(ประมาณว่า)"เพื่อน" จะแต่งงาน แต่..
เมื่อเดือนก่อนคุยกับเพื่อนสาว (สาวแตกมาก ๆ she เป็นผู้หญิง ที่ ผู้ยิ๊งงงงง ผู้หญิง) ไม่ใช่คนไทยหรอกนะ คนสิงคโปร์ ไม่ได้เป็นเพื่อนที่สนิทมาก แต่ก็สนิทสนมกันในระดับหนึ่ง คือตั้งแต่มันมีแฟนมันก็เปลี่ยนไป น่าเตะกว่าเดิมจนฉันไม่ค่อยอยากเสวนาด้วยถ้าไม่จำเป็น

เรื่องของเรื่องคือหร่อนจะแต่งงานปีหน้าสมมติว่าเธอชื่อ มะนาว ก็แล้วกัน ซึ่งฉันรู้มาจากแฟนหนุ่มชาวเยอรมันหน้าเด็กของมะนาวมาก่อนแล้วว่า he แพลนจะขอเธอแต่งงาน (หลังจากคบกันมายาวนาน ถึง.. 6 เดือน...)

leaves

ตอนที่เราขับรถไปเบอร์ลิน เราพากันไปเยี่ยมเธอที่บ้านแฟนที่เยอรมนีซึ่งเป็นทางผ่านไปเบอร์ลินด้วย ไปกันสี่คน ไอ้เพื่อนคนเบลเยี่ยมอีกสองคนก็ดันรู้จักกับมะนาวด้วย ก็เลย เอาวะ แวะซะหน่อย

มาถึงบ้าน มะนาวทำหลบ ๆ เขิน ๆ เหนียม ๆ (ขอโทษนะ เห็นแล้วอยากกระโดดเอาขาหนีบคอให้ขาดออกซืเจนตาย) แล้วเอาแหวนเพชรเม็ดเท่าเม็ดขนุนออกมาอวด

"พวกเธอ นี่ เราหมั้นกันแล้วล่ะ!!" พลางโชว์แหวนวิบ ๆ วับ ๆ บิดตัวไปมาเหมือนอมีบาในน้ำที่ค่า PH เป็นด่าง

เปล่า ไม่ได้อิจฉา เพราะรู้อยู่แล้วว่ามันต้องออกมาแนว ๆ นี้แหละ ตลอด 3 ปีทีรู้จักมันมา ตั้งแต่มันโสด จนไปตบตีแย่งหนุ่มกับอาหมวยสิงคโปร์ จนไอ้หนุ่มหนีกลับประเทศไป ถึงอาหมวย และสาวมาเลย์อย่างมะนาวให้ตบตีกันต่อไป จนมันโสดอีกรอบ แล้วทุกครั้งที่เจอหน้า ม้ันต้องถามตลอด ว่าแฟนเรามีเพื่อนโสด ๆ เหลือบ้างไหม มะนาวเบื่อสิงคโปร์มาก ไม่อยากอยู่แล้ว (กรรมเว้รรร)

ถ้าไม่นับเรื่องผู้ชายกับเรื่องที่เป็นโคตรจะผู้หญิงของมันน่ะนะ มะนาวเป็นคนใช้ได้ คือมันเฟรนด์ลี่มาก เข้ากับคนง่าย (แต่ก็ทำให้คนหมั่นไส้ได้ง่ายเหมือนกัน) ฉันเคยคิดว่ามะนาวเป็นคน "ยังไงก้ได้" อยู่พักนึง จนถึงช่วงถือศีลอด (มะนาวเป็นมุสลิม ที่แต่งตัวล่อแหลม) มะนาวฟาดงวงฟาดงาเมื่อยามอาทิตย์ลับฟ้า เพราะหาร้านขายน้ำไม่ได้ (ก็ทำไมไม่เตรียมใส่ขวดมาเองวะเนี่ย กรูล่ะเซ็งจริงๆ )

เอาเถอะ กลับเข้าเรื่อง

หลังจากที่มะนาวได้ป่าวประกาศเรื่องหมั้นหมายแล้ว เราทั้งสี่คน (ไม่รวมแฟนมัน) ก็ทำทีเป็นว่าไม่เคยรู้มาก่อน แบบว่า "โอ โห เซอ ไพรส์ มาก เลย นะ เนี่ยยยยย" แต่แอคติ้งแต่ละคนไม่ได้เรื่องยิ่งกว่านางเอกละครช่องเจ็ดบางคน มะนาวเลยรู้ว่า เรารู้มาก่อนแล้วว่าแฟนมันจะขอแต่งงาน ก็เลยหันไปโกรธแฟนมันซะงั้น ที่ทำข่าวรั่ว

ไอ้ไคล์ แฟนมัน เลยซวยไป

หลังจากที่ประกาศอย่างเป็นทางการ มะนาวก็จาระไนต่อไปว่า วางแผนไว้ว่าจะแต่งเดือนเมษายนที่จะถึงนี้ (คิดดู เค้าเพิ่งขอแต่ง มันรู้แล้วอ่ะ ว่าจะจัดงานแต่งงานวันไหนดี ประมาณว่าวางแผนไว้แล้ว แค่รอว่าเจ้าบ่าวจะเป็นใคร ทำนองนั้น)

แขกที่เชื้อเชิญก็ไม่มากไม่มาย แค่ 2 พันคน (ใช่ 2 พันคน)

ถีงตรงนี้ ฉันได้แค่นั่งอ้าปากให้แมลงวันเข้าไปอึแล้วบินออกมาใหม่ ก็ยังหุบปากไม่ลง อะไรของเมิงเนี่ย เชิญแขกสองพันคน จะบ้าเปล่า !?? จะปิดเกาะสิงคโปร์เลยหรือไงเจ๊!

มะนาวบอกว่า พวกเราไม่เข้าใจ เธอเป็นหลานยายคนแรกที่จะแต่ง เป็นหลานสาวปู่คนแรกที่จะแต่งด้วย (ฉันได้แต่คิดอย่างคนใจร้ายว่า นี่หร่อนปาเข้าไป 32 ขวบแล้ว ยังเป็นคนแรกในตระกูลที่ได้แต่งอีกเรอะ หวังว่าคงไม่มีญาติเยอะนะ แต่ มันจะเชิญสองพันคนนี่ก็น่าจะเยอะอยู่)

มะนาวยังจาระไนต่อไปอีกว่า มันเป็นเรื่องของหน้าตาของแม่หล่อน (ชั้นว่าเอ็งอ่ะแหละ ไม่ใช่แม่เอ็งหรอก) นี่ยังไม่ได้คิดเลยนะว่าค่าใช้จ่ายจะบานออกไปเท่าไหร่ เงินเดือนเธอก็ไม่ได้เยอะอะไร

ฉันถามว่าแต่งแล้วจะอยู่ไหน ไคล์จะย้ายไปสิงคโปร์มั้ย

แต่ว่าไปฉันไม่น่าถามอะไรโง่ ๆ มะนาวน่ะเรอะ จะอยู่สิงคโปร์ต่อ หล่อนวางแผนจะมาอยู่เยอรมนีกับสามีชัวร์ ๆ อยู่แล้ว (คนในอยากออกคนนอกอยากเข้า อยู่ยุโรป ไม่ได้สวยหรูอย่างที่ใคร ๆ คิดนะคับขอบอก มาก็เป็นพลเมืองชั้นสองในประเทศคนอื่น ไม่เหมือนฝรั่งอยู่เมืองไทย มีแต่คนเห็นว่าเป็นพระเจ้าจอร์จที่ 12 ลงมาโปรดราษฎรประเทศโลกที่ 3)

"ก็ต้องมาเรียนภาษาก่อนอะดิ?" ภาษาเยอรมันของมะนาว เท่ากับศูนย์ พอ ๆ กับภาษาดัชท์ของฉันที่เท่ากับ 0.5 จากเต็ม 10

ประเด็นคือ แฟนมะนาวอายุน้อยกว่า การงานก็เพิ่งเริ่มทำได้ไม่ถึง 3 ปี ทุกวันนียังเช่าอพาร์ทเมนท์แบบสตูดิโออยู่ ฉันไม่อยากจะคิดว่า มันจะรอดมั้ยวะสองคนนี้ อีกคนก็เพิ่ีงจะทำงานได้ไม่นาน อีกคนก็ไม่รู้จะมาทำงานอะไร แต่มันไม่ใช่เรื่องของตูนี่หว่า

ที่ทำให้ฉันอยากโดดเตะกกหูมะนาวที่สุด ไม่ใช่เรื่องเธอฝอยแตกเรื่องงานแต่งงานอลังการของเธอ แต่เป็นเรื่องที่เธอไม่เห็นใจแฟนเลย ว่าแฟนมีเงินไม่เยอะ แถมเศรษฐกิจแบบนี้ ไม่มีอะไรแน่นอนเลย เพื่อน ๆ ของฉันที่นี่ โดนเลย์ออฟกันไปแล้วหลายคน แต่มะนาวไม่ได้สนใจเลย เอาแต่วางแผนว่าจะสั่งอาหารอะไรให้แขกสองพันคนของเธอได้รับประทานกันดี และทำอย่างไรเธอถึงจะส่งเสื้อผ้า เครื่องสำอางค์ แมกกาซีนคอสโมโพลิตันของหล่อนมายังเยอรมนีได้ให้ไวที่สุด

"บี เธอส่งของจากเมืองไทยมายังไงเหรอ"
"ส่งไร?"
"อ่าวก็ตอนเธอย้ายมาอยู่เบลเยี่ยมไง"
"ไม่ได้ส่งไรมาเลย"
"ต๊ายยย แล้วมายังไงน่ะ??"
"ก็เอากระเป๋าเดินทางมาใบเดียว น้ำหนักเกินนะ ประมาณ 25 กิโล แล้วก็ carry on คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คตัวเดียว"
"จะไม่ส่งไรมาเลยเหรอ"
"ไม่อ่ะ"

ฉันไม่ได้พูดต่อว่า จะส่งไปทำไม ท่าจะบ้า เคยอ่านตามเว็บบอร์ด เรื่องส่งของทางเรือ (อยากจะสั่งหนังสือจากเมืองไทยมาอ่านกะเค้ามั่ง) เจอแต่สาวๆ คุยกันเรื่องส่งเสื้อผ้า เสื้อกันหนาว แม๊กกาซีนผู้หญิงทั้งหลายแหล่ (ที่ฉันไม่รู้ว่าจะบ้าส่งมากันทำไมวะ มีแต่โฆษณาทั้งเล่่ม) ส่งกันแค่ 20-25 กิโล "แค่ห้าพันกว่าบาทเกือบ ๆ หกพันเองค่ะ" อ่านแล้วอยากทึ้งผมตัวเอง แฟนไม่ด่ากันบ้างหรือไง อย่างเสื้อกันหนาวงี้ ซื้อเอาช่วงเซลล์ที่นี่น่ะ ไม่ได้แพงกว่าซื้อที่มาบุญครองหรอก บางทีถูกกว่าด้วยซ้ำ หกพันบาท ร้อยกว่ายูโร เงินขนาดนี้ ฉันเอาไว้ให้แม่ซื้อของเข้าบ้านดีกว่า

ไม่ได้บอกว่าฉันถูก คนอื่นผิดนะ แต่เป็นความเห็นและความหงุดหงิดส่วนตัว อ่านเจออะไรแบบนี้ทีไรแล้วก็โมโหแบบไม่มีเหตุผล

ในขณะที่ตัวเองก็ยังไม่รู้ว่าจะมาทำมาหากินอะไร และแฟนก็ยังไม่รู้ว่าบริษัทจะต่อสัญญาหรือไม่ มะนาวยังคงวางแผลการแต่งงานระดับเจ้าหญิงธิดาสุลต่านของเธอต่อไป

ฉันไม่ได้ถามเธอเรื่องงานแต่งงานมากนัก เพราะ หนึ่ง) ไปไม่ได้อยู่แล้ว ติดงานที่นี่ ขึนลาตอนนี้โดนไล่ออกแน่ สอง) ถึงมันจะมาแต่งอีกรอบที่นี่ ก็ไม่อยู่อยู่ดี เพิ่งบุ๊คตั๋วไปคาซัคสถาน

เช้าวันสุดท้ายที่เราพักอยู่กันที่บ้านแฟนของมะนาว (จริงๆ เป็นบ้านพ่อแม่เขาน่ะ) ทุกเช้ามะนาวจะลงมาจากห้องนอนเป็นคนสุดท้ายเสมอ และจะละเลียดกินทีละเล็กละน้อย แยมหมด ก็สั่งให้แฟนไปหยิบ กินเกือบ ๆ จะเสร็จ แฟนจะเก็บจาน มะนาวเปลี่ยนใจจะกินต่อ ให้แฟนกลับไปเอาแยมมาเพิ่ม นี่ หยิบซุปมาให้ด้วยซิ ฯลฯ คนอื่นกินเสร็จหมดแล้ว เธอยังนั่งละเลียดตัดขนมปังเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัสพอดีคำ
"ทำไมไม่ทาแยมแล้วกัดเอาอ่ะ" ฉันถาม
"ไม่ได้ ๆ ฉันกัดไม่ได้หรอก"
"ทำไม(วะ)"
"ฟันชั้นไม่ดี ปากฉันก็ไม่กว้างด้วย" อ้าว นี่ด่าพวกกรูปะเนี่ย? เพราะแต่ละคนนี่นั่งกัดขนมปังกันไปจนหมดแถวแล้ว พวก กรู ปากกว้างงั้นดิ?

ถึงตรงนี้ฉันเริ่มคิด นี่กรูเป็นเพื่อนกับมันมาได้ไงเนี่ย ต่อไปนี้ลดสถานะมันลงเหลือแค่"คนรู้จัก"พอ เป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วทำลายสุขภาพจิตจี๊ดๆ

เมื่อไหร่คนจะเลิกตำน้ำพริกละลายแม่น้ำกับงานแต่งงานกันซะที มีเงินจริงๆ จะไม่ว่าเล้ย บางคนนี่นะ แหม พยายาม กลัวคนเค้าจะนินทาว่างานกระจอก บอกไว้เลยนะ พวกที่นินทาน่ะ มันไม่ได้มาหาเลี้ยงเรา จะไปแคร์ทำไม ทำให้พ่อแม่ครอบครัว เชิญเพื่อน ๆ ที่สนิท ๆ กันก็น่าจะพอแล้ว คนเหล่านี้ต่างหากที่อยู่กับเรามาตลอด และจะอยู่กับเราตลอดไป คนที่โผล่มากิน ๆ ดื่ม ๆ แล้วก็กลับ แถมเรายังต้องมานั่งระแวงว่าคนจะเอาไปนินทามั้ยวะ งานกูดีมั้ยวะ ไม่ต้องเชิญหรอก เชิญมาทำไมให้เป็นทุกข์?

ปีที่แล้วก้เหมือนกัน เพื่อนสมัยมหา'ลัยแต่งงาน เราก็ไม่ได้สนิทมาก แถมตอนนั้นไม่อยู่ด้วย ไปอินเดีย ก็เลยไม่ได้ไปงานมัน แต่ฝากซองไป ไอ้เพื่อนปากแมวที่ไปมาก็กลับมาบ่น ว่า โหยยย งานไอ้เม้งนะ แม่งไม่ได้เรื่องเลย ของกินก็น้อย ฯลฯ

ฉันจินตนาการว่าได้ตบกบาลมันไปดังผัวะ (แต่ไม่ได้ทำ กลัวโดนมันสวน) ได้แต่ด่าไปว่า มันเชิญเอ็งก็ดีเท่าไหร่แล้ว งานแต่งงานมันนะ ไม่ใช่งานวันเกิดเมิง ยังมีหน้ามาบ่น ทุเรศจริง ๆ



Create Date : 26 มกราคม 2552
Last Update : 28 มกราคม 2552 3:17:22 น.
Counter : 1106 Pageviews.

5 comments
” ฝึกทำจิตให้เป็นอุเบกขา “ : พระอาาจารย์สุชาติ อภิชาโต newyorknurse
(28 พ.ย. 2567 14:53:25 น.)
ต้นคริสมาสปี 2024 ที่ Rockefeller Center , มีประวัติที่ประทับใจ newyorknurse
(14 พ.ย. 2567 15:32:09 น.)
สว. สมัครเดิน 5 กิโลเมตร (km) ไม่แข่งกับใคร เอาแค่เดินสุดทางก็พอ newyorknurse
(5 พ.ย. 2567 06:48:09 น.)
ดอกมัม - เบญจมาศ - ราชินีแห่งฤดูใบไม้ร่วง newyorknurse
(14 ต.ค. 2567 03:31:40 น.)
  
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
โดย: ทฤษฎีสีฟ้า วันที่: 26 มกราคม 2552 เวลา:4:34:51 น.
  
อ่านไป ขำไป เล่าได้มันส์ดีจริงค่ะ
โดย: ถั่วงอกน้อยค่ะ วันที่: 26 มกราคม 2552 เวลา:5:43:15 น.
  
บล็อกก็สวย เรื่องก็สนุกค่ะ
โดย: Tang_Siri วันที่: 26 มกราคม 2552 เวลา:9:08:18 น.
  
... เพื่อนแบบนี้ ... ตลกดีแฮะ

... เขียนสนุกดีค่ะ มันส์มาก
โดย: SIMAKHA วันที่: 26 มกราคม 2552 เวลา:10:09:16 น.
  
แหะๆ ขอโทษถ้ามันจะหยาบคายไปหน่อยนะคะ
แบบว่าจี๊ดจริงๆ ไม่รู้จะไประบายกะใคร
บ่นกะแฟนแฟนก็หาว่าบ้า เง้อ..
โดย: beebah วันที่: 28 มกราคม 2552 เวลา:3:07:55 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Beebah.BlogGang.com

beebah
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด