กระทู้จากห้องสวนลุมฯ ว่า " ก่อนที่คุณจะเลือกเรียนแพทย์ ... คุณคิดยังไงคะ ??? " ...
กระทู้จากห้องสวนลุมฯ ว่า " ก่อนที่คุณจะเลือกเรียนแพทย์ ... คุณคิดยังไงคะ ??? " ...

มีหมอหลายท่านร่วมแสดงความคิดเห็น น่าสนใจดีเลยนำมาแบ่งปันกัน


//www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L11638038/L11638038.html

อยากถามคนเป็นหมอ

คือเห็นหลายๆ กระทู้ที่ออกมาบอกว่า

อยากลาออก
งานหนัก
เบื่องาน กลัวโดนฟ้องร้อง


เราเลยอยากถามตามประสาคนนอกว่า

ก่อนที่คุณจะเลือกเรียนแพทย์ ... คุณคิดยังไงคะ

คิดยังไงถึงได้เลือกเรียนวิชาชีพนี้ เพิื่อเรียนจบออกมาทำงานเป็นแพทย์

อยากช่วยเหลือสังคม.........หรือ
อาชีพนี้ทำแล้วรวย............หรือ
หรือเหตุผลอะไรอื่นๆ

คือตอนนี้เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงอยากลาออก อาจจะเพราะเหนื่อยเหลือเกิน ไม่ได้พักผ่อน
หรือเพราะทำดีก็เสมอตัว ทำไม่ดีก็โดนด่า โดนฟ้อง
แต่ที่ไม่เข้าใจ คือก่อนจะเข้ามาเรียนแพทย์ ไม่เคยคิดถึงความกดดันต่างๆ เหล่านี้มาก่อนหรือคะ

ที่ถามเนี้ย ไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ จะเอาไว้สอนลูก เผื่ออนาคตลูกอยากเป็นหมอ (ถ้าสมมติเป็นได้ อิอิ)
จะได้บอกลูกไว้ก่อนล่วงหน้าเลยว่า จะต้องเจอกับอะไร ลูกจะทนรับความกดดันได้มั้ย

ถ้าคิดว่าไม่ได้ ก็จงอย่าได้ไปสอบแข่งขัน เพื่อกันสิทธิ์ของผู้ที่เค้าอยากจะทำอาชีพนี้อย่างแท้จริงเลย
ถ้าทนไม่ได้ เจ้าจงไปหาอาชีพทำเสียแต่เนิ่นๆ จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจว่า รู้งี้..ไม่น่าเรียนหมอเลย

ปล. นับถือคุณหมอหลายๆ ท่านที่มีจิตเมตตา ห่วงหาอาทรเพื่อนมนุษย์ด้วยใจจริง โชคดีของเรา ที่ส่วนใหญ่แล้ว คุณหมอที่เราสัมผัส ร้อยละ 98 เป็นคุณหมอที่ดีมากๆ

ปล.2 ทุกอาชีพ ย่อมมีความกดดัน และต้องใช้ความอดทนแตกต่างกันไป ไม่มีอาชีพไหนที่ไม่กดดันหรอกค่ะ

จากคุณ : ต้นปาล์มจอมซน [FriendFlock] [Bloggang]
เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 55 13:47:12 [แก้ไข]
ถูกใจ : changiam
Share/Save/Bookmark bookmark เก็บเข้าคลังกระทู้ ส่งต่อกระทู้ พิมพ์ หน้าหลัก กระทู้ก่อนหน้า กระทู้ถัดไป





ความคิดเห็นที่ 1 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน

ชีวิตจริงมันยิ่งกว่าจินตนาการค่ะ

จากคุณ : ฟ้าหมาดฝน [FriendFlock] [Bloggang]
เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 55 15:21:20 [แก้ไข]
ถูกใจ : พี่สาวเกาลัด, สิงห์คะนองเดชจิวยี่, Vdara1, uPstreaM





ความคิดเห็นที่ 2 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน

อาชีพนี้ทำแล้วรวย คงไม่ใช่ค่ะ เรากล้าพูดได้เต็มปากว่ามีอีกหลายอาชีพมาก "รวย" กว่านี้ โดยไม่ต้องลงแรงและแบกรับความเสี่ยงมากเท่าแพทย์ เอาง่าย สมัยเรียนเราเคยสอนกวดวิชา ได้ ชม.ละ 400-500 รายได้ต่อชั่วโมงมากกว่าตอนเป็นแพทย์ใช้ทุน 8-10 เท่า ถ้าขยันสอนก็รวยได้ค่ะ (แต่ต้องสอนรู้เรื่องและต้องมีวิธีสอนให้เด็กติดนะคะ แล้วก็ต้องตั้งใจด้วย ไม่ใช่สัแต่สอน) สอนภาษาญี่ปุ่นตัวต่อตัว ได้ชั่วโมงละ 550-750 สอนเปียโนตามบ้าน ได้ ชม. ละ 750-1,000 นี่แค่งานสอน ไม่นับพวกลงทุน เล่นหุ้นเก็งกำไร value investor ทั้งหลาย

ก่อนเข้ามา เราก็มีสตอรี่ค่ะ แม่เราป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ระยะสุดท้าย เราก็อยากช่วยแม่ ช่วยคนอื่น ช่วยคนไข้ที่สิ้นหวังหมดทางรักษา (ออกแนว palliative) เราอยากเป็นที่พึ่งให้เขา คิดฝันไปสารพัด

สารภาพตามตรงนะคะ เราสอบเข้าได้เพราะคะแนนภาษาอังกฤษ, สังคม, ภาษาไทย (ชีวะกับเคมีด้วย) เราคิดว่าเราชอบวิทย์ เราชอบอะไรที่เป็นเหตุเป็นผล แต่จริงๆเรารู้ตัวมาตลอดว่าเราชอบเรียนภาษาที่สุด เราเรียนภาษาสเปนตอน ม.1, ภาษาอิตาเลียนตอน ม.3, ภาษาญี่ปุ่นตอน ม.4 ขึ้น ม.5 แต่ตอนนั้นเราปฏิเสธที่จะเรียนสายภาษาหรือสอบเข้าคณะทางภาษา เพนราะเราคิดแบบเด็กๆว่า ภาษาน่ะ มาเรียนเอง ฝึกอ่าน ฟังสำเนียงเองได้ แต่ฝึกเป็นหมอมันทำไม่ได้

เราอยากช่วยคน อยากเห็นสีหน้ายิ้มแย้มเวลาเขาหายจากโรค หรือสีหน้าผ่อนคลายเวลาเราอธิบายเรื่องที่เขากังวลใจให้ฟัง เวลาเห็นเขาสุขภาพดีขึ้นๆ ครอบครัวมความสุข เรื่องเงินไม่ได้อยู่ในความคิดด้วยซ้ำ เราไม่เคยหาข้อมูลเลยว่าแพทย์รัฐ แพทย์เอกชนได้เงินเดือนเท่าไหร่

แต่พอเรียนจบ พบความเป็นจริง มันไม่ได้สวยงามเหมือนที่เราเคยฝันหรอกค่ะ

เราตรวจคนไข้ล้นมือ เฉลี่ยคนละ 2 นาที ไม่มีเวลาอธิบาย คนไข้ก็เซ้งมารอหมอตั้งนานหมอตรวจแป๊บเดียว เราก็เซ็งตรวจได้ไม่ละเอียด ไม่เต็มที่ แต่ตรวจช้าก็โดนเจ้าหน้าที่เร่ง (แกมด่า) คนไข้ (โดยเฉพาะบัตรทอง) ส่วนใหญ่ ไม่ใส่ใจดูแลสุขภาพตัวเอง ตัวอย่างเช่น

- คนไข้ชาย 35 ปี กินเหล้าจนอ้วกเป็นเลือด ต้องใส่สายจมูกก็แล้ว จนตับแข็งท้องโตต้องเจาะท้องก็แล้ว ก็ยังไม่เลิกกินเหล้า เคยนัดนิตเวชให้ไปบำบัดก็ไม่ไป ก็มาเจาะท้อง นอน ร.พ.บ่อยๆ

- คนไข้ชาย 56 ปี มาด้วยเมาแล้วโดนใครไม่รู้ตีหัว ขากลับขอเงินหมอ 500 สิไปซื้อเหล้าเพิ่ม

- คนไข้ชาย 42 ปี มาด้วยอ่อนเพลีย ไม่มีแรง อุจจาระดำเป็นเมเลนา ไม่กินข้าวมาเกือบ 1 สัปดาห์ ถามว่าทำไมไม่กินข้าว เพราะมัวแต่เอาเงินไปซื้อเหล้า ไม่มีเงินเหลือกินข้าว
- คนไข้หญิง 65 ปี มาด้วยเจ็บหน้าอกบ่อยๆ ตรวจร่างกายทุกอย่างปกติ ขอนอนโรง'บาล 3 วันนะหมอ ป้าจะได้เงินประกัน 3,000 บาท
- ลูกหลานไม่อยากเลี้ยงดูพ่อแม่ บอกว่าไม่มีใครเฝ้า อยากให้นอนโรง'บาล จะได้อุ่นใจ ทั้งที่ไม่เป็นอะไรเลย (และลูกหลานพวกนี้ก็มักไม่เคยโผล่หัวมาเยี่ยมบุพการีตน)
- วัยรุ่น ญ อายุ 12 ปี ท้อง 3 เดือน หมอไม่ทำแท้งให้ ตะโกนใส่หมอว่า "ถ้าหนูโดนไล่ออกจากบ้านเป็นความผิดหมอ!" อ้าว ซะงั้น แล้วที่หนูโดดเรียนไปทำอะไรๆกันจนท้องล่ะคะ?
- วัยรุ่น ช 17 ปี ไม่เรียนหนังสือ ซิ่งมอ'ไซค์แว้น ไม่สลบ มีแผลถลอก พ่อแม่กังวลว่าลูกจะมีเลือดออกในสมอง เราไม่ส่ง CT เพราะตรวจทุกอย่างปกติ แต่ก็แนะนำ ก่อนกลับพ่อแม่ก็พูดกับเราด้วยประโยคเด็ด ถ้าลูกผมเป็นไรไป ผมฟ้องหมอได้ใช่ไหมครับ? ขอจดชื่อหมอไว้เอนนะครับ" ---"ค่ะ เชิญจดตามสบายค่ะ"


ฯลฯ


เวลาเราไปทำงานจริง เราไม่ได้เป็นที่พึ่ง เป็นผู้มีพระคุณ (ไม่ต้องถึงขนาดนั้น) อะไรขนาดนั้นค่ะ เราก็เหมือนพนักงานเซเว่น คนไข้มาได้ตลอดเวลา มาแล้วก็ต้องยิ้มแย้มแจ่มใสตอนรับ แม้จะอดหลับอดนอนมาแค่ไหน (ยิ่งไม่ต้องพูดถึงบางรายมาด้วยเรื่องไม่สมเหตุสมผลสุดๆ เช่น มาขอยาความดันตอนตี2 เพราะดูบอลจบพอดี ขี้เกียจมาต่อคิวเช้า) เราเป็นแค่ "ผู้ให้บริการ" ที่เขาไม่พอใจ ก็ฟ้องเราได้ทุกเมื่อ แต่อย่างว่านะคะ บ่นไปก็เท่านั้นค่ะ ยังไงคุณ จยกท. ไม่ต้องห่วงนะคะ ถ้าเรามีลูก เราไม่ให้ลูกเรียนหมอแน่นอนค่ะ ส่วนถ้าคนที่เราเกลียดมีลูก ป้าหใงมอคนนี้จะไปยุให้น้องหนูคนนั้นทุกวันให้เลือกเรียนหมอค่ะ ฮาๆๆ

จากคุณ : เด็กหญิงแมวสามสี_BabyCalicoCat
เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 55 16:21:26 [แก้ไข]
ถูกใจ : downsyndr, Lirica, Dr.DJ, kiki_kaka, kkcontrol, BrezZa, อรุณรุ่งที่ต่างแดน, Lady_Thee, crazyfish, สิงห์คะนองเดชจิวยี่, *SantaRedHat*, หนมปังหมูหยอง, Vdara1, uPstreaM





ความคิดเห็นที่ 3 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน

คำถามที่ถาม ถ้าไม่ได้เป็นหมอเองคงเข้าใจได้ยากมาก คงมีข้อสงสัยอีกเรื่อยๆว่าทำไมๆ

แต่แนะนำว่า เลี้ยงลูกให้อดทน อึด ปรับตัวเก่ง เข้ากับคนง่าย มีอารมณ์ขัน แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี
ผ่านได้ทุกสถานการณ์ค่ะ

จากคุณ : superkoy
เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 55 16:26:34 [แก้ไข]
ถูกใจ : BIRKIN SEVEN





ความคิดเห็นที่ 4 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน

ก่อนเรียนไม่เคยคิดถึงปัญหาเลยครับ โตมากับครอบครัวพนักงานบริษัท ในหนังก็ไม่มีความลำบากให้เห็น ไม่รู้เลยว่าหมอเรียนยังงัย ทำงานยังงัย

สาเหตุที่เลือกคือ แฟนเลือกให้

ถ้าคิดว่าลูกพอไหวนะครับลองหาหมอที่พอรู้จักให้เขาลองศึกษาชีวิตดู

ความเห็นส่วนตัว งานหมอนี้
พอกินพอใช้แต่ไม่รวย ถ้าอยากรวยควรทำธุรกิจ
สนุกหรือมีความสุขที่ได้ช่วยคน แต่กลับกันก็จะเครียดและกดดันเวลาช่วยไม่ได้หรือมีทางช่วยแต่ไม่สามารถทำให้คนไข้ไปถึงทางนั้นได้เช่น ติดเรื่องสิทธิ์ ติดเรื่องเงิน ติดเรื่องการเดินทาง
เครียดกับความรับผิดชอบที่ติดตัวมาตลอดแม้จะอยู่นอกเวลาของตัวเองหรืออยู่นอกรพ.
ต้องรับมือกับคนไข้และญาติร้อยพ่อพันแม่ หลากความคาดหวังหลายความต้องการ
เหนื่อยกับภาระงานที่ไม่มีขีดจำกัดแปลว่างานไม่หมดไม่มีคำว่าหยุดทำแม้จะเลยเวลาไปนานเท่าใดก็ตามหากไม่มีคนมารับช่วงต่อ

สุดท้ายคือท้อกับคนที่ไม่เข้าใจในปัญหาเหล่านี้และอีกมากมายครับ

อย่างไรก็ตามแม้จะเหนื่อยแสนเหนื่อยแต่พอไม่ได้ทำก็คิดถึงครับอยากกลับไปทำอยู่ดี

จากคุณ : oncodog [Bloggang]
เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 55 16:35:17 [แก้ไข]
ถูกใจ : medicee, Vdara1, Suddenly Psychotic





ความคิดเห็นที่ 5 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน

"ก่อนจะเข้ามาเรียนแพทย์ ไม่เคยคิดถึงความกดดันต่างๆ เหล่านี้มาก่อนหรือคะ"

ผมเพิ่งเข้ามาเรียนแพทย์ บอกได้เลยว่าก่อนจะเลือกเรียนหมอ เรื่องความกดดันทั้งหลายเนี้ย เคยได้ยินได้ฟังมาเยอะ แต่ ก็แค่ได้ยิน ได้ฟังนะครับ.....ไม่เคยเจอกับตัวเองครับเลยไม่รู้สึกอะ แต่พี่ๆที่เขาจบแล้ว เขาได้เจอได้สัมผัสกันแล้ว

มันต้องได้เจอกับตัวเองครับ

จากคุณ : คุณหลอกดาว
เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 55 16:37:12 [แก้ไข]
ถูกใจ : Vdara1





ความคิดเห็นที่ 6 [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน

เอาจริงเลยนะ
อยากเรียนหมอเพราะบังเอิญเรียนเก่ง เรียนห้องคิงมาตลอด เพื่อนๆก็จะเข้าแพทย์กันทั้งนั้น ไม่แพทย์ก็วิศวะ เราก็เลยตามกระแส
พอมาเรียนหมอ มาเป็นหมอแล้ว ก็ชอบ สนุกกับงาน มีความสุขดีกับผลงาน ผู้ป่วย และเพื่อนร่วมงาน

ไม่เคยคิดลาออกค่ะ

เมื่อกลับไปเลี้ยงรุ่นเพื่อนที่เรียนชั้นมัธยมต้น พบว่าคุยกันคนละภาษา เราเลยเริ่มคุยเรื่องเหลวไหลบ้าง เพื่อจะได้ไม่ดูแปลกแยก ก็สนุกได้เหมือนกัน แต่ทำให้เราค้นพบตัวเองว่า ถ้าไม่เป็นหมอเราคงเอาดีกับอาชีพอื่นไม่ได้เหมือนเพื่อนๆ เช่นนักการตลาด นายแบงค์ เลขา แอร์โฮสเตส(อันนี้ไม่ได้เลย ทั้งส่วนสูงและน้ำหนัก)

ตอบคำถาม จขกท หรือเปล่านะ

จากคุณ : OG
เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 55 17:17:03 A:58.136.26.88 X: TicketID:324242






ความคิดเห็นที่ 7 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน

อาจารย์เคยถามในห้องเรียนว่า

"ในห้องนี้ใครมาเรียนหมอแบบไม่แน่ใจว่าอยากจะเป็นหมอ หรือว่าไม่อยากเป็นหมอเลยบ้างรึเปล่า -- หลับตาทุกคนนะจะได้ไม่ต้องสนใจคนอื่น โอเคๆ ไหนใครเป็นแบบที่พี่*บอกยกมือขึ้น.."



ผมไม่ได้เห็นกับตาครับว่ายกมือกันกี่คน (แน่ละสิก็ผมหลับตาอยู่)

อาจารย์หัวเราะนิดๆ แล้วบอกว่า "ครึ่งๆ เลยนะคะ"


เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงๆ นะครับ เด็กสมัยนี้บางคนไม่ได้อยากเรียนหมอหรอก แต่อะไรหลายๆ อย่างทำให้เขามาอยู่ในทางสายนี้
(และแน่นอนว่ามองในมุมคนนอก"อาจจะ"ไม่เข้าใจ)


*/ อาจารย์หมอส่วนใหญ่แทนตัวเองว่า "พี่"

//แก้คำผิด

แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 55 18:15:28

แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 55 18:14:09

จากคุณ : Lirica
เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 55 18:12:50 [แก้ไข]
ถูกใจ : Vdara1





ความคิดเห็นที่ 8 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน

เดี๋ยวผมจะอธิบายให้ฟังว่าทำไมบ่นว่าอยากลาออก
- แพทย์เกือบร้อยทั้งร้อยที่มานั่งบ่นจะลาออกเป็นแพทย์จบใหม่ที่กำลังออกไปใช้ทุน
- ถ้าลาออกเนี่ยไม่มีพันธะอะไรเลยก็คงไม่บ่น แต่ร้อยทั้งร้อยคือมีพันธะต้องอยู่ให้ครบ 3 ปี ไม่งั้นต้องจ่ายเงินรัฐบาลหลายแสนอยู่ขึ้นอยู่ว่าไปใช้ทุนแล้วกี่ปี
- ไม่อยากจ่ายเงิน แต่อยากทำงานในสภาพที่มันดีขึ้นที่มนุษย์เขาทำกัน ก็เลยต้องออกมาบ่นให้ชาวบ้านเห็นอกเห็นใจ เผื่อจะไปโรงพยาบาลกันน้อยลงหรือไปแล้วแสดงกริยามารยาทที่ดีขึ้นให้หมอปลื้มอยากรักษา

ผมไม่ได้เถียงว่างานมันไม่หนัก ผมรู้ว่าแพทย์ใช้ทุนทำงานหนัก โดยเฉพาะพวกที่อยู่โรงพยาบาลใหญ่ > 60 เตียง ผมอยู่ข้างนอก 5 ปี รพจังหวัด 1 ปี (> 400 เตียง) รพ.ชุมชน 3 ปี (>120 เตียง) เอกชน 8 เดือน ตอนนี้ศึกษาต่อเฉพาะทาง ผมไม่เคยคิดลาออกเพราะรอทุนเรียนต่อ แต่ท้ายสุดก็ลาออกไม่ใช่เพราะเบื่อคนไช้แต่เบื่อระบบ รพ.รัฐ ทุนที่ได้ก็คืนให้ผอให้คนอื่นไป ตัวผมคิดว่าจะว่างและไม่ได้เรียนต่อเพราะไม่ได้หางานก่อนลาออก แต่ท้ายสุดก็มีคนตามตัวไปทำงานแม้กระทั่ง รพ.ที่ลาออกก็ยังจ้างให้ไปทำงานอาทิตย์ละ 2 วัน ไปๆมาๆผมได้เงินเดือนมากกว่าเดิม 4-5 เท่า ตอนนี้ก็โชคดีได้เรียนทั้งๆที่คิดว่าออกมา 5 ปีแล้วไม่มีทุนและเกรดไม่ได้สวยหรูคงยากที่จะมีใครรับ

ใครอยากลาออกลาออกเลย เป็นหมอไม่อดตาย ขออย่าเลือกงานแต่ถ้าขี้เกียจเสริมความรู้เลือกงานอยู่ที่ไหนๆก็พอๆกัน เป็นแพทย์เนี่ยมันเป็นอาชีพที่อาศัย life long learning ไม่งั้นฝรั่งมันไม่ใช้คำว่า practice จบมา 20 ปีก็ยัง practice อยู่

จากคุณ : Thep (txp158)
เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 55 18:18:42 [แก้ไข]
ถูกใจ : Vdara1





ความคิดเห็นที่ 9 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน

ตอบ จขกท
- อาชีพแพทย์นี่มันหาเงินง่าย ไม่อดตายแน่นอน แต่ถ้าไม่ขยันตรวจก็ไม่มีเงินเข้า ตัวเองต้องทำเองทั้งหมดฝากคนอื่นทำแทนไม่ได้
- ถ้าเป็นแล้วต้องขอทานตัวคุณเองจะมาเรียนหรือเปล่าครับ ดังนั้นชัดเจนว่าคุณมาเรียนสาเหตุก็เพราะเงินเหมือนกับคนอื่นๆ แต่ตอนสอบสัมภาษณ์ก็:-)กันไป
- บ่นเนื่องจากอยากระบายทั้งๆที่รู้ว่าไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา
- อยากลาออกแต่ปอดแหก กลัวไม่ได้เรียนต่อหรือหางานใกล้บ้านไม่ได้ โดยเฉพาะหมอผู้หญิง ผมไม่ได้เกลียดแพทย์หญิงนะแต่เขามีข้อจำกัดหลายทางจริงๆ

จากคุณ : Thep (txp158)
เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 55 18:32:30 [แก้ไข]






ความคิดเห็นที่ 10 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน

สำหรับตัวผม ...

ตอนเรียน ม.ปลาย .. ก็ไม่ได้เรียนเก่งสุด ไม่ได้คิดว่า อยากจะเป็นหมอ ...

ตอนสอบโค้วต้า มช. .. เลือก แพทย์อันดับหนึ่ง เพราะ เลือกเผื่อไว้ .. เลือก วิศวะ อันดับสอง เพราะ ชอบ คณิตศาสตร์และฟิสิกส์ และ เลือก เกษตรศาสตร์ (วิทยาศาสตร์) อันดับสาม เพราะ คะแนนสอบเข้าต่ำกว่า ( น่าจะสอบติด )..

ไม่เคยรู้เรื่องเลยว่า จบแพทย์จะเป็นอย่างไร กดดันขนาดไหน .. รู้แค่ว่า คนที่เรียนดี เรียนเก่ง ก็เลือกแพทย์กันทั้งนั้น และ พ่อแม่ญาติพี่น้อง ฯลฯ ก็อยากให้เรียนแพทย์ ...

ผมเชื่อว่า ในปัจจุบันนี้ ก็ไม่ต่างกันนัก .. มีเด็กมัธยมปลาย กี่คน ที่รู้ว่า ตนเองชอบอะไร เรียนทางไหน จบแล้วชีวิตการทำงานจะเป็นอย่างไรบ้าง ...


ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับราชการ ตอนนี้ ผมก็ยังทำหน้าที่เป็น " หมอ " อยู่ .. แล้วก็คิดว่า จะเป็นหมอไปเรื่อย ๆ เพราะ ผมรักการเป็นหมอ ( แต่ผมทนไม่ไหวกับการเป็น" หมอ ใน รพ.รัฐ " ทำได้แค่ ๑๕ ปี ก็ขอยอมแพ้ )


แถม ..

ทำไม ผมถึงลาออกจากราชการ .... เรื่องเก่าเขียนไว้ตั้งแต่ปี 2551 เอามาเล่าสู่กันฟัง

//www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=28-01-2011&group=15&gblog=37




ปล. ลูกชาย ผมเรียน เศรษฐศาสตร์ มธ. .. ผม ไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียวที่บอกเขาว่า " เรียนหมอ หรือ สอบหมอ นะลูก " ... ( แต่ ญาติผู้ใหญ่ เกือบทุกคน ก็อยากให้เรียนหมอ )

ในความเห็นของผม ถ้าเด็กเขาไม่มีความคิดชื่นชอบอย่างจริงจัง อย่างชัดเจน กับการเป็นแพทย์ ( ถึงแม้จะได้รับทราบ ได้เห็นว่า แพทย์จริงๆ ใน รพ.รัฐ ทำงานกันอย่างไร ) ก็อย่าชักชวนให้เขามาเรียนแพทย์เลยครับ เพราะนั่นจะเป็นการทำร้ายตัวเด็กเอง (ด้วยความหวังดี ???) แล้วบางที อาจกลายเป็นการทำร้ายคนไข้ในอนาคตอีกต่างหาก ..

หัวดี เรียนเก่ง .. ช่วยเขาค้นหาว่าอะไรที่เขาชอบ หรือ คิดว่า ชอบ แล้วสนับสนุนเขา ถึงแม้ คุณจะไม่รู้ก็ตามว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร .. แต่ผมเชื่อว่า ถ้าเขาได้ทำ ได้เรียน ในสิ่งที่เขารัก เขาชอบ อย่างน้อยชีวิต เขามีความสุข นั่นก็เพียงพอแล้ว มิใช่หรือ





จากคุณ : หมอหมู [FriendFlock] [Bloggang]
เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 55 19:36:01 [แก้ไข]
ถูกใจ : Lemur, สิงห์คะนองเดชจิวยี่, อาโฮเฮะ, bangkung_123, Vdara1





ความคิดเห็นที่ 11 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน

พ่อแม่ที่เป็นแพทย์ ส่วนใหญ่จะไม่อยากให้ลูกเรียนแพทย์

ส่วนน้อยที่อยากให้เรียนเพราะ
1. มีกิจการเป็นโรงพยาบาล หรือคลีนิค อยากให้สานต่อกิจการ
2. มีเส้นสายสามารถให้ลูกเรียนเฉพาะทางที่ไม่ต้องเสี่ยงกับการถูกฟ้อง งานสบายและรายได้ดี
3. อยากให้มีตัวแทนของครอบครัวเป็นแพทย์ในรุ่นต่อไป เวลาญาติมิตรเจ็บไข้ได้ป่วยจะได้พึ่งพาได้(กลุ่มนี้จะมีเลือกให้มีเพียงคนเดียวในบรรดาลูกๆ ที่เป็นแพทย์)

คุณลองคิดดูเอาเองละกันครับ ว่าทำไมเป็นแบบนี้ ทำไมแพทย์ไม่อยากให้ลูกหลานมาเรียนแพทย์

จากคุณ : megacure (SET50.com) [Bloggang]
เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 55 19:46:22 [แก้ไข]
ถูกใจ : อาโฮเฮะ, Vdara1





ความคิดเห็นที่ 12 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน

มีเพื่อนหลายคนเป็นทันตแพทย์ เห็นมีความสุขดี งานไม่หนัก เงินดี

จากคุณ : iamfine_thanks
เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 55 20:12:37 [แก้ไข]






ความคิดเห็นที่ 13 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน

มาตอบในฐานะคนที่จบหมอมาแล้ว 30+ ปี

-เราเลยอยากถามตามประสาคนนอกว่า
ก่อนที่คุณจะเลือกเรียนแพทย์ ... คุณคิดยังไงคะ

ตอบ.- ที่เลือกเรียนแพทย์ตอนนั้นเพราะ
1. บังเอิญเรียนเก่ง และอยู่สายวิทย์ด้วย ขณะนั้น ค่านิยมส่วนใหญ่จะเลือกแค่หมอกับวิศวะ ตอนสอบเลือกอันดับ 1,2 เป็นหมอ และ 3,4 เป็นวิศวะ แล้วติดอันดับ 2 เสียก่อน
2. สมัยนั้น แพทย์ยังเป็นอาชีพที่มีเกียรติ และที่สำคัญคือ ยังไม่มีข่าวฟ้องร้องให้รู้สึกเสียขวัญเหมือนในปัจจุบัน
3. ถ้าเลือกเรียนแพทย์ มั่นใจว่า ในอนาคตอาจจะไม่รวยมากมาย ไม่จนแน่ๆ คือเลือกเพราะทำให้มั่นใจในมั่นคงในอนาคต

ปัจจุบัน ก็มีลูกที่เรียนเก่ง และรู้สึกดีใจมากที่ลูกไม่ชอบอาชีพแพทย์ และเลือกเรียนสายอื่นจนจบปริญญาโทแล้ว

และถ้าจะถามว่า ถ้าตอนนี้ผมอายุ 17 จะเลือกเรียนแพทย์ไหม ก็ขอตอบว่า ไม่. ครับ

จากคุณ : ส.มโนมัย
เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 55 20:14:17 [แก้ไข]
ถูกใจ : Vdara1





ความคิดเห็นที่ 14 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน

ขอบคุณทุกท่านนะคะ ที่เข้ามาแชร์เรื่องราว

ยอมรับว่าหลังจากอ่านกระทู้แนะนำหลายๆกระทู้แล้วอดอคติไม่ได้

แต่พออ่านเรื่องราวที่ทุกท่านเล่าให้ฟังแล้วก็เห็นใจ

ค่านิยมของคนเรียนเก่งคือต้องเป็นหมอ จนบางคนไม่รู้ตัวเลย
ว่าแท้จรีงแล้วเรารักอาชีพนี่้มากพอมั้ย


แต่ไม่ว่าจะยังไง ก็อย่าเพิ่งท้อนะคะ ^____^

แก้ไขคำผิดค่ะ

แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 55 21:12:14

จากคุณ : ต้นปาล์มจอมซน [FriendFlock] [Bloggang]
เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 55 21:10:29 [แก้ไข]
ถูกใจ : สูงสุดสู่สามัญ





ความคิดเห็นที่ 15 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน

ที่ไม่รู้เพราะตอนมัธยมไม่เคยอ่านกระทู้ เหตุผลที่แพทย์ลาออก ของคุณแมวสามสีอ่ะดิคะ ถ้ามี road show เล่าชีวิตแพทย์ว่าเปนแบบนี้ คาดว่าคงไม่มีใครเรียน

เอาจริงๆ ตอนม.6 ที่เลือกหมอ รู้แค่ว่าต้องเรียนเลคเชอร์ ติดกัน 4ชม. ก็เหนื่อยใจแล้ว ไม่เคยคิดถึงเรื่อง ไม่ได้หยุดเสาร์อาทิตย์ หรือไม่ได้นอนไรพวกเนี้ยเลยค่ะ

จากคุณ : nkowen
เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 55 21:57:19 [แก้ไข]
ถูกใจ : Vdara1





ความคิดเห็นที่ 16 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน

ทำไมถึงเลือกเรียนแพทย์??

จริงๆก่อนหน้านี้เห็นในทีวี หมอนี่สบายจะตาย วันๆตรวจคนป่วยในห้องแอร์ เดินไปคุยๆนิดหน่อย ก็เสร็จงานเเล้ว ใครๆก็ต้องฟังหมอพูด ก็คิดตั้งเเต่เด็กว่าดีจังเลยน้า เเม่ก็พูดเปรยๆว่าดูดิลูกบ้านโน้นบ้านนี้เค้าเรียนดีเค้าเลยได้เป็นหมอ ตรรกกะของเด็กน้อยตอนนั้นก็เลยคิดว่า เรียนดี-->เป็นหมอ

เเล้วพอตอนเรียนหนังสือ เป็นคนเรียนดี ตอนสอบปกติก็ไม่คิดอะไรมากหรอกเเค่ต้องได้ในสิ่งดีที่สุดเ่าที่ตัวเองจะทำได้ เลือกสายวิทย์เพราะยังไม่รู้ว่าชอบคณะอะไร สอบเอนท์ก็เลือกคณะที่ตัวเองดูมีหวังที่สุด ซึ่งสี่อันดับของเราไม่ซ้ำคณะเลย เป็นพวกสับสนในตัวเอง เเล้วดันติดอันดับหนึ่งขึ้นมา

ตอนที่เค้าให้ไปฝึกงานก่อนเลือกเราก็ไปนะ เเต่เค้าจัดให้เราไปช่วยงานช่นปูเตียง จัดเอกสารเเทน ก็เลยยังไม่เห็นการทำงานจริงๆเท่าไหร่

ตอนเรียนพรีคลินิคก็เรียนหนักสอบบ่อย เเต่ก็ไม่เเย่ ช้ั้นคลินิคก็อยู่เวรเเค่เที่ยงคืน ชีวิตเอกซ์เิร์นก็มีความสุข ทำงานๆไปมีคนคอยคุ้มกะลาหัว เวรเเย่ก็ดีได้ทำหัตถการ

มารู้ว่านรกมีจริงก็ตอนใช้ทุนนี่ละ ก็คิดนะทุนไรอ่ะตอนเรียนไม่เห็นเคยได้ซักบาท พ่อแม่ก็จ่ายเองตลอด ได้นอนวันเว้นวัน ตรวจopdทีละ100-200คน ไม่เห้นเหมือนกับที่อาจารย์สอนเราในโรงเรียนเเพทย์เลย ต้องดีลกับคนไข้ กะญาติ กะเจ้าหน้าที่ เเละ กะสตาฟ ซึ่งมันเเย่เเละทำให้เครียดมากกว่าภาระงานที่ต้องทำอีก ทุกอย่างห้ามพลาด ซึ่งเราก็เป็นมนุษย์คนนึง ที่ยังต้องการการนอน การกิน เข้าห้องน้ำอยู่ บางทีอยู่เวรติดๆไม่ได้กินข้าวนี่มันก็ทำให้เราเบลอนะ หิวจนหายหิว

อีกไม่นอนเราก็จะพ้นกับชีวิตอินเทิร์นเเล้ว ทำไมต้องให้เราอยู่หนึ่งปีถึงไปเรียนต่อได้ ไม่เข้าใจ เอาใบเพิ่มพุนทักษะมาเป้นเครื่องต่อรองให้เราเป็นข้าทาสกับระบบสาธารณะสุขของประเศที่มีเเต่คนกินเหล้าเมารถชนไม่ก็ยิงกัน ให้เราทำบาปขูดมดลูกให้กับผู้หญิงที่ทำเเท้งเถือนมา ทนกับพวกไม่ป่วยเเต่ต้องการใบรับรองเเพทย์ พวกที่เห็นโรงพยาบาลเป็นร้านขายยา หรือไม่ก็สถานสงเคราะห์

จากคุณ : defe_caola
เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 55 22:21:08 [แก้ไข]
ถูกใจ : Vdara1





ความคิดเห็นที่ 17 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน

ตอนที่เลือกเรียน คิดว่ามันเป็นแบบนึง
แต่พอเรียนจบ มันกลับไปเป็นอีกแบบนึง ซึ่งไม่ได้คาดหวังว่ามันจะเป็น
หรือพูดตรงๆ คือ ไม่คิดว่ามันจะเละเทะได้ขนาดนี้

จากคุณ : หมอก้อนหิน [FriendFlock] [Bloggang]
เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 55 22:39:56 [แก้ไข]
ถูกใจ : อาโฮเฮะ, Vdara1





ความคิดเห็นที่ 18 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน

ก็ตงต้องลองมาเป็นหมอเองซักครั้ง แล้วจะเข้าใจเองค่ะ

จากคุณ : กุหลาบสีคราม (กุหลาบสีคราม)
เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 55 23:30:40 [แก้ไข]






ความคิดเห็นที่ 19 [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน

ปกติไม่เคยออกมาตอบอะไรแบบนี้เลยนะ
1.ตอนนี้ในหมู่เพื่อนๆแพทย์มีจำนวนไม่น้อยที่อยากเลิก ที่เลิกไปแล้วก็มีเพราะที่บ้านมีกิจการหรืออะไรอย่่างงี้
แต่วันนี้ที่ออกไปไม่ได้เพราะจะให้ไปทำอาชีพอะไรครับ ช่วยแนะนำหน่อย เพราะก็ไม่ได้เสียดายอะไร แต่ไม่รู้จะไปทำมาหากินอะไร จบมาแล้วไปทำงานอื่นๆก็ไม่มีskill พรุ่งนี้ให้เลิกเป็นแพทย์ก็เลิกได้เลยก็ไม่เสียดาย มีอะไรแนะนำบ้างไหมครับ
2.คนที่ออกมาบ่นโน่นบ่นนี่ บางคนที่รู้จักเป็นการส่วนตัวก็ไม่ใช่หมอที่เลวร้ายอะไรในการทำงาน หมอที่ออกมาบ่นกับชีวิตการทำงานมันไม่เกี่ยวข้องกันมั้งครับเค้าก็แค่อยากระบาย คนที่ไม่เกี่ยวของอะไรก็ฟังผ่านๆไปก็พอ ผมคิดว่าบางคนทำงานแล้วเบื่อมานั่งบ่นบนsocial network ก็มีมั้งครับแต่ส่วนตัวผมไม่เคยทำ
3.มาเรียนทำไมบอกตรงๆพ่อแม่บังคับ ตามค่านิยมสมัยนั้น แต่ถ้าสมัยนี้สถาพการทำงานความนิยมก็เสื่อมไปเอง ก็ดีจะได้ไม่มีพ่อแม่คนไหนมาบังคับอีก
4.อยากบอกเพื่อนแพทย์ว่าอย่าไปบ่นมันเลยไม่มีประโยชน์ไม่ได้แก้ปัญหาอะไร ไม่มีใครเข้าใจใครได้ดีกว่าประสบด้วยตัวเองอยู่แล้วมะ
5.ถ้ามีเครื่องมือวัดว่าคนไหนอยากเป็นอาชีพอะไรอย่างแท้จริงด้วยอุดมการณ์มันก็คงจะดี มันจะได้วัดกันตั้งแต่มาประกอบแต่ละอาชีพนั้นๆไปเลย อีกอย่างผมก็เห็นคนที่อย๊ากอยากประกอบอาชีพด้วยอุดมการณ์กับอีกคนนึงที่กล้ำกลืนมาประกอบอาชีพก็สามารถดูแลคนไข้ภายใต้มาตรฐานได้เช่นเดียวกัน คนไข้อาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหมอที่รักษาอยู่เป็นแบบไหนเพราะโดยการทำงานก็ยากจะไปนั่งเล่าให้คนไข้ฟัง
6.สุดท้ายก็อยากให้คนนอกเข้าใจว่า ถ้าไม่มีปัญหามากก็ไม่มีใครมาอยากมานั่งโวยวายมะ หมอก็คนธรรมดาไม่ได้วิเศษอะไร สิ่งที่แพทย์ออกมาแสดงออกต่างๆนานาก็เป็นแค่ผลสะท้อนจากความกดดันในองค์กรณ์ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ใครทนมากๆไม่ได้เดี๋ยวก็ออกไปเอง ตอนนี้ก็เพิ่มการผลิตแพทย์ละ จะได้ไปหักออกจากอัตราที่สูญเสียไป เพราะความกดดันต่างๆคงไม่น่าจะได้รับการแก้ไข อีกอย่างเพื่อนผมที่เดินออกจากความเป็นแพทย์ไปหลายคนเป็นคนดีมีความรับผิดชอบจนน่าเสียดาย แต่ก็ดีใจกับเค้าที่ไปเจออะไรที่มันดีกว่า

จากคุณ : แพทย์คนนึงที่ปกติไม่เคยโพสต์
เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 00:04:49 A:101.51.181.14 X: TicketID:347244






ความคิดเห็นที่ 20 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน

ขอบคุณคุณต้นปาล์มจอมซนค่ะ
ชอบคุณจัง
sense มันบอกอ่ะค่ะ

จากคุณ : angelzpuu [Bloggang]
เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 10:59:19 [แก้ไข]
ถูกใจ : ต้นปาล์มจอมซน





ความคิดเห็นที่ 21 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน

ผมและแฟนเป็นหมอทั้งคู่

แต่ไม่อยากให้ลูกเป็นหมอเลย
อยากให้เรียนทันตแพทย์
ไม่อยากให้ลูกลำบากครับ

จากคุณ : TUNO99
เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 11:09:06 [แก้ไข]
ถูกใจ : BIRKIN SEVEN, Vdara1





ความคิดเห็นที่ 22 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน

"ก่อนที่คุณจะเลือกเรียนแพทย์ ... คุณคิดยังไงคะ

คิดยังไงถึงได้เลือกเรียนวิชาชีพนี้ เพิื่อเรียนจบออกมาทำงานเป็นแพทย์

อยากช่วยเหลือสังคม.........หรือ
อาชีพนี้ทำแล้วรวย............หรือ
หรือเหตุผลอะไรอื่นๆ"
---------------------------------------------------
เลือกแพทย์เพราะทางบ้านอยากให้เลือก (จริงๆอยากเรียนวิศวะ) ด้วยเหตุผลที่ว่าแพทย์เป็นอาชีพที่รายได้ค่อนข้างดี และมีความมั่นคงทางอาชีพสูง (แต่ที่บ้านไม่เคยม่ใครเป็นหมอนะ ก็เลยไม่เคยมีใครบอกด้วยว่าจบมาทำงานแล้วต้องเจออะไรบ้าง)

ถามว่าทุกวันนี้รู้สึกคิดผิดไหม...ตอบได้ว่าทั้งผิดและถูก
...ผิดในแง่ที่ว่า ทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้ชอบไม่ได้รักอาชีพนี้
...ถูกในแง่ที่ว่า ถือว่าเป็นอาชีพที่ทำให้เรามีกินมีใช้ และมีความมั่นคงค่อนข้างสูง (ไม่มีใครไล่เราออกง่ายๆ ถ้าเราไม่ได้ทำตัวแย่ซะเอง)

เรื่องช่วยเหลือสังคม บอกตามตรงว่าไม่ได้คิดถึงขั้นนั้น...แต่ก็รู้ดีว่าเมื่อทำอาชีพนี้แล้ว สิ่งที่ขขาดไม่ได้คือ จรรยาบรรณและความรับผิดชอบ...ดังนั้นเวลาทำงานก็จะทำเต็มที่ รับผิดชอบเต็มที่...แม้ว่าตอนใช้ทุนก็อาจไม่ได้เป็นหมอที่ดีในสายตาคนไข้ เพราะด้วยความที่ไม่ได้รักอาชีพนี้ ตอนพูดจาก็อาจจะมีเผลอหลุดไปบ้างเวลาเจอคนไข้ที่มีปัญหา...ทุกวันนี้ ก็เลยมาเป็นแพทย์เฉพาะทางสาขาที่ไม่แทบต้องพูดคุยกับคนไข้ เพื่อตัดปัญหาเรื่องของอารมณ์ที่ไม่สมควรแสดงออกต่อคนไข้ออกไป (แต่กลายมาเป็นทะเลาะกับหมอด้วยกันแทน 555)

ถามว่า ถ้ามีลูกจะแนะนะให้ลูกเรียนหมอมั๊ย...ถ้าลูกอยากเรียน ก็คงไม่ขัด แต่ก็คงบอกว่าให้คิดให้ดี แจกแจงข้อดีข้อเสียให้ทราบ...ถ้ายังอยากจะเรียนก็ไม่ขัด...แต่ถ้าลูกอยากเรียนด้านอื่น คงจะยินดีเป็นอย่างมาก 555


ปล. ตอนใช้ทุนก็เคยเจอปัญหาหลายๆอย่าง อย่างที่หลายๆคนบ่นกันเหมือนกัน มันก็ทำให้เหนื่อยกายและเหนื่อยใจเหมือนกันนะ

จากคุณ : Lemur
เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 11:27:18 [แก้ไข]
ถูกใจ : ต้นปาล์มจอมซน, Vdara1





ความคิดเห็นที่ 23 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน

มีลูกชายเรียนอยู่ ม.5 โรงเรียนดังแถวสยาม
บอกพ่อว่าจะเรียนหมอ พ่อบอกว่าให้คิดให้ดีก่อน
เพราะเพื่อนๆพ่อที่เป็นหมอหลายคน ไม่ค่อยเชียร์เลยครับ

คำตอบมาบอกว่า

คนเก่งไม่เรียนหมอ แล้วจะให้ใครมาเรียนแทน

ขอคำตอบพี่ๆหมอในห้องช่วยตอบแทนพ่อ
จะก็อปคำตอบ ไปให้ลูกชายอ่านครับ
เพราะอ่านทั้งหมดแล้ว สงสารอาชีพหมอมากครับ

ขอบคุณสำหรับคำตอบ แต่กรุณาอย่าดราม่าครับ
ไม่อยากให้เป็นกระทู้แนะนำอีกกระทู้ครับ
ปกติ อ่านแต่กระทู้เรท 555

จากคุณ : ฮอนด้าสตรีม [Bloggang]
เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 13:21:36 [แก้ไข]






ความคิดเห็นที่ 24 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน

ในฐานะคนผ่านมาก่อน

แพทย์นั้นไม่ต้องใช้คนหัวดีมาเรียน ไม่จำเป็น

จะเรียนแพทย์ได้แค่ไม่เป็นโรคสติปัญญาต่ำกว่าเกณฑ์ มีความอดทน มีระเบียบวินัย ขยัน
ฐานะทางบ้านต้องไม่ลำบากมากก็เรียนได้

เพราะแพทย์เป็นวิชาชีพ เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นเรื่องความจำ คนเก่งๆ อาจใช้ความคิดแทนได้แต่ก็ไม่จำเป็น หนังสือที่ต้องอ่านเยอะมาก จึงจำเป็นต้องมีระเบียบวินัย ขยัน และอดทน ส่วนการปฏิบัตินั้นถ้าทำเป็นประจำก็ทำได้เอง

เรื่องที่ว่าต้องมีฐานะ ทางบ้านต้องไม่ลำบาก ก็เพราะเหตุข้างต้นคือ คุณจะไม่มีเวลาดูแลคนที่บ้าน หรือ ช่วยภาระทางบ้านเลย ถ้าที่บ้านลำบากเป็นหนี้ต้องช่วยหาเงิน เลิกคิดที่จะเรียนเพราะคุณจะเรียนไม่รอด อีกอย่างหนังสือเรียนแพทย์ราคาแพง อุปกรณ์ที่ใช้เรียนก็แพง เคยโพสต์ไว้แล้วว่าค่าเล่าเรียนต่อให้ในโรงเรียนแพทย์รัฐ 6 ปี ใช้อย่างน้อย 300,000 บาท ต่อให้อ่านหนังสือแต่ในห้องสมุด หรือยืมมาอ่านก็ใช้อย่างน้อยที่ว่าแน่นอน

จากคุณ : megacure (SET50.com) [Bloggang]
เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 15:06:04 [แก้ไข]
ถูกใจ : ฮอนด้าสตรีม, Vdara1





ความคิดเห็นที่ 25 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน

ตอบแบบหรูหน่อยก็ อยากช่วยเหลือคนป่วยค่ะ แต่เอ่ออออ...แบบไม่คิดว่าชีวิตจะเป็นแบบนี้

จากคุณ : Zentian (Zentian)
เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 15:23:57 [แก้ไข]
ถูกใจ : ฮอนด้าสตรีม, Vdara1





ความคิดเห็นที่ 26 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน

เพิ่มอีกนิดว่า ถึงแม้มีโอกาสกลับไปเลือกเอนท์ใหม่อีกครั้งก็ยืนยันจะเดินทางสายนี้จ้า

จากคุณ : Zentian (Zentian)
เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 15:25:29 [แก้ไข]
ถูกใจ : ฮอนด้าสตรีม, ต้นปาล์มจอมซน





ความคิดเห็นที่ 27 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน

ไม่ตอบดีกว่า

เดี๋ยวน้ำเน่าเกิน :)

จากคุณ : หมอเถื่อน [Bloggang]
เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 15:41:08 [แก้ไข]
ถูกใจ : ฮอนด้าสตรีม, BIRKIN SEVEN, Vdara1





ความคิดเห็นที่ 28 [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน

แนะนำอาชีพจริงๆก็ขึ้นอยู่กับว่าต้องการอะไรในชีวิต

เรียนที่ชอบ ทำงานที่ใช่ก็ดีสุด แต่ก็นะ จบมาตกงานกันก็มากเพราะไอที่ชอบที่ใช่ไม่มีในตลาดแรงงาน
ถ้าสิ่งที่ชอบตรงกับความต้องการก็แล้วไป

เป็นผมจะกลับไปเรียนฟิวบัญชี finance

ถ้าที่ชอบไม่ตรงกับตลาดแรงงาน ก็ต้องดูว่าถ้าเราเรียนแล้วจบมาเรามีศักยภาพสร้างงานให้ตนเองได้หรือเปล่า ถ้าไม่มี บ้านเดือนร้อนก็ ก็หางานตามตลาดดีกว่าเนอะ ไปหาความสุขหลังเลิกงานเอา

สาขาที่เรียนก็น่าจะกว้างหน่อยออกไปทำงานได้หลากหลาย แต่ถ้าสาขาอาชีพเฉพาะ ก็ควรเลือกที่เป็นที่ต้องการ
เช่นบางคนบ้านอยู่เชียงใหม่ แต่เลือกเรียนวิทยาศาสตร์ทางทะเล แถมมีพ่อแม่ป่วยต้องดูแล ต้องทำงานใกล้บ้าน อย่างงี้ก็ไม่ควรมะ

จากคุณ : ตอบคำถาม
เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 16:14:02 A:180.214.210.180 X: TicketID:347244






ความคิดเห็นที่ 29 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน

ตอบว่าที่อยากมาเรียนแพทย์เพราะเป็นสาขาที่ดูดีที่สุด ดูสุดยอดที่สุดในสาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ
มีแม่เป็นพยาบาล พ่อแม่เชียร์ทุกวัน พูดกรอกหูทุกวันว่าเรียนหมอเถอะ เพราะตัวเองอยากเรียนแต่ไม่ได้เรียน
ไม่เคยรู้มาก่อนว่าชีวิตจะต้องมาเจออะไรแบบนี้
ตอนนี้ขนาดเป็นแค่นักศึกษาแพทย์ปีสุดท้าย ยังไม่ทันได้ใช้ทุนเลย ยังคิดอยากจะลาออกตลอดเวลา
รู้สึกว่ามันไม่ใช่ เราไม่ได้ชอบจริงๆ ไม่ได้ยอมทุ่มเทชีวิตและเวลาให้คนอื่นขนาดนั้น
ยังอยากมีความสุขในชีวิต อยากอยู่กับพ่อแม่ อยากเที่ยว อยากนอนตื่นสายบ้าง

ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ จะไม่เรียนหมอเด็ดขาด

จากคุณ : หนมปังหมูหยอง
เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 23:41:49 [แก้ไข]
ถูกใจ : Vdara1, ฮอนด้าสตรีม





ความคิดเห็นที่ 30 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน

ขอตอบว่า ไม่ได้เป็นคนดีค่ะ แต่ไม่ทราบอะไรเลยค่ะ ยังไม่รุ้ด้วยว่าตัวเองอยากเรียนอะไร แค่อยากให้แน่ใจว่าจบออกมามีงานทำแน่ๆ ตอนนั้นเป็นเด็กบ้านนอกใสซื่อ เพื่อนชวนก็สอบกะเค้า (แม่บอกว่าถ้าได้เภสัชแม่ก็ดีใจมากแล้ว) ได้ยินแต่เค้าว่ามันหนัก (เวลามีคนพูดแบบนี้คิดว่าคนทุกคนก็คิดเหมือนกันว่า มันจะหนักแค่ไหนเชียว) นึกภาพไม่ออกหรอกค่ะ ถึงนึกออกก็ไม่เท่า1ใน 100 ของความเป็นจริง (จะเอาอะไรกะเด็ก ม ปลาย ที่จะต้องมาตัดสินชีวิตของตัวเองด้วยประสบการณ์อันน้อยนิด)
จะขึ้นปี 2 ถึงรู้ว่าต้องผ่าศพ(เสร่ออยุ่คนเดียว) เรียนanatomy เหม็นมาก ต้องหายใจทางปากติดต่อกัน 3 ชม ถ้าเผลอหายใจทางจมูกเมื่อไร เมื่อนั้นต้องวิ่งไปอาเจียน (มีปัญหาเรื่องกลิ่นค่ะ ทนไม่ได้จริงๆ แต่คนอื่นๆเค้าก็ไม่เป็นไรกันนะ มีดิฉันทรมานอยู่คนเดียว... มั้ง แต่เราก็ไม่ได้บ่นอะไร ก้มหน้าก้มตาเรียนไป) บางทีก็อดสงสัยไม่ได้ว่าในทีวี พวกนักศึกษาทำไมมันมีชั่วโมงว่างมากจัง บางทีมีเรียนแค่ครึ่งวัน แต่ชีวิตพวกเราไม่ใช่เลย ตอ้งทำเรื่องขออนุญาตลงทะเบียนเีรียนเกินด้วยซ้ำ เรียน 8.00-5.00 ทุกวัน แต่ยังดีได้หยุด เสาร์-อาทิตย์
ขึ้นปี 4 เริิ่มอยู่เวรแบบเด็กๆ ลงเวร 4-5 ทุ่ม ต่อมาอยู่ทั้งคืน ทรมานมากเพราะเป็นคนชอบนอน ต้องมาราวด์ก่อนพี่ (พี่มา 6.30-7.00) หน้าหนาวนี่สุดๆ เสาร์อาทิตย์ไม่ได้หยุด ยกเว้นหลังสอบลงกองเปลี่ยนวอร์ด (ประมาณ 3 เดือนครั้ง ถึงจะได้กลับบ้าน)
ปี 6 ไปเป็น extern ที่อุบล ชีวิตเยินสุดๆ เวลา ตี2-3 เดินท่อมๆไปทั่ว รพ บางครั้งก็สงสัยมากว่า ชั้นกำลังทำอะไร
แต่ทุกอย่างมันหล่อหลอมเรา ต่อให้เริ่มต้นแบบ clueless แบบดิฉัน หรือคนที่มาเรียนเพราะชอบจริงๆ มันจะถูกหลอมด้วยเบ้าอันเดียวกัน มาเป็นหมอเหมือนกัน และรักอาชีพนี้เหมือนกัน แม้บางวันชีวิตมันจะทุเรศทุรังแค่ไหน เราก็สู้ ในวันที่เราทำทุกอย่างที่เราทำได้แล้ว กลับมานั่งในห้องพักแพทย์ เรายังสวดมนต์ (ดิฉันสวดนะ) ขอให้คนไข้ดีขึ้น (ไม่ได้เป็นคนดี ถ้าคนไข้ดีขึ้น ตรูก็ได้นอน พรุ่งนี้เช้ายังต้องทำงานต่อ) สิ่งที่ทำให้เราทำงานต่อไปได้ก็คนไข้นี่แหละค่ะ เวลาคนไข้บอกว่าหายแล้วคุณหมอ ดีใจสุดๆ (ไม่เคยเข้าใจเวลาที่คนพูดกันว่าหมอเลี้ยงไข้ จะเลี้ยงไว้ทำไมยะ)
ถ้ายังอยากให้ลูกเรียนก็ดีค่ะ เป็นอาชีพที่ดีจริงๆ แต่ก็เหนื่อยและเสี่ยงชีวิต (เช่น โดนญาติขู่ว่า ถ้าเมียผมไม่หาย หมอโดนแน่ หรือ โดนคนไข้จับก้น หลอกจับมือ หรือโดนเข็มจิ้มนิ้ว- คนไข้ AIDS ด้วย กินยาอยู่ เดือนนึง อ้วกแตก ฉี่เป็นเลือดเพราะยา จนป่านนี้ยังไม่กล้าไปบริจาคเลือด) แต่ถ้าน้องเค้าชอบอย่างอื่น ก็ปล่อยน้องเค้าไปพบทางสว่างเถอะค่ะ

จากคุณ : Suddenly Psychotic
เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 23:18:24 [แก้ไข]
ถูกใจ : Vdara1, ฮอนด้าสตรีม





ความคิดเห็นที่ 31 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน

ตอบว่าได้พ่อแม่และญาติๆ เป็น role model ค่ะ
เคยเห็นคุณพ่อช่วยชีวิตคน รักษาคนไข้ คนไข้กลับมาขอบคุณ คุณพ่ออิ่มใจ... เลยแบบว่า.. โตขึ้นหนูจะเป็นแบบคุณพ่อค่ะ ฮ่าๆๆๆ

แต่พอมาทำงานจริงแล้วไม่เหมือนกับที่เห็นเลยค่ะ
เหมือนที่มีคนเคยพูดไว้ เราเชียร์บอล ดูบอล วิจารณ์บอล แต่ลองมาเล่นเองดูสิแล้วจะรู้ หึึหึ
เหนื่อยจริงค่ะ อดกิน อดนอน เครียด เหงา ซึมเศร้า ติดโรคงอมแงม โดนเอาเปรียบโยนงานให้ เป็นตัวรองรับอารมณ์ของคนไข้และญาติบางคน ท้อแท้ไปหลายครั้ง
แต่เมื่อไหร่ก็ตามมีคนไข้มาขอบคุณหรือให้กำลังใจ ความรู้สึกเหมือนตอนเห็นคุณพ่อตอนเด็กๆก็กลับมาเลยค่ะ ยิ้มมีความสุขไปได้ทั้งวัน

เพราะฉะนั้น คุณคนไข้เมตตาและให้กำลังใจหมอๆกันบ้างนะคะ เพราะมีพวกคุณที่เข้าใจ พวกเราเลยมีกำลังใจอยู่ในระบบสาธารณสุขที่มันแย่ๆแบบนี้ได้
ขอบคุณจากใจจริงค่ะ

จากคุณ : สูงสุดสู่สามัญ
เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 01:56:15 [แก้ไข]
ถูกใจ : Vdara1, ฮอนด้าสตรีม





ความคิดเห็นที่ 32 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน

"เราเลยอยากถามตามประสาคนนอกว่า

ก่อนที่คุณจะเลือกเรียนแพทย์ ... คุณคิดยังไงคะ

คิดยังไงถึงได้เลือกเรียนวิชาชีพนี้ เพิื่อเรียนจบออกมาทำงานเป็นแพทย์"

_________________

ตอบ

เลือกเข้าคณะนี้เพราะอยากเป็นแพทย์นี่แหละครับ ก่อนเลือกเรียนแพทย์ ไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้เลยครับ เมื่อหกปีก่อนตอนอยู่ ม.6 จะมีโครงการให้คนที่อยากเข้าคณะแพทย์ไปดูงานที่ รพ. หนึ่งอาทิตย์(ไม่งั้นสมัครโควต้า มช. ไม่ได้) ผมกับเพื่อนก็เลือก รพ.ใกล้บ้านนี่แหละ รู้มั้ยว่าผมได้ทำอะไรบ้าง ได้พับผ้าอ้อมเด็ก !! กับล้างขวดนม !!

ก็เลยไม่ได้รู้ถึงความลำบากของแพทย์ซักเท่าไหร่ สอบโควต้าติดแล้วก็เฮๆๆๆ จนเรียนจบ แล้วความจริงของวงการแพทย์ก็ซึมซาบเข้าหูเรา ไม่ก็ประสบพบเจอเอง ว่าไม่ได้สวยหรูเหมือที่คิดนะ

ถามว่ายังอยากทำงานด้านนี้อยู่มั้ย ขอบอกเลยว่า ที่ทำอยู่อยู่นี่เพราะสงสารคนไข้ครับ อยากช่วยเหลือให้หายเจ็บหายป่วย เลือกเรียนต่อเฉพาะทางที่รักษาคนไข้ได้แบบเห็นผลเร็วๆหน่อย ไม่เลือกพวก อายุรกรรม แน่นอน คนไข้เรื้อรังจะเยอะมาก

ถ้าวันนึงสังคมบีบเรามากๆ หมอทำอะไรได้น้อยลง เอะอะก็ฟ้องๆๆๆ ผมก็คงต้องหาอาชีพอื่นที่ความถนัดของผมพอจะทำได้ล่ะครับ ให้อยู่ต่อไปก็ไม่ไหวเหมือนกัน สงสารตัวเอง

จากคุณ : จำง่าย ลืมยาก คิดมาก คิดไปเอง
เขียนเมื่อ : 4 ก.พ. 55 15:53:47 [แก้ไข]
ถูกใจ : Vdara1, ฮอนด้าสตรีม





ความคิดเห็นที่ 33 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน

ทำไมถึงเลือกเรียนหมอ
....... สมัน ม ปลาย ผมก็มีความคิดง่ายๆ ว่าอยากเรียนแล้วมาดูแลพ่อแม่ ดูแลญาติๆ

แต่พอเรียนจบแล้วมาใช้ทุน กลับกลายเป็นว่า

ในขณะที่ครอบครัวของเราเจ็บป่วย เราก็ต้องอยู่เวร ทำงานที่ล้นมือ ไม่สามารถไปทำหน้าที่ ที่เราตั้งความหวังไว้ที่จะกลับมาดูแลรักษาพ่อแม่ของตน... ต้องโทรไปบอกเพื่อนหมอที่รู้จัก ให้ดูแลพ่อแม่ของเราเอง จนญาติบอกแม่เราว่า นี่ลูกเธอเรียนหมอไม่ใช่หรอ ทำไมไม่เห็นมาดูแลเธอเลย .... T__T

จากคุณ : tonzton (ToNtONz)
เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 55 16:45:19 [แก้ไข]
ถูกใจ : Vdara1








Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2555 16:22:19 น.
Counter : 7240 Pageviews.

1 comments
  


กาแฟ...ยามบ่ายสักแก้ว ด้วยกันไหมจ๊ะ

*~*~*~*..แวะมาทักทายจ๊ะ..ขอให้มีความสุข สดใส..หัวใจเบิกบาน..*~*~*~*




เดือนแห่งความรัก คนโสดก็ยังโสดต่อไป เพราะครูภาษาไทย สอนแต่

สระอิ,สระอา, สระอุ, สระอู แต่ไม่ยอมสอนให้เรา .. "สละโสด"


..HappY BrightDaY..

โดย: *~ต้นกล้า...ของหัวใจ~* วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:16:44:50 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Cmu2807.BlogGang.com

หมอหมู
Location :
กำแพงเพชร  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 762 คน [?]

บทความทั้งหมด