วันที่สุดโลว์ว์ว์.....ว์...ว์ และกล่องบุญคุณป้า & สตาร์บัคส์ (ก็ใครวะที่โง่เอง อุตส่าห์ซื้อ sim ใหม่ที่อินเดีย แต่เจือกใส่ sim ผิด เอา sim เมืองไทยใส่แล้วโทรหาชาวบ้านเค้าทั่ว!! บิลโทรศัพท์มา ง่ายยย สำหรับคุณ สมใจ) วันนี้คุณพยาบาลนัดให้ไปฟังผลตรวจเลือด (ไม่ได้เป็นเอดส์!) ไวรัสตับอักเสบ บี ที่เพื่อน ๆ ทั้งหลายว่าจะตรวจกันมานานแล้ว เรื่องของเรื่องคือเพื่อนที่เรียนมาด้วยกันสมัยมหา'ลัย มันเพิ่งมารู้ตัวว่า มันเป็น! แล้วด้วยความโง่ปนลนลานของเพื่อน ๆ คือคิดว่า ไวรัสตับอักเสบ บี มันติดทางน้ำลาย คือ ใช้ภาชนะร่วมกัน หรืออะไรเนี่ย มันจะติด "จริง ๆ แล้ว ไวรัสตับอักเสบ บี ติดทางเพศสัมพันธ์ และเลือดเท่านั้น" เหมือนเอดส์อ่ะนะ แต่เอาเป็นว่าเพื่อความสบายใจ ไหน ๆ ก็ผลัดมานาน ไปตรวจซะเลย จริง ๆ ไปตั้งกะวันศุกร์ที่แล้ว คุณพยาบาลบอกว่าให้มาฟังผลวันจันทร์ แต่พอไปวันจันทร์ คอมฯ ดันเสีย ผลไม่ออก! กรำ....เลยต้องไปมาอีกทีวันนี้ ก็ปรากฎว่าไม่มีอะไร ไม่ได้เป็น คุณพยาบาลก็เลยให้ฉีดวัคซีนซะเลย 321 บาท บวกอีก 50 บาทเป็นค่าบริการในเวลาราชการ ... (เอ๊า... รพ.ตำรวจ) กำลังนั่งรอคุณพยาบาลเตรียมเข็มอยู่ ใจคิดไปเรื่องอะไรต่อมิอะไรเรื่อยเปื่อย งานลูกค้าอีกกี่งานวะเมื่อไหร่จะเสร็จ โอ๊ย ค่าโทรศัพท์อีก 3 พัน ยังไม่ได้จ่าย ...ฉิบหาย DVD ร้าน fame ยังไม่ได้คืนค่าปรับเท่าไหร่แล้ววะ เผลอ ๆ ซื้อแผ่นมาดู ถูกกว่า... เอ่า ว่าจะไปบริจาคโลงศพ ก็ยังไม่ได้ไปซักที .. พาสสปอร์ต ไปทำไว้หลายวันแล้ว ทำไมมันยังไม่ส่งมาที่บ้านอีกหว่า.. บัตรเครดิตจ่ายยังวะ.. ฯลฯ สารพัดจิตใจจะวุ่นวายคิดไปได้.. "น้องคะ เป็นอะไรหรือเปล่า?" เสียงคุณพี่พยาบาลใจดีถาม "คะ?"(เพิ่งตื่นจากภวังค์) "หน้าน้อง..ดูไม่ค่อยสบายใจ กังวลอะไรหรือเปล่าคะนี่" "อ๋อ เออ เปล่าค่ะ คิดเรื่องงานนิดหน่อย" จริงๆ แล้วคิดไปเรียบร้อยล้านแปดเรื่อง... เข็มปักเข้าไปที่ต้นแขนซ้าย ปวดแปล๊บ ๆ แถมฉีดนานอีกด้วย เพราะต้องค่อย ๆ ฉีดยาให้หมดหลอด อูย เจ็บอ่ะ... แต่ก็พยายามทำใจ วิปัสนาไป ความเจ็บมันอยู่แค่ตรงแขนนั้น ความเจ็บมันอยู่แค่ตรงแขนนั้น เดี๋ยวก็หาย เดี๋ยวก็หาย.. ว่าแต่ รีบ ๆ หน่อยก็ดีนะคะ!!! แง้!!! ฉีดยาเข็มแรกเสร็จ พี่พยาบาลบอกว่าให้มาฉีดเข็มที่สองเดือนหน้า แล้วอีก 6 เดือนมาฉีดเข็มที่ 3 เป็นอันเรียบร้อย "แล้วอย่างนี้บริจาคเลือดได้มั้ยคะ" "อ่อ ไม่แนะนำค่ะ ยังไงก็ รอซักเดือนนึงก่อน แล้วค่อยบริจาคดีกว่าค่ะ" เราเลยพาตัวเองออกมาจากโรงพยาบาล รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นวิญญาณร่อนเร่ ไม่มีชีวิตชีวา เอาซะเลย รู้สึกได้ว่า หน้าเริ่มเหี่ยวลง ทุกนาที โอ๊ย ทำไมวันนี้มันเครียดแบบนี้วะ เซ็งโคตรเลยยืนอยู่หน้าโรงพยาบาล อืม จะได้ TCDC ยังไงดีวะ ต้องไปรถไฟฟ้า อ่า ต้องไปสถานีไหนวะ อ่อ ไปชิดลมก็ได้ แล้วไปยังไง สงสัยต้องนั่งรถเมล์ไปต่อ รถเมล์ผ่านมาพอดี เลยโดดขึ้น ขึ้นไปได้แล้ว เพิ่งคิดได้ว่า ไอ้คว๊ายยยย เดินไปก็ได้ สถานีชิดลมอยู่แค่นั้นเอง! เดินผ่านศาลพระพรหมไปหน่อยเดียวก็ถึงแล้ว ขึ้นรถเมล์มาทำไมเนี่ย สติหลุดมากวันนี้ แทนที่จะได้เดินสั้น ๆ กลับต้องไปลงรถเมล์ที่หน้า Central World เดินทะลุห้าง ให้ยามตรวจกระเป๋าเล่น ๆ พอแก้เบื่อ แล้วก็เดินไปออกที่ skywalk เพื่อไปขึ้น BTS ...เดินยาวกว่าเดิมอีก.. เวรกรรม นี่แหละหนา ความที่ไม่มีสติอยู่กับเนื้อกับตัว... หิวน้ำ... แวะดื่มน้ำฝรั่งหน่อยดีกว่า อ่าา สดชื่น ดีขึ้นมาหน่อย แต่ก็ยังรู้สึก โลว์ ๆ อยู่ ขึ้นไปยืนรอรถไฟฟ้าอยู่ เห็นผู้คนแล้วสุดจะเบื่อ และ เซ็ง เมื่อเช้าอ่าน บรีฟลูกค้าแล้ว เค้าอยากได้เว็บที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็น class B+ ขึ้นไป และบรีฟมาว่า "...ลองนึกถึงคนที่ไปนั่ง TCDC ใช้แมค.. ฟัง ipod.. กินข้าวเกรย์ฮาวด์.. ช็อปปิ้งที่ Playground.. นั่งดื่มกาแฟสตาร์บัคส์ ฯลฯ" อ่านแล้วรู้สึกอยากกระโดดเตะคอมให้กระเด็นไปพ้น ๆ หน้า (ยังเสียดายเงินที่ซื้อมันมาอยู่) แบบ โห กลุ่มเป้าหมายไรวะ โคตรกระแดะและตอแหลจริง ๆ เลยให้ตายเถอะ วันไหนมันไม่ได้กินสตาร์บัคส์ หืดมันจะขึ้นมั้ยวะนั่นน่ะ แก้วนึง ขำ ๆ 100 กว่าบาท แถมถ้าไม่เก๊กท่า ยกตนข่มท่านไว้ก่อน เวลาไปยืนแสร๋นที่เคาน์เตอร์ พนักงานจะใช้สายตา "จิก" ท่านได้ ราวกับจะด่าว่า "อีนี่ อยากจะ dak กาแฟกรูเรอะ เฮอะๆๆๆๆๆ ไป google มาก่อนเหอะ ว่า แฟรบเป้! มันคืออะไร โฮะๆๆๆๆๆ" มันคงเป็นความสามารถพิเศษของพนักงานสตาร์บัคส์แทบทุกสาขาก็เป็นได้ กำลังนึกหมั่นไส้ในความตอแหลของกลุ่มเป้าหมายของลูกค้าอยู่เพลิน ๆ ก็เหลือบไปเห็นผู้หญิงคนนึง เป็นวัยป้า ๆ ของเรานี่แหละ ท่ามกลางผู้คนวัยหนุ่มสาวที่ถ้าหูไม่มี ipod ยัดอยู่ ก็ต้องถือกระเป๋าใส่ notebook, ถือถุงช็อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนม... คุณป้าที่ดูจากการแต่งตัวแล้ว น่าจะทำงานอยู่ออฟฟิศที่ไหนซักแห่งย่านนั้นนั่นแหละ เธอมีสีหน้ายิ้มน้อย ๆ อย่างสุขใจ มันทำให้เราสะดุดตาจนต้องแอบมองว่า อะไรทำให้คุณป้าดูมีความสุขอย่างน่าอิจฉาปานนั้น ในขณะที่เราโคตรจะเครียดเลย.. ในมือของคุณป้ามีกล่องโลหะสี่เหลี่ยมผืนผ้า เหมือนกล่องคุกกี้ สีเขียว-ชมพูสดใส บนกล่องเขียน ว่า BOON BOX 2 หรือ "กล่องบุญ 2" นั่นเอง เราเห็นแล้วจำได้ทันที เพราะเคยซื้อ BOON BOX 1 ให้เพื่อนในวันเกิด เป็นกล่องที่บรรจุข้อคิดทางธรรมแบบน่ารัก ๆ ทำได้จริง ไม่ต้องจบเปรียญ 8 มาก็อ่านรู้เรื่อง คุณป้าถือกล่องด้วยมือทั้งสองข้าง เปิดดูข้างใน แล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ พอรถมาก็ปิดกล่องแล้วยืนยิ้มน้อย ๆ อยู่อย่างนั้น.. แปลกใจตัวเองเหมือนกัน ที่เรื่องแค่นั้นแหละ ทำให้เรายิ้มได้เป็นครั้งแรกในวันนั้น มาคิดดูว่า จะอะไรกันนักหนา ปัญหานู้น ปัญหานี้ เหมือนที่ท่านดาไลลามะกล่าวไว้ว่า จริงซะยิ่งกว่าจริง...กลุ้มไปปัญหาก็ไม่หายไปซักหน่อย ค่อย ๆ แก้ไปทีละอย่างแล้วกัน ลงจาก BTS มา ปรากฎว่าเราไปนั่งทำงานที่ TCDC (ก็เน็ตมันฟรี หนังสือมันอ่านฟรี ไฟมันฟรีนี่นา.. ค่าสมาชิกปีละพันกว่า บางคนบอกแพง แต่ทีจ่ายค่าฟิตเนสที่บางทีไม่ได้ไปมันหรอก เดือนนึงเกือบพัน ไม่ยักบ่น) เอ๊ะนี่ถ้าเราเดินลงไปกินกาแฟ สตาร์บัคส์ด้วยนี่ เราจะกลายเป็นกลุ่มเป้าหมายของไอ้ลูกค้าเราทันทีเลยซิเนี่ย ดีนะ ที่ ipod โดย แฮ้ป หายจ้อย ไปแล้วที่อินเดีย เลยไม่ได้กระแดะเท่าที่ควร อย่างน้อย ๆ เราก็ไม่เคยกินข้าวที่เกรย์ฮาวด์แหละวะ.. สมน้ำหน้า สาขาไฮโซที่ TCDC ไปไม่รอด เพราะเสือกไฮโซจัด ทำร้านซะคนไม่กล้าเข้า กลัวมันขอตรวจบัตรดีไซเนอร์ ! (แบบถ้าไม่ใส่แว่นกรอบดำ เสื้อคอเต่า ไม่ให้เข้า ไรงี้) ร้านภรณีต้องเข้ามาทำต่อ ก็เห็นเค้ายังอยู่ได้ เด้กข้าง ๆ แม่งเข้ามานั่งคุยโทรศัพท์อีกแล้ว นี่มันห้องสมุดนะน้อง บางคนแม่งเป็นดีไซเนอร์ได้ ใช้ Software ได้ทุกค่าย แค่ป้ายในห้องสมุดว่า “กรุณางดใช้โทรศัพท์มือถือ” แค่นี้ แม่งอ่านไม่อออก.. แสดดดด... นั่งทำงานไปจนเค้าใกล้ ๆ จะปิด (3 ทุ่ม) นั่งรถเมล์สาย 2 กลับบ้าน (หลังจากเมื่อเช้ากระแดะนั่งแท็กซี่ไปแล้ว 1 รอบ เพื่อที่จะพบว่า จริงๆ แล้วนั่งรถเมล์เร็วกว่าอีก ฟายเอ๊ย.. แถมยังต้องมานั่งฟังแท็กซี่บ่นเรื่องเมียที่บ้านอีก เวรแท้ ๆ) จะดูหนังก็ขี้เกียจ แล้วไม่ได้เอาเสื้ออุ่น ๆ มาด้วย โรงหนังเมืองไทยนี่ก็แปลก ทำไมมันต้องเปิดแอร์หนาวขนาดนั้นด้วย แล้วเจอบ่อยมากพวกสาว ๆ ที่ใส่แขนกุดเข้าไปดู เรายังหนาวแทบตาย 5 เลย ...เจ๊ ๆ เค้าไม่หนาวกันบ้างเรอะ ?? คติธรรมวันนี้ : จงอย่าดื่มกาแฟลาเต้ จงดื่มกาแฟมอคค่าแทน เพราะอร่อยกว่า (อะไรของมันเนี่ย…) มาเจิมประเดิมไม่ทัน แต่ก็ยังมา อิอิ
ไม่ค่อยได้มาแวะ แต่ก็มานะ เพราะชอบที่คุณ (พี่) เขียนน่ะ สะอก-สะใจดี เป็นอะไรที่แบบ.... มันทำให้อารมณ์ดีขึ้นน่ะ ชอบ โดย: ดาริกามณี วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:10:38:25 น.
ผึ้งอ่านที่พูดถึงลูกค้ากลุ่มนี้แล้วขำน่ะ สตาบัคนี่ไม่ว่าฝรั่งว่าไทยก็ชอบน่ะ แต่ของเค้าเข้มข้นจริงๆ แต่ไม่ติดน่ะ ว่ามันแรงไปน่ะ เดี๋ยวนอนไม่หลับ สรุปตอนท้ายนี่เห็นด้วยว่า มอคค่า อร่อยกว่าลาเต้ ชอบมอคค่ามากกว่าเหมือนกัน อย่ากลุ้มเอาเวลามานั่งรวบรวมอินเดียให้อ่านดีกว่าน่ะ
ปอ ลอ เพิ่งเคยเห็นผึ้งอัพบล๊อกน่ะเนี้ย โดย: ปลา จาก MSN แหละ (Special Ed. ) วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:11:25:24 น.
นานๆ จะได้อ่านบล๊อกของคุณ beebah สักที
ผมคงไม่ใช่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นแน่ ทุกวันนี้ยังสั่งกาแฟสตาร์บัคส์ไม่เป็นเลย ไอ้แก้วใหญ่ แก้วกลาง แก้วเล็ก มันต้องพูดลาตินโญ่ใช่ไหมล่ะ... เข้าไปครั้งเดียวเลิก กลัวแพง กลัวถูกสายตาเหยียดหยามจากพนักงานขายและคนที่ต่อแถวอยู่ข้างหลังเรา ไปซื้อกาแฟสดแก้วละ 25 บาทที่โรงอาหารดีกว่า ถึงจะหอมไม่เท่า แต่ก็เข้มข้นคุ้มราคากว่ากาแฟสดที่เข้มกว่าน้ำล้างแก้วหน่อยหนึ่งตามปั๊มน้ำมันเป็นไหนๆ ชอบข้อความของท่านดาไล ลามะ จริงๆ โดย: คนทับแก้ว วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:14:09:58 น.
สวัสดีค่า ไม่ได้อัพ blog แบบว่านานมาก เพราะไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจในชีวิตน่ะ
คุณ Hawaii_Havaii ดีใจจังมีคนมาเจิม blog ให้ แหะ ๆ ๆ ๆ ดีแล้วล่ะค่ะ ที่ไม่ทานกาแฟ เพราะมันเปลืองค่ะ 555 :-D คุณ ดาริกามณี บาง post ของเราแบบว่าอาจจะปากจัดไปหน่อยนะคะ ต้องขออภัย แบบว่าบางทีเขียนระบายอารมณ์เล็กน้อย :-) ปลาาา .. เราว่าฝรั่งกิน ตาบั๊ค เพราะความเคยชินด้วยส่วนนึง แต่คนไทยเข้าไปกินเพราะ หนึ่ง อาจจะใกล้ออฟฟิศ สอง มันเท่ (ต้องหนีบโน้ตบุ๊คเข้าไปนั่งใช้ด้วยนะ ทำท่ายุ่ง ๆ ธุรกิจ ๆ เข้าไว้ เข้าไปนั่งเล่น MSN อาจจะไม่ค่อยเท่เท่าที่ควร) ควรจะถือหนังสือพิมพ์หน้าหุ้นเข้าไปด้วย(ถึงปรกติจะเล่นแต่หวยก็เหอะ) เอาไปกาง ๆ ดู เท่ ๆ โอ้ว แนสแด็ก โอ๊ววส์ แล้วนี่มันตารางแสดดดดไรละเนี่ย แม่เจ้าโว้ย ไม่รู้เรื่องเลย เอาวะ มันเท่ก็แล้วกัน อิอิอิ พอดีกว่า ปากหมามาก มันจะไม่ดี แล้วเราจะรีบเขียนอินเดียให้อ่านนะจ๊าาา มันส์แน่นอน คุณคนทับแก้ว หวัดดีค่ะ ไม่ได้คุยกันซะนาน เราก็สั่งไม่เป็นเหมือนกันค่ะ ศัพท์สตาร์บัคส์นี่มันยากกว่าศัพท์ทางการแพทย์อีกนะคะ เอาแค่ว่า ชอต อัลโต้ ฯลฯ อะไรนี่ดิฉันก็ยื่นโง่แล้วค่ะ (แถวบ้านเรื่อง แก้วเล็ก แก้วกลาง แก้วใหญ่ มา อัลตง อัลโต้ กันทำไมให้งงก็ไม่รู้มันค่ะ) หลัง ๆ กินกาแฟก็กินที่คอฟฟี่เวิร์ล(ถ้าเดินอยู่ในห้าง) ไม่ก็แบล็คแคนยอนค่ะ (เราว่ากาแฟเย็นเค้าอร่อยดีอ่าาา) ถ้าวันไหนลุงคนขายโอเลี้ยงไม่เบี้ยว ก็มีกาแฟ(ยกล้อ) มาส่งถึงหน้าบ้านเลยเชียว 15 บาทเอง หุๆๆๆ ตาบั๊ค ไม่ล่ายแล็กเงินเราอีกนานนนนค่ะ อิอิ โดย: beebah วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:14:36:12 น.
|
บทความทั้งหมด
|
ฮิฮิ คติธรรมน่ารักจัง แต่ว่าไม่ทานกาแฟเลยค่ะ