมคิดว่านัดหน้าระยองน่าจะชนะ “ผีตาโขนออกศึก” ได้แน่ ๆ ทำให้ภูเก็ตยังต้องการแต้มอยู่เพื่อไม่ให้ “ม้าลำพอง” จากภาคตะวันออกพลิกแซงไปได้

ชัยนาทกับภูเก็ตต่างก็ต้องการแต้ม ดังนั้นโควต้าเพลย์ออฟสุดท้ายที่สมุทรปราการกับบางกอก เอฟซีต้องแย่งกันนั้นหนักหน่วงแน่นอน เพียงแต่ขุนพลป้อมปราการยังมีทางเลือกมากกว่า...แค่ชนะเท่านั้น หรือถ้าเสมอหรือแพ้ก็ยังได้ลุ้นในกรณีที่กระทิงเหล็กไม่ชนะด้วย

“หลังพิงฝาแล้วมาถึงตรงนี้ ไปภูเก็ตเรารู้อยู่ว่าหนัก แต่หนักยังไงก็ต้องเปิดสู้เต็มที่แน่ เดิมเราคิดว่าถ้าได้แม็ทช์นี้ก็จะเบาหน่อย แต่พอไม่ได้แต้มก็ต้องวัดที่นัดหน้าอย่างเดียว ถ้าถามว่ามั่นใจไหม ผมทำทีม ผมต้องบอกว่ามั่นใจอยู่แล้ว” อดีตเฮดโค้ชนครนายกในรอบภูมิภาคและเฮดโค้ชสมุทรปราการในรอบแชมเปียนส์ลีกเผยความรู้สึก

สมุทรปราการยัง “พอ” มีโอกาสเลือก แต่บางกอก เอฟซี...ไม่มี นอกจากชนะแล้ว ยังต้องส่งใจไปแช่งทีมฟ้า-ขาวถึงภูเก็ตด้วยจึงจะมีหวัง สถานการณ์แบบนี้ผมคิดถึงเพลงกระบี่ไร้เทียมทาน เวอร์ชันภาษาไทยเลย

“สุดขอบฟ้านั้น ใครไม่อาจไปถึง บนดอยหุบเขาสูง แม้เพียงเฉียดเมฆา ชะตาชีวิตนั้น มันสูงเหลือคณา ดังทิวาลับไป...”

หุบเขาสูงลิบที่ชาวกระทิงเหล็กต้องฝ่าฟันไปให้ถึงขอบฟ้านั้นก็คือ “เขาพลอง” รังเหย้าของทีมชัยนาทนั่นเอง

“เราก็ต้องชนะสถานเดียวก่อน ถ้าสมุทรปราการแพ้หรือเสมอ เราก็เข้าเลย ถ้าเด็กเล่นได้แบบนี้ กล้าเล่น กล้าต่อบอล กล้าทำเกม เราไม่กลัว โอกาสที่จะได้เพลย์ออฟผมว่ามัน 50-50 เพราะนอกจากดูผลทีมเราแล้ว ยังต้องดูผลของสมุทรปราการด้วย ผมไม่รู้ว่าเรามาช้าไปไหม แม็ทช์แรก ๆ ถ้าเรามีโอกาสยิงชนะทีมอื่นแบบนี้ได้ มันก็ไม่ต้องลุ้นแล้ว เราเล่นดีมาตลอด แต่สกอร์ดันไม่มี” อ.ทองสุขวิเคราะห์สถานการณ์ของทีม




ขุนพลกระทิงเหล็กขอบคุณแฟนบอล

นักเตะป้อมปราการขอบคุณกองเชียร์ของทีมตนเอง


คริสต์มาสปีนี้คือวันชี้ชะตาของทุกทีม บางกอก เอฟซีและสมุทรปราการจะมีเหลือรอดไปเพลย์ออฟเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น...ผมตกอยู่ในสถานการณ์ “รักพี่เสียดายน้อง” อีกครั้ง

ตอนจบของกระบี่ไร้เทียมทาน...เอาแค่ประเด็นต๊กโกวหงส์และโป่วเฮียงกุนนะ

ฮุ้นปวยเอี๊ยงเกือบได้แต่งงานกับต๊กโกวหงส์แล้ว แต่มารู้ความจริงว่าทั้งสองเป็นพี่น้องต่างมารดากัน หลังจากนั้นก็จากกันไป

ต๊กโกวหงส์พลาดท่าถูกตัวร้ายอย่างก้วงตงลิ้วทำร้าย จนต้องโดดหน้าผา หายสาบสูญไป

ฮุ้นปวยเอี๊ยงกลับมากู้ยุทธภพจากพวกมารได้สำเร็จ โดยมีโป่วเฮียงกุนช่วยเหลือ แต่สุดท้ายเขาเลือกที่จะอำลายุทธภพไป โดยไม่บอกลาแม่นางโป่วด้วยซ้ำ ทิ้งให้นางช้ำรักอย่างเดียวดาย

ผมคิดว่าคริสต์มาสปีนี้ คงต้องทำตัวแบบฮุ้นปวยเอี๊ยงนั่นแหละ หนีไปจากยุทธภพบอลดิวิชัน 2 ใครจะอยู่ ใครจะไป ขึ้นอยู่กับชะตากรรมและฝีเท้าของทั้งสองทีม แต่ไม่ว่าจะออกหน้าไหน ผมก็พร้อมจะยินดีกับทีมนั้นด้วย

พระจันทร์วันขึ้น 13 ค่ำแม้จะไม่เต็มดวงดีนักแต่ก็ส่องแสงสวยงาม นวลตายิ่ง

“...เหม่อมองแสงจันทรา ยิ่งพาเศร้าใจ”

วินาทีที่ผมมองขึ้นไปบนท้องฟ้าเหนือสนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติบางมด แล้วเห็นพระจันทร์ที่เหมือนจะเต็มดวงแล้ว ผมจึงได้รู้ว่าทำไมคนแต่งเพลงกระบี่ไร้เทียมทาน เวอร์ชันภาษาไทยถึงต้องลงท้ายเพลงด้วยเนื้อหาแบบนี้...ช่างแทนความรู้สึกของฮุ้นปวยเอี๊ยงได้ดียิ่งนัก

แม้จะสวยงาม แต่ดวงจันทร์ช่างดูเศร้าและทำให้เราคิดถึงใครสักคนเสมอ (ไม่งั้นในหนัง ในละคร เวลาตัวละครคิดถึงใครจะมามองดวงจันทร์หรอ?)

แม่นางหงส์ในชีวิตจริงของผมก็หายสาบสูญไปเช่นกัน ก็ยัยดั๊กกี้ที่เคารพรักนั่นแหละ

ดั๊กกี้แปลว่า “เป็ด” หงส์ในความคิดของแฟนบอลบางกลุ่มก็หมายถึง “เป็ด” เหมือนกัน แหม! ช่างคล้องอะไรเช่นนี้

มองดวงจันทร์คืนนี้แล้วผมคิดถึงยัยดั๊กกี้...คนที่น่ารัก แสนดีและช่างเง้างอนคนนั้น วันนี้เธอหายสาบสูญไปแล้ว เหลือไว้แต่ใครก็ไม่รู้...ที่ผมไม่รู้จักเลย

อันนี้ไม่เกี่ยวกับบอลเลยครับ แค่ขอพร่ำเพ้อส่วนตัวนิดนึง...ให้ดูเศร้าสร้อยแบบจอมยุทธผู้เดียวดายสักหน่อย T_T

เสาร์หน้า แรม 4 ค่ำ ไม่รู้ว่าพระจันทร์จะแจ่มชัดแค่ไหน? แต่กระนั้นผมก็ไม่อยากให้ทั้งบางกอก เอฟซีและสมุทรปราการต้องมีความรู้สึกแบบ...

“เหม่อมองแสงจันทรา ยิ่งพาเศร้าใจ” เลย (แม้จะรู้ว่าต้องมีหนึ่งทีมก็เหอะ)




Create Date : 20 ธันวาคม 2553
Last Update : 20 ธันวาคม 2553 6:17:12 น.
Counter : 1907 Pageviews.

2 comments
  
H.E.L.L.O.H.E.L.L.O.!.!.!. สวัสดีตอนเช้าๆคร๊าบบบ ~
โดย: MaFiaVza วันที่: 20 ธันวาคม 2553 เวลา:6:31:22 น.
  
คุณบรรยายได้ชัดเจนมากๆๆๆๆๆๆ ขอให้คุณมีสังกัดเร็วๆนะ แล้วพบกัน
โดย: ผู้ตัดสินที่4 IP: 119.42.68.125 วันที่: 21 ธันวาคม 2553 เวลา:14:57:17 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Futbolreview.BlogGang.com

baevi
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]