สัปดาห์หฤโหด แต่วันนี้โหดที่สุด
อัพเดตบล็อกแบบแห้งๆ อีกครั้ง มีแต่ตัวอักษรล้วนๆ ไม่มีรูปถ่าย
กระนั้นก็เต็มไปด้วยอารมณ์และเรื่องราว ที่รู้สึกว่าต้องบันทึก
ว่าครั้งหนึ่งฉันเคยคิด เคยทำ เคยเจอเรื่องแบบนี้

หลังจากตื่นเต้นกระตือรือร้น กับหลายหลากวิชาน่าเรียนในเทอมใหม่
เมื่อสองสามสัปดาห์ก่อน ที่อยากเรียนมันไปเสียหมดจนแทบจะทำเรื่อง
ขอลงเกินหน่วยกิต ผ่านไปสองสัปดาห์งานสุมเข้าจนหน้ามืด
แถมน่าแปลกที่เทอมนี้ งานเกือบทุกวิชาเป็นงานกลุ่ม และชิ้นใหญ่

การทำงานกลุ่มย่อมหนีไม่พ้น การต้องพูดคุยปรึกษากัน ระดมความคิด
ซึ่งแน่นอนว่าขั้นตอนนี้ คุยทางอินเทอร์เน็ต หรือโทรศัพท์ไม่ได้ผลแน่ๆ
การจัดสรรเวลาให้ว่างตรงกันก็ยากแสนยาก อย่างที่เคยเล่าไปว่า
เทอมนี้เราว่างเช้าอังคาร บ่ายพุธ และบ่ายพฤหัส ซึ่งเจื้อยแจ้วตัวดี
ก็ลงมันเสียเต็มหมด เพื่อนๆ ที่เหลือก็จะลงกันสองวิชาบ้าง วิชาเดียวบ้าง

ผลัดกันว่างบ้างไม่ว่างบ้างตามประสา แต่เรานั้นไม่ว่างเอาเสียเลย
นอกจากวันพุธ 10.00-12.00 น. เท่านั้นที่จะคุยงานกลุ่มได้
ครั้นจะให้เพื่อนรอเราจนเลิกเรียนบ่อยๆ เข้า ก็ดูเป็นเรื่องน่าเกรงใจอยู่มาก
แต่ก็ยังพอพูดคุย จนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว วันพุธที่ฉันเคยว่างก็ดันไม่ว่าง
เพราะต้องไปกรอกใบสมัครขอฝึกงาน ที่บริษัท ออกแบบ Landscape
แถวอารีย์ และบ่ายต้องกลับมาเรียนอีกหนึ่งวิชาให้ทัน

พุธนั้น(24 พ.ย. 2553)ต้องออกไปเรียนนอกสถานที่(วิชานี้เจ๋งมาก
ได้ไปนอกสถานที่ถึง 7 ครั้งในหนึ่งเทอม) ฉันกลับมาไม่ทันคุยงานกับเพื่อน
และเพื่อนก็ไม่ทราบว่าจะแบ่งงานให้ทำได้อย่างไรถ้าไม่ได้คุยกันตั้งแต่ต้น
ฉันรีบไปเรียนพอกลับถึงบ้านก็โทร.ไปถาม เพื่อนบอกว่ารอพรุ่งนี้แล้วกัน

พอวันรุ่งขึ้น(25 พ.ย.2553) เพื่อนๆ ก็ต่างนำงานที่แบ่งกันไปผลิตมาอวดกัน
ส่วนเราไม่ได้ทำอะไรมา ถามว่ามีอะไรให้ทำไหมก็ไม่มีๆ มันทำให้เรา
รู้สึกผิด และรู้สึกไร้ค่ามากๆ(ไม่รู้ว่าอารมณ์แปรปรวนไปหรือเปล่า)
เกือบกลั้นน้ำตาไม่อยู่แอบไปโทร.หาพ่อในห้องน้ำ พ่อบอกให้ใจเย็นๆ
ค่อยๆ ตั้งสติ แล้วคิดว่าจะแก้ปัญหายังไง

ฉันคิดได้ว่า เราเอาแต่ถามว่ามีอะไรให้ช่วยไหม ไม่ได้พยายาม
ที่จะหางานทำเองเลยนี่นา เลยออกจากห้องน้ำ ชวนเพื่อนคุย
ว่าตกลงงานนี้ใช้concept อะไร ทำไมถึงวางผังแบบนี้
เพื่อนก็บอกว่าconcept น่ะมีนะ แต่ไม่รู้จะเรียบเรียงออกมาอย่างไร
อ่าวอย่างนี้ก็เสร็จโจร งานแบบนี้แหละเราถนัด ก็เลยนั่งทำ powerpoint
แผ่นconcept เรียบเรียงจากที่เพื่อนพูดๆ กันมา แล้วก็เรียงงาน
ของแต่ละคน ไรท์ใส่แผ่นเป็นอันเสร็จเรียบร้อย เสร็จก่อนกลุ่มอื่นถึงหนึ่งวัน

พอทำงานเสร็จบ่ายนั้นฉันเริ่มรู้สึกถึงความวิกฤตของงานกลุ่มอีกวิชา
ที่จะต้องนำเสนอกันทุกวันอังคารและศุกร์ เมื่อวันอังคาร กลุ่มเรา
ทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ ยังไงวันศุกร์ต้องมีมาเต็ม ฉันเลยตัดสินใจโดดเรียน
วิชาโบราณคดีไทย ที่เป็นวิชาเลือกนอกคณะ เพื่อทำงานกลุ่มจนเสร็จ

วันศุกร์(26 พ.ย. 2553) เย็นเราต้องไปทำงานกลุ่มอีกวิชาหนึ่ง
ที่บ้านของเพื่อนแถวลาดพร้าว วิชาสตูดิโอ(ปฏิบัติการการออกแบบ)
เลิกเย็นได้ใจ หกโมงกว่าแอบแง้มที่บังแดดในห้องออก เห็นฟ้ามืด
นั่งแท็กซี่จากคณะไปลาดพร้าว กว่าจะถึงบ้านเพื่อนสองชั่วโมงเต็ม
อาศัยขนมปังกรอบของพี่แท็กซี่ประทังชีวิต เพื่อนที่เป็นเจ้าของบ้าน
ที่เป็ยผู้ชายคนเดียวในกลุ่ม แอบมาบ่นๆ ทีหลังว่าจริงๆ จะห้ามไม่ให้กินแล้ว
มันอันตรายมากนะ แต่พี่เค้าก็ดูสงสารเราจริงๆ และตอนนั้นหิวมากจนไม่คิดอะไร

ถึงบ้านเพื่อน แม่เพื่อนเตรียมอาหารไว้ให้กินเต็มที่ เราก็หิวนะแต่ก็กิน
พอๆ กับวันปกติอยู่ดี ขึ้นไปอาบน้ำทำงานกันจนใกล้ๆ เช้า
เริ่มพูดจาไม่รู้เรื่อง งานไม่เดิน เราขอนอนตอนตีห้าแต่ไม่หลับ
เลยลุกขึ้นมาทำงานต่อ ส่วนเพื่อนที่เหลือตัดสินใจนอนกันตอนหกโมง
เราทำงานต่อได้ไม่นาน ก็หลับตามไป ตื่นมาตอนเจ็ดโมง
เจ้าของบ้านบอก ให้ปลุกเจ็ดโมงเหมือนกัน แต่ทุกคนพร้อมใจกัน
ปลุกตอนแปดโมงเพราะมีประสบการณ์จากเมื่อคืนว่า ชายคนนี้
ตอนง่วงทำงานไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ ทำ Sketch Up(โปรแกรมขึ้นรูปสามมิติ)
รูปเดียวสองสามชั่วโมง แทบไม่ได้อะไรเลย

กว่าจะสำเร็จส่งงานให้เพื่อนอีกคนที่มาค้างไม่ได้ไปจัดหน้ากระดาษ
เตรียมปริ๊นท์ลองกระดาษขนาด A1 จำนวน 2 แผ่น ก็เกือบๆ บ่ายสอง
กินราดหน้าฝีมือแม่เพื่อน(อร่อยมากอีกแล้ว) ก่อนกลับ นั่งแท็กซี่
กลับกันมาสามคน ถึงหอง่วงสุดๆ แต่ยังเหลืองานอีกนิดหน่อย
ส่งให้เพื่อนตอนสามทุ่มกว่าๆ จากนั้นก็หลับเป็นตาย

วันอาทิตย์(28 พ.ย. 2553) ทำตัวว่างทั้งวัน ไม่ออกไปไหน
นอนกลิ้งไปมาอ่านนิยาย ทั้งๆ ที่รู้ว่าวันพุธ(1 ธ.ค. 2553)นี้
จะต้องส่ง portfolio ให้บริษัทที่จะไปฝึกงานแล้ว

เรื่องฝึกงานนี่ก็เป็นเรื่องใหญ่ของเด็กปีสี่ คณะเราในช่วงนี้
ต้องหาที่ฝึกงาน ซึ่งตามหลักสูตรภูมิสถาปัตยกรรมศาสตร์บัณฑิต
กำหนดให้มีชั่วโมงฝึกงานอย่างน้อย 160 ชั่วโมง ช่วงปิดภาคฤดูร้อน
ในบริษัทที่มีภูมิสถาปนิกอาวุโสทำงานอยู่ ต้องขอจดหมายคำร้อง
ขอฝึกงานจากที่ภาควิชาซึ่งขอได้ครั้งละหนึ่งบริษัทเท่านั้น และรอ
การตอบรับจากทางบริษัท ไม่สามารถสมัครทีละหลายๆ บริษัท
แบบเหวี่ยงแห เพราะจะเป็นการจำกัดสิทธิ์ของผู้อื่น

ก็เลยต้องนั่งเกร็งกันว่า บริษัทที่เราสมัครไปจะตอบรับมาหรือไม่
เค้าปฏิเสธ หรือไม่ตอบกลับมาเลยเป็นเวลานานพอสมควร
เราจึงจะสามารถไปสมัครที่ใหม่ได้ สำหรับฉันเลือกสมัครบริษัท
แถวอารีย์ ที่พี่รหัสทำงานอยู่ เป็นบริษัทภูมิสถาปนิกที่ก่อตั้ง
ในยุคแรกๆ ของประเทศไทยบริษัทหนึ่ง ซึ่งดำเนินการ
ไปกรอกใบสมัครขอฝึกงานที่บริษัทกับเพื่อนอีกคนหนึ่งไว้เรียบร้อย

แต่ยังให้เอกสารไม่ครบคือ portfolio(แฟ้มสะสมงาน)
และใบคำร้องขอฝึกงานจากที่ภาค ซึ่งตกลงกันกับเพื่อนว่าจะนำไปส่ง
ในวันพุธ(1 ธ.ค. 2553) นี้ ฉันตกลงใจว่าจะรวบรวมงานที่ผ่านมา
สแกน จัดเพลทในคอมแล้วนำไปอัดที่ร้านอัดรูปในวันอังคารตอนเย็น
ดังนั้นฉันจึงควรทำเพลททั้งหมดให้เสร็จภายในวันจันทร์ หรือวันอังคาร
ก่อนร้านปิด งานฉันเลือกงานเฉพาะชิ้นที่ดูสมบูรณ์ และค่อนข้างชอบ
(เอาไว้คราวไหนสักครวามหนึ่งอาจจะนำมาลงให้ดูกัน)

ฉันไม่อยากไปสแกนที่ร้านเพราะคิดว่า ใช้แสกนเนอร์ที่บ้านก็ได้
ไม่ต้องเสียเงิน แต่การใช้เครื่องสแกนขนาดเล็ก ต้องสแกนหลายครั้ง
แล้วจึงนำภาพมาต่อกันในโฟโต้ชอป เป็นเรื่องเสียเวลามาก
แต่ก็เหมาะกับคนที่แก้งานไป สแกนไปอย่างฉันดีอยู่แล้ว
เสียแต่ว่า เรามีเวลาแค่นี้เองน่ะสิ

สุดท้ายฉันก็ทำจนเสร็จเป็นที่หน้าพอใจในเวลาเท่านี้
นำไปอัดเช้าวันพุธก่อนไปเรียน เลิกเรียน 10 โมงก็ไปรับงานที่ร้าน
โทรหาเพื่อนที่จะไปด้วยกัน ปรากฏว่าเธอท้องเสีย และยังทำงาน
ไม่เสร็จ เราหงุดหงิดนิดหน่อยที่รีบทำแทบตาย แต่ก็คิดว่าเป็นเหตุสุดวิสัย
เพื่อนเสนอว่าจะนำไปส่งให้ในวันพฤหัส ซึ่งฉันไม่มีเวลาว่างไปด้วย
เธอบอกว่าจะโทร.บอกที่ออฟฟิซให้ แล้วก็เงียบหายไป

เมื่อมีเวลาเพิ่มอีกหนึ่งคืน ฉันจึงน้ำรูปที่อัดไปแป๊ะกับกรัดาษอีกชั้นให้แข็งแรง
พร้อมส่งในวันรุ่งขึ้น

2 ธ.ค. 2553

เมื่อคืนนี้ฉันนั่งเขียนรายการสิ่งที่จะต้องทำในวันนี้เอาไว้
8.00 ขยายแบบทำวิชาสตูดิโอที่สามย่าน(ไม่ได้ไป)

8.45 ก่อนเข้าเรียนต้องไปปริ๊นท์รูป เขียนรายงานสถานที่ที่เลือก
ในการสำรวจระบบวิเวศส่งวิชา Man&Eco

9.00 เข้าเรียนวิชา Man&Eco และส่งงาน

12.00 เลิกเรียน โทร.หาเพื่อนที่บอกว่าจะเอางานไปส่งให้
แต่เธอไม่มาเรียนตอนเช้า ปรากฏว่าเธอยังไม่เสร็จเช่นเดิม
และถามฉันว่าขอใบคำร้องขอฝึกงานจากที่ภาคหรือยัง
ฉันคิดว่าเออ ยังไม่ได้ขอ เลยลืมบ่นไปสนิทว่าทำไมป่านนี้
พอร์ทยังไม่เสร็จ

จริงๆ แล้วฉันหงุดหงิดมากนะ แต่ก็ตกลงว่าเลื่อนไป
พุธหน้า(อีกแล้ว)แล้วกัน

12.15 กินข้าว ทำงานวิชา Cost Estimate ที่ต้องส่งวันนี้ไปด้วย
บ่ายต้องรีบไปเรียนโบราณคดีไทยอีก ทำให้ต้องรีบส่งก่อน
แม้ว่ากำหนดส่งได้ถึงห้าโมงเย็นก็ตาม

12.25 ระหว่างที่นั่งคุยไป กินไป ทำไป ความรู้สึกที่อยากถอน
วิชาบ่ายพฤหัสก็กลับมาอีก เพราะถ้าเรามีช่วงว่างซักครึ่งวัน
ในหนึ่งสัปดาห์นั้นนับว่าเป็นสวรรค์ ให้เราได้มีเวลาจัดระเบียบชีวิต

12.30 ปรึกษาเพื่อนที่เคยถอน เพื่อนบอกว่าตอนถอนใช้เหตุผลว่า
เวลาเรียนไม่พอแต่สำหรับเราที่ยังไปเรียนอย่างต่อเนื่อง สามารถ
ใช้เหตุผลว่า'มีแนวโน้มว่าจะไม่สามารถ เข้าเรียนครบ 80% ตามที่กำหนดได้'

12.40 ยังคงนั่งคุยและถามงานเพื่อน

13.กว่าๆ ขึ้นไปส่งงานของตัวเองและของเพื่อนที่เหลือ ปรากฏว่าห้องภาค
ยังปิดอยู่

13.เท่าไหร่ไม่ทราบแล้ว ตัดสินใจเดินดุ่มไปขอ'ใบถอน' เจ้าหน้าที่ถามว่า
เป็นเด็กหลักสูตรนานาชาติหรอคะ เราบอกว่าเปล่า เค้าเลยถามว่า
แล้วจะขอใบทำไม ให้ไปลดในอินเทอร์เน็ตได้เลย เราก็เหวอ
เพราะเห็นว่าพ้นช่วง เพิ่ม/ลด รายวิชาไปแล้ว ไม่เคยทราบเลยว่า
หลังจากช่วงเพิ่ม/ลด ประมาณเดือนหนึ่ง เป็นช่วงลดอย่างเดียวไม่ให้เพิ่ม

ปกติไม่เคยมาลดตอนหลังนี่นา และการลดในช่วงเวลานี้
จะไม่มี w (withdraw) ปรากฏใน transcript ด้วย เยี่ยมมาก
เพราะจริงๆ ฟังที่เพื่อนเล่าถ้าพ้นช่วงนี้ไปแล้วอยากถอน ต้องล่าลายเซ็น
ทั้งอ.ที่ปรึกษา อ.ประจำวิชา และผ่านขั้นตอนอีกหลายขั้นที่
ค่อนข้างวุ่นวาย เราจึงกังวลไม่กล้าถอนตลอดมา

ต้องบันทึกไว้สักหน่อย ถึงสาเหตุที่ถอนวิชานี้

1. เป็นวิชาที่ต้องทำงานส่งในคาบเรียนทุกครั้ง(ใครๆ ก็บอกว่าไม่เหมาะ
กับเด็กคณะเราอย่างยื่ง)
2. เราเลือกวิชานี้ในหมวด free elective ซึ่งจากการลงวิชาในคณะอย่าง
บ้าคลั่งพบว่าทำให้หมดนี้ครบไปแล้วโดยปริยาย
3. วิชานี้มีทริปสองครั้งที่ขาดไม่ได้ ถ้าขาดต้องไปซ่อมต่างหาก
และคณะเราดันไปเรียนวิชานี้อยู่คนเดียว เกรงว่าอาจจะเป็นคน
ที่มีปัญหาอยู่คนเดียวก็ได้ เพราะมีช่วงส่งงานไม่เหมือนชาวบ้านเขา
4. ตอนนี้วิชาในภาคทุกวิชามีทริป บางวิชาทริปงอกได้เรื่อยๆ
มีโอกาสไปชนกับวิชาเลือกได้
5. วิชาบ่ายวันพุธที่ลงของภาค มีเนื้อหากล่าวถึงเรื่องคล้ายๆกัน
แต่ย่อยมาให้เหมาะกับการนำไปประยุกต์ใช้ได้ง่ายกว่า

6. ความลับของเด็กคณะนี้ก็ คือ ชอบสไตล์การสอนของ
อาจารย์คณะตัวเองมากที่สุด


วันนี้เราจึงถอนวิชานี้ไปเรียบร้อยพร้อมกับความโล่งใจ โดยหารู้ไม่
ว่าความปลอดโปร่งอย่างนี้มันอยู่กับเราไม่นาน

ประมาณบ่ายโมงครึ่ง

ฉันขึ้นไปที่ห้องภาคเพื่อ ขอใบคำร้องขอฝึกงาน
แต่ปรากฏว่า สิ่งที่ฉันลืมไป คือ ฉันและเพื่อนอีกสองคนเคยลงชื่อไว้ที่หนึ่ง
ก่อนที่บริษัทที่ฉันติดต่ออยู่ในปัจจุบันจะเรียกให้ไปเขียนใบสมัคร
ทีแรกยังไม่กล้าไปแก้ชื่อบริษัท เพราะเกรงว่าบริษัทที่อารีย์จะไม่รับ

วันพุธก่อนที่ฉันออกไปเรียนวิชาเลือกข้างนอก อาจารย์หัวหน้าภาควิชา
เรียกนิสิตปีสี่มาประชุมชี้แจงว่า ถ้ายังไม่มั่นใจว่าจะไปที่นั้นแน่ๆ
อย่าเพิ่งลงชื่อ และให้แก้ไขในวันพุธนั้น ให้เก็บชื่อไว้แต่คนที่มั่นใจ
แล้วทางภาคจะส่งหนังสือไปให้ที่บริษัท ยกเว้นคนที่บอกว่าจะไปยื่นเอง

ฉันไม่ได้อยู่ประชุมและลืมเรื่องการแก้ไขชื่อบริษัทไปเสียสนิท
เพื่อนๆ ทุกคนก็เข้าใจว่าฉันแก้ไขแล้ว เมื่อหมดวันแก้ไขที่ภาค
ก็ทำหนังสือส่งไปยังบริษัทเป็นที่เรียบร้อย และจะเป็นการเสียหายมาก
หากนิสิตปฏิเสธที่จะไม่ไป อ.หัวหน้าภาคฯท่านบอกว่า ตอนเราส่ง
หนังสือไปใช้คำว่า'กรุณารับนิสิตคนดังกล่าวเข้าฝึกงานด้วย'
แล้วพอเค้าตอบรับ จะให้ภาคออกหนังสือไปบอกปฏิเสธได้หรือ

ซึ่งถ้าหากเค้าตอบรับแล้วไม่ไป จะเป็นผลเสียกับรุ่นน้องรุ่นต่อๆ ไปอย่างมาก
และนี่ก็ผ่านวันที่ให้แก้ไขชื่อมาเป็นสัปดาห์แล้ว อาจารย์ช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ

มีหนทางเดียวคือ หารุ่นพี่ที่รู้จักในบริษัทเป็นการส่วนตัว แล้วให้เค้า
ช่วงระงับการตอบรับอย่างลับๆ ก็คือ ทำอย่างไรก็ได้ไม่ให้เค้าตอบรับกลับมา
ที่ภาควิชา โดยการเจรจาจะต้องไม่เกี่ยวข้องกับภาควิชาและบริษัทโดยเด็ดขาด

ฉันเครียดมากจริงๆ เพราะเป็นความผิดของตัวเองหนึ่ง และตอนที่ติดต่อ
ในตอนแรกเพื่อนเป็นติดต่อ แล้วใส่ชื่อไปกันสามคน แต่อีกสองคน
ถอนชื่อกันไปหมดแล้ว บริษัทนั้นก็อยู่ถึงหัวหมาก ส่วนทางฉันก็
ติดต่อวิ่งเต้นดำเนินการ สมัครบริษัทที่อารีย์ จนจะส่งพอร์ทอยู่รอมร่อ

น่าน้อยใจอีกนิด(พักนี้น้อยใจบ่อย) คือ เพื่อนที่ไปด้วยกันลงชื่อ
ไปและทางภาคส่งหนังสือไปให้เรียบร้อยแล้วเพียงชื่อเดียว
ทั้งๆ ที่เราเป็นคนติดต่อมาตลอดแท้ๆ เฮ้อ...

น้ำตาทำท่าจะไหลอีกแล้ว ต้องขอบคุณออยล์ที่ยังอยู่ด้วยกัน
แต่ที่ประจวบเหมาะอย่างยิ่ง คือเราลืมเอาโทรศัพท์มือถือมาด้วยซะได้

ลงไปชั้นล่างถามเพื่อนคนไหนก็ไม่มีพี่ที่รู้จัก โทร.พี่รหัสด้วยมือถือออยล์
โดยขอเบอร์โทร.จากใหม่ สน. พี่ก็ไม่รับ หลังจากเดินวนถามเพื่อนจนทั่ว
สุดท้ายพี่รหัสโทร.กลับมา ทราบว่าพี่ที่ทำงานอยู่บริษัทที่หัวหมาก
เป็นพี่ที่คุ้นเคยกันใช้ได้ เลยโทร.ไปขอความช่วยเหลือ พี่ก็เข้าใจว่า
เราไปฝึกที่นั่นไม่ไหว เพราะไกลมาก และรับว่าจะดูเอกสารให้
ถ้าเจอจะรีบ'แฮป'(เก็บไว้) ให้เลย ไม่นานพี่ก็โทร.มา บอกว่าพี่เจอแล้ว
เราชื่อ...ใช่มั้ย พี่เก็บไว้ให้แล้วนะ เราก็ขอบคุณพี่ยกใหญ่ที่ทำให้เรา
รอดชีวิตในวันนี้ ขอบคุณพี่เล้ง(พี่รหัส) และพี่แยมนะคะ

เรากับออยล์เลยรีบกลับไปแจ้งเรื่องที่ห้องภาค ว่าระงับจดหมายไปแล้ว
และลงชื่อขอใบคำร้องใหม่ โดยบอกว่าจะนำไปส่งเองพร้อมพอร์ทวันพุธหน้า

งานนี้ต้องขอบคุณออยล์อย่างมากมายมหาศาลจริงๆ ที่ทั้งอยู่ข้างๆ
ปลอบใจช่วยถามเพื่อนๆ และให้ยืมมือถือ(สำคัญมากๆ)

ออกจากคณะบ่ายสองกว่าๆ ตามกำหนดเดิม

16.0015.00 ไปรับเลนส์ที่ศูนย์ Niks สีลม ซ.12

รับเลนส์ 10-24 ของ Tamron ที่ขึ้น Error01 ยังดีที่อยู่ในประกัน
เห็นว่าเปลี่ยนไดอะแฟรม ค่าของจริงๆ สองพันได้
จากนั้นรีบกลับหอ บีทีเอสจากช่องนนทรี ต้องเปลี่ยนสายที่สยาม
ดันลืมลง แบบว่ายืนมาตลอด สยามคนลงเยอะเลยนั่งพัก
อ่าวเลยไปสนามกีฬา เบลอจริงๆ

16.00 ถึงหอเก็บของ วันนี้มีนัดวัคซีนป้องกันบาดทะยัก เข็มที่ 3
ซึ่งต้องฉีดกันสามเข็ม ตอนปิดเทอมโดนประตูเหล็กหน้าหอบาด
ฉีด 0 - 1 - 6 คือฉีดวันนั้นหนึ่งเข็ม หนึ่งเดือนถัดมา 1 เข็ม
และหกเดือนถัดมาเป็นเข็มสุดท้าย ตอนนี้เรามีภูมิคุ้มกันเต็มเปี่ยมแล้ว

ไปรอหมอประมาณ 50 นาทีได้(แค่รอหมอเซ็นสั่งยาเท่านั้น
ตอนฉีดยาคุณพี่พยาบาลเป็นคนฉีดอยู่ดี ฉีดจริงๆ แค่ 5 วินาทีเอง)

รู้สึกว่าเข็มสุดท้ายนี่ ปวดแขนกว่าเข็มไหนๆ เลยแฮะ

17.00 รู้สึกว่าวันนี้มันว่างๆ หลังจากทำภารกิจไปมากมาย
คิดได้ว่าเพื่อนเคยแนะนำร้านหมอ ที่จะไปเลเซอร์ไฝออก
ว่าอยู่แถวสนามเป้า ไปดูลาดเลาหน่อยดีกว่า นั่งบีทีเอสไป
ลืมว่าสถานี้เดียว ใช้ตั๋วเดือนมันแพงกว่าหยอดเหรียญ...เซ็งจัง

ลงสนามเป้าเดินๆ หาร้านไม่เจอ โทรหาแฮม ปรากฏว่าต้องลงอารีย์
แล้วเดินย้อนกลับมา แฮมถามว่าเจื้อยจะไปหาหมอวันนี้หรอ
เราก็เอะใจ แฮมหมอเค้าปิดวันไหนบ้าง ...อ๋อ ปิดพฤหัสกับอทิตย์น่ะ
โอ...แจ็กพ็อตจริงจริ๊ง ผิดตั้งแต่ลงสถานีนี้แล้วฮ่าๆ

เลยเดินกลับมาอนุสาวรีย์ ไม่ยอมเสียค่ารถมันแล้ว
ระหว่างทางเลยได้ข้าวเหนียวมะม่วง กับเสื้อติดมือมาอีกตัว

แล้วก็มานั่งอัพบล็อกไม่ยอมทำงานอยู่นี่แล หน่อยจัง
วันนี้เจออะไรมาหลายอย่างมากจริงๆ








Create Date : 02 ธันวาคม 2553
Last Update : 2 ธันวาคม 2553 22:57:15 น.
Counter : 696 Pageviews.

8 comments
พบเจอภาพอะไร? ส่วนหนึ่งของภาพน่าสนใจจึงตัดมาใช้ คุกกี้คามุอิ
(1 ม.ค. 2567 03:56:23 น.)
ทนายอ้วนจัดดอกไม้ - จัดดอกไม้ง่ายๆ – แจกันสวัสดีปีใหม่ 2567 - กุหลาบพวงสีชมพู - ขาว ทนายอ้วน
(2 ม.ค. 2567 15:16:32 น.)
ไม่ลอดช่องโหว่ ปัญญา Dh
(2 ม.ค. 2567 13:44:30 น.)
สวัสดีปีใหม่ Rain_sk
(1 ม.ค. 2567 21:38:33 น.)
  
เอ๋ ขอเจิมก่อนนะ หุๆๆ อิอิ
โดย: minporee วันที่: 3 ธันวาคม 2553 เวลา:23:46:08 น.
  
อ่ะมาอีกรอบแล้ว

up blog แบบแห้ง ๆ หุๆๆ (พี่ทำบ่อยนะ มีแต่ข้อความไม่มีภาพหรือเพลงใด ๆ ทำตามใจของตัวเอง มีความสุขดี ทำเ่ท่าที่ตัวเองทำได้นั่นแหละดีแล้ว)

แต่ว่า ๆ กว่าจะอ่านจบ ก็เล่นทำเอาพี่เหนื่อยไปตาม ๆ เลยนะเนี่ย หุๆๆ

คืออ่านไป ทั้งรู้สึกว่าเหนื่อย ทั้งรู้สึกว่าสนุกอ่ะ ไม่รู้นะ พี่รู้สึกว่า เวลาที่มันมีปัญหาเข้ามาเยอะ ๆ แบบนี้ พี่คิดว่ามันทำให้ชีวิตมันมีรสชาติ สนุกและท้าทายมากยิ่งขึ้น (สงสัยคงโรคจิตเล็ก ๆ ) เห็นมั๊ยในที่สุดก็ผ่านไปได้ (พ่อเป็นกำลังใจให้เราด้วยเนอะ วันพ่อนี้กลับบ้านมั๊ย)

ดูวิชาเรียนแล้ว เยอะ เต็มจริง ๆ เลยเนอะ และก็ดีแล้วหละที่ถอนได้แบบไม่มีปัญหาอะไร รวมทั้งเรื่องการฝึกงานด้วยจ๊ะ ยังไงก็ขอให้การฝึกงานได้อะไรกลับมาเยอะ ๆ แระกันน๊า (เป็นกำลังใจให้ สู้ ๆ )

ดีจังเลยเนอะที่เวลาแบบนี้เรายังคอยมีเพื่อนอยู่ใกล้ ๆ

(กล้องพี่ก็ขึ้น error เหมือนกันอ่ะ ตอนนี้ส่งซ่อมอยู่ แต่พี่ใช้ canon)

ว่าแต่ฉีดบาดทะยักแล้ว แผลก็หายดีแล้วใช่มั๊ย พี่ยังจำได้ พี่ฉีดแค่เข็มเดียวก็ยังปวดมาก ๆ เลย (ฉีดตอนรถมอไซต์พาล้มเมื่อเดือนเกือบสองเดือนก่อนมั๊ง)

หลับฝันดี ๆ งานลุล่วงด้วยดีด้วยน๊า
โดย: minporee วันที่: 4 ธันวาคม 2553 เวลา:1:26:45 น.
  
อ่านบล็อกนี้
ประกอบกับแบ็คกราวน์
ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังแอบอ่าน
บันทึกของใครสักคน
ที่เขียนไว้ที่ข้างฝาบ้าน
ให้อารมณ์แปลก ๆ ไปอีกแบบหนึ่ง

^^
โดย: โสดในซอย วันที่: 4 ธันวาคม 2553 เวลา:10:56:49 น.
  
โดย: พยัคฆ์ร้ายแห่งคลองบางหลวง วันที่: 4 ธันวาคม 2553 เวลา:13:20:41 น.
  
กลับมาอ่านแบบเต็ม ๆ

อืมมมมม์ เอาใจช่วยกับเด็กในวัยเรียนจ๊ะ
โดย: พยัคฆ์ร้ายแห่งคลองบางหลวง วันที่: 6 ธันวาคม 2553 เวลา:5:35:10 น.
  
พี่อ่านแล้วเหนื่อยแทนเหมือนกันนะเนี่ย แต่ชีวิตของน้องเจื้อยแจ้วไม่ได้ยุ่งแบบนี้ทุกอาทิตย์ใช่ไหม เพราะไม่ยังงั้นจะเอาช่วงจังหวะไหนไปคิดงานเนอะ คือพี่เข้าใจว่าเรียนมาสายนี้แบบนี้บางทีมันต้องมีโมเม้นต์เงียบๆเอาไว้นั่งคิดหรือหาแรงบันดาลใจสร้างสรรค์งานอะไรแบบนี้บ้างใช่ไหม ยุ่งมากๆก็อย่าลืมหาเวลาพักด้วยนะจ้ะ

แต่ก็โชคดีที่ถอนวิชาและถอนชื่อจากที่ฝึกงานได้ไม่มีปัญหานะ อ่านไปพี่ก็ช่วยลุ้นไปแทบแย่ กับที่ฝึกงานอีกที่ที่เล็งๆไว้ พี่ก็ขอให้โชคดีให้ทุกอย่างผ่านไปอย่างราบรื่นนะจ้ะ

มาคุยเรื่องที่ไปคุยไว้ในบล็อกของพี่บ้างดีกว่า น้องเจื้อยแจ้วเรียกพี่ได้ไม่มีปัีญหาเลยจ้ะ เพราะพี่คงอายุมากกว่าหลายปีเนอะ พี่เองก็เห็นด้วยนะที่ว่าการแต่งบ้านก็เหมือนกับแต่งตัว ต้องคิดถึงเรื่องความกลมกลืน แต่หลายๆอย่างก็ต้องพึ่งการลองผิดลองถูกด้วย บางทีก็ลองอยู่หลายอย่างหลายรอบถึงจะได้จุดที่ลงตัวน่ะ

แต่พี่ว่าถ้าให้น้องเจื้อยแจ้วมีบ้านของตัวเองบ้าง สงสัยคงจะแต่งออกมาได้ดูดีกว่าพี่แน่ๆเลยเพราะเรียนมาทางนี้ด้วยล่ะเนอะ อีกอย่างคงจะสร้างบ้านเองด้วยแหละใช่ไหม อย่างพี่ทำเป็นแต่แต่งข้างใน จะให้คิดออกแบบสร้างบ้านทั้งหลังเลยอย่างที่น้องเจื้อยแจ้วเรียนนี่คงไม่เวิร์ค ฮี่ๆๆๆ
โดย: ~ Cerulean Blue ~ วันที่: 6 ธันวาคม 2553 เวลา:15:52:57 น.
  
หวัดดียามบ่ายวันอาทิตย์ค่ะน้องเจื้อยแจ้ว ..
โปสการ์ดทำมือของหนูมาถึงบ้านพี่แล้วนะคะ ..​ดีใจเป็นพิเศษเลย เพราะรู้ว่าตารางชีวิตหนูออกจะชุลมุนไม่หยอก อ่านบล็อกนี้แล้วก็มึนไปด้วย ..
จะว่าไปแล้ว ชีวิตการเรียนในมหาลับ ส่วนใหญ่ก็จะแน่นขนัดไปด้วยกำหนดการและ To do list อย่างนี้ละค่ะน้องเจื้อยแจ้ว มากบ้างน้อยบ้างตามแต่สาขา สมัยพี่นี่ จำได้ว่าหนักหนาสาหัสจนเกือบจะถอดใจไปหลายรอบเลยละ .. โชคดีว่ามีเพื่อนดี ช่วยกันลากถูลู่ถูกัง ทั้งช่วยติว ช่วยสอน จนรอดมาได้ทั้งสองรอบ ..
สู้ๆ นะคะ น้องเจื้อยแจ้ว .. จบมาแล้วก็สบายละ ชีวิตการทำงานมันดีกว่าตอนเรียนตรงไม่มีสอบ แต่ก็โหดไปอีกแบบในแง่ของความรับผิดชอบและการสร้างผลงาน .. มันดีค่ะ ..
.. สุขสันต์วันสีแดงสดใสค่ะ ..
โดย: Devonshire วันที่: 12 ธันวาคม 2553 เวลา:16:22:04 น.
  
พี่ก๋าไม่ค่อยได้เขียนบันทึกแล้วล่ะครับ
เขียนแต่บันทึกความรู้สึกในบล้อกครับ





โดย: กะว่าก๋า วันที่: 12 ธันวาคม 2553 เวลา:17:49:46 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Cruduslife.BlogGang.com

cruduslife
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]

บทความทั้งหมด