คุณเชื่อในเรื่องโชคชะตามั้ย บางครั้งมันก็พาให้คนแปลก ๆ มาพบกันในที่แปลก ๆ แล้วบางครั้งมันก็พาเราไปในที่ที่เราไม่เคยคิดว่าจะไป.. และบางครั้งการไปในที่ที่เราไม่เคยคิดจะไป(แต่ด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่มันทำให้เราได้ไป) ก็ทำให้เราได้เจอคนแปลก ๆ ..หลาย ๆ คนในคนเหล่านั้น..พวกเขากลายมาเป็น เพื่อน คนแปลกคนที่ 1 : โซเร็น พบที่ : เกาะพะงัน หนึ่งในสถานที่ ที่เราเคยลั่นวาจาไว้ว่าชาตินี้กรูจะไม่ไปเหยียบ! อ้าว แล้วไปทำไม : เพราะเพื่อนสมัย ม.ปลายมันดันกลับมาเมืองไทย แล้วเสือกไปปาร์ตี้ที่นั่น ไม่ได้เจอมันมาเกือบปี ก็เลยจำใจไป เรื่องของเรื่องมันเริ่มมาจากตอนที่เรากลับมาจากอินเดียหมาดๆ เหยียบเมืองไทยวันแรก ก็กระแดะลงไปเกาะพะงันเย็นวันเดีวกันเลย เพราะเพื่อนสมัย ม.ปลาย (โอ สิบปีมาแล้ว!) ชวน ทั้งรบเร้า ประมาณว่า "มึงอยากมาก็มา ไม่อยากมาก็ไม่ต้องมา ถ้าไม่มาก็ดีไม่เปลืองเหล้ากรู" ดูดิ อ้อนวอนขนาดนี้แล้วจะไม่ไปได้ไง แต่ตะแล๊ด ๆ ไปได้ไม่กี่วัน ไอ้บังกะโลราคาไม่เกินคืนละ 500 บาทนั้น มันก็ดีอยู่หรอก ไอ้น้ำทะเลหน้าบ้านที่หาดท้องนายปานนั้นมันก็ใสอยู่หรอก แต่น่าเบื่อบรรลัย ก็ไอ้เพื่อนเรามันอยู่อีกหาด เราอยู่อีกหาด แล้ว ไอ้หาดที่เราอยู่น่ะ โคตรจะสันโดษ ประมาณว่าเหมาะสำหรับคนอกหักรักคุด พ่อแม่ไม่รัก เพื่อนไม่อยากเจอหน้า หรือไม่ก็พวกโลกนี้มีแค่เราสองคนไปเลย เราไปก็ได้แต่นั่งมองต้นมะพร้าว ใบพลิ้วหยอย ๆ อาาา ใบมะพร้าวสีเขียว น้ำทะเลสีฟ้าคราม บ้านพักน่ารัก อะจุ๊อะจิ๊ ...แต่ในใจตัวเองนั้น มันตะโกนว่า "กูเบื่อออออออออออออออออออออออออ.. อ.. อ.. อ.. อ!!!~" แล้วเสือกไปถึงก่อนชาวบ้านเค้าอีกนะ ก็ไม่รู้จะรีบไปทำไม (อ๋อ ช่วงนั้นสงกรานต์พอดี กลัวไม่มีรถ - ถามเอง ตอบเอง) หลังจากทนอยู่ หาดนั้นอยู่ได้ 2 คืน ก็ทนไม่ไหว ต้องขอเช็คเอาท์ออกก่อน ทั้ง ๆ ที่จองไว้ 3 คืน เพราะไอ้ครั้นจะนั่งรถไป ๆ กลับ ๆ หาดเรากะหาดที่เพื่อนอยู่ (หาดริ้น) หลาย ๆ ท่านอาจจะไม่ทราบ อะเมซิ่งไทยแลนด์แกรนด์เซลส์ ถ้าท่านจะนั่งสองแถวออกมาแล้วไม่มีใครแชร์มาด้วย จากหาดท้องนายปาน ถึง หาดริ้น 800 บาทถ้วนคับท่านผู้ชม ก็ไม่รู้ว่า เอาน้ำมันละลายปนกับทองคำบริสุทธิ์เติมรถกันหรือว่ายังไง แล้วราคานี้นี่รีสอร์ทเรียกให้ด้วยนะฮะ คือบริการรับส่งแขกที่ไม่มีเลยนะฮะ มีวันละรอบ (เออ กูมันเรื่องมากเองที่อยากจะออกไปข้างนอกตอนบ่ายสอง!) เข็ดมาก ใครที่ไปเกาะพะงันแล้วรู้ว่าไปเพราะจะปาร์ตี้ อยู่แถวๆ หาดริ้น หรือหาดลีลาดีสุด ถ้าไปท้องนายปานแล้วจะรู้ว่านรกมีจริง หน้าตามันคล้าย ๆ กับรถสองแถวนี่แหละ วันที่เราไปพัก เจอน้องย้วยขวัญใจเฉลิมไทยด้วย ไปกะ "คนที่คุณก็รู้ว่าใคร" แต่เราก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ไม่มีอะไรน่าดู แต่พนักงานรีสอร์ทโปรฯมาก "พี่ๆๆๆ พี่เห็นป่าว ดาราคนนั้นน่ะ" "อือ เห็น ทำไมเหรอ?" "มาแต่ละทีผู้ชายไม่ซ้ำกันเลยพี่!!" "อ่อ.." ตามมาด้วยข่าวก๊อซซิบอีกเป็นชุด ฟูลมูนปาร์ตี้ ที่หาดริ้นเป็นไง ไอ้สนุกมันก็สนุกอยู่หรอก แต่มัน"มั่ว"โคตรเลย ทั้งไทยทั้งฝรั่ง อะไรก็ไม่รู้ ไอ้เพื่อนเราก็เพิ่งอกหัก แดกเหล้าเข้าไป 3 แก้ว อาการเมาเท่า 3 ขวด เมาไปก็พล่ามไป "มันนะ ไม่เคยรักกู ฮือๆๆๆ กูไม่ดีตรงไหน ฮือๆ ๆ ๆ" พรืดดดด (เช็ดขี้มูก) แล้วอีนี่ ละสายตาจากมันเป็นไม่ได้ มันวิ่งลงทะเลซะงั้น!! ด้วยความเซ็งเพื่อน เราจึงหนีกลับบ้านมันคนเดียวซะดื้อ ๆ เพราะพวกหล่อนเล่นจะไปอยู่เกาะสมุยอีกตั้ง 5 วัน (เพื่อนเรามันย้ายไปอยู่อังกฤษ กลับมาเยี่ยมเมืองไทยทีไร มันพ่วงเอาเพื่อนฝรั่งมาด้วยทุกครั้ง แต่ฝรั่ง ไม่บอกมันมันไม่รู้หรอกจะไปไหนดี สุดท้าย ไปลงเอยที่สมุยทุกที น่าเบื่อโคตร) ระหว่างรอลงเรือ แถวยาวเป็นกิโล นี่ก็เกือบเที่ยงแล้ว จะทันเหรอเนี่ย มองดูในแถว ไม่ค่อยจะมีคนไทยเท่าไหร่เลย มีแต่ฝรั่ง "ฮะโหลๆ อันนี้เรือรอบเที่ยงป่ะจ๊ะ" เราถามฝรั่งที่ยืนอยู่ข้างหน้าเรา หนึ่งในนั้นเป็นสาวอิตาเลียน "ใช่จ้าาา กินสับปะรดมั้ย" เธอยื่นถุงสับปะรดมาให้ ปากก็เคี้ยวตุ้ย ๆ ไอ้เราไม่เคยปฎิเสธของกินอยู่แล้ว เลยจกมาซะชิ้นนึง ส่วนชิ้นที่เหลือตกไปอยุ่ที่ฝรั่งผมทองที่ยืนอยู่ติด ๆ กัน "แถวยาวเนาะ" เราก็พูดไปลอย ๆ อย่างนั้น มันเขิน ไม่มีไรทำ "อื้อ คุณเป็นคนไทยเหรอ" อ้าว มีคุยตอบ ๆ "ค่าาา" แล้วเราก็เลยแนะนำตัวเองพอเป็นพิธี "หวัดดีคับ ผมชื่อโซเร็น มาจากเดนมาร์ก" แล้วนี่แหละเป็นที่มาของการพบเพื่อนใหม่ ที่ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้พบกันในสถานที่แปลก ๆ สถานการณ์เช่นนี้ ต่างคนต่างมีสับปะรดอยู่ในมือ เอ๊ะ แล้วสาวคนให้สับปะรด เรามาไปไหนซะแล้วนะ เรากับโซเร็นนั่งติดกันบนดาดฟ้าเรือ แดดร้อนเปรี้ยง ๆ แค่นี้ก็ดำอยู่แล้ว ดำขึ้นอีกซักเฉดสองเฉดคงไม่สะเทือน โซเร็นนั้นขาวจั๊วะ ผมทองแบบที่ว่า ทำไมมันถึงได้ทองได้ขนาดนั้น เรียกว่าครบสูตรชาวสแกนดิเนเวียน ถามไปถามมา โซเร็นเป็นลูกครึ่ง "เหรอๆๆ ครึ่งอะไร" อ๋อ ครึ่งนอร์เวย์ ฮ่า ๆ ๆ ๆ เด่อ!!! จะว่าไปก็เหมือนครึ่ง ไทย ลาว ละมั้งคับพี่คับ.. แหม.. ไกลเชียว คุณเชื่อในเรื่องโชคชะตามั้ย บางครั้งมันก็พาให้คนแปลก ๆ มาพบกันในที่แปลก ๆ.... เรานั่งติดกันบนเรือยังไม่พอ ยังมานั่งติดกันบนรถอีก จริง ๆ แล้วไม่ได้นั่งด้วยซ้ำ เพราะขึ้นรถช้ากว่าชาวบ้านเค้าก็เลยไปติดอยู่ตรงที่นั่งชั้นล่างแบบบาร์ที่เป็นแบบหันหลังให้คนขับ และแน่นอนปรับเก้าอี้ไม่ได้ ไอ้ชั่วโมงแรกก็แบ่งๆ กันนั่งไปดีอยู่ แต่สอง สามชั่วโมงผ่านไป เฮ้ย ชักไม่ไหวว่ะ เราเลยลงไปนอนกับพื้นมันซะเลย คำว่าอายไม่มีในพจนานุกรมของเราอยู่แล้ว เดี๋ยวลงรถไปก็ไม่ได้เจอกัน จำหน้ากันก็ไม่ได้ด้วยซ้ำคนที่นั่ง ๆ รถมาด้วยกันเนี่ย ใช่มะ นอนเลยดีกว่า รถมาปล่อยเราลงที่หน้ากองสลากแถวถนนข้าวสารยังไม่สว่างเลย! ไอ้เราน่ะไม่เท่าไหร่ แท็กซี่ก็กลับบ้านได้ แต่สงสารเพื่อนใหม่ มันจะหาที่พักยังไงล่ะนั่น พอดีว่ารู้จักเกสต์เฮาส์อยู่ที่นึง ถูกมาก (ประมาณคืนละ 130-150 บาท) แล้วค่อนข้างห่างไกลถนนข้าวสารพอที่จะหลีกหนีความวุ่นวายของมันได้ แต่ก็ไม่ไกลชุมชนชาวแบกเป้จนเกินไป เลยบอกทางให้ แต่มันค่อนข้างจะลึกลับ โซเร็นได้แต่เกาหัวแกรก ๆ เราเลยตกลงว่าเดี๋ยวเดินไปส่ง เพราะบ้านเราไม่ไกลจากข้าวสารมากนัก แล้วเราก็ไม่ได้รีบไปไหน ไปถึงก็ต้องไปนั่งรอให้เกสต์เฮาส์เปิดอีก เพราะดันไม่มีคนมาเปิดประตู นั่งตบยุงกันไป.. แปะ แปะ.. กว่าจะมีคนมาเปิดประตูก็โน่น ปาเข้าไป 6 โมงเช้า ตอนนั้นสภาพเราเริ่มดูไม่ได้ พอส่งเพื่อนเรียบร้อยเลยขอตัวกลับบ้าน ทิ้งเบอร์มือถือไว้ให้เผื่อมีอะไรให้โทรหา คนที่ชอบเที่ยวต่างถิ่นคงจะเห็นด้วย ว่าไม่มีอะไรวิเศษไปกว่าการที่เราไปไหนแล้วได้คนท้องถิ่นพาเที่ยวอีกแล้ว โซเร็นมันเลยใช้เราจนคุ้ม เอ๊ย เราเต็มใจพาเพื่อนใหม่เที่ยวกรุงเทพฯจนปรุ ไปตั้งแต่วัดพระแก้วยันลานสเก็ตน้ำแข็ง! อาทิตย์หนึ่งผ่านไป โซเร็นยังอยู่กรุงเทพฯ ระดับความสนิท ค่อย ๆ พัฒนาจาก อาฮะ ๆ ไม่เป็นไร แหะๆๆๆ จน ณ ขณะนั้นเวลาผ่านไป 1 สัปดาห์ เข้าขั้นล้อชื่อแม่กันได้ ก็เจอหน้ามันทุกวัน ไปไหนก็ไปด้วยกัน ร้องคาราโอเกะก็พากันไปผิดคีย์ ออกทะเลมาแล้ว เรื่องว่าคำว่าอายคืออะไร ไม่รู้จัก ถ้าโซเร็นเป็นคนไทย ระดับความสนิทก็คงเปลี่ยนจาก คุณ ๆ ผม ๆ มาเป็น แก ๆ ชั้น ๆ ไปแล้วเรียบร้อย แต่แบ็คแพคเกอร์ย่อมต้องย้ายตูดไปสถานที่ใหม่ ๆ อยู่วันยันค่ำ วันนึงโซเร็นเลยย้ายตูดตัวเองไปอรัญประเทศ เพื่อข้ามไปกัมพูชา เราเลยไปส่งที่หมอชิต ร่ำลากันแบบขำ ๆ เพราะรู้ว่าเดี๋ยวชั้นก็ต้องเจอแกอีก ตอนนั้นเรากำลังวางแผนจะไปลาวอีกรอบ โซเร็นจะไปเวียดนามหลังจากกัมพูชา แล้วจากนั้นจะเข้าลาวเหมือนกัน เราเลยอาจจะได้ไปเจอกันที่ลาว .. แล้วอีก 2 เดือนถัดมา แล้วเราก็ได้เจอกันอีกจริง ๆ แต่นอกจากโซเร็นเองแล้ว ก็มีคนอีกคนเข้ามาร่วมแจมในชีวิตเราด้วย เค้าคนนั้นคือ แอนนัส เพื่อนร่วมชั้นของโซเร็นที่มหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน คนที่โซเร็นแนะนำมาให้เรารู้จัก มันไม่เคยมากรุงเทพฯ ฝากด้วยนะ เจอหน้าหมอนี่ครั้งแรกก็เฉย ๆ แต่อาทิตย์แรกที่เราต้องเดินทางด้วยกัน .. เกลียดหมอนี่ฉิบหายให้ตายเถอะ!!! แล้วจะมาต่อว่าด้วยผู้ชายคนนี้ แอนนัส นายเบิร์ก! อืมม์เข้ามาอ่านจ้า...จะบอกว่าเชื่อไหม?? ก็เชื่อนะคะ บางทีโชคฃะตาก็เล่นตลกกับเรา แต่ชีวิตก็คือชีวิต ดิ้นรนกันไป...แต่ว่ายังไม่เคยเจอเพื่อนฝรั่งแบบเจอกันแล้วช่วยเหลือเค้าแบบน้องเลยค่า..มีแต่ผ่านมาแล้วก้อผ่านไป...
โดย: FaRaWaYGiRL วันที่: 16 กรกฎาคม 2549 เวลา:8:50:15 น.
มิตรภาพดีๆ มาโดยไม่ได้คาดหวังเสมอแหละครับ
โดย: pok (pilok ) วันที่: 16 กรกฎาคม 2549 เวลา:11:29:02 น.
อืมอันว่าเรื่องโชคชะตาเราก็เชื่อค่ะแต่บางทีโชคชะตาช่างโหดร้ายกับเรามากๆๆเลยค่ะ
โดย: oryzaja วันที่: 16 กรกฎาคม 2549 เวลา:11:46:56 น.
เชื่อครับ เจอกันจนคิด " เราเป็นเนื้อคู่กับเค้าหรือป่าวน้า "
โดย: ราชันย์เมฆา วันที่: 16 กรกฎาคม 2549 เวลา:13:51:45 น.
พรหมลิขิตกับความบังเอิญนี่เราก็มักแยกกันไม่ค่อยจะออกว่าป่ะ หุๆ ตอนที่เขียนนี่ เพื่อนคนนี้อยู่นิวซีแลนด์แล้ว มีอยู่วันนึงนั่งคุยกัน ก็ยังเปรย ๆ กันว่า ถ้าวันนั้นชั้นไม่ตัดสินใจหนีเพื่อนกลับ แล้วถ้าวันนั้นเอ็งไม่ได้มาลงเรือสายเกือบคนสุดท้าย แล้วถ้าเราไม่ได้พูดว่า "แถวยาวเนอะ" เราก็คงไม่ได้รู้จักกัน ก็คงเป็นแค่คนแปลกหน้าที่ยืนติดกันในแถว ก็เท่านั้น
เริ่มจากรู้จักเพื่อนคนนี้คนเดียว มันนำพาหลาย ๆ สิ่ง และอีกหลาย ๆ คนเข้ามาในชีวิตเราแบบ งง ๆ เหมือนกันนะนี่นะ โดย: beebah วันที่: 16 กรกฎาคม 2549 เวลา:17:00:48 น.
รู้จักเพื่อนใหม่ไว้ไม่เสียหลาย กั่กๆๆ ว่าแล้วก็อยากไปหัวหกก้นขวิดที่ไหนมั่งจัง ตอนนี้ได้แต่ทำงานติดแหง่ก
โดย: นราเกตต์ วันที่: 16 กรกฎาคม 2549 เวลา:17:14:36 น.
|
บทความทั้งหมด
|