หุบเขาคนโฉด ไม่ใช่ไอศครีม ไม่ต้องเข้ามาเลีย หรือเชียร์จนละเหี่ยใจ แต่ขอแค่ความจริงใจ ของคนกล้าคิด ไม่ติดอยู่ในกรอบ

30120 Diary 2010 - Jan




"ความสุขของมาร คือการทรมานผู้คน"
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
หุบเขาคนโฉด, หมู่ตึกมารสำราญ, ช่วยอ่านที ไดอารี่ของฉัน
zOOmzerO, Violent Valley, Diary, 2010 January


Diary 2010 - January


ยังอยู่ในช่วง "ช่วยอ่านที ไดอารี่ของฉัน" อยู่นะครับ
เพราะตอนนี้ข้าพเจ้ากำลังสับสนชีวิตตัวเองอยู่
ไม่รู้ว่าปีนี้จะเล่นบทผู้ร้ายอย่างที่ผ่านมา
หรือบทพระเอกแบบหนังซีรี่เกาหลี เช่นเรื่อง มายเกิร์ล, ฟูลเฮาส์, ฯ
หรือเป็นแนวพระเอกละครไทยแบบเสี่ยชัค-ปอ ทฤษฎี ผู้มีหัวใจถึง 2 ภาค
หรือจะเป็นครูกุ๊ก-เคน ธีรเดช ที่น่ารักและเจียมตัว (เพราะหน้าเราก็คล้ายเขามาก)
แต่ข้างในจริงๆ อยากเป็นพระเอกเรื่องเชลยศักดิ์-โฬม
เพราะตลอดชีวิตก็ตกเป็นเชลย(หัวใจของสาวๆ)มาตลอด




imp/2010-01-24/12:03 แก้ไข comment box




 

Create Date : 20 มกราคม 2553
29 comments
Last Update : 17 มิถุนายน 2554 19:16:12 น.
Counter : 1169 Pageviews.

 

ก่อนอื่นขอคุยกับเพื่อนๆท่านอื่นๆก่อน
เดี๋ยวค่อยไปชำระแค้นกับโจทย์เก่าทั้งสองคนโน้น วันพรุ่งนี้

เรื่องที่จะคุย ก็มีอยู่ว่า...

คุณเคยอยู่ในเหตุการณ์ที่เป็นผู้ถาม
หรือผู้ถูกถาม คำถามแบบนี้หรือไม่?
- คุณไม่รักฉันแล้วหรือ?
- ตกลงเราเป็นอะไรกัน?
- ใจคอตัวเองจะทิ้งเค้าไปแบบนี้หรือ?
- ทำแบบนี้ ไม่รัก ไม่สงสารกันแล้วหรือ?
- ลืมเมื่อก่อน วันที่เรายังรักกันได้หรือเปล่า?
- เธอยังมีฉันอยู่ในใจหรือเปล่า?
- ต้องให้ตายใช่มั๊ย ถึงจะรู้ว่ารัก?
- เค้ายอมทุกอย่าง อยากให้เค้าทำอะไรบอกมา?
- เคยคิดว่าเค้าแคร์ตัวเองมากที่สุดบ้างหรือเปล่า?
- รู้มั๊ย วันนี้เค้าร้องไห้เพราะตัวเองเป็นครั้งที่เท่าไหร่?

คำถามแบบนี้แหละ เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของเส้นทางของความรัก
สำหรับผมเหรอ
ผ่านมาหมดแล้ว
ส่วนใหญ่เป็นผู้ถูกเขาถาม 555

ซึ่งแปลกที่ว่า ก่อนที่เราจะรู้ตัวว่าเรารักใคร
เราไม่เคยคิดว่า เราจะต้องมาเจอคำถามแบบนี้กันหรอก
แล้วพอมาเจอคำถามเหล่านี้เข้า
สถานการณ์มักจะไม่ค่อยแฮปปี้กันเท่าไหร่

555 อุ่นเครื่อง พร้อมรับวันวาเลนไทน์เดือนหน้าไง วู๊ปปี้

 

โดย: zoomzero 20 มกราคม 2553 19:52:14 น.  

 

To Beee
ยายหนูบี

พี่ว่าเรื่องเล่นเกมส์นี่ น่าจะลด ละ เลิก ได้แล้วกระมัง
หรือเอาแบบเด็กๆ คือ เล่นวันละ 45 นาที ก็พอ
เพราะมันเล่นมากๆ แล้วไม่ได้เป็นการสันทนาการเลยนะ ขอบอก
ตอนนี้ ยุคนี้ ต้องรีบเอาเวลาไปหาสตางค์ หารายได้กันดีกว่า เชื่อกันบ้างซิ

เรื่องพกกล้องถ่ายรูป
ความจริง พี่ชายเป็นคนพกกล้องมานานแล้ว
พอมาสมัยที่เขามีกล้องดิจิตอล ก็หยุดเล่นกล้องฟิลม์
ที่ต้องพกกล้องมีสาเหตุมากมาย เช่น
การมีลูกมีหลานเล็กๆ มันก็ต้องเห่อ แล้วมันก็ต้องมีรูปเอาไว้อวดชาวบ้าน
แต่พอเด็กๆโตกันหมด (อายุ 10 ขวบ ก็โตกันหมดแล้ว)
การมีกล้อง จึงเป็นเหตุผลอื่น คือ
- ทำให้เรา ได้เดินไปเดินมาตรงโน้นตรงนี้ โดยไม่ต้องมาคอยตอบคำถามว่า ไฟไหนมา?
- เป็นการจดบันทึกแบบหนึ่ง ไม่ต้องเอาปากกามาเขียนอะไรก็ได้
- ทำให้เราได้มีเวลาอยู่กับธรรมชาติ
แต่ที่ไม่ค่อยได้เอามาลงเน็ท เพราะมีความเชื่อว่า การลงรูปภาพเป็นการใช้ทรัพยากรของเว็ป
ซึ่งเราเองไม่ได้จ่ายเงินอะไรซักกะบาท แล้วเราจะมาทำให้เขาเสียค่าใช้จ่ายหรือเปลืองพลังงานทำไม
แต่นานๆจะบ้าโพสต์ที ก็สนุกดี แต่อีกหน่อยก็ไม่เอามาลงมากมายอีกแล้วหละ 555

ช่วงที่พี่ชายออกเที่ยว ก็จะเที่ยวแบบว่า ไปวันเดียวให้คุ่ม
เลยต้องวางแผนการเดินทางเอาไว้ล่วงหน้า
เรื่องเข้าวัดมั่วซั่วนี่อันตรายนะ วัดใหญ่ๆตามต่างจังหวัดบางทีวันธรรมดาก็เปลี่ยวมาก
ไม่เห็นคนเดินไปเดินมา หลังๆมาเลยเลือกแต่วัดที่มีคนคึกคัก เพราะความไม่สงบสยบโจรผู้ร้ายได้

เรื่องไปบางแสน คราวนี้ก็ได้ความรู้เยอะ
ก็ตามประสาคนช่างถามชาวบ้านอย่างพี่ชาย
วันนั้นก็ได้ความรู้ว่าช่วงหน้าหนาวจะมีปลาหมึกในทะเลไทยเยอะ
ส่วนเรื่องความสกปรกของชายหาด พี่ได้ถามชาวประมงคนหนึ่ง
เขาตอบได้น่าฟังมาก คือเขาบอกว่า ทะเลบางแสนไม่ได้สกปรกอย่างที่เราคิดหรอก
เมื่อก่อนก็อาจจะมีขยะพวกขวดเหล้า ขวดเบียร์ หรือถุงพลาสติก แต่เดี๋ยวนี้พวกคนขายของ เขาช่วยกันเก็บกวาดให้
แต่ที่บางคราวเห็นเป็นกองขยะนั้น เป็นเพราะมันลอยมาจากพื้นที่ในจังหวัด
ก็คือพวกกอสวะ หรือกองไม้ กองของเน่าเหม็น จะลอยออกจากแม่น้ำบางปะกง
แล้วถ้าเกิดคลื่นลมแรง กระแสน้ำก็จะพามาทางชายหาดบางแสน
ซึ่งบางช่วงก็มีพวกแมงกะพรุนไฟ ตามมาด้วย คนที่เล่นน้ำแล้วเจอเรื่องเศร้าๆ ก็เอาไปบ่นกัน
จริงๆแล้วน้ำทะเลก็มีทั้งวันที่สะอาด และวันที่สกปรก
แต่จะให้ใสแจ๋วแบบทะเลอันดามันคงไม่ได้ เพราะสารสกปรกที่คนทิ้งลงทะเลชลบุรี มันเยอะเหลือเกินจ๊ะ
ขนาดพี่ชายยอมนั่งเรือดำน้ำที่พัทยา เสียไปคนละเป็นพัน
ปรากฏว่าน้ำทะเลขุ่นมาก มองแทบไม่เห็นปลาอะไรเลย
ซึ่งอาจจะเป็นเพราะไปช่วงต้นหน้าฝน กระแสลม และคลื่นอาจจะแรงไปหน่อย

เรื่องกินไข่ขาว
พี่ชายก็เคยมีเพื่อนที่ทานได้เฉพาะไข่ขาว รู้สึกว่าตลกดี
และดีใจที่ตัวเองทานอาหารได้ทุกอย่าง แต่อาจจะมีของที่ไม่ชอบอยู่บ้างนะ
ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคนเราต้องเลือกทานอาหารด้วย
ถ้าจะหาคำตอบเล่นๆ ก็คงจะเป็นเพราะตอนเด็กๆ คงเกิดมาเป็นลูกคนมีฐานะกระมัง
เพราะตัวพี่ชาย และญาติๆของพี่ชาย ตอนที่ยังเป็นเด็ก เราก็ทานอาหารได้แทบทุกอย่าง
ก็ลองไม่ทานซิ มีหวังอดตาย
กับข้าวคนจนหนะมักจะเป็น แกงส้ม ผัดผักบุ้ง และผัดผักโน้น ผักนี้
สำหรับเมนูไข่ ก็มักจะเป็นไข่เจียว เพราะทานได้หลายคน
เรื่องไข่ดาว กับไข่ต้ม ตอนเด็กๆนับจำนวนใบที่ทานได้เลยนะ จะบอกให้
ส่วนไข่เค็มนั้น นานๆแม่จะซื้อมาให้ทานกันที
จำได้ว่าทานข้าวต้มทีไร ต้องเจอผักกาดกระป่อง กับไข่เจียว
ส่วนกับข้าวยอดฮิตสมัยไปโรงเรียนคือ ไข่พะโล้ ซึ่งก็มาได้ทานตอนโตๆนี่แหละ ซื้อที่โรงอาหารไง
แม่บอกว่าทำไข่พะโล้กินเอง ต้องนานๆทำที
มันเปลืองค่าถ่าน โอ้...แม่เรา คำนวณอะไรต่ออะไรเป็นค่าใช้จ่ายไปหมด

แล้วแปลกนะคนที่ไม่กินไข่แดง ไม่ว่าจะเป็นไข่ดาว ไข่พะโล้ ไข่เค็ม ไข่ต้ม
แต่สามารถทานไข่เจียว ซึ่งก็มีไข่แดงปนอยู่ได้
เรื่องราวของมนุษย์นี่มันช่างพิเศษจริงๆ

นู๋ Beee fuchsia FF00FF

 

โดย: zoomzero 20 มกราคม 2553 21:12:26 น.  

 

สวัสดีค้าบ คืนวันพุธแบบนี้ มีรายการทีวีช่องไหนน่าดูบ้าง เหง๊า เหงา และ มะมีอารายทำ เลยแวะมาทักทายค้าบบบบบบบ

 

โดย: ผมชอบกินข้าวมันไก่ 20 มกราคม 2553 21:27:04 น.  

 

รบกวนช่วยตอบแบบสอบถาม เพื่อการศึกษา ของนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หน่อยค่ะ
ตาม links
//spreadsheets.google.com/viewform?formkey=dFBZSVJOeks5QUJxeHVGNy1ISlplMnc6MA
ขอบคุณค่ะ

 

โดย: kaewnumsai 20 มกราคม 2553 22:12:23 น.  

 



หวัดดีค่ะเฮีย
กว่าจะมาถึงบ้านนี่อ่ะ ฮ่า ๆ ๆ
ไปคุยมาหลายบ้านแล้วค่ะ บ้านนี้ต้องเอาไว้ทีหลัง เพราะคุยนาน คุยจนเจ้าของบ้านอาจอยากไล่อ่ะนะคะ ฮ่า ๆ ๆ จ้างให้ก็ไม่ไปค่า ฮ่า ๆ ๆ
โห..เฮีย รูปจากบล๊อคสวยมาก ๆ เลยค่ะ สอนมินทำมั่งจิคะ ทำไงอ่ะ ทำไม่เป็นค่ะ แต่ชอบ มันน่ารักดี
เรื่องน้องมาร์คนั้น เพื่อนมินมันไปเที่ยวถามเด็ก ๆ ในคณะนั้นดู ยังไม่มีใครทราบเรื่องเลยค่ะ
เพราะว่ายังไม่รู้ชื่อนามสกุลจริงอ่ะ บอกไปว่าชื่อเล่นชื่อมาร์ค ก็ไม่มีใครรู้จัก เพราะก็ไม่รู้ว่า น้องมาร์คเค้าใชชื่อนี้ที่มหาลัยรึป่าวอ่ะค่ะ
จ๊าก..หันไปดูนาฬิกา สงสัยมินต้องเข้ามาคุยใหม่ตอนเย็นแล้วค่ะ
เดี๋ยวต้องไป มีประชุมชี้แจงที่สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ เขานัด 10.30 อ่ะ
เมื่อวานก็ไปประชุมข้างนอก ขนาดถึงเที่ยงแล้วยังไม่เลิก กว่าจะจบอีก 10 นาทีบ่ายโมงพอดี
มินก็สงสัย เฮ๊ย..พวกนี้เขาไม่พักทานข้าวเที่ยงกันหรือไงคะเนี่ย..เฮ๊อ...
ออกมาก็ไม่ได้หาอาไรทานอีก ตาหูเหลือกต้องไปอีกทีนึงมีนัดไว้บ่ายสอง เฮ๊อ ชีวิตนู๋...ฮ่า ๆ ๆ
แต่ หลังจากสามโมงว่างโลด กินจนมั่วไปหมดค่ะ ขับรถไปปวดท้องไปอ่ะ ฮ่า ๆ ๆ
ปล. เดี๋ยวเย็นมาคุยใหม่นะคะ ต้องรีบออกไปข้างนอกก่อนอ่ะค่ะ

 

โดย: มินทิวา 21 มกราคม 2553 9:26:04 น.  

 

ฮาโหล๋ อาโลฮ่า ฮาวาย

ซาหวัดดีคร้าพี่ชาย

อิอิ ถ้าว่าเพื่อนพี่แปลกที่กินแต่ไข่ขาว แต่นู๋แปลกกว่านั้นอีก กินไม่เหมือนกันแล้วแต่อย่างแต่จริง ๆ ก็กินได้ทั้งแดงและขาวแหล่ะ แต่ชอบกับไม่ชอบแค่นั้นเอง อย่างไข่ดาวจะชอบกินไข่ขาว ถ้าไข่เค็มจะชอบกินตรงไข่แดง อิอิ เพราะตรงส่วนไข่ขาวมันเค้มเค็มเกินไปนี่คะ ส่วนไข่พะโล้นี่ของโปรดที่สุดในโลกเพราะหวานดีจัง กินได้ทั้งลูกเลย ไข่เจียวก็กินได้หมดเหมือนกันค่ะ เพราะมันผสมมาแว๊วงิ

พูดถึงเรื่องเที่ยวแล้วนึกถึงอีกที่ที่พี่ชายไปเที่ยวมาค่ะ บางปู เคยไปทีนึงเหมือนกัน แต่เป็นตอนเย็นแล้ว อากาศริมทะเลนี่ลมแรงดีจริง ๆ นะคะ แล้วก็จะได้กลิ่นเค็ม ๆ ของน้ำทะเลแรงมาก แต่นกไม่เห็นแฮะ สงสัยกลับรังกันหมดแล้วมั๊ง เพราะตอนนั้นสมัยเรียนอยู่มหาลัย เลิกเรียนแล้วก็ขับรถรวมกันไปกันสองสามคันไปเยี่ยมครูสอนร้องเพลงของชมรมฯ ที่เพิ่งคลอดลูกเขาไปพักอยู่แถวนั้น พอเยี่ยมเสร็จก็เลยได้แวะตรงท่าเรือนิดนึงถ่ายรูปกันก่อนจะกลับ อิอิ

ส่วนที่ถามในเม้นท์แรก นี่ก็เคยมาหมดแล้วเหมือนกันค่ะ ทั้งเป็นคนพูดและคนฟัง เหอะ ๆ ว่าแต่มาตั้งประเด็นแบบนี้เผื่อรับวันวาเลนไทน์หรืออะไรยังไงคะเนี่ยะ จะว่าไปวาเลนไทน์ปีนี้ ตรงกับวันตรุษจีนพอดิบพอดีเลยนะคะ ^_^

ว่าแต่บอกให้เล่นเกมส์น้อย ๆ หาเงินเยอะ ๆ งืม น่านจิเน๊อะ แล้วหายังไงอ่ะคะ เดินหาตามถนนมีให้เก็บอ๊ะป่าวอ่า

 

โดย: นู๋ Beee น้องสาวจอมแก่น (http://beee.bloggang.com) IP: 124.121.105.226 21 มกราคม 2553 10:44:59 น.  

 

To riceitchic
คุณ"ผมชอบกินข้าวมันไก่" ครับ
ขอโทษที่ไม่ได้ตอบภายในวันพุธ
ป่านนี้คุณก็คงทราบไปแล้วว่ารายการทีวีช่องไหนน่าดู
เพราะผมก็เห็นว่าคุณก็ได้ไปถามเพื่อนๆใน bloggang มาหลายท่านแล้วในช่วงเดียวกัน

แต่ถ้าวันนี้ คืนวันพฤหัส ถ้าอยากดูละครหลังข่าว
ผมก็ขอเชียร์เรื่อง หัวใจสองภาค เพราะนางเอกสวย แต่เสียงอาจจะไม่ใส
แต่พระเอกเสียงดี บุคลิกเข้มขรึม ใจดี เสียสละ ตัดสินใจเด็ดเดี่ยวด้วยตัวเอง
น้องสาวพระเอกก็หน้าตาเซ็กซี่ ตรงตามสะเป็คผมมั๊กมาก
ส่วนเพื่อนพระเอก ไว้หนวดไว้เครา ผมเห็นแล้วเสียวหลังว๊าบๆ เพราะหน้าตาเขาคล้ายคู่ขาเก่าของผมเหลือเกิน (นะยะ)
และพ่อเพื่อนพระเอกนี่ก็หัวงูได้ใจผมจริงๆ
อยากให้ครอบครัวคนไทยเป็นแบบนั้นจริงๆ
รวยกันทั้งบ้าน เล่นการพนันวันละเป็นสิบๆล้าน
คนเป็นพ่อเที่ยวพาสาวน้อยขายบริการเอาเข้าบ้าน
คนเป็นแม่ก็เลี้ยงเด็กหนุ่มๆไว้เพิ่มพลังสาวสองพันปี วันดีคืนดีก็หิ้วเข้าแบบ ทำแบบสามี
ส่วนลูกชายก็เล่นการพนัน ดื่มสุรา ฟันสาวๆพอท้องก็ทิ้ง ต้องให้พระเอกตามมาเคลียร์ทุกราย
ละครน้ำดีแบบนี้แหละที่ผมชอบดู และชอบแนะนำให้เพื่อนฝูงดู

ผมไม่ทราบว่าที่บ้านของคุณมี ยูบีซี หรือ ทรูวิชั่น หรือเปล่า
บ้านผมไม่มีหรอกครับ เพราะไม่มีปัญญาจ่ายค่าเช่ารายเดือน
หรือไม่เคยให้เขาหลอกให้ใช้โทรศัพท์แล้วได้ดูทีวีของเขาฟรี (ซึ่งสรุปว่ามันไม่ได้มาฟรีๆ)
ถ้าคุณมีทรู ผมขอแนะนำให้ดู หลินปิง 24 ชม. เป็นรายการแพนด้าแชนแนล ดูได้ตลอดวันตลอดคืน
เพื่อนผม เขาดูจนเขาบอกว่าตอนนี้ใกล้จะรับประทานไม้ไผ่ได้เหมือนหลินฮุ่ยกับช่วงๆแล้วหละ

เดี๋ยวเขามีเว็บที่ให้บริการดูข่าว หนัง หรือละคร ย้อนหลังได้แล้ว
เพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องกังวลว่าจะไปคุยกับใครแล้วเราจะเป๋อเพราะพลาดการชม
ตอนนี้ช่อง 3 มีละครดังๆหมดวาระไปหลายเรื่องเช่น สู้ยิบตา เพลิงสีรุ้ง
แต่ไม่เป็นไรของใหม่ ก็น่าดู อย่างเรื่อง เชลยศักดิ์ นี่ก่อดูกันคอตั้งบ่าแล้วหละคุณ
สำหรับช่อง 5 ถ้าผมจำไม่ผิดก็มีเรื่อง พรุ่งนี้ก็รักเธอ
ช่องเจ็ดสีก็มีเรื่อง พ่อหนูเป็นซูเปอร์สตาร์, กุหลาบเหนือเมฆ
หรือพวกรายการโชว์ๆ เช่น ทูไนท์โชว์ เจาะใจ ตีสิบ ราตรีสโมสร VIP หม่ำโชว์ บางจะเกร็ง สาระแนโชว์
ชิงร้อยชิงล้าน หรือจะเป็นหนังดังวันพุธเขาก็มีนะ
เอาแบบนี้นะ ผมให้ link เว็บดูละครหรือรายการทีวีย้อนหลังให้เลย
//www.explore-thailand.net/media/tvreplay.php
รับรองไม่ผิดหวัง

Ref: ผมชอบกินข้าวมันไก่ riceitchic IndianRed CD 5C 5C

 

โดย: จอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด (zoomzero ) 21 มกราคม 2553 11:03:57 น.  

 

To kaewnumsai
คุณ แก้ว

ผมเข้าไปตาม link ที่ให้ไว้แล้วนะครับ
ปรากฏว่าพอผมทราบว่าเป็นการสอบถามข้อมูลของ
นักศึกษาปริญญาโท สาขาระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ
โครงการ MS MIS คณะพาณิชย์ศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ผมเองก็รู้สึกว่า เป็นอะไรที่ผมไม่กล้าเข้าไปยุ่งมากมายนัก
เพราะเกรงว่าจะทำให้ข้อมูลผิดพลาด เกิดค่าเบี่ยงเบน จนทำให้วิทยานิพนธ์
หรือรายงานนี้ กลายเป็นของเด็กเล่นไปซะก่อน

อีกอย่าง เรื่องสมุนไพรกับผม ดูจะเหินห่างกันมาก
ทั้งๆที่ชีวิตช่วงต่อไปนี้คงต้องพึ่งสารอาหารจากธรรมชาติมากกว่าสารเคมี
แต่ผมก็ยังคงเป็นมีอคติกับสิ่งที่ถูกเรียกว่าสมุนไพร ซึ่งหมายถึงสมุนไพรเพื่อการค้า นะครับ
ผมขออธิบายง่ายๆดังนี้ ผมทานลาบหมู กับใบสะระแหน่ได้
แต่ถ้ามีคนเอาน้ำสะระแน่มาขายผม ขวดละ 100 บาทแล้วบอกว่ารักษาโรคนั้นๆได้
ผมก็จะไม่ซื้อ
แถมจะถามเขาอีกว่า ใครบอกว่ารักษาโรคนั้นๆได้ แล้วด้านร้ายของมันไม่มีเลยหรือ?
ยาฝรั่งที่รักษาโรคยังต้องมียาเอ ยาบี ยาซี เอาไว้ใช้รักษาผู้คนที่มีดีเอ็นเอแตกต่างกันเลย
อย่างผม ผมทานเพนิซิลินได้ แต่แม่กับน้องสาวผมถ้าทานเกิน 3 เม็ดต่อวัน ตายทันที เพราะเขาเป็นพวกจีซิกส์พีดี
สองสาวนั้นเขาต้องทานพาราฯตอนเป็นไข้เท่านั้น
พี่น้องคลานตามกันมาแท้ๆ แต่บางโรคเป็นเฉพาะทายาทที่เป็นสตรี
บางโรคเป็นเฉพาะบุตรชายในแต่ละรุ่นเท่านั้น คนต่างเชื้อชาติ ต่างเผ่าพันธุ์ มันจะเหมือนๆกันหมดได้อย่างไร?
ดังนั้นผมก็เลย เป็นคู่อริกับคนขายยาสมุนไพรในเชิงพาณิชย์ทุกอย่าง
ถ้าคุณทราบว่า ป้าผมทำมาหากินอะไร คุณอาจจะหัวเราะจนพุงกระเพื่อม
ป้าผมเมื่อก่อนทำนาอยู่ที่อีสานใต้ ในนาแปลงหนึ่งของท่าน
มีต้นมะรุมที่บรรพบุรุษปลูกเอาไว้เป็นสิบๆต้น คือเสียนาไปหนึ่งแปลงเลยหละ
พอมาเยี่ยมเราทีกทม. ท่านก็จะเก็บฝักมะรุมมาซะเต็มท้ายรถปิ๊คอัพ
และพ่อกับแม่ก็มักจะต้องช่วยเหลือเรื่องการเงินของคุณป้าท่านนี้ทุกๆครั้งที่แกมาเยี่ยมพวกเรา
ซึ่งฐานะของเราก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะมีคุณพ่อเป็นเสาหลักคนเดียว ที่เหลือเป็นภาระของท่านทั้งนั้น เฮ้อ...
ผมชอบพูดว่า มาเยี่ยมน้องสาว หรือมายืมเงินกันแน่ (เพราะสงสารพ่อ และค่าขนมของผมที่ไม่มีวันขอเพิ่มได้ 555)
ผลก็คือ โดนทั้งแม่ด่าและตี
แม่ผมชอบพูดว่า ไอ้คนสอนไม่รู้จักจำ ชอบดูถูกญาติพี่น้องของตัวเอง
อ้อ..แม่คงจะว่าผมนะครับ คงไม่ได้ว่าพี่สาวของแกหรอก 555
(อ้อ...คุณป้าที่ว่านี่ เป็นแบบว่า...ลูกพี่ลูกน้อง หรือญาติๆนับถือกันกับยายของผม หนะครับ)

แต่พอเขาว่า “มะรุมคุมมะเร็ง” ได้
ป้าผมก็ไอเดียบรรเจิด เอามะรุมมาอัดเม็ดแคปซูล ขายเป็นถุงๆ ถุงละ 100 เม็ด เม็ดละบาท (ตอนนี้น่าจะ 2-3 บาทแล้วมั๊ง)
ป่นเมล็ดกับฝักมัน ยัดลงไปในแคปซูล ด้วยอุปกรณ์ตอกเม็ดยาแบบง่ายๆ
ไม่มีการฆ่าเชื้อ ไม่ต้องทำในห้องแล็บ มือไม้ก็ไม่ต้องใส่ถุงมือ
วัตถุดิบผ่านการล้างน้ำในบ่อที่ใช้รถแบคโฮขุดในแปลงนาขนาดกว้าง 40 x 40 x 3 ลบ.ม.
น้ำก็มาจากน้ำฝน และในสระบางวันก็มีเป็ดมาว่ายน้ำเล่นอีกด้วย
ล้างเสร็จก็เอาน้ำสะอาดมาล้างเป็นน้ำสุดท้ายแล้วเอาไปผึ่งลม
จากนั้นก็บรรลุแคปซูลกันเลย เครื่องไม้เครื่องมือก็ไม่ต้องฆ่าเชื้ออีกเหมือนกัน
แกขายดีจนกลายเป็นเศรษฐีใหญ่ ปลูกบ้านใหม่ ซื้อรถใหม่
ขายดีขนาด ที่ต้องเอาแม้กระทั่งก้านมะรุม กิ่งมะรุม เปลือกมะรุม ป่นลงไปหมด
หลังๆมานี้ ผมคาดว่าอาจจะมีแป้งย้อมสีใส่ลงไปด้วย เพราะผมดูแล้ว
ครอบครัวผมมักจะทำอะไรเอาเปรียบพวกโง่ๆที่ซื้อของโดยไม่ดู อย. แบบนี้แหละครับ
ที่เอาป้ามานินทา ก็เพราะว่าตอนนี้แกรวยแล้วแกไม่แบ่งเงินให้ผมซักกะบาท
แถมผมขอเป็นเอเย่นต์ แกก็ไม่ให้ผมเป็น แกเดินสายขายของแกเองเลย
แล้วพอแกมาเยี่ยมแม่ผม คราวหลังๆก็ไม่มีมะรุมติดท้ายรถมาฝากอีกแล้ว
กลายเป็นน้อยหน่ายักษ์ลูกเท่ามะพร้าว ผมก็ถามว่าพันธุ์อะไร แม่ผมก็แอบหยิกแขนผม
เพราะท่านรู้ว่าคำถามต่อไปของผมก็คือ เป็นพวกตัดต่อพันธุกรรม จีเอ็มโอ หรือเปล่า?
คุณแม่ผมท่านก็ไวครับ เพราะท่านรู้ว่าลูกชายของท่านปากปีจอ+สมองปีฉลูขนาดไหน 555

ดังนั้นเรื่องเข้าไปตอบแบบสอบถาม ผมไม่ขอตอบนะครับ คราวหน้าก็อย่ามาให้ตอบอะไรเลยครับ
แต่ขอให้ ช่วยไปที่ blog น้องสาวของผม คนที่เขียน comment ที่ 6 ข้างบนโน้น
เขาเป็นเจ้าแม่วงการขายของออนไลน์
แถมยังเป็นทายาทร้านขายยาจีนที่ดังในเยาวราช แต่ขนาดร้านเล็กจิ๊ดเดียว และกำลังจะถูกรื้อถอน
ปัจจุบัน, เธอเป็นผู้เชี่ยวชาญเห็ดหลินจือสะกัดที่โลกต้องยอมรับว่ารักษาได้สารพัดโรค
แล้วปี 2010 เธอจะเปิดตลาดน้ำมันมะพร้าวล้างพิษ ให้กับวงการอาหารและยาที่มาจากธรรมชาติล้วนๆอีกด้วย

ถ้าคุณไม่ใช่พวกเข้ามาเขียนเล่นๆ และอยากได้ข้อมูลเพื่อการศึกษาจริงๆ
ก็ลองแวะไปหาเธอได้ที่ //beee.bloggang.com
ผมว่าจะได้คำตอบแบบมืออาชีพมากกว่าคนไร้สมองอย่างกระผมนะ

Ref: kaewnumsai thaiherbservey FireBrick B2 22 22

 

โดย: จอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด (zoomzero ) 21 มกราคม 2553 12:05:45 น.  

 

To mintiva

อาหมวยที่ชอบเดินทางไกล
ขออาเฮียตอบ comment อันเก่าก่อนนะ

เฮียรู้สึกแปลกใจเรื่องที่ตัวเองตอบ comment ไม่ทันมากๆ
แถมยังลงรูปไล่เรื่องไปเที่ยวไม่หมดเสียที
ทั้งๆที่ไม่ได้เปลี่ยนหน้าblogทุกๆวัน
ไม่ได้มีสมาชิกในบัญชีหนังช้างข้างขวายาวเหยียดเป็นร้อยคน
สงสัยว่า ท่าจะเขียนหรือคิดอะไรๆช่างเชื่องช้า เป็นแบบอดีตนายกคนก่อนโน้นนนนๆๆๆไปซะแล้ว

เรื่องน้องมาร์ค
เฮียว่าเอาไว้ให้เรื่องจริงมันผ่านเข้ามาหาเราอีกทีดีกว่า
มินไม่ต้องไปกังวลหรือพยายามค้นหามันหรอก
เพราะเราเองก็รู้ดีว่ายากยิ่งกว่างมเข็มในโรงพยาบาล เฮ้ย...555
เฮียอยากจะเปิดเผยหน้ากากที่แท้จริงของเฮียออกมาเสียที
แคว๊ก!!!
คือเฮียก็่ทำท่าเป็นเห็นใจน้องมาร์คไปอย่างนั้นแหละ เพราะอยากสร้างภาพ
ตอนนี้เฮียเบื่อเล่นละครทำท่าเป็นคนเห็นใจคนคิดว่าเรานิสัยดีแล้วหละ
อาหมวยไม่ต้องเอาเรื่องนี้มาขยันเล่าให้เฮียฟังแล้วหละ
คนเราไม่พ้นเรื่อง แก่ เจ็บ และตาย นี่แหละตัวจริงของเฮีย ดังนั้นอย่าให้เครดิตด้านดีกันมาก แฮ่!!
เดี๋ยววันดีคืนร้าย องค์พญามารของเฮียลงประทับร่าง
แล้วเฮียเขียนเรื่องวิจารณ์คนนั่งสมาธิวิปัสสนา หุบเขาฯจะลุกเป็นไฟ ซะเปล่าๆ

เรื่องไม่ทานปลา
จริงๆแล้ว ไม่สนับสนุนเลย เพราะปลามีประโยชน์มากๆ
เอาไว้ปีหน้าจะพาไปทานปลาดิบที่โออิชิ ดีมั๊ย
เขามีแบบบุปเฟ่ ทานได้ประมาณ 2 ชม. แบบว่าเอา ambulance มาหิ้วกลับบ้านกันเลย
ถ้าเป็นร้านโออิชิจานเวียน เขาเรียกว่า อะไรนะ อ๋อ ชาบูๆ ก็มีซูชิหน้าปลาเซลม่อนเหมือนกัน แต่ชิ้นเล็กๆ
ที่อยุธยาก็มีปลาตะเพียนทอดแบบไร้ก้าง ทั้งบั้งละเอียดและทอดไฟนานๆ ร้านอยู่ริมแม่น้ำ ชื่อ เรือนเจ้าพระยา หรือเรือนไทยอะไรนี่แหละ
ส่วนปลาตะเพียนต้มเค็มแบบละลายเมื่อเข้าปาก ร้านอร่อยอยู่แถวคลองตัน อร่อยมาก
แต่ถ้าไปคลองตัน เราไปทานห่านพะโล้ท่าดินแดง และอุ่นท้องด้วยกระเพาะปลาชามละ 300 บาท กันดีกว่า
คนเรานะ เอาครีบปลามาต้มกับแป้งและน้ำตาล ก็หาว่าอร่อยและบำรุงสุขภาพได้
ส่วนไอ้หลามเลยตายจมใต้ทะเลปีละเป็นหมื่นๆตัว

เรื่องกางปลาติดคอ
เฮียก็เคยเป็น แถมเฮียยังดื้อปล่อยให้ติดคออยู่ 3 วัน
จนทนไม่ไหว ไปหาหมอ เอาคีมยาวๆคีบเดี๋ยวเดียวก็เสร็จ
แต่เฮียเป็นพวกไม่เข็ดอะไรง่ายๆ ยังคงทานปลาต่อไป
แหมขนาดกิ๊กหลอกแล้วหลอกอีก ยังมีใหม่มันเรื่อยไป ไม่เห็นจะเข็ดเลย 555

สำหรับคนไม่ทานปลาต้ม ปลาย่าง ปลานึ่ง เกาเหลาปลา ข้าวต้มปลา
เฮียขอแนะเมนูปลาตัวเล็กๆทอด หรือไม่ก็ก้างปลาสลิดทอด รับรองไม่ติดคอ
ถ้าติดคอ เฮียยอมให้ตบด้วยจมูกเลย ขอท้า
เมื่อก่อนทานข้าวต้มกัน แม่จะทอดปลาที่เขาทำเป็นเหมือนข้าวเกรียบว่าว คือเป็นวงกลมคล้ายพัด
ปลาเค็มก็ไม่น่าจะทานยาก ข้าวผัดปลาเค็มนี่เป็นเมนูของโปรดของเฮียเหมือนกันนะ
แต่พวกสะปาเก็ตตี้ปลาเค็มที่พวกไฮโซชอบสั่งเวลาไปทานร้านอาหารฝรั่ง
แล้วพอยกมา พวกคนยุโรปก็จะทำจมูกฟุดฟิด พี่ไม่เคยทานหรอก
เพราะคิดว่าเป็นการสั่งเพื่ออวดว่าเป็นคนไทย แล้วพวกคุณมาร้านอาหารฝรั่งทำอิหยังหละ
แถมกลิ่นปลาเค็มซึ่งอาจจะไม่ค่อยแรงมาก แต่ในห้องแอร์ เฮียก็ว่าเรารังแกแขกของประเทศมากไปหรือเปล่า?
ส่วนคนที่ชอบทานจริงๆ หรือทำทานที่บ้าน ก็ไม่ได้ว่าอะไรพวกคุณหรอกนะ
ปลาเค็มนี้บ้านไหนทอดหละก็ บ้านข้างๆน้ำลายสอเป็นชั่วโมงๆเลยเน๊อะ

ดีแล้วนะที่เป็นคนชอบปล่อยปลา
ตอนนี้เฮียก็ได้ทางเลือกใหม่เแล้วว่า ให้ปล่อยปลาที่เป็นพันธุ์ประหลาดๆ
อย่างวันนั้นก็ปล่อยปลาดุกสีทอง หรือปลาดุกเผือก
เราจะได้ไม่มีโอกาสทานเพื่อนๆของเขา
เจ้าพวกหมอดูหมอเดาจะได้หมดโอกาส มาหาว่าเราปล่อยปลานั้นแล้วเพลอไปทาน ดวงเลยไม่ดี
กรรมย้อนกลับมา หรือเอากรรมของคนอื่นมา โห...คิดไปในทางลบได้เรื่อยเปื่อย
โธ่...เรื่องนี้เถียงกันยันฝาโลงแตกก็ไม่จบ

มีเรื่องแปลกๆของหมอดูที่เขาว่าแม่นมากๆ มานินทาให้ฟัง
เขาเคยมาดูดวงให้ครอบครัวของคุณนายเจ้าของบ้านเฮียนี่แหละ เมื่อไม่นานมานี้
คืออยู่ๆคนในบ้านแม่ของเจ้เขาก็มาเสียชีวิตติดต่อกันหลายคน
6 คนเป็นคนแก่ที่มีโรคร้ายประจำตัว อีก 2 คนอุบัติเหตุทางรถยนต์
ซึ่งเฮียก็ว่า 6 คนนั้นก็ตามอายุขัย อีก 2 คนก็เรื่องบังเอิญ เพราะขี่มอเตอร์ไซด์กันทั้งคู่
ญาติบางคนกลัวจนต้องรีบชิ่งหนีความตาย
โดยการเปลี่ยนทั้งชื่อและนามสกุลทั้งครอบครัว คงคิดว่าโกงบัญชีรายชื่อของยมฑูตได้มั๊ง

ลุงหมอดูพยายามหาทางช่วย โดยพูดให้เราทำบุญมากๆ
คงอยากให้เราทำอะไรๆ แบบที่เขาเคยบอกคนอื่นๆ
เพราะลูกค้าเขาก็มักจะเป็นพวกห่างวัด แต่ขี้โม้ว่าใจพุทธ หรือไม่ก็หัวอ่อน บอกปั๊บทำได้ปุ๊บ
เขาแนะนำให้เราทำบุญอะไรไป
พวกเราก็บอกว่าเคยๆๆๆๆ เพิ่งไปทำมาๆๆ จนแกทำหน้าอึดอัดในการดูดวง
เฮียว่าในใจคงคิดว่า ไอ้พวกนี้มันมาจากต่างดาวแน่ๆ หรือไม่ก็รวมหัวกันโกหกแก

คือทีแรก เขาติงว่าดวงคนในบ้านเราไม่ดี คนที่ตายกำลังอดอยาก หิวโหย
ต้องทำบุญ แล้วเขาก็แนะวิธีง่ายๆให้
พอแกบอกให้เราใส่บาตรทุกวัน เราก็บอกว่าบ้านเราใส่บาตรทุกวันมานานแล้ว
เพราะตั้งแต่ญาติคนหนึ่งตายไปเมื่อ 15-16 ปีก่อน เราก็ใส่บาตรทุกวันมาตลอด

เขาก็บอกให้เราไปถวายสังฆทานบ้าง เราก็บอกว่าเพิ่งไปถวายกันมา
เรียกว่าไม่ว่าแบบเจาะจงก็บ่อย (ของเราเล่นบุกถึงกุฏิเจ้าอาวาสกันเลย)
หรือแบบไม่เจาะจงก็มิใช่น้อย (ขนาดแย่งเจ้าภาพงานศพ โดยเราจัดกระป๋องสังฆทาน ผ้าไตรของเรา เอาไปงานเขาเลย)
บางทีก็ควักเงิน 400 บาท เอามาแบ่งเป็น 4 ซอง
ขับรถผ่านวัดไหน ก็นิมนต์พระมา 4 รูป ถวายแบบไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรมาก
กรวดน้ำ ก็กรวดแห้ง แล้วไปหาร้านขายน้ำเปล่า ซื้อมาได้ ก็หาต้นไม้เทกรวดน้ำอีกรอบ เป็นอันจบ
ขอบอกว่าถ้าขับรถผ่านแถวหน้าพุทธมณฑลจะมีพระจากต่างจังหวัดมาปักกลดอยู่ด้านหน้าหลายสิบรูป
พระจริงพระปลอมก็ไม่รู้ รู้ว่าไม่เห็นมีตำรวจมาไล่ท่าน และท่านก็ปักกลดเห็นกันริมถนนสาย 3 เลย
ลงไปถวายของได้เลย พระเหล่านั้น ท่านต้องการสังฆทานมากๆ เพราะบิณฑบาตก็ได้แค่อาหารกับปัจจัยนิดหน่อย
เอาเงินสดๆถวายก็ได้ ถ้าไม่คิดมากนะ

หมอดูยังแนะให้ไปไถ่ชีวิตโค เราก็เป็นขาประจำเรื่องไถ่โค
เพราะที่วัดด่าน เขาทำเป็นโครงการทุกปีอย่างต่อเนื่อง
วัวตัวหนึ่ง 7-9 พันบาท ช่วยๆกันออกเงินกันคนละ 400-500 ก็เกินแล้ว
แถมปีหนึ่งๆมีครั้งเดียว เก็บเงินใส่กระป๋องเดือนละ 50 บาท
ก็ได้ทำบุญแล้ว ไม่ยากหรอกถ้ามีการวางแผนเอาไว้ล่วงหน้า และพวกเราก็มีกันตั้งสิบกว่าคน
จริงหลวงพี่ท่านบอกว่า ทำบาทเดียวก็ได้รับใบอนุโมทนาบัตรว่าเราได้ทำบุญโครงการไถ่ชีวิตโคแล้วหละ
ไม่ต้องควักกันเป็นหมื่นหรอก อย่าไปเชื่อพวกหมอดูให้มากนัก

เขาจะให้เอ่ยปากอีกว่า อยากให้เราไปทำบุญให้พระป่วยอาพาต
เราก็บอกว่าไปทำกันบ่อยๆที่โรงพยาบาลสงฆ์ มีบางปีไม่ได้ไป

หมอจะให้เราไปทำบุญคนเฒ่าคนแก่
เราก็บอกว่าเราร่วมเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารผู้ชราบ้านบางแคอยู่หลายครั้งเหมือนกัน
(เฮียยังเคยเอารูปมาอวดในเว็บบอร์ดบางอันเลย 555)

ครั้นจะให้คนในบ้านบวช หลานชายก็เคยบวชหน้าไฟมาไม่รู้กี่งานต่อกี่งาน
เรื่องจะหาคนมาบวชนั้นไม่ยากเพราะมีคนอยากได้ตังค์เพราะรับจ้างบวชเยอะ เพียงแต่พูดว่ารับจ้างบวชไม่ได้ มันไม่สุภาพ

หมอดูเปรยออกมาอีกว่าอยากให้เราลองจองกฐิน ซึงคงคิดว่าเป็นไม้ตายแหงมๆ
แต่เพราะเจ้และเฮีย เคยต้องผ่าตัดใหญ่พร้อมๆกัน เราก็เลยได้ทำบุญแบบทุ่มสุดตัวมาแล้ว โดยเป็นเจ้าภาพกฐิน
นำเงินไปสร้างเมรุเผาศพให้วัดต่างจังหวัด
เลยไม่ต้องโดนมีดหมอทั้งสองคน

เขาก็เอาใหม่ เอาเพลงไม้ตายของปรมาจารย์ขั้นที่ 10 ออกมาใช้
โดยบอกให้เราสร้างพระถวายวัด
งานนี้เขาก็ยิ้มในใจว่า เราเสร็จแน่ๆ
แต่เราก็บอกว่าให้เขาไปดูที่วัดดอกไม้ ใกล้ๆสะพานแขวนได้เลย
อดีตเจ้าอาวาสบอกให้ครอบครัวเราช่วยสร้างพระใหญ่ 3 องค์
อู่ทอง เชียงแสน สุโขทัย เพราะท่านกำลังจะสร้างวิหารหลังใหม่
วิหารสร้างเป็นปีๆ เราก็ทยอยหาเงินมาสร้างพระเก็บเอาไว้ จนวิหารเสร็จ
พระพุทธรูปก็มีชื่อครอบครัวพวกเราอยู่ข้างหน้าฐานพระเด่นเป็นสง่า เทวดาก็สามารถมาอ่านได้ทุกวัน
เงินนี้ไม่ใช่ของเรา เป็นเงินที่คนนำมาช่วยทำบุญงานศพพ่อกับแม่ของเจ้เค้า เขาเบิกออกจากบัญชีออกมาทำบุญหมดเลย
พระหล่อสำเร็จเป็นองค์ๆนี่ เขาหล่อแบบอุตสาหกรรม แยกชิ้นแล้วเอามาเชื่อม ไม่ยุ่งยากแบบหล่อโบราณ
ไปที่ร้าน จอดรถ พอจ่ายเงินปั๊บ ยกใส่รถกระบะได้เลย หรือให้เขาเอาไปส่งก็ได้ คิดไม่แพง ร้านอยู่แถวบ้านบางแคนี่แหละ
องค์ใหญ่ๆ ถ้าไม่เน้นทองเหลืองมากนัก ก็ราคาแค่ 4-5 หมื่นบาท แต่ไม่ใช่ขนาด 99 นิ้วหรอกนะ
ธรรมดาเราอาจจะให้เขาพ่นสีทอง ก็ใช้ได้
แต่ถ้าให้เขาปิดทองคำเปลว 100% ทับก็จ่ายเพิ่มอีกหน่อย
พระปางสวยๆจะมีราคาแพง ตามความยากของชิ้นงาน แต่ก็คือพระพุทธเจ้าเหมือนกันนะแหละ

พวกหมอดูที่ชอบมาหลอกให้คนที่กลุ้มใจสร้างพระประธานนั้น นิสัยแย่มากๆ
เพราะเรื่องที่ทำได้ยากมาก
ซึ่งบุญที่ทำได้ยากไม่ได้แปลว่าเป็นบุญที่มีพลังมากอะไรเลย ใครเป็นคนสอนมาก็ไม่รู้
ได้ยินพระสงฆ์บางรูปเทศนาสอนแบบนี้เหมือนกัน
โถ่...แบบนี้คนจนๆ มันก็ไม่มีวันได้บุญใหญ่นะซิ ท่านสมภาร
จิตหาความสงบไม่ได้เลย ขนาดเป็นพระก็ยังทำร้ายจิตใจคนอื่นได้ เฮ้อ...
คุณจะไปหาวัดที่ไหนที่ยังไม่มีพระประธานภายในเวลาสั้นๆ
พวกชาวบ้านที่โน่น ต่อให้วัดเล็กๆ เขาก็ไม่ได้อยากได้พระประธานองค์เล็กๆ หรอก
ตอนแรกเขาอาจจะยอมให้เป็นพระประธาน แต่ต่อไปพอเขามีโบสถ์ใหญ่ๆ เขาก็ต้องเปลี่ยนพระประธาน
แล้วพระที่เราถวายก็ไม่ได้เรียกว่าพระประธานอยู่ดี จึงไม่เห็นจำเป็นต้องถวายพระประธานถ้าเราไม่ได้เป็นมหาเศรษฐีพันล้าน
ราคาพระองค์ใหญ่ๆก็ต้องเกิน 2-3 แสน บวกค่าขนส่งอีกยิ่งงบประมาณบานปลาย
ต้องทำฐานปูนมีเสาเข็มอย่างดีด้วยนะ ถ้าเป็นพระองค์ใหญ่มากๆ
คนอย่างเฮีย ก็กล้าทำบุญแค่พระขนาดเล็กๆที่เขาเอาไว้ในวิหาร
หรืออาคารสวดพระอภิธรรม-งานศพ เท่านั้น สูงไม่เกินสองเมตรหรอก
ทำเกินตัวกว่านั้น ถ้าทำคนเดียวต้องเรียกว่า บ้า

คือเฮียว่าพวกครอบครัวของอาเจ้ของเฮียเขาไม่ได้บ้าทำบุญหรอก แต่เป็นเพราะญาติมีเยอะมาก
พอมีคนตายก็ได้เงินค่าช่วยเหลือ ค่าประกันชีวิต ค่าสังคมสงเคราะห์ เราก็เอามาทำบุญร่วมกัน
คือทำตามความสามารถที่จะจ่ายได้ ไม่ใช่จ่ายแบบเศรษฐี
พอทำบุญอะไรไปก็ทำกันในชื่อสายสกุลของเขา
ให้ครอบครัวเป็นผู้ทำบุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล ไม่ใช่ชื่อใครคนใดคนหนึ่ง ใครนามสกุลนี้ก็ได้บุญหมด เกิดมาก็ได้บุญเลย
เวลามีงานบุญก็โทรฯตามหากัน นัดเจอกันที่วัด ง่ายดี ได้ทำร่วมกันหลายๆคน

และเรื่องเกี่ยวข้องมากๆอีกเรื่อง ก็คือ เฮียมีญาติที่มีฐานะการเงินดีท่านหนึ่ง ท่านป่วยเป็นมะเร็ง (ตอนนี้จากไปแล้ว)
ญาติผู้ใหญ่ของอาเจ้ก็ป่วยหนักมาก
พวกท่านก็พยายามที่จะทำบุญให้มาก ในขณะมีชีวิตอยู่ วัดตรงไหนๆก็อยากฝากพวกเฮียไปทำบุญ
พวกเราก็เลยได้เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ทำบุญมากหน่อย พลอยได้ร่วมทำบุญ เกาะใบบุญเขาไป
เขาไปหลายๆที่ เราก็ได้ไปร่วมด้วยช่วยกันหลายๆที่
ขนาดสมัยจตุคามดังๆ เฮียยังเคยไปอยู่ในพิธีกดพิมพ์นำฤกษ์นำชัยกับเขามาแล้วเลย
ทุกวันนี้ก็เลยติดนิสัย ไปไหนก็มองหาแต่วัดเอาไว้ก่อน

หมอดูคนนี้ก็ทำท่าว่า ต้องหาเรื่องให้เราต้องเสียเงินให้ได้
เฮียเลยเดินออกมา พวกที่เหลือยังฟังต่อ ก็คงจดๆว่าต้องไปทำอะไรที่ไหน
เวลาที่เขาไปทำตามที่หมอดูบอก เขาก็ไม่ชวนเฮียไป 555

วันที่เฮียไปไหว้พระยืนที่วัดอินทร์ ก็มีคุณยายนั่งวีลแชร์มาสวดอะไรก็ไม่รู้ อยู่ที่หน้าหลวงพ่อ
ญาติที่มาด้วยก็บังคับให้อ่านตามที่จดมา เป็นกระดาษหนาหลายแผ่น
แดดก็แรง ลมก็แรง ควันธูปก็มาก สงสารว่าคุณยายจะตายเพราะการทำบุญกันในวันนั้น

คนอื่นต่อชะตาแก้กรรมให้อีกคนได้จริงหรือ เราเปลี่ยนกรรมคนอื่นได้เชียวหรือ
แล้วกับความคิดว่าต้องทำบุญด้วยตัวเองหละ
ในทางพุทธนั้น เฮียก็ว่าถูกแล้วที่ต้องทำบุญเอง
แต่ทำบุญมีหลายวิธี ไม่ใช่จบที่ต้องเอาเงินไปถวายพระวิธีเดียว คิดสั้นๆกันจริงๆ
อย่างอาหมวย ชอบปล่อยปลา แบบนี้ก็ได้บุญ ปล่อยแล้วแบ่งบุญให้พ่อแม่ พ่อแม่ก็ได้บุญ
แค่โทรศัพท์ไปบอกแม่ว่าหนูปล่อยปลามา เอาบุญมาบอกแม่นะ แม่ก็ปลื้มใจว่าลูกทำดี แม่ก็ได้บุญ
แบบนี้ก็แปลว่าลูกสาวทำเองได้เอง และแม่ก็โมทนาบุญก็เท่ากับทำเอง แม่ก็ได้บุญเอง แบบนี้ดีนะ

เพลง Imagine
อยากจะบอกเมื่อก่อน มี blog อีกชื่อหนึ่ง เอาไว้หัดเขียน web blog แบบนี้แหละ
เฮียก็เคยมี youtube เพลงนี้ มีภาพจอห์นกับโยโกะ จูจุ๊บกันนี่แหละในบล็อก
ยายหนูบีเขาก็เคยเข้าไปโพสต์เลย
สมัยนั้นเอาเพลงมาถอดคำแปลภาษาไทย ทำแบบเล่นๆ และก็วิเคราะห์อารมณ์เพลงแนวขำๆ
ส่วนใหญ่ก็จะเอาข้อมูลประวัติของวงดนตรีมาเขียนสรุปย่อเอาไว้ด้วย
แต่ login นั้น ดันเอาไปใช้ตอนที่เขายึดทำเนียบกับสนามบินสุวรรณภูมิ
เฮียโดนแบนข้อความที่โพสต์ไปเยอะมาก
เพราะวิจารณ์โดยไปใช้ชื่อจริงๆของคนที่เราต่อว่า แบบว่าเขียนใส่กันเต็มอารมณ์เลยหละ
โดยเฉพาะช่วงดู youtube การเมืองที่เจ้าตัวเขาเอง เป็นคนพูดเรื่องผ้าอนามัยกับพระรูปฯ ยิ่งปรี๊ดแตก
ซึ่งทางเทคนิคการโพสต์แล้ว เขาจะด่าโดยใช้ฉายาของคนๆนั้นแทนชื่อจริง
เพราะเจ้าของเว็บ เขากลัวโดนฟ้องร้องกันกระมัง
แต่แปลกนะ พวกเจ้าประจำ หรือขาใหญ่ ที่เขียนชื่อ-นามสกุลใครๆลงไป ไม่โดนลบทิ้ง
เฮียเลยโวยกับผู้ดูแลห้องการเมือง ร้องหาความยุติธรรม หามาตรฐาน
แต่ไม่รู้ว่าใช้ภาษาไม่สุภาพหรือว่าลองของหนักไปหน่อย
เขาเลยทำลาย login นั้นทิ้ง โดยเผาแบบไม่เหลือเถ้ากระดูกเลยหละ
ช่วงนั้นมีนักรบพันธุ์ทิพย์หายสาบสูญกันเยอะแยะ
มีบางคนก็ได้ user กลับคืนเหมือนกันนะ
ก็เป็นบทเรียนว่า ถ้าเข้าห้องการเมือง ต้องใช้ user หรือ avatar ที่ไม่ใช่ bloggang
เพราะถ้าโดนระงับ จะไม่สามารถกลับมากู้ไฟล์อะไรได้เลย
เขียนข้อรองไปเหอะ เขาก็ไม่ใจอ่อนง่ายๆ

Ref: มินทิวา Mintiva RoyalBlue 4169E1

 

โดย: จอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด (zoomzero ) 21 มกราคม 2553 15:53:00 น.  

 

To นู๋ Beee
นู๋บี เจ้าค่ะ

เรื่องรสนิยมการเลือกทานอาหารแปลกๆนี้
พี่ชายก็เจอมาหลากหลายเหมือนกัน
ยิ่งคิดยิ่งฮา เพราะว่าเราไม่เข้าใจเหตุพวกเขาเลยจริงๆ
ลองมาดูนะว่าพี่ชายนึกอะไรออกบ้าง

- สับปะรด
รายนี้ทานสับปะรดสด เช่น พันธุ์นางแล พันธุ์ศรีราชา ทานได้เป็นลูกๆ
แต่ทานแกงสับปะรดแล้วอ้วกแตก

- กระเทียม
คนนี้ก็ไม่ทานอาหารที่ใส่กระเทียม
แต่สั่งพิซซ่า ขอเหมาขนมปังกระเทียมคนเดียว

- ทุเรียน
ท่านผู้นี้ทานทุเรียนกวนได้ ทุเรียนทอดได้
แต่ทุเรียนสด แค่มองเห็นก็ไม่สบาย
ขนาดว่าจะเป็นไข้เลยถ้าคิดว่ามีคนเอามาไว้ในห้อง
ทั้งๆที่ไม่มี แต่แค่แกล้งหลอกว่ามีเท่านั้น พี่แกนอนไม่หลับทั้งคืน

- ข้าวหมูแดง
ทานได้แต่หมูกรอบ แต่ชอบฝากคนซื้อร้านข้าวหมูแดง
คนไปซื้อก็จำผิดคิดว่าชอบทานข้าวหมูแดง พอเอาไปฝากก็ทานไม่ได้
วันหลังเลยต้องซื้อข้าวหมูแดงหมูกรอบเพราะคนจะซื้อมาฝากก็สับสนจำไม่ได้
เรื่องนี้พอกัน ระหว่างคนไม่ทานหมูแดง กับคน(ซึ่งเป็นแฟน)ที่ชอบแวะซื้อข้าวหมูแดงมาฝากกัน

- ปลาดุก
เขาทานปลาดุกฟู แต่ไม่ทานปลาดุกย่าง หรือผัดเผ็ดปลาดุก

- เรื่องเส้นก๋วยเตี๋ยว
อันนี้คนๆเดียวเท่านั้น ถ้าราดหน้าต้องเส้นใหญ่เท่านั้น เส้นอื่นไม่ทาน
ก๋วยเตี๋ยวหมู ต้องบะหมี่เหลืองเท่านั้น เส้นอื่นไม่ยอมทาน จ้างให้ทานก็ไม่ทาน
ก๋วยเตี๋ยวผัดซีอิ้ว ต้องเส้นหมี่ขาว เส้นใหญ่พอได้บ้าง แต่เขาบอกว่ามันแหยะๆ
เย็นตาโฟ พี่เขาทานได้เฉพาะเส้นเล็ก เอากับเขาซิ
ส่วนผัดไทกลับล่ำลึก ชอบทานวุ่นเส้นผัดไท แล้วทำไมไม่เรียกว่าผัดวุ้นเส้นไปเลย

- ตับไก่ ตับหมู
ทานได้เฉพาะตับไก่ หรือตับหมูที่ย่างเท่านั้น
ตับไก่ที่เอาทำอาหาร เช่น สุกี้ หรือผัดกับผัก ทานไม่ได้

- โซดา
ทานโซดากับเหล้าได้ แต่ไม่ทานโซดาใส่น้ำหวานเฮลบลูบอย
แต่ทานน้ำหวานใส่น้ำเปล่าได้

เอาแค่นี้ดีกว่า บอกว่าเยอะ แต่พอเอาเข้าจริงๆ กลับนึกไม่ค่อยออก

นกที่บางปู
เขาจะมาช่วงปลายธันวาคม-ต้นมกราคม
วันที่ไปเที่ยว คนขายอาหารนกบอกว่า พวกที่อยู่ในน้ำเป็นลูกนก ยังบินไม่ได้
พวกที่บินได้เป็นพ่อแม่ พี่ได้ยินแบบนี้ก็เลยเดาว่านกนี่คงจะบินหนีหนาวมาคลอดลูกที่นี่
เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ลูกจะบินทางไกลมา
แต่แปลกนะเกิดเป็นพลเมืองไทยแท้ๆ แต่พอกลางๆปีก็พากันบินไปที่อื่นจนหมด
แล้วพอปลายปี พวกที่เป็นพลเมืองไทยจะบินกลับมาครบ 100% หรือเปล่า?
หรือว่าบินไปที่อื่น

ตรุษจีน 2010
ถูกต้อง ปีนี้ฉลองสองงาน ตรุษจีนกับวาเลนไทน์
โห...ผ่านคำถามพวกนี้มาหมดแล้วเหรอ
แสดงว่าเป็นโปรเฟ็ชชั่นแนลนะเรา
พอดีคิดเรื่องเดือนหน้าเอาไว้แต่เนิ่นๆ ก็เลยมีความคิดเรื่องวันที่ 14 กุมภา แว็บขึ้นมา
แต่ก็ไม่แน่นะ คนหัวใจตายด้านอย่างพี่อาจจะไม่มีบล็อกใหม่ช่วงวันแห่งความรัก
เพราะเรามีแต่วันแห่งความแค้นรออยู่ 555

จริงๆนะ คนเล่นเกมมากๆ มักจะมีปัญหาเวลาเข้าสังคม
และมักจะได้เพื่อนที่ไม่ค่อยปกติ
อย่างพี่ชายไง พี่ก็ไม่ปกติ เราถึงคุยกันได้นาน 555
อีกอย่างเขาว่า ถ้าปลงใจเชื่อว่า เพื่อนใน internet เป็นคนดีแบบนั้นๆ
พอไปเจอตัวเป็นๆแล้วรู้ว่าไม่ใช่ จะเกิดอาการเซ็งเหวอเลยนะ
ยายคุณหนูที่บ้านก็เป็นแบบนี้ คุยกันมา 1 ปี พอไปเจอกัน 2-3 ครั้ง
เขาบอกว่านิสัยคนนั้นใช้ไม่ได้ หรืออะไรประมาณนี้ เลยไม่ติดต่อกันอีกเลย
แล้วก็หงุดหงิด อารมณ์บูดเป็นเดือนเลยหละ
ขนาดต้องซื้อซิมมือถือใหม่ เพื่อไม่ให้ติดต่อกันได้อีก วุ่นวายพิลึกดีแท้

เรื่องหาเงิน ถ้าทุ่มเวลากับมัน คิดมากๆ เดี๋ยวก็คิดออกเองหละ

Ref: Beee Fuchsia FF 00 FF



 

โดย: จอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด (zoomzero ) 21 มกราคม 2553 17:35:30 น.  

 



หวัดดีค่ะเฮีย
โน โน...มินไม่ได้ชอบเดินทางไกลนะคะเฮีย
ที่จำเป็นต้องไป เพราะมันเป็นเรื่องงานซะส่วนใหญ่อ่ะค่ะ
พอถึงเรื่องส่วนตัวมั่ง ที่อยากจะไปไหนต่อไหนไกล ๆ มันหงอยไปเลย มันเบื่ออ่ะ เพราะปกติก็ต้องไปนู่นไปนี่บ่อย ๆ อยู่แล้ว
เรื่องปลาอ่ะ มินก็พอจะได้บ้างนิด ๆ หน่อย ๆ ค่ะ แต่ น่าแปลกที่ปลาแซลมอนกลับทานได้หลายชิ้นอยู่อ่ะนะ ฮ่า ๆ ๆ
ไม่รู้ว่าเป็นที่ มีพวกวาซาบิ ขวางกั้นอยู่หรือป่าวนะคะ อิอิ ไอ้ปลาวง ๆ ที่เฮียพูดถึงอ่ะ
ไม่รู้ว่ามันจะใช่ปลาแบบที่มินคิดไว้หรือป่าว แต่บ้านมินเรียกปลากระโปรงค่ะ อันนี้ โอเค ทานได้ เพราะมันไม่มีก้าง ที่เวลาทอดแล้วมันจะกรอบ ๆ อ่ะ ใช่ป่าวคะ
แต่ธรรมชาติของมินแล้ว ไม่ใช่คนที่ชอบทานปลาค่ะ ก็เลยไม่ค่อยสนใจเรื่องปลาเท่าไร
มินนะ เวลาที่ฮิตชอบทานอาไรก้อมักจะเป็นพัก ๆ ค่ะ ทานมันอยู่นั่นแหละ ไม่รู้เป็นไงนะ ฮ่า ๆ ๆ
อย่างช่วงก่อน อยากทานกุ้งพล่า โห..ชอบอยู่เป็นเดือนเลยนะเฮีย ก่อนหน้านั้นก็แค่ไข่เจียวใส่หอมแดงพื้น ๆ นี่แหละ มินทานได้เกือบทุกวัน
เออ..อย่าได้ริรู้สึกอยากเจี๊ยะเป็ดปักกิ่ง หรือ หมูทันขึ้นมาซะหล่ะ ฮ่า ๆ ๆ เดี๋ยวจะยุ่งอ่ะนะคะ ฮ่า ๆ ๆ
พูดถึงก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา มินอยากแนะนำเฮียอยู่เจ้านึง ร้านนี้มินทานมาตั้งแต่มินยังเด็ก ๆ เลยค่ะ
แต่เดี๋ยวนี้ เป็นรุ่นลูกเขาทำแล้ว ถ้าถามว่าเมื่อเทียบกับสมัยก่อนอ่ะ มันต้องดีกว่าอยู่แล้ว
แต่ก็ยังโอเคนะคะ..อยู่ค่ะ
มินไม่รู้ว่าชื่อร้านอาไร แต่ที่บ้านจะเรียกกันว่า ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาซอยโรงหนังเอเธนส์ คือ สมัยก่อนซอยนี้มันเป็นโรงหนังอ่ะค่ะ
แต่ เดี๋ยวนี้มันกลายไปเป็นคอนโดหรูแล้ว ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าจะ ปทุมวันคอนโดหรือป่าวก็ไม่แน่ใจค่ะ
เข้าซอยไปประมาณ น่าจะซัก 400 เมตรมั๊ง อยู่ขวามือ เป็นตึกแถว 2 ห้องติดกัน จอดรถได้ที่แถว ๆ หน้าตึกนั่นแหละค่ะ
บัตรที่รับจากปากทางก็สามารถปั๊มได้ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวนี่แหละค่ะ ..อึม..บะหมี่น้ำ โห..อาหย่อยจ้า ฮ่า ๆ ๆ
ถ้าก๋วยเตี๋ยวราดหน้า ที่บ้านชอบไปทานร้านจ๊ากกี่อ่ะค่ะเฮีย อยู่ซอยเล็ก ๆ แถวอนุสาวรีย์ชัยอ่ะ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้ไปแล้ว เพราะเบื่อเรื่องที่จอดรถอ่ะค่ะ ลำบากเกิน ไม่เอา...
พูดเรื่องเรื่องกินแล้ว ก็อยากจะเล่าให้ฟัง เผื่อว่าวันไหนเฮียต้องไปไหว้หลวงพ่อโต ที่วัดระฆัง ฝั่งธนแล้ว จะได้ไม่หลงเข้าไปกินให้เสียมู๊ดอ่ะ
เมื่อก่อนตอนพ่อมินป่วย อยู่ที่ศิริราชอ่ะ มินจะชำนาญเรื่องของกินแถวนั้นมาก ๆ มันจะมีอีก๋วยเตี๋ยวหมูอยู่เจ้านึงนะ
ไปถามใคร ๆ แถวนั้นเขารู้จักกิตติศัพท์ร้านนี้ดี มีแต่มินเนี่ยแหละที่ไม่รู้ถึงได้หลงเข้าไป
แต่ อย่าถามถึงความอร่อยนะ มินว่า โซ โซ..ออกจะรสชาดกระจอกซะด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าเที่ยงมันไม่มีที่จะกินกันแล้วไง ร้านมันถึงได้แน่นอย่างงั๊น
ถ้าไปคนเดียว อย่าได้เดินสุ่มสี่สุ่มห้า ไปเลือกโต๊ะนั่งเองนะ ไม่ได้เด็ดขาดค่ะ เขาจะจัดให้นั่งเอง ถึงมา 2-3 คนก็เหอะ
ห้ามให้แบ๊งค์พัน ห้ามขอน้ำซุปเพิ่ม ห้ามขอถั่วงอกเพิ่ม ไม้จิ้มฟันให้ใช้แค่ในร้าน ถ้าใครหยิบออกไปนอกร้าน
ขอแช่งถึงลูกหลาน สาบานได้ เฮียผ่าน ๆ ไป ก็ลองไปอ่านดูที่ข้างฝาได้ค่ะ แต่ไม่รู้เดี๋ยวนี้มันปลดป้ายพวกนี้ออกไปหรือยัง นั่นคือตอนปี 46
มินหลงเข้าไปนั่ง ตอนแรกก็ไม่รู้หรอก เพราะไม่ได้สนใจ แต่มามีปัญหาตอนจ่ายเงินเนี่ยแหละ
ถึงได้โดนว่า และเลยได้อ่านอีกสารพัดประกาศความยะโสของอีร้านนี้
เชื่อเลย กะอีแค่ไม้จิ้มฟันเขียนไว้ว่าแช่งถึงลูกถึงหลาน เว่อร์ไปหรือป่าว แล้วไม่ใช่ไม้จิ้มฟันหรูหราไฮโซนะคะเฮีย ไม้จิ้มฟันแสนจะธรรมดา
ไม่ได้มีซองใส่อาไรหรอก ...6 ปีแล้ว ไม่เคยคิดอยากจะเฉียดไปใกล้ ๆ เลย
เอ้อ..แต่ ไม่รู้มันเจ๊งไปหรือยัง อ่ะนะคะ ฮ่า ๆ ๆ เค้าค้าขายกัน เค้ามีแต่จะเอาอกเอาใจลูกค้า หยวน ๆ อาไรก็ได้ เอ้อ..ถ้าสั่งแล้วอย่าถามนะ ไอ้คนทำจะตะโกนมาเลยว่า ยังไม่ถึงคิว อยากกินเร็ว ไปทำกินเองที่บ้าน..ไอ้คนถามก็หัวเราะชอบใจ ไม่รู้ว่ารู้จักมักคุ้นกันหรือป่าว..
ทุกวันนี้ พวกมินยังมีเรื่องโจ๊กกันเกี่ยวกะอีร้านนี้เลยค่ะ คือเวลาไปทานเอ็มเค หรือ ที่ไหนที่ไม้จิ้มฟันใส่ซองสวย ๆ ก็จะติดมือเก็บมาอันสองอัน
เอาแล้ว ระหว่างมินกับเพื่อน บอกเฮ๊ย..เค้าแช่งถึงลูกถึงหลานนะ ไม้จิ้มฟันเนี่ยอ่ะ ฮ่า ๆ ๆ
ส่วนเรื่องหมอดู...มินเฉย ๆ ค่ะ ห้าสิบห้าสิบ ถ้าเค้าทักมาก็ระวัง ๆ ไว้มั่ง แต่ ไม่ถึงกับจะต้องทำตามที่เค้าบอกทุกอย่าง
เพราะบุญเราก็ทำประจำอยู่แล้ว ถึงเราไม่ได้ทำเป็นแบบบุญที่ต้องใช้สตางค์ซื้อหา
มินว่า ถ้าจิตใจเราดี ไม่คิดร้ายกับใคร สวดมนต์เผื่อแผ่เมตตา เข้าใจและให้อภัย แค่นี้ก็เกิดเนื้อนาบุญได้เหมือนกันอ่ะนะคะ
มินเองก็ 2 ด้านค่ะ ถ้าดีก็ดีใจหาย ถ้าบ้า ๆ ขึ้นมาละก็ บ้าอย่างคิดไม่ถึงเหมือนกันค่ะ แต่พออายุมากขึ้นแล้ว มันไม่ค่อยบ้าเท่าไร อันนี้ถือว่าเป็นข้อดี ขอชมตัวเองหน่อยนะคะ ฮ่า ๆ ๆ
เดี๋ยวนี้นะ พออาไร ๆ ก็ เออ..ช่างมันเหอะ...ช่างมันเหอะ ตลอดอ่ะ ฮ่า ๆ ๆ
....you may say I'm a dreamer but I'm not the only one....I hope someday you're joy us...ชอบมาก ๆ เลยค่ะ กับ เพลงนี้และความหมายของเพลงนี้อ่ะ
ปล. สดชื่นวันศุกร์นะคะเฮีย วันนี้ไปตระเวณไหว้พระและหาของอร่อย ๆ ทานที่ไหนคะ อิอิ

 

โดย: มินทิวา 22 มกราคม 2553 5:23:27 น.  

 

ซาหวัดดีคร้าพี่ชาย กลับมาบ้านแล้วคร้า งิงิ ^_^

วันนี้โดนมอร์เตอร์ไซด์โยนทิ้งไว้แถวหน้าศาลรัชดาฯ เพราะเขาต้องไปทำงานต่อ ส่วนเรานั่งรถกลับบ้าน เดี๋ยวนี้เป็นโรคหวาดระแวงค่ะ ตั้งแต่ดูรายการข่าวโทรทัศน์รายการหนึ่ง พูดถึงการโกงราคามิเตอร์ของรถแท็กซี่ แบบอธิบายละเอียดถึงขั้นตอน วิธีการโกงต่าง ๆ (ไม่รู้จะบอกไปทำไมซะละเอียด คนทำไม่เป็นฟังแล้วทำเป็นเลยนะเนี่ยะ เดี๋ยวก็เอาไปทำกันใหญ่) บอกว่าวิธีโกงง่ายดายมาก แล้วก็อาจจะไปต่อกับอะไรก็ได้ในรถ ไม่ว่าจะช่องแอร์, วิทยุ, คันเร่ง ฯลฯ

วันนี้บีนั่งรถมา ก็เลยวิตกจริต เพราะเจ้าคนขับแท็กซี่คนนี้ก็ดั๊น เปลี่ยนคลื่นวิทยุอยู่เรื่อยเลย แล้วดูตัวเลขมิเตอร์ก็แปลก ๆ ตรงที่มองอยู่ตะกี้ 139 ไม่ถึงนาทีมองใหม่ แป๊บเดียวเปลี่ยนเป็น 145 บาท งงมากมาย *-* ไม่รู้ว่าเราคิดไปเองหรือยังไงเหมือนกันค่ะ

แวะมาทักทายและเม้าท์ให้ฟังช่วงเช้าค่ะ ว่าแต่บ้านที่ทะลุซ่อมไปถึงไหนแล้วคะ เรียบร้อยหรือยังนี่ ^_^

 

โดย: นู๋ Beee น้องสาวจอมแก่น IP: 125.24.104.158 22 มกราคม 2553 11:53:35 น.  

 

To Mintiva

อาหมวย(ใหญ่)

เดือนนี้คงไม่ไปไหว้พระที่ไหนแล้วหละมั๊ง
เพราะปีหนึ่งๆทำบุญแค่ 3-4 วันก็คงจะพอแล้ว
งบประมาณทำบุญเรามีจำกัดอีกด้วย
นึกๆแล้วก็อยากเปลี่ยนเป็นศาสนาอื่น
ที่ขออาศัยอยู่ในร่มเงาเขาได้โดยที่ไม่ต้องเอาเงินไปซื้อโน้นซื้อนี้แล้วมอบให้นักบวชไป
เห็นบางศาสนา เขาแค่อ่านคัมภีร์ แค่เดินไปเข้าโบสถ์หรือวัด แค่สวดมนต์ร่วมกัน แล้วก็กลับบ้าน
แต่มานับถือศาสนานี้ ต้องจ่าย เสียเงินไปแล้ว เชื่อไม่เชื่อ ก็ต้องเชื่อว่าจะได้บุญกุศล
ถ้าไม่เชื่อ คิดโฉดๆชั่วๆ งกเงินที่เสียไป เขาก็ว่าทำไปเท่าไหร่ก็สูญเปล่าไม่ได้บุญ แถมยังจะได้บาป
ไม่ทำก็ไม่ได้บุญ จริงหรือ?
ถ้าคิดอย่างนักบัญชี ลงทุน 100 แต่ทำผิดกระบวนการ บริหารจัดการผิด ปฏิบัติผิดวิธี ก็คือขาดทุน 100
อย่าลืมว่าทางบัญชีถือว่ารายรับลบรายจ่ายเท่ากับกำไรขาดทุน ดังนั้นจึงต้องเรียกว่าขาดทุน ถ้าไม่ได้บุญ
แต่คนมักจะคิดว่าถ้าทำบุญแล้วไม่ได้อะไร ก็คือเท่ากับ ศูนย์ อันนี้คิดไม่เหมือนกัน
และตามหลักการบัญชี ถ้าอยู่เฉยๆไม่ได้ซื้ออะไรไปทำบุญทั้งปี อันนี้ถึงจะเรียกว่า ผลประกอบกรรมเป็นศูนย์
เพราะไม่มีรายรับและรายจ่าย
บางคนบอกว่า การทำบุญ ทำได้ตั้ง 10 วิธี ไม่ต้องเสียเงินอย่างเดียว
แต่ไปวัด ไม่เคยเจอพระบอกว่า ให้ไปทำบุญด้วยวิธีอื่นที่ไม่เสียเงินเลย (สงสัยไปผิดวัด)
วัดไหนๆ ก็เจอแต่ตู้บริจาค ไม่ค่อยเห็นตู้แจกของ
นอกจากบางแห่งจะมีคนเอาหนังสือสวดมนต์มาวางแจก
ซึ่งถ้าวิเคราะห์ให้ดีจะเห็นว่า หนังสือไม่ได้เป็นของวัด (ถึงแม้ภาษาราชการจะบอกว่า เขาเอามามอบให้วัด)
พฤติกรรมที่เกิดขึ้นจริง ก็คือคนเอาหนังสือมาที่วัด แล้วขออนุญาตวางแจกพุทธศาสนิกชนคนอื่นๆ
ไม่ค่อยได้เจอวัดที่ตั้งอกตั้งใจพิมพ์หนังสือออกมาแจกแบบ เมตตาธรรมค้ำจุนโลกา อย่างที่เขาว่ากันนักเลย
ขนาดกระดาษโรเนียวแผ่นเดียว ก็ยังเป็นของฆราวาสเอามาแจก ไม่ได้โม้....
ใครไปวัดไหนแล้วได้น้ำดื่มฟรีๆ ช่วยเขียนมาเล่าให้ฟังหน่อยซิ (ไม่ใช่ไปงานสวดศพนะ อันนั้นเจ้าภาพหามาให้ต่างหาก)
ไม่เชื่อกลางวันๆอย่างนี้ ลองไปกุฏิเจ้าอาวาสแล้วขอข้าวกินฟรี 1 จานซิ
ไม่โดนไล่ตะเพิด ก็ให้เอาจมูกมาตบแก้มกันได้เลย ร้อยทฤษฎีหรือจะสู้หนึ่งปฏิบัติ ลองทำดู

555 อย่าเพิ่งชิงเชื่อที่เล่ามา เดี๋ยวจะชิงชังกันวันหลัง
ลองไปวัดของท่านพระธรรมปิฎกดูซะก่อน อยู่ก่อนถึงวัดพุทธมณฑล
มีทั้งซีดี เทป และหนังสือ แจกฟรี
มองไม่เห็นตู้บริจาคเงินเลย

ทางจะไปนครราชสีมา ซ้ายมือมีรูปหล่อสมเด็จโตองค์ใหญ่
แวะเข้าไปทานน้ำ ทานก๋วยเตี๋ยวฟรี ได้

แต่ถ้าวัดไหนมีโรงเจอยู่ด้วย อันนี้ไม่ต้องห่วง ไม่อดข้าว หรอก
ที่ตำหนักเจ้าแม่กวนอิม โชคชัย 4 ก็มีอาหารเจแจก (ไม่มีวัด)
ที่วัดหนองหอย ราชบุรี ก็มีอาหารเจ มีโรงเจขนาดใหญ่มาก


มาเรื่องร้านอาหารดีกว่า
ร้านแถวแมคแคนน่า เอเธนส์ นี่ถิ่นจิ๊กโก๋สามย่านเก่า เลยนะน้อง
เชื่อหรือเปล่าว่าเฮียกับเพื่อนๆเคยไปนอนค้างในโรงหนังมาแย้ว
นอนข้างในเลยนะ ไม่เชื่อก็ตามใจ 555 ทุกวันนี้พ่อกับแม่ยังไม่เคยรู้เรื่องเลย
ตอนนั้นเขาจะจัดฉายหนังการกุศลรอบเช้า 9 โมงวันเสาร์กัน
อีตาลุงภารโรงเขาไม่ยอมมาทำความสะอาดให้ เขาบอกว่าเขาจะมาตอน 10 โมงกว่าๆ
พวกเราเลยต้องขอเข้ามานอนตอนหนังฉายรอบสุดท้าย แล้วก็เอาไม้กวาด ไม้ถูพื้นมาทำความสะอาดกันเอง
นอนเก้าอี้ในโรงหนัง นอนไม่ได้ ต้องนอนกับพื้น ที่เป็นพรมคนเดินเหยียบไปเหยียบมานี่แหละ ถึงจะหลับได้
แถมยังต้องรีบจัดเวที เพราะจะมีคนมาร้องโฟล์คซอง งบนเวทีอีกด้วย สมัยนั่น พี่ภูสมิง กำลังดัง
ถ้าคืนนั้นไฟไหม้ ก็คงโดนขังตายอยู่ในนั้น เพราะลุงเขา lock สองชั้นสามชั้นอย่างแน่นหนา

ขอบอกว่าร้านอาหารที่มินว่ามา เฮียไม่เคยได้ไปลิ้มลองมาเลย พลาดได้อย่างไร
เคยแต่ร้านข้าวมันไก่ใจดีตีนสะพานหัวช้าง แจกน้ำซุปไม่อั้น เติมได้ 2-3 รอบ
ส่วนอนุสาวรีย์ชัยฯ ถ้าไปแล้วก็ต้องนึกถึงก๋วยเตี๋ยวเรือชามละ 1 บาท 2 บาท และก็มาเป็น 5 บาท
แต่วันนี้ไม่รู้ว่ายังมีขายหรือเปล่าถ้ามีก็คงชามละ 15 บาทขึ้นไปแน่ๆ
ก๋วยเตี๋ยวราดหน้าต้องข้ามไปเดินในซอยลือชา มีอร่อยอยู่ร้านหนึ่ง
ซอยลือชานี่ อยู่ตรงข้ามกับสถานีโทรทัศน์สนามเป้า ซอยนี้ลูกตำรวจเดินไปมาเยอะแยะ
เคยไปมีเรื่องมา วิ่งหนีซะไส้เลื่อนเลย เมื่อก่อนมีลานโลกดนตรี ไปดูแค่หนเดียวเขาก็เจ้งซะแล้ว

ร้านก๋วยเตี๋ยวที่วัดระฆัง
เฮียว่าเฮียเคยเห็นนะแต่ไม่ได้เข้าไปชิม คนเยอะๆ ใช่แน่ๆ ก็แถวนั้นมีแต่บ้านคนมีกระตังค์ ซอยก็แคบๆ
ไปวัดระฆัง ข้ามฟาก หรือก่อนข้ามฟาก ก็ลองไปทานก๋วยเตี๋ยวราดหน้า-ผัดซีอิ้ว ตรงท่าเรือ-ท่าช้าง อร่อยเหมือนกันนะ
แถมยังมีร้านขายเปาะเปี๊ยะสด และอาหารอย่างอื่นอีกหลายอย่าง ผลไม้ก็สดๆอร่อยๆ
เวลาไปไหว้ ศาลหลักเมือง พระแก้ว พระนอน ชมพระบรมมหาราชวัง ...
ก็มักจะมาแวะเวียนหาอาหารแถวท่าเรือข้ามฟากนี่แหละ ราคาไม่แพง อาหารก็ยังอร่อยอยู่
ร้านฝั่งวัด น่าจะคนเยอะเพราะคนทำงานมาไหว้สมเด็จโตมากกว่า เลยหาอะไรทานก่อนกลับเข้าที่ทำงาน
อย่างที่บอกแค่ข้ามเรือข้ามฟากมา ก็ได้ทานอาหารอร่อยๆเยอะแยะ

ส่วนร้านที่มินบอกว่า มันเหมือนร้านที่วัดบางพลีเปี๊ยบเลย
มันเขียนด่าลูกค้า เอ้ย...เตือนลูกค้าไว้เพียบ
ขนาดโต๊ะบางตัวอยู่ใกล้ตู้น้ำแข็ง ก็ยังเขียนว่าห้ามเด็กนั่งโต๊ะนี้ คงหวังดี หรือไม่อยากด่าเด็กก็ได้
เข้าไปนั่งโต๊ะที่ยังไม่ทันได้เก็บมันก็ว่า ไม่รู้มันจะดุร้ายไปทำไม ไม่กลัวความดันขึ้นหรือไง
พวกนี้น่าจะเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันนะ แต่ร้านนี้มันว่าสาดใส่กันมันหยดแหมะๆ
ไม่รู้ว่ามันว่ากันเองหรือลูกค้า อย่างเช่น อาหารส่งแล้วลูกค้าบอกว่าไม่ได้สั่งแบบนี้
มันก็ด่าว่ากันเองว่าจดอย่างไร? ไอ้คนจดก็ว่าคนทำๆอย่างไร? มันจดตามปากลูกค้า
แต่สำนวนที่ว่าเหมือนประมาณว่า จะกินแล้วก็เรื่องมาก สั่งแล้วไม่เอาโน้นไม่เอานี้ คนจดก็ปวดหัว
ย้ายโต๊ะหรือเปล่านี่? อ้าว...ความผิดลูกค้า ถ้ามันตบหัวได้ มันคงตบหัวพวกเราไปแล้ว
ช่างน่าจับมาอยู่หุบเขาคนโฉดจริงๆ
นี่แหละหนา เขาก็ไม่เคยเรียกเราเข้าร้าน เราใส่เกือกเข้าไปเอง อยากหิวเองทำไม
ตอนจ่ายเงิน เขาไม่เคยขอบคุณใคร ไม่เรียกเตือน-ชวนให้ลูกค้ากลับมาอีก
ผิดกับภาพคนจีนสมัยก่อน
ที่อัธยาศัยดีมากๆ พูดไทยไม่ชัด แต่คำพูดแสดงน้ำใจออกมาชัดเจน คนถึงติดใจอาหารและบริการ
เดี๋ยวนี้ลูกหลานจีนพูดไทย "โฆด" ชัด แต่ท่าทางกิริยาเหมือนคนป่าเมืองเถื่อน ฮวงนั้ง
บางร้านพอรวยหน่อย เจ้าของร้านกระแดะทำห้องแอร์นั่งดูทีวี ติดฟิล์มดำปี๊ เจาะรูบานเลื่อนช่องเล็กๆ
คอยเก็บเงิน ทอนเงิน ไม่เคยเห็นหน้าลูกค้า ลูกค้าก็ไม่เคยเห็นเงาหัวพวกมัน ว่ามันหน้าจีนหรือหน้าฝรั่ง
คนพวกนี่พ่อแม่ปู่ย่าตายายเป็นเทพ ทำอาหารได้อร่อย สะอาด ค้าขายอย่างอดทน ยิ้มแย้มแจ่มใส
พอบุญหล่นมาถึงรุ่นลูกหลาน กับไม่รู้จักว่า ที่อยู่มาได้ โตมาได้ ก็เพราะเงินของลูกค้า
ไม่ใช่ ทฤษฎี การลงทุนแลกเงินรายได้ อย่างที่พวกมันคิด แค่คนมาซื้อของไม่กี่บาท ทำไมต้องออกไปคุย
กลายเป็นอร่อยก็จริงแต่หยิ่งชิบหา..ย

สองวันมานี้ต้องรอช่างทำบ้านเก้อ วันนี้วันที่สาม ก็รู้แล้วว่ารอเก้ออีก จะเที่ยงแล้วก็ยังไม่โทรมาหาเลย
เพราะเขาโทรมาว่าลูกชายโดนจับ ขับรถชนคนตาย สงสัยจะดื่มซะด้วย เป็นอิสลามแท้ๆ ดันกินเหล้า
ประกันตัวไม่ได้ เจรจากับคู่กรณีไม่ได้
เรื่องจริงๆเฮียไม่รู้ อาจจะยกพวกไปตีเขาตายเสียมากกว่า เรื่องถึงได้หลายวันแบบนี้
เมื่อสัปดาห์ก่อนพวกช่างก็เบี้ยวเฮียหลายวัน
โทรมาบอกว่า สั่งของผิดบ้าง ของไม่ครบบ้าง คนงานไม่สบายทานหอยดองท้องเสียบ้าง
เฮียอยากจะนัดกิ๊ก นัดเพื่อน นัดเจ้าหนี้ ไปทำบุญใส่บาตรที่วัด
หรือไปทำมาหากินก็ไม่ได้ ตารางเวลาเพี้ยนไปหมด
ค่าจ้างก็ให้ไปเกือบ 90% (50 + 40) เพราะเห็นบอกว่าต้องการเงินเอาไปทำโน้นทำนี้ด่วน
รับปากว่างานจะออกมาเนี๊ยบ
สรุปว่าโดนคนตอแหลหลอกอีกตามเคย ดวงต้องเจอคนตอแหลปีละคนจริงๆ
นี่เป็นช่างหรือผู้รับเหมาคนที่สิบในชีวิตแล้วนะที่เป็นคนแบบนี้
ทำให้พอจะรู้แล้วว่าคนพวกนี้ มีกลุ่มหนึ่งที่ใจต่ำๆขนาดนี้อยู่ในวงการนี้
ตอนสร้างบ้าน ก็เจอพวกที่เซ็นสัญญาปั๊บ ให้เงินไป 1 แสน มันถอยรถกระบะป้ายแดงวันรุ่งขึ้นเลย
พอสร้างไปได้ 3 เดือน มันก็หายหัวไปเลย กว่าจะยอมรับโทรศัพท์ก็รอมันไป 2 เดือน แก้ตัวสารพัด
วัสดุก็ใช้ของเกรดต่ำ ยังเถียงว่าเกรดสูง สมัยนี้มันมีบาร์โคด มันมีเลขรหัสสอนค้า เราโทรฯเช็คร้านใหญ่ได้
ส่วนทาวน์เฮาส์ที่ซื้อไว้อีกหลัง หัวหน้าช่างมีภรรยาและลูก เอามากินนอนที่ตึกที่สร้างอยู่บ่อยๆ
เขายังสามารถพาแม่ค้าขายข้าวแกงร้านถัดจากตึกไป ซึ่งผู้หญิงก็มีสามีแล้ว (แต่ยังไม่มีลูก)
ไม่รู้ว่าไปทานอาหารกันท่าไหน อย่างไร
วันดีคืนดี เขาก็ทิ้งงาน+ขโมยเมียชาวบ้านหนีไป ช่างลูกน้องไม่มีปัญญาทำงานต่อ
นายทุนเจ้าของโครงการก็หนีนี้ไปอีกคน ลูกเขยแอบเบิกเงินล่วงหน้าจากเขาไปแล้วด้วยเป็นแสน
พ่อตาเป็นผู้รับเหมาช่วงมา พ่อตาเลยต้องมาสร้างตึกต่อจนเสร็จ
ส่วนอีกคน เป็นผู้รับเหมาฐานะดี(เป็นญาติกันนี่แหละ)
จับเด็กสาวๆคนงาน ตรวจภายในหมดทุกคน สงสัยมันอยากรู้ว่าเยื่อพรหมจรรย์หน้าตาเป็นยังไงกระมัง
ใครไม่ยอมก็ไล่ออก บอกว่าขี้เกียจ ไม่ให้อยู่
ใครยอม พอเรียบร้อย กินของคาวเสร็จ ก็ซื้อสร้อยทองให้
พาไปเที่ยวต่างจังหวัด นั่นก็คือเอาไปใช้บริการนอกสถานที่นั่นเอง
แต่ให้อยู่อย่างกิ๊ก ลับๆ ผู้ใหญ่เตือน ผู้ใหญ่ว่า มันก็ว่า อย่าไปฟังเรื่องไม่จริง ภรรยาก็ไม่เคยสงสัยสามีเลย
ก็มันนะเข้าวัดทุกวันอาทิตย์ ในบ้านก็มีห้องพระห้องเบ่อเร่อ ที่บ้านก็ทำบุญบ่อยๆ ได้งานใหม่ทีก็ทำบุญทันที
ปิดงานก็ทำบุญ เขามีพี่ชายเป็นพระเจ้าอาวาสวัดต่างจังหวัด เลยดูภายนอกแล้ว เขาเป็นคนดีจริงๆ
แต่พอพระกลับวัด พวกมันก็เปิดเหล้า ดื่มจนเมาเหมือนหมา ก่อนพระอาทิตย์ตกเสียอีก
เวลาดูรูปที่ถ่ายในงานทำบุญแล้วอยากเอาเท้าเหยียบรูป
ตอนเช้ามีรูปมันกล่าวอาราธนาศีลพระ ยกของประเคนพระ นั่งสนทนาธรรมกับพระ
กลางคืนมีรูปมันถือแก้วเหล้าหน้าแดงก่ำ เมาสุราฮาเฮ คนดีหนอคนดี
พวกสาวๆที่เสียตัว พอนานๆไป ก็ชักจะเห็นว่านรกชัดๆ ทาสที่โดนสวมแอก ไม่มีอิสระ
ก็ลาออก หนีหายไปหมด มันก็ด่าส่ง ใส่ร้ายไปเรื่อยเปื่อย
จนตอนนี้มีแค่คนงานผู้หญิงแก่ๆมาทำงาน ซึ่งก็มักจะเป็นภรรยาของช่างอีกคน แบบนี้ทั้งนั้น ถึงหมดปัญหา
ไม่มีใครกล้าเอาลูกสาวมาฝากทำงานด้วยอีกต่อไป เพราะกิตติศัพท์ฉาวโฉ่
แต่สาวๆที่ office เขา เฮียก็เห็นว่าหน้าตาน่าเคี้ยวตั้งหลายคน แต่เด็กสาวๆทำงานห้องแอร์สมัยใหม่
ฉลาดและมักจะมีประสบการณ์มากพอตัว หรือเกินวัย ขืนไปยุ่ง อาจจะโดนสูบเงินจนหมดตัว
หรือไม่ก็โดนแบลกเมล์ เอาเรื่องไปเล่าให้คุณนายฟัง บ้านแตกพอดี เลยต้องรอจังหวะไปก่อน
แต่ที่เล่ามานี่ไม่มีใครเฉียดครึ่งหนึ่งของเฮียเลยนะ จะบอกให้ 555

สำหรับเพลง Lost in Love ของ Air Supply
ซึ่งเคยมีครั้งหนึ่งที่เขามาเปิดคอนเสิร์ทที่หอประชุมเล็ก ม.ธรรมศาสตร์
วันนั้นได้ไปชมการแสดงสด จำเพลงนี้ได้ เพราะโดนใจเหลือเกิน

Lost in love and I don't know much
Was I thinking about
Fell out of touch
But I'm back on my feet
Eager to be what you wanted

ชอบตรงที่ว่า ผู้ชายจะรู้ตัวว่าเราชอบผู้หญิงคนนั้นเมื่อไหร่
ก็ตอนที่ เราอยากรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นอยากได้อะไรนะซิ
เพราะเราจะได้หามาเพื่อเอาใจเธอ
แต่ว่า พอหมดรัก ....
นอกจากไม่เคยคิดอยากจะรู้ว่าเธอต้องการอะไร (ไม่อยากทำให้)
ยังอยากจะให้เธอไปไกลๆ(บาทา) และไม่ต้องมาเอาใจฉันอีกด้วย


เสาร์-อาทิตย์ คงไม่เข้าบล็อก
ขอให้มีความสุขกับการคิดถึงใครบางคนนะ 555

Ref: มินทิวา Mintiva RoyalBlue 41 69 E1

 

โดย: จอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด (zoomzero ) 22 มกราคม 2553 12:13:26 น.  

 

To Beee
ฮาโล่ห์ นู๋บี

ตอนนี้อยู่เมืองfrog อ๊บๆ เหรอ

บ้านซ่อมไปได้เยอะเหมือนกัน
แต่เงินดันใจดีจ่ายไปเกือบหมดหน้าตัก

เลยโดน อาการเบี้ยวๆบู๊ดๆของผู้รับเหมาหรือช่าง ตามประสาคนทำอาชีพรับเหมาก่อสร้าง
พวกนี้ถ้าไม่เก่งจริง หมายถึง ตอแหลเก่งจริง คงจะไม่รวยขนาดนี้
ดูอย่างปูกระเบื้องพื้นที่ 1 ตรม. ซิ
ค่าปูน+ทราย 50 บาท
ค่ากระเบื้อง 200 บาท
ค่าแรงที่เขาจ้างคนงาน วันละ 200 บาท
เขาจะตีราคาที่ 1 พันบาท กำไรขั้นต้น(ก่อนหักค่าใช้จ่ายเตรียมของ) เท่ากับ 550

พอเปลี่ยนเป็น 10 ตรม.
ค่าปูน+ทราย 500
ค่ากระเบื้อง 2 พัน
ค่าแรงก็ยังคง 200 บาท
เขาคิดใหม่เป็น 1 หมื่นบาท กำไรประมาณ 7 พันบาท (งานแค่ครึ่งวันก็เสร็จ)
และงานปูกระเบื้องทางเดิน 1 ตรม เขาก็ไม่รับงานนี้หรอก เขารับแต่งานใหญ่
ไม่คุ้มกับค่าน้ำมัน ค่าวัสดุสิ้นเปลืองในการดำเนินงาน และค่าแรงตัวเขาเอง

สมัยก่อนเรา หมายถึงชาวบ้านนี่แหละ กะราคาต้นทุนไม่ถูก
แต่พอวันนี้ ข้างถุงปูนมันก็มีอัตราส่วนบอกไว้แล้วว่า 1 ต่อ 2
ปูนลูกละเท่าไหร่ ทรายกระสอบละเท่าไหร่ กระเบื้องกล่องละเท่าไหร่ เราสอบถามร้านค้าวัสดุได้
ค่าแรงเราก็ประมาณเอาได้
แต่คนพวกนี้บอกว่าขาดทุน ก็เพราะว่า กะของผิด สั่งของผิด
สั่งของมาเกิน ตัดกระเบื้องแตก ผิดขนาด ฯ
และสุดท้ายก็เรื่องหนี้นอกระบบ กับการเอาเงินไปกินเหล้า เล่นการพนัน นี่แหละ
แต่พวกฉลาดๆ ก็ไปเอาเศษวัสดุจากงานก่อนหน้า เอามาใช้กับงานใหม่ อยากพวกท่อพีวีซี แบบนี้
เขาก็ทำได้โดยไม่ต้องซื้อของตามที่กะเอาไว้ตอนแรก ลดต้นทุนแต่ไม่ลดราคาให้เราหรอก

ตอนนี้พี่โดนด่าหูเกือบหนวกอยู่แล้ว
ว่าคบคน เลือกหามาแต่พวกเลวๆ นิสัยไม่ดี พวกขี้โกง ฯ
โดนทั้งชุดใหญ่ กลาง เล็ก
โดยเฉพาะเรื่องไม่มา ก็ไม่ยอมโทรมาบอก
พอโทรไปถามก็บอกว่ากำลังจะเข้ามา มาก็ปาเข้าไปสิบโมงกว่า
แล้วก็ทำนิดๆหน่อยก็บอกว่าออกไปกินข้าวเช้า ออกไปซื้อของ แล้วก็หายไป 2 ชั่วโมง
กลับมาก็ว่า ทำงานปูนไม่ได้ เดี๋ยวปูนแห้งไม่ทัน
ลืมเอาเครื่องอ๊อกลงจากรถผู้รับเหมา ไม่มีธูปสำหรับอ๊อกบ้าง อะไรประมาณนี้แหละ
มีวันหนึ่งบอกว่า ไม่มีเส้นเอ็น (สายเอ็นแบบที่ตกปลา)
ก็เลยนั่งสูบบุหรี่กันเฉยๆ รอหัวหน้าช่างมารับกลับตอนเย็น ไม่ได้ทำอะไร
พี่ก็ไม่กล้าโทรไปฟ้องหัวหน้ามัน เดี๋ยววันต่อมา เราอยู่บ้านคนเดียว พวกมันตั้ง 2-3 คน
มันเอาค้อนมาทุบหัวเล่น แล้วก็เลยหมดหล่อนะซินะ


วันนั้นก็ดูข่าวเรื่องปุ่มเทอร์โบ ของแท็กซี่มิเตอร์
เขาว่ามีรถขี้โกงอยู่เยอะมาก
พี่ก็ว่ามากนะ เพราะคน "ทาย" เป็นคนที่ชอบโกงคนมากที่สุดเท่าที่พีเคยเห็นมานะ
ไม่รู้ว่านิสัย อวดดี ขี้โม้ โง่แต่คิดว่าฉลาด ดื่มสุรา เล่นการพนัน ทะเลาะกันเอง บ้าวัตถุ บ้าช๊อปปิ้ง
มักมากในกาม หน้าด้าน รังแกคนอ่อนแอ โกงเงินหลวง โกงเงินประชาชน ฯ
นิสัยพวกนี้เรารับเขามาจากต่างประเทศ หรือพวกเรามีในดีเอ็นเออยู่ตลอดเวลา
เพราะไป ตรงไหนๆ บ้านใครๆ
ก็เห็นแต่เจอคนพวกนี้ น่าจะมีอยู่ประมาณ 80% ของประเทศเลยกระมัง

เมื่อคืนดูรายการเจาะใจ ดร. คนไทย จบวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ที่เคยไปทำงานที่ NASA
คุยสนุกมาก มีช่วงหนึ่ง เขาคุยกันคุณสัญญาว่า คน "ทาย" ชอบทำผิดกฏหมาย
พี่ก็ลองนึกดู
พอออกจากบ้านเราเห็นอะไรบ้าง
- ร้านค้าวางแผงออกมาล้ำเกินทางเท้า
- บ้านต่อเติมผิดกฏหมาย
- คนขับรถฝ่าไฟแดง
- รถจอดในที่ห้ามจอด กีดขวางการจราจร
- สิ้นค้าขายเกินราคา ตาชั่งโกง 8 ขีดบอกว่า 1 กก.
- การขายบุหรี่ให้เยาวชน
- เด็กไปโรงเรียน แต่ไปอยู่ที่ร้านเกม
- รถกระบะ รถบรรทุก น้ำหนักเกิน
- แท็กซี่โกงค่าโดยสาร
- รถเมล์จอดนอกป้าย
- คนไม่ข้ามถนนตรงทางม้าลาย หรือสะพานลอย
- คนจรจัด ขอทาน ตามทางเดินสาธารณะ
- การขโมยไฟฟ้าหลวง ช๊อตปลา
- ร้านอาหารปล่อยของเสียลงถนน แม่น้ำ ลำคลอง
- คนขี่มอเตอร์ไซด์ไม่ใส่หมวกกันน๊อก
- คนโยนขยะออกจากหน้าต่างหอพัก
- คนขายสลากเกินราคา
- ร้านขายอาหาร โรงงาน จ้างแรงงานเถื่อน
- คนวิ่งราวกระเป๋าถือ ที่ตลาด
- คนล้วงกระเป๋าบนรถเมล์
- คนขายยาบ้า ยาเสพติด ในซอย ย่านสถานศึกษา

เราเป็นใครนะ
ทำไมเราถึงมีสิทธิ์มาว่าคน "ทาย"
เออ...เราเป็นคนโฉด ไง

พักผ่อนบ้างนะ
เดี๋ยวว่า จะออกไปซื้อใบชา
ไปถวายพระอาจารย์ที่ซอย 101

Ref: Beee Fuchsia FF 00 FF

 

โดย: จอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด (zoomzero ) 22 มกราคม 2553 13:06:37 น.  

 

6 มกราคม 2553 ภาค 2

ต่อจากวัดบางพลี เราก็เดินทางไปบางปู
โดยใช้เส้นทางมั่วๆ คือ ออกมาทางถนนเทพารักษ์
วกรถกลับมาที่สี่แยก แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนอะไรก็ไม่รู้
วิ่งไปประมาณสองหมายิ้ม ก็จะมีทางแยกให้เลี้ยวขวา
ไม่เลี้ยวก็ไม่ได้ เพราะเขาปิดถนนทำทาง
ถนนนี้น่าจะชื่อ แพรกษา หรือ แพรกกระษา ก็ไม่ค่อยทราบเหมือนกัน หุหุ
วิ่งไปเรื่อย พอเห็นป้ายนิคมอุตสาหกรรมบางปู ก็เลี้ยวซ้าย
แล้ววิ่งทะลุนิคมไปออกอีกทางด้านถนนสุขุมวิทสายเก่า
ฝั่งตรงข้ามก็คือ สถานที่พักตากอากาศบางปู
แล่นเข้าไปข้างในก็จะเจอซุ้มประตูแบบนี้

ซุ้มประตู

หาที่จอดรถบนสะพานได้แล้ว ก็มาซื้ออาหารเลี้ยงนก
เดี๋ยวนี้เขามีการพัฒนา เมื่อก่อนมีแต่กากหมู พี่น้องมุสลิมเลยไม่ได้เลี้ยงนก
แต่วันนี้เขาเอาหนังไก่ทอดมาขายแล้วหละท่าน

หนังไก่ทอด


เขาขายในราคา เล็ก 10 บาท ใหญ่ 50 บาท

หนังไก่ บรรจุกระทง


นกนางนวลที่เราจะได้เห็นมี 2 กลุ่ม
กลุ่มแรกบินไม่ได้ ไม่ชอบบิน หรือยังเป็นนักบินฝึกหัด พวกนี้เป็นลูกนก
กลุ่มที่สอง บินเก่ง สายตาไว และจะบินเป็นระบบวงกลม เหมือนเรียนขับเครื่องบินมาเลย

ลูกนกนางนวลลอยตัวอยู่ในน้ำ


ก่อนอื่นก็ต้องวอร์มอัฟฝูงบินเอ็ฟ16 ของเราก่อน
เอาหนังไก่ชิ้นเล็กๆโยนลงไปในน้ำ ล่อเจ้าลูกนกในน้ำก่อน มันจะร้องกันเสียงดังระงม
สักครู่ ท่านแม่ทัพอากาศก็จะนำทีมบินวนเป็นวงกลม โฉบเข้ามาหาเรา โดยวันนั้นพวกเขาบินวนซ้าย
ที่นี้เราก็จะต้องโยนอาหารให้สูงเป็นมุม 45 องศา
สวนจังหวะกับทิศทางการบินโฉบของนก
คุณต้องรอจังหวะให้ดี เพราะนกจะบินเป็นกลุ่ม ไม่ตัดทิศทางกัน
และจะต้องให้เขามีเวลามองเห็นอาหารพอสมควร
การโยนสูงเกินไป นกก็กะเวลาไม่ถูก
ดังนั้นการซื้ออาหารมากระทงละ 50 บาท พออาหารหมดไปครึ่งหนึ่ง เรากับนกก็จะเข้าขากันได้เอง
ทีนี้ก็ให้อาหารกันได้อย่างเพลิดเพลิน







ขอโทษด้วยที่วันนั้นไม่ได้เข้าไปทานอาหารข้างใน
ถ้าเขาไปก็จะเอารูปฟลอลีลาศมาฝาก


หลังจากนั้นก็ไปเยี่ยมเยือนพี่สาวที่อยู่ใกล้ๆกับวัดอโศการาม
แล้วก็แวะโอนเงินที่ ธ.รวงข้าว สาขาวิมารเมฆ เอ้ย..บางเมฆขาว


 

โดย: zoomzero 22 มกราคม 2553 15:31:34 น.  

 

อืมมม

 

โดย: ป้าวี IP: 124.120.235.28 22 มกราคม 2553 15:44:30 น.  

 

To dragonV
ท่าทางคุณป้าจะอารมณ์ บ่จอย
นานๆมาที
เม้นท์แค่คำเดียว
เฮ้อ...ท่านป้ามังกรพระประแดง
เป็นห่วงแต่คนอื่นนะแหละนะ

Ref: ดราก้อนวี DarkGoldenRod B8 86 0B

 

โดย: จอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด (zoomzero ) 22 มกราคม 2553 21:29:31 น.  

 

My dear brother

กะจะแวะมาตั้งแต่สองวันที่แล้ว แต่ช่วงนี้บล๊อคแก๊งค์ก่งก๊กพิกล เม้นท์ได้มั่งไม่ได้มั่ง ขนาดอัพบล๊อคยังกินเวลาเป็นนานสองนาน

แวะไปบล๊อคที่แล้วมา พี่ซูมตอบเม้นท์ฮาเฮได้ใจจริง ๆ ที่จริงขึ้นต้นด้วย my dear แล้วทำเป็นแกล้งลืม ใส่จุด จุด จุดต่อท้ายไว้งั้นแหละ เห็นคุณพี่เรียกนู๋ว่าดาร์ลิ้งแล้วเสียววาบ ข้าน้อยมิกล้า มิกล้า กลัวเหล่าสาว ๆ ข้างตัวจะมาเบิ้ดกะโหลกเอาน่ะ ขออนุญาตนับพี่นับน้องก็พอเจ้าค่ะ

เข้าไปแล้วได้ยินเพลงใหม่ ขอคุยว่าเกิดทันเพลง Bad Time ฮ่ะ เคยเป็นเพลงที่ดังมาก ๆ ได้ยินแล้วอดขยับแข้งขยับขาตามไม่ได้

ดูท่าคุณพี่จะชอบดูหนังกะละครเหมือนกันเลยนะเนี่ย ทั้งซีรีส์เกาหลีทั้งละครไทยที่พูดถึงนั่นดูหมดเลยค่ะ เหตุผลสำมะคัญก็คือ มีหนุ่มหล่อโฮกเป็นอาหารตาชั้นดีนี่แหละ อิ อิ หนุ่มไทยจะชอบเคนกะโฬม ส่วนนายปอเฉย ๆ อืมม แบบว่าแกหล่อเป็นบางมุมน่ะ แต่พอมาเล่นเป็นเสี่ยชัคแล้ว ดูหล่อกว่าทุกเรื่องที่ดูมาเลย ส่วนหนุ่มเกาหลีอีกสองเรื่องก็ปิ๊งเหมือนกัน นายเรนถึงจะหล่อน้อยเพราะตาตี่จัด แต่บอดี้เพอร์เฟคสุด ๆ ก็เลยเก็บเข้าโกดังสะสมหนุ่ม ๆ ไปเรียบโร้ย

ถึงจะเป็นสาวกซีรีส์เกาหลีแบบเหนียวแน่นยังไง แต่เวลาดูละครไทยก็ชอบพระเอกหน้าไทย ๆ มากกว่า อย่างฉัตรชัย (คนนี้อันดับหนึ่งใหนดวงใจ เรตติ้งไม่เคยตกจนเดี๋ยวนี้) เคนก็ใช่ โฬมก็เยี่ยม อ้อ อีกคนนึง อั๋น วิทยา

ช่วงนี้อาจหายหน้าหายตา เพราะกะลังดี๊ด๊าที่หนุ่มในดวงใจมาถ่ายหนังเมืองไทย ก็พระเอกจากซีรีส์เรื่อง Autumn in My Heart นั่นแหละค่ะ เคยดูเรื่องนี้ไหมคะ มาถึงเมืองไทยเมื่อวานซืนตอนดึกจัด เหล่าสาวกรู้ข่าวปุบปับเพราะตารางเวลามาไม่แน่นอน บึ่งรถไปรับที่สนามบินแต่ไม่ทันเลยแห้วไปตาม ๆ กัน

ลป. กล่องเม้นท์ของสีแดง ตัวหนังสือสีดำ เวลาพิมพ์แล้วปวดตาชะมัด เปลี่ยนให้ตัวหนังสือเป็นสีขาวน่าจะเวิร์คกว่าน้า ขอร้องงงง

 

โดย: haiku 22 มกราคม 2553 23:52:42 น.  

 



หวัดดีค่ะอาเฮีย
จ๊าก..มาเรียกเค้าว่าหมวยใหญ่
เฮียรู้ป่าว ไอ้คำว่า ใหญ่ กับ อ้วน เนี่ย ห้ามพูดเลยนะ ขอบอก...ฮ่า ๆ ๆ..มันเป็นความจริงที่แสลงใจดีพิลึกอ่ะ ฮ่า ๆ ๆ
พูดถึงเรื่อง ช่างซ่อมบ้านเนี่ย โหย...มินเห็นแต่ละคนเนี่ย
เคยเจอปัญหากันมาแล้วทั้งนั้น ไม่พ้นตัวมินเองด้วยเหมือนกัน เรื่องมันยาวยิ่งกว่าหนังบุญชูอีกอ่ะมินว่า...
เมื่อปี 38 มินมาซื้อบ้าน ก็บ้านที่อยู่ปัจจุบันเนี่ยแหละค่ะ
ช่วงนั้น ก็อยากแต่งบ้านให้มันสวย ๆ สมใจ พอดีมินไปตัดเสื้อผ้าเจ้าประจำอยู่ร้านนึง ตอนนั้น
เห็นการตกแต่งภายในร้านเค้าแล้ว มันสวยถูกใจชะมัด ก็เลยสอบถามถึงอินทีเรีย เค้าก็ใจดีแนะนำให้
แต่ ตอนนั้นเค้าก็ไม่ได้บอกรายละเอียดมากมายว่า มันเป็นไง เค้าอาจไม่อยากพูดให้อีตาคนนี้มันเสียก็ได้
มินก็จัดแจงติดต่อ ให้มาตกแต่งบ้านมินเลยเฮีย ตกลงกันที่....ไม่บอกดีกว่าเดี๋ยวหมั่นไส้นู๋ แต่ เรื่องจริงนะคะ
อันนั้น ไม่รวมรั๊วและประตูอัลลอยด์ด้วยนะ เพราะเปลี่ยนทั้งบ้านอ่ะมัน 2 แสนค่ะ อันนี้มินจ่ายเพิ่ม ไม่เกี่ยวกับงบตกแต่งค่ะ
พอตกลงกันปุ๊ป ขอเบิกเงินมินเลยครึ่งนึง อ้างว่าจะเอาไปซื้อของ มินก็จ่ายให้ มีหลักฐานการรับเงินเรียบร้อย
เหมือนกันเลยอ่ะเฮีย พอได้เงินจากเราไป ก็ไปถอยปิคอัพป้ายแดงเลยอ่ะ แล้วปีนั้น เป็นปีที่น้ำท่วมมาก ๆ เลย
ถนนหน้าหมู่บ้านน้ำท่วม จนต้องใช้รถเค้าเรียกไรนะ รถจีเอ็มซีเหรอ ที่มันสูง ๆ อ่ะค่ะ
มินเอง ก็ไม่ได้ค่อยมาดู เพราะตอนนั้น ยังอยู่บ้านพ่อที่ปิ่นเกล้าอ่ะค่ะ แล้วมินมาซื้อบ้านที่ปทุม ก็มีแต่โดนด่าอ่ะตอนนั้น
น้ำท่วมอยู่เป็นเดือน ๆ พอน้ำลด มินมาดู ก็เห็นแต่ หิน ทราย ปูน กอง ๆ ไว้ เต็มบ้าน ก็มาขอเบิกเงินมินอีกแล้ว
จะขอหมดที่เหลือ มินไม่ให้ ให้ไปแค่อีก 30% ที่เหลือ เพราะมินไม่เห็นว่ามันสมเหตุสมผลกับเงินที่เบิกไปตอนแรกเลยอ่ะค่ะ
ตกลงกันไว้ ขอเวลาตกแต่ง 3 เดือน ปาเข้าไป 3 เดือนแล้วยังไม่ได้ทำไรซักอย่าง โอเค ไม่ว่ากัน เพราะฉันก็เห็นว่าน้ำมันท่วม
แต่หลังจากนั้นหล่ะ ...ที่มินต้องจ่ายแพงเพราะ พวกประตูมินเปลี่ยนเป็นไม้สักหมดทุกห้อง พื้นล่างของเดิมแลนด์ปูแค่กระเบื้อง 8x8 มินเปลี่ยนเป็นหินอ่อนหมด ห้องน้ำ 3 ห้อง มินเนรมิตรซะสวยหมด เคาน์เตอร์ให้เป็นแกรนิตหมด
กระจกทุกบาน เป็นกระจกเจียปลีหมด และมินดัดแปลงแบบด้วยค่ะ เช่นห้องนอนในห้องมินก็เปลี่ยนให้มันกว้างขึ้น
โดยการแนะนำหลาย ๆ อย่าง จากอินทีเรียคนนี้แหละ มินยอมรับว่าเค้าหัวดี ออกแบบได้สวยถูกใจเรา แต่มีปัญหาเรื่องเงินนี่แหละ
ตกลงกันแล้วว่า เป็นแอร์มิตซูหมด เอาจริง ๆ เอาแอร์ ยูนิแอร์มาให้มิน ห้องน้ำตกลงกันว่าเป็นอเมกันสแตนดาร์ด
จริง ๆ เอาคอตโต้มาให้
โอ๊ย...มีอีกเยอะ เล่าให้ฟัง 10 หน้าเอโฟร์ก็ระบายไม่หมดอ่ะ อาไรไม่แสบเท่า เอาใบมอบอำนาจที่ได้รับจากมินในการเข้าออกในหมู่บ้าน และเพื่อการตกแต่งเจรจากับแลนด์แอนด์เฮ๊าวส์
ไปยกเลิกหลายอย่างเลย เช่นประตู ฉนวนกันความร้อนที่บุใต้หลังคา ถังแซทที่ฝังใต้ดิน และยังอีกหลายรายการ
เพื่อเอาเงินคืนจากแลนด์ แล้วตัวเค้าเองก็เป็นคนรับเงินจากแลนด์ไปด้วยนะ
ไป ๆ มา ๆ บ้านมินเนี่ย ไม่มีฉนวนกันความร้อนเลยนะคะ จนทุกวันนี้
แอร์ที่บ้าน 6 ตัวเนี่ย เฮียเชื่อไม๊ว่า
ไอ้เจ้าของแอร์มันมาดักเจอมินเลย คือไปเอาของเค้ามาแล้วไม่จ่ายเงืน เค้าก็ไม่ให้รีโมทสิคะ เค้าจะมาเก็บเงินกับมิน
มินก็ไม่ยอม เอาเอกสารการเซ็นต์รับเงินโชว์ให้ดู โชคดีทีร้านแอร์ยอมให้รีโมท แต่เป็นโชคร้ายของร้านแอร์ที่ได้เงินไปแค่บางส่วนอ่ะ
ทุกผู้รับเหมาเลยที่มาดักเจอมินอ่ะ เพราะเค้าไปอ้างว่ายังเบิกเงินกับเจ้าของบ้านไม่ได้อ่ะค่ะ..แล้วก็เข้าฟอร์มโจรคือ ทิ้งงานหายจ้อยไปเลย
โทรไปก็ไม่ยอมรับ มินเคยได้คุยกับคุณพ่อของเค้านะคะ ดูท่าว่าท่านจะเป็นคนที่ดีมาก ๆ แล้วท่านก็ไม่สบายใจที่ลูกท่านมาทำแบบนี้
ท่านก็แก่แล้ว ท่านได้ฟังก็ได้แต่เครียด อยากชดใช้ให้เรา แต่ก็ไม่รู้จะทำไง หลังจากนั้นมินเลยเลิกตาม
ไปถามร้านตัดเสื้อผ้าที่เป็นคนแนะนำดู ก็เพิ่งถึงบางอ้อว่า
ตอนที่มาตกแต่งร้านเค้าก็แบบนี้ ต้องตามล่ากันตลอด แต่ไม่กล้าเบี้ยวรายนั้นเค้าหรอก เพราะสามีเค้าทำก่อสร้างและรับงานตกแต่งภายใน ช่วยให้เค้ามีงานตลอด
อ้าว..แล้วทีแรกคุณไม่ปริปากบอกชั้นมั่งเลยเนี่ย..กรรม เฮ๊อ
ไปเรียกเจ้าใหม่มา กว่าจะหาช่างได้ โหมันช่างยากเย็นเข็ญใจจริงจริ๊ง เพราะโดนไว้ครึ่ง ๆ กลาง ๆ ยังเงี๊ย ไม่มีใครอยากมาต่ออ่ะสิเฮีย
อ้าว...เพื่อนมาปิ๊น ๆ หน้าบ้านแล้วเฮีย นัดไว้ 10 โมง ไม๊มันโผล่มาตั้งแต่ยังไม่ 9 โมงเลยเนี่ย..เดี๋ยวมา ค่ะ
ไว้กลับมาคุยกันต่อนะคะ มินต้องออกไปข้างนอกกับเพื่อนก่อนค่ะ ไม่อยากไปก๊ะมันเลยเนี่ย
วันหยุดชั๊นเนี่ยนะ มาลากไปเยี่ยมคนที่ รพ. อีกแล้ว ไปเป็นไม้กันอ่ะค่ะ ไปเยี่ยมพี่ชายแฟนเค้า
ไปกันไว้ เผื่อภรรยาแฟนเค้าเกิดมาเยี่ยมเข้า
เดี๋ยวเกิดมาจ๊ะเอ๋กันเข้าให้อ่ะ อย่าเพิ่งงงนะคะ...ฮ่า ๆ ๆ
ไว้คุยกันใหม่ค่ะ nice weekend ค่าเฮีย...

 

โดย: มินทิวา 23 มกราคม 2553 9:09:34 น.  

 

To มินทิวา

เราไปขโมยไอเดียเรื่องท่านอนมาพอดี (ตามแบบของ อิลจิแม ซีรี่ย์เกาหลีตอนเย็นๆ)
แต่ขอใช้ความคิดในแนวคนโฉดๆนะ ไม่ใช่แนววิชาการหรือต้นฉบับ
และขอเน้นว่าไม่ได้โชว์ท่าลามก แต่เป็นท่านอนหลับของสามี-ภรรยา
เน้นว่า "ท่านอนหลับ"
ไม่ใช่ "ท่าหลับนอน"
และต้องประกอบด้วยท่าทาง และการนอนหลับสนิท ควบคู่กันไป

เราคัดมาแค่บางรูป บางส่วน นะ
ว่ากันว่า เป็นท่าที่เกิดขึ้นบ่อยๆในช่วงเริ่มชีวิตคู่
หลังจากนั้นท่าทางอาจจะเปลี่ยนไปบ้าง ตามกาลเวลาและเรื่องราวแวดล้อม
สำหรับ ความรัก ความผูกพัน การรับผิดชอบ การเสียสละ
ย่อมขึ้นอยู่กับสามัญสำนึกของแต่ละคน



1 The Loosely Tethered Sleeping Style (โซ่หลวมห่วงใย)
ไม่ใช่ท่าอิโรติก(อย่างที่คิด) เป็นท่าที่นอนได้ตลอดคืนโดย
จะสื่อถึงความปกป้องห่วงใยซึ่งกันและกัน


2. The Honeymoon Hug (กอดน้ำผึ้งพระจันทร์)
ท่านี้ออกแนวอิโรติกแน่นอน (อย่าดูนาน)
มักจะเป็นช่วงแรกของความสัมพันธ์อันลึกซึ้ง แต่อาจจะไม่จริงจัง
คู่รักชั่วครู่ชั่วคราว พวกหลอกฟัน ลักลอบ คู่กิ๊ก จะไม่นอนหลับท่านี้
สำหรับคู่ที่ยังไม่ได้แต่งงานกัน ถ้าฝ่ายใดปฏิบัติแบบนี้ในครั้งแรกและครั้งต่อๆมา
ตามตำราว่า ต้องเรียกอีกชื่อว่า ท่าร่างแห หมายความว่า หัวใจต้องการผูกมัดมากกว่าปกติ(enmeshed)


3. The Royal Position (ครองรัก)
ฝ่ายหญิงนอนพิง ฝ่ายชายโอบไว้ด้วยแขน
มองแล้วคงต้องเชื่อได้ว่า ฝ่ายชายนั้นต้องการเป็นผู้นำและดูแลครอบครัว
คนโฉดมาองว่า ฝ่ายชายกำลังอ้างสิทธิ์การเป็นเจ้าของ(ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิด)
แต่ตามคัมภีร์ในถ้ำบอกเอาไว้ในพารากราฟสุดท้ายว่า
ลองพิจารณาว่าฝ่ายหญิงไม่ได้หันหน้าออก หากแต่ก้มหน้ามองข้ามไหล่ตนเอง
ถอดรหัสหัวใจได้ว่า คนที่รักและต้องการเป็นผู้นำ ผู้ปกป้อง ผู้ครองสิทธิ์
ตัวจริงนั้นคือ ฝ่ายหญิงต่างหาก
และท่านี้เป็นท่านอนหลับที่ฝ่ายหญิงจะหลับไม่สนิท คือเป็นท่าไม่ค่อยสบายตัวนัก
ซึ่งหมายความว่า เธอพร้อมและระมัดระวังตลอดเวลาที่จะดูแลครอบครัวเป็นอย่างดี


6. The Leg Hug (คู่ขา)
ท่านี้เราว่าแปลความหมายได้คล้ายๆท่าที่ 3
ต่างกันตรงที่ว่า ต่างฝ่ายต่างมีความรักอิสระเพิ่มขึ้นมาอีกนิด
ฝ่ายหญิงก็ไม่ต้องการควบคุม หรือเรียกร้องการเอาใจมากมายจากฝ่ายชาย
เมื่อมองภาพรวมแล้ว ฝ่ายหญิงจะนอนหลับได้สนิททั้งกายและใจ
โดยปกติคนที่รักกันผูกพันกัน ก็อยากจะสัมผัสร่างกายของกันและกันตลอดเวลา
แต่ถ้าให้แยกกันนอนคนละมุมคนทำใจไม่ได้
การนอนหลับท่านี้ มักจะเป็นการ ขอเอาเท้าหรือขามาก่ายเกยกันนิดหน่อย
ซึ่งอาจจะเป็นมือ หรือแขน ก็ได้ เข้าข่ายแบบนี้เหมือนกัน
ท่านี้ สามารถเรียกได้อีกว่า ท่ามิตรภาพที่ดี (camaraderie)
เราดูแล้วกลับคิดว่าฝ่ายหญิงแสดงความหวงแหนออกมา
เราว่า ถ้าลุกหนีไปไหน ฝ่ายหญิงต้องรู้เท่าทันในทันที


8. Zen Style (ธรรมชาติ)
เป็นการแสดงถึงการอยู่อย่างถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน
การนอนบั้นท้ายหรือสะโพกเบียดกันและกันแบบนี้
เหมือนกับบอกว่าต่างฝ่ายต่างอยากมีอิสระ
อยากมีความเป็นส่วนตัว(นิดหน่อย)
มองแบบจินตนาการ จะเห็นเป็นวงกลม 2 วงวางทาบติดกัน
ไม่ได้เชื่อมทับ และไม่ได้แตกแยก ยังไปไหนไปด้วยกันอยู่
แต่ความหวานชื่น อาจจะไม่เข้มข้นล้นปรี่อะไรมากนัก
จึงนับว่าเป็นความรักแบบพอดีๆ ลงตัว แต่อาจจะจืดไปนิดหนึ่ง


9. The Cliffhanger (ปีนหน้าผา)
ไม่ใช่เป็นเพราะซื้อเตียงขนาดใหญ่มานอนกันหรอก
หากกลายเป็นท่าที่บอกสัญญาณว่า ล่าถอย(retreat)
แต่ไม่ถึงกับ ปฏิเสธ(rejection)
จริงๆน่าจะเรียกว่าท่า zen ด้วยซ้ำ เพราะ เป็นการเข้าสู่สภาพสงบ หรือเป็นส่วนตัว(มากๆ)
แต่พบกันทั่วไปในกรณีที่ คู่รัก หรือสามีภรรยา มีปัญหาและเกิดการทะเลาะกัน
ไม่ว่าปัญหา จะแก้ได้ หรือมองไม่เห็นทางแก้ไขก็ตาม
หากแต่ว่าต้องรอให้ใจเย็นลง ด้วยกันทั้งสองฝ่ายก่อน
วันไหนหันหน้ามาหากัน
หรือมีมือของใครมาสะกิดเบาๆด้านหลังกัน
ก็รับทราบได้เลยว่า เรื่องดีๆกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว
อย่ามัวแต่แกล้งทำเป็นหลับไม่รู้ไม่ชี้หละ

 

โดย: zoomzero 24 มกราคม 2553 14:06:09 น.  

 



อ้าวจริง ๆ เหรอคะเฮีย
ที่ว่าไปเห็น ไปแฮ๊บ ท่านอนมาพอดีเหมือนกันอ่ะค่ะ
สงสัยจะใช้ได้นะคะ มุขนั้นอ่ะ ที่ว่า
ท่าเกิดไม่ชอบมาพากลอาไรให้รีบแจ้นมาบอกก่อนอ่ะนะ ฮ่า ๆ ๆ
มินชอบท่านอนที่ 3 นะ ชอบความหมายมันอ่ะค่ะ
แต่ว่า มันคงเป็นท่านอนที่ไม่สบายตัวอ่ะนะมินว่า
ทุกวันนี้ มินก็นอนเปลี่ยนไปเรื่อยเปื่อย
บางวันนอนหงาย แต่ต้องมีผ้าห่มมาทับหน้าอกไว้
บางทีก็นอนคว่ำแบบตะแคง ๆ บางทีก็นอนขดถ้าเกิดมันหนาว ๆ แอร์เย้น ๆ อ่ะ
เมื่อย ๆ ขึ้นมา ก็นอนกางแข้งกางขา กางแขน ไปเต็มเตียงก็มีอ่ะค่ะ ฮ่า ๆ ๆ
บางคนก็อาจมีนอนก่ายหน้าผากอ่ะนะ โบราณเขาว่าอาจจะกำลังกลุ้ม ๆ ใช้ความคิด
แต่ ทำไมต้องนอนก่ายหน้าผากด้วยก็ไม่รู้นะคะ เพราะถ้ากลุ้ม ๆ ก็ใช้ความคิดได้นี่นา ไม่ว่าจะนอนท่าไหนก้อ...ว่าไม๊
อ้าว..จึ๋ย...นี่ตกลงมินจะมาคุยแต่เรื่องท่านอนหรือไงเนี่ย ฮ่า ๆ ๆ
ปล. เรื่องการ์ด เห็นน่ารักดีค่ะ มินเป็นคนชอบส่งการ์ดให้คนอ่ะจ้ะ....Beautiful Sunday หรือป่าวคะเฮีย วันนี้อ่ะ .... goodnight นะคะ

 

โดย: มินทิวา 24 มกราคม 2553 15:53:10 น.  

 




Early Monday Morning ค่ะ เฮีย
เริ่มต้นวันแรกของสัปดาห์ ด้วยความสุข นะคะ

 

โดย: มินทิวา 25 มกราคม 2553 5:49:34 น.  

 

25-01-2553 ไดอะรี่วันนี้เขียนเอาไว้ว่า



ยามเช้าตรู่ เหล่าสุนัขขี้เรื้อนเห่ากันขรม
มีเสียงคนทำเสียง จุ๊ๆ เฮ้ยๆๆ
มองผ่านช่องหน้าต่าง
เห็นเป็นบุรุษไปรษณีย์ มาดีดกระดิ่งจักรยานตั้งแต่เช้ามืด
กริ๊งๆ กริ๊งๆ เสียงดีดระรัวเพื่อบอกความรีบเร่ง
อากาศกำลังน่านอนซะนี่กระไร
ท้องฟ้ามีไอหมอกโอบอุ้มละมุนละไม
ใครจะไปอยากลุกจากแท่นบรรทม
กะวะจะออกไปชกหน้าคนที่มากวนใจแต่เช้าเสียหน่อย
เดี๋ยวเถอะ จะเจอท่าหนุมานถวายแหวน
แต่...พอเห็นการ์ดแล้ว
ทำไม่ลง
ได้แต่รับมาแล้วยืนยิ้มปริ่มว่าจะสำลักความสุข

 

โดย: zoomzero 25 มกราคม 2553 8:26:20 น.  

 

To haiku
My dear ...
ไม่ให้เรียกดาร์ลิ้งเหรอ
ไม่เป็นไรขอเรียกว่า ดาร์ ครึ่งหนึ่งก็แล้วกัน 555 ไม่ได้อีกเหรอ?
โอเคๆๆ แล้วจะเรียกคุณไฮกุ ว่าคุณน้องหรือคุณพี่ดีหละครับ?
เค้าเพิ่งจะเกณฑ์ทหารไปเมื่อปีระกาที่ผ่านมานี่เอง
อ๋อ...ทหารเกณฑ์ผลัดที่ร้อยหนะครับ 555 (ไม่ได้โม้)
แต่ระดับจอมมารเจ้าแห่งหุบเขาคนโฉดอย่างเรา คงไม่เรียกใครว่าคุณพี่ง่ายๆหรอกนะ
เอาเป็นว่าเรียกน้องไฮก์ ก็แล้วกัน (แต่ในใจอาจจะเรียกอย่างอื่นนะ กิ๊วๆ)

อยากจะบอกว่า คุณพี่ไม่ได้ดูหนังโรงใหญ่ๆมานานเป็นสิบๆปีเลยหละ
เพิ่งจะกลับมาเข้าสู่วงจรลูกค้าโรงหนังก็เมื่อ The Lord of The Rings ฉายนี่แหละ
ส่วนละครทีวี คุณพี่ก็ดูบ้าง ไม่ดูบ้าง เพราะคนถือรีโมททีวีเป็นคนอื่นเสมอ
จริงๆนะ เป็นคนอื่นมาตั้งแต่เกิดเลย
ว่าจะเขียนเรื่อง รีโมทแห่งความเป็นใหญ่ ใครได้ถือคนนั้นใหญ่ที่สุดในบ้าน

เพราะจำได้ว่าพอหมดสมัยทีวีที่ต้องลุกไปหมุนเปลี่ยนช่องซึ่งเสียงจะดังแกร็กๆๆๆ
เขาก็มีเจ้า remote control แถมมากับเครื่องรับโทรทัศน์ มาในกล่องเดียวกันนี่แหละ
และคนที่เป็นผู้ควบคุมทีวีที่บ้านก็คือ พ่อกับแม่ ในยุคจูราสสิก
พอคุณพี่มีครอบครัว ฟ้าก็ส่งอีกคนให้มาถือรีโมทแทนพ่อแม่
พอต่อมา คุณหนูเกิด ที่บ้านก็มีคนอายุน้อยๆ นั่งถือรีโมท
สืบทอดต่อกันมา เหมือนเป็นทายาทมรดกพันล้านก็ไม่ปาน
น้องไฮก์ว่ามั๊ย เวลาดูทีวีหลายๆคน ที่บ้าน
ในเวลาค่ำคืน ใครเป็นคนถือรีโมท คนนั้นเป็นใหญ่ที่สุด ไม่มีใครกล้าหือ

ทุกวันนี้เลยกลายเป็นคนที่ดูทีวีไป อ่านหนังสือไป ในช่วงเวลาเดียวกัน
เรียกว่าในมือต้องมีหนังสือทุกครั้งที่ดูทีวีที่บ้าน
เพราะว่า ถ้าเรื่องไหน ช่องไหน ไม่ใช่เรื่องที่่เราอยากดู
หรือในช่วงเวลาโฆษณานานๆ เราก็ไม่อยากเสียเวลาไปมองจอทีวี
เอาหนังสือมาอ่านดีกว่า

คุณพี่เป็นคนบ้านะครับ
บ้าเรื่องเวลามากๆ ต้องหาอะไรมาทำให้ไม่มีเวลาว่าง
คือว่า อยากจะเป็นนักบริหารเวลา จนบางทีคนอื่นๆเขาก็รำคาญ
อย่างเช่นตอนเช้า ต้องมายืนวางแผนการใช้เวลาและกิจกรรมยามเช้าเสียก่อน
อย่างวันนี้ เริ่มต้นด้วยการเอาซุปข้าวโพดเข้าเตาไมโครเวฟอันดับแรก
ชงเครื่องดื่มร้อนๆจากเครื่องทำน้ำร้อน แบบรีเวอส์ออสโมซีส(เป็นเครื่องกรองน้ำด้วย)
กดน้ำเย็นมาอีก 1 เหยือก
จากนั้นก็เอาเสื้อผ้าเฉพาะผ้าสีขาวใส่เครื่องซักผ้า กดโปรแกรมซักด่วนจี๋ 40 นาที
เดินกลับมาเอาซุปออกจากไมโครเวฟ มายืนซดฮ๊วกๆ
เดินผ่านไปเอาถ้วยเครื่องดื่ม (ขาดไข่ลวกนะนี่)
นั่งอ่านหนังสือพิมพ์แบบลวกๆ อ่านแต่หัวข่าว
รีบแจ้นออกไปล้างรถ 2 คัน ย้ำว่า 2 คันจริงๆ เพราะอีกคันเจ้าของเขาไม่เคยล้างเลย
กลับเข้าบ้านมา ก็เอาถ้วยและชามไปล้าง
โดยใช้น้ำที่เครื่องกรองน้ำที่มันคาย เอ้ย...ระบาย น้ำเสียออกมา ได้ทีละ 2-3 ลิตร

ถ้าจะถามว่า ทำไมต้องคิดว่านี่เป็นการวางแผนเรื่องเวลา คำตอบก็คือ
ถ้าล้างแก้วก่อน จะต้องใช้น้ำจากประปาล้วนๆ ซึ่งคนปกติก็จะทำแบบนี้ แต่นี่มันคนบ้าไง
เลยต้องให้เวลาเจ้าเครื่องกรองน้ำ เพราะว่าเมื่อเรากดน้ำออกจากแทงค์ของมันแต่ละที
มันจะกรองน้ำใหม่ เพื่อนำมาทดแทนปริมาณที่หายไป
แต่มันจะต้องใช้การอัดโมเลกุลของน้ำผ่านไส้กรองหลายๆอย่าง
แล้วจะได้น้ำดีประมาณ 20-30 % และมีน้ำทิ้งออกมาปริมาณมากนิดหน่อย ซึ่งคนมักจะทิ้งไปเปล่าๆ
น้ำนี้ถ้าเอาไปทิ้ง พี่ก็ว่าน่าเสียดาย พี่จึงเอามาล้างถ้วยชามก่อนดีกว่า
คุณพี่ก็เลยรอให้น้ำมันไหลออกมาจ๊อกๆๆๆ
ได้มาตั้งครึ่งกะละมัง แล้วก็แบ่งออกเป็น 2 ส่วน
เอาไว้เป็นน้ำล้างถ้วย 2 รอบ และก็ค่อยใช้น้ำประปาล้างอีกนิดหน่อยในรอบที่สาม ก็สะอาดจะแย่แล้ว
แล้วต่อมาก็เดินไปเอาผ้าขาวออกมาจากเครื่องซักผ้า เพราะเราใช้โปรแกรมแบบเร่งด่วน (ผ้าไม่สกปรกมากหรอก)
ตอนที่หิ้วตะกร้าผ้าเพื่อเอาไปตาก ก็หิ้วถังน้ำล้างชามที่เทน้ำสุดท้ายเอาไว้ นำไปรดน้ำต้นไม้ได้
คุณผู้หญิงจะอาบน้ำเสร็จตอนนี้ เราก็เข้าไปใช้ห้องน้ำต่อจากท่านทันทีทันใด
เสร็จแล้วก็ออกมาแต่งตัว หวีผม ผัดแป้ง ฉีดฮอร์โมน เอ้ย...น้ำหอมกลิ่น wild country ของ Polo
ขั้นตอนต่อมาก็เอาเสื้อผ้าที่ใส่นอนของเราและของคุณนาย รวมทั้งเสื้อผ้าสีๆทั้งหลาย
บางวันก็มีผ้าเช็ดตัว เอาไปใส่เครื่องซักผ้า ใช้โปรแกรมน้ำอุณหภูมิ 30 องศา และไม่ต้องปั่นแห้ง
จากนั้นก็ออกจากบ้านไปไหนต่อไหนได้ตามสะดวก
เมื่อกลับมาถึงสิ่งแรกที่ต้องทำก็คือ เอาผ้าสีออกจากเครื่อง ซึ่งมันจะหมาดๆ เพราะน้ำหยดลงก้นถังมาหลายชั่วโฒง
เอาผ้าออกไปตาก ก็เก็บผ้าขาวเข้าบ้าน ถ้าว่างพอก็เอามารีดทันทีสดๆ ได้กลิ่นไอแดดหอมฉุย
ดูเหมือนว่าพี่จะทำให้เป็นเรื่องยุ่งยาก แต่มันเป็นอะไรที่ชอบทำ ต้องหาทางทำให้เวลาลงตัวมากกว่าเดิมให้ดียิ่งขึ้นๆไป
เพราะถ้าทำผิดขั้นตอน จะใช้เวลามากไป เช่น ถ้าซักผ้าขาวหลังอาบน้ำ เราก็จะไม่ได้ตากผ้าขาวตอนเช้า
หรือถ้าทำโน่นทำนี่เป็นงานแรก พอจะทานซุปข้าวโพด ก็ต้องยืนยิ้มให้ไมโครเวฟ 2 นาที

แทนที่จะทำอะไรง่ายๆ ก็กลับมาคิดโน้นคิดนี่
แบบนี้ ชีวิตจึงมีมุมมองแปลกประหลาดกว่าชาวบ้านไง 555
แต่เรื่องคุย(หรือโม้)นี้ คุณพี่คุยได้หมด ทู๊กเรื่องงงงงง
คุณพี่หนะรู้มากกว่านักวิทยาศาสตร์ทั้งองค์การนาซ่าเสียอีก 555
แต่รู้ไม่จริงซักกะเรื่อง ดังนั้นคุยได้หมดนะจ๊ะ

ย้อนกลับมาที่เรื่องละครทีวี
ดาราที่ชื่นชอบของไทยได้แก่ ติ๊ก-เจษฎา และ แอน-ทองประสม
ส่วนดาราต่างประเทศ ก็ชอบๆบ้าง แต่ไม่ถึงขั้นชื่นชม
สำหรับดาราเกาหลี จำชื่อไม่ได้ซะที พอจะจำคนนี้ ก็ไปชอบคนใหม่อีก เปลี่ยนใจไปเรื่อยๆ

คุณพี่แก้ไขกล่องcomment ให้น้องไฮก์แล้วนะ
ลืมไปว่า Firefox ไม่ชอบคำสั่งของพวก IE บางอัน
มันก็เลยทำตัวหนัวสือสีดำไปเรื่อยเปื่อย
ตอนนี้จะจำไว้ว่า ต้องให้พื้นเป็นสีสว่างๆเอาไว้ก่อน
เผื่อตัวหนังสือของ Firefox ออกมาเป็นสีดำๆมืดๆ จะได้อ่านได้
เฮ้อ..เมื่อไหร่ Firefox จะอ่านคำสั่งให้เหมือนๆกับโปรแกรมอื่นๆอย่างชาวบ้านก็ไม่รู้นะ

Ref: ไฮกุ haiku DarkGreen 00 64 00

 

โดย: zoomzero 25 มกราคม 2553 17:46:21 น.  

 



หวัดดีวันอังคารค่ะเฮีย
อ่ะ..เช้านี้ทานซุปข้าวโพดไปรึยังอ่ะค่ะ ฮ่า ๆ ๆ

 

โดย: มินทิวา 26 มกราคม 2553 8:09:38 น.  

 

To มินทิวา
อาหมวย(ใหญ่)
เรื่องจ้างคนมาสร้างบ้าน(ให้น่าอยู่)
เฮียก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมคนทำงานด้านนี้จะต้องมีปัญหาเรื่องการเงินทุกราย
ทั้งๆที่เมื่อเจรจากันในยกแรก เขาก็ขอเบิกเงินไปซื้อของ หรือเตรียมของ ทันที
(แต่ที่เห็นมา มักไม่พ้นเรื่องชู้สาว และการพนัน)

อย่างตอนที่เฮียปลูกบ้านโดยไม่ใส่ปุ๋ย เอ้ย...บ้านคนอยู่อาศัย ไม่ใช่ต้นไม้
พอทั้งสองฝ่ายเซย์โอเคปั๊บ ก็ต้องสัญญาปุ๊บ เซ็นชื่อปุ๊ด
ทำเช็คเงินสดให้เขา 2 แสนปิ๊ดๆ (เช็คส่วนตัวมันก็ไม่เอาด้วยนะ ต้องเช็คเงินสดเท่านั้น เขี้ยวจริงๆ)
แล้วสิ่งที่เขาเริ่มทำครั้งแรกก็คือ เอาไม้เน่าๆกับสังกะสีเก่าๆมากองเป็นภูเขา
และก็ทำการทุบตีให้มันเป็นบ้านพักคนงานและโกดังเก็บอาวุธยุทโธปกรณ์
ซึ่งในเดือนต่อๆมาเขาก็มาขนของพวกนี้ไปทำที่ไซท์งานอื่น
ทำให้เฮียรู้สึกว่าที่ดินของเรากลายเป็นแหล่งพักทรัพย์สินของผู้รับเหมาไปซะได้
และเจ้าพวกอุปกรณ์ที่ดูไฮเทคในการก่อสร้างหลายๆอย่าง เขาไม่เคยเอามาใช้ในงานก่อสร้างบ้านเราเลย
ภาพที่เคยประทับใจในวันแรกที่ว่า ค่าเครื่องไม้เครื่องมือเขาสมน้ำสมเนื้อกับราคาค่าก่อสร้าง
แต่...ขอโทษนะ ขออนุญาตขากน้ำลายทิ้งใส่กระดูกบรรพบุรุษของมันอีกที ข๊าก..ปรี๊ด
สาเหตุที่แค้นมากก็เพราะกองวัสดุของมันมากมาย
จนทำลายสวนดอกไม้ของคุณพ่อจนราบเป็นหน้ากลองบองโก้
เฮียโดนพ่อด่ายับ พร้อมกับสวดๆๆๆ จนบ้านเสร็จ
พอจะหาต้นไม้มาปลูกให้พ่อ พ่อก็งอน บอกว่าแกไม่ต้องยุ่งเรื่องสวนของฉัน เป็นไงหละ โดนพ่อเกลียดไปเลย

พวกมันทุบรั้วปูนของเราทิ้ง เพื่อทำช่องเพื่อนำรถหกล้อเข้าไปทิ้งของได้สะดวก
แล้วก็ไม่คิดจะทำประตูปิดเปิด เราต้องล่ามหมา 24 ชม.
หมาก็เห่าจนเสียงแห้งเป็นร๊อดสจ๊วตไปเลย ทรมานสัตว์เป็นเดือนๆ
ข้างๆบ้านก็บ่นว่ารำคาญเสียงหมาบ้านเรา
เฮียต้องเอาเท้าหน้าของเฮีย 2 ข้างไปกราบขอร้องให้มันทำประตูชั่วคราว
คนงานบอกว่าต้องรอถามผู้รับเหมา
ผู้รับเหมาบอกว่าคุยกันแล้วบอกหัวหน้าช่างได้เลย
หัวหน้าช่างบอกว่ายังไม่ได้คุย
เฮียโทรไปเคลียร์ใหม่ ผู้รับเหมาบอกว่าแล้วผมจะเข้ามาคุย
ไอ้วายร้ายมันก็มาโน้น...วันรับค่างวด พวกมันคุยกันเสร็จ วันรุ่งขึ้นก็หายหัว
เพราะคนทำอาชีพก่อสร้าง เมื่อได้เงินค่าแรง ต้องรีบเอาไปผลาญให้หมด
ผลก็คือเมาทั้งทีม เลยไม่มีคนทำงานไป 2 วัน
ตลกบัดซบสิ้นดี สำหรับคนทำมาหากินสุจริตในสายอาชีพนี้

พอเสาเข็มมาตอกปังๆๆๆๆ วันรุ่งขึ้น เขาก็มาเบิกอีก 1 แสน ทั้งๆที่ยังไม่ได้ตั้งเสาเอกเลย
เขาก็ตอบว่างานมันต่อเนื่องกันอีกสองวันก็ขุดหลุมตั้งเสาได้
เฮียก็งงว่า อ้าว..แล้วทำไมไม่มาเก็บช่วงนั้น มาซอยออกเป็นสองงวดทำไม
ก็จริงๆอย่างที่คิดเพราะว่า อีกตั้ง 2 สัปดาห์ถึงจะได้วางเสาเอก
เฮียนิมนต์พระเก้อไปในสัปดาห์แรก หน้าแตก อายพระอายชาวบ้านมั๊กมาก

พอตั้งเสาเอกเสร็จ มันก็ต้องรอตั้งเสาอื่นก่อนถึงจะเบิกงวดใหม่ได้
แต่ไอ้คุณผู้รับเหมามันก็มาขอเร่งเบิกเงินอีก
เขาบอกว่าจะเร่งซื้อเหล็ก ซื้ออิฐหินปูนทราย มากักตุน เพราะราคากำลังจะขึ้น (น่าน...รู้ล่วงหน้าด้วย)
เราก็ใจอ่อนจ่ายให้มันไปง่ายๆอีกเพราะตอนนั้นงานที่ทำก็ยุ่งมากๆ
เจ้านายคนหนึ่งลาออก บริษัทป่วนนิดๆ
แถมกิ๊กของเฮียก็หนีหายไปอีก อ้าว....เกี่ยวกันมั๊ยนี่ 555
เลยทำให้จังหวะจ่ายค่างวด คร่อมตารางเวลาไปข้างหน้าตลอด
เหมือนกับว่าตอนนี้เขาได้เอาเงินกำไรของงานก่อสร้างนี้มาใช้ไปก่อนแล้ว
ถ้าเขาอยากได้เงินสดต่อ เขาก็ทำงานต่อ ถ้าหยุดเขาก็ไม่ขาดทุนอะไร สุดยอดความเลวจริงๆ
พอทำงานล่าช้า ในสัญญาซึ่งเขาเป็นคนเขียนเองว่าให้ปรับวันละ 500 บาท
เราก็เตือนเขาว่ามันไม่ทันกำหนดเวลานะ น่าจะหาช่างมาเพิ่ม
เขาก็หัวเราะไปเรื่อยๆ
พอวันจ่ายค่างวดครั้งสุดท้าย เราก็หักเงินออกไป 3 หมื่น เพราะเกินไป 60 วัน
เขาก็ว่าเราใจร้าย ไม่น่าทำกับเขาได้ ตอนนี้เขามีหนี้มากมาย
เฮียก็ถามว่าอยู่ๆเขาก็หายตัวไป 1 เดือนไม่ติดต่อมาเลย เฮียแทบบ้าตาย
คนงานก็หายไปครึ่งหนึ่ง หัวหน้าช่างบอกว่าไม่รู้ว่าลูกน้องหายไปไหน อ้าว...
พอเฮียหมดความอดทน สั่งไล่คนงานที่เฝ้างานทั้งหมดให้ออกจากบ้านเราไปเลย
เพราะงานไม่เดิน บ้านเหมือนวิหารร้าง ประตูหน้าต่างก็ไม่มีให้เห็นเลย
เฮียจะเอาช่างกลุ่มใหม่เข้ามาสะสางงานให้เสร็จ
ช่างทีมใหม่บอกว่าต้องเคลียร์ของและอุปกรณ์ของผู้รับเหมารายเก่าให้หมดเสียก่อน
เพราะเครื่องไม้เครื่องมือมันจะปนกัน เดี๋ยวมีเรื่อง
ทีนี้ไอ้คุณผู้รับเหมามันกลับโผล่กายออกมาจากรูได้
ก่อนหน้านั้น เฮียโทรไปหามันทุกๆวัน วันละ 10 ครั้ง มันไม่ยอมรับสาย ทั้งมือถือและที่บ้าน
ภรรยาเขาทำงานที่ธนาคาร เธอก็ออกจากงานในเดือนนั้น เฮียก็ไม่รู้ว่าจะไปตามหาเขาได้ที่ไหน
บ้านในเอกสารของเขา ที่อยู่ก็เป็นต่างจังหวัด และก็เป็นฯจังหวัดที่มีข่าวน้ำท่วมหนัก
ที่พักในกรุงเทพฯ เฮียก็ไม่ได้ขอเอาไว้ เพราะไม่คิดว่าจะต้องไปที่บ้านพักเขาด้วยเหตุอะไร
และเฮียคิดว่า เราจะต้องขับรถไปตามเขามาทำไมให้เปลืองน้ำมัน ก็เขาหนีไปแล้วนี่หว่า
ถ้าไปหาเขา เฮียอาจจะถูกเขากระทืบตายคาบาทาเพราะไปก่อวิวาทกันก็ได้
ตอนนั้นเครียดมาก เกิดมาไม่เคยโดนคนโกงเงินเลย หน้าตาไอ้หมอนั้นมันดีมากๆ พูดจาครับๆๆทุกคำ ยิ้มตลอด
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเรื่องจบ มันก็ยังหน้าด้านนะ มันบอกว่ามันไม่ได้โกงเราเลย
เราหนะแหละโกงเงินมันงวดสุดท้าย

คนพวกนี้แปลกมาก พอเราบอกว่าเราจะไปแจ้งความ
ให้พวกเขาเอาของออกจากที่ก่อสร้างไปภายใน 24 ชั่วโมง
ของที่อยู่ในที่ดินของเรา เราจะเอาไปไว้ที่โรงพักทั้งหมด จะให้ตำรวจมาเป็นพยาน
คนที่เป็นผู้รับเหมารายใหม่ก็เป็นคนไปหาตำรวจมาให้เราเสร็จสรรพเลย
แถมมากระซิบให้เราหยอดน้ำมันตำรวจไปคนละ 1 พัน เราก็งงว่าทำไมต้องหยอดน้ำด้วยฟระ
คนทำอาชีพเดียวกัน มันยังฆ่ากันได้แบบนี้เลย "มันเคี้ยมจริงๆ ไอ้หวาย"
จริงๆนะ พอเรื่องจะถึงตำรวจ แค่นี่ มันก็ออกมาจากเงามืดได้ ไอ้ระย้าจริงๆ ผู้รับเหมาก่อสร้างพวกนี้

ทำไมเราไม่เจอผู้รับเหมาดีๆนะ
เพื่อนๆคนอื่นมันบอกว่าช่างของมันน่ารักมาก
งานออกมาดีมาก คิดก็ไม่แพง ประกันผลงานอีกต่างหาก
เฮียไม่อยากจะบอกว่าบ้านหลังที่อยู่นี้ก็สร้างในปี 2538 เดี๋ยวจะหาว่าลอกเลียนแบบกัน 555
ตอนนั้นคุณหนูกำลังจะจบโรงเรียนอนุบาล น้ำท่วมโรงเรียน เลยงดงานประจำปี จำได้แม่นมาก
ปีนั้น น้ำท่วมหนักมาก ท่วมหลายที่
ถ้าจำไม่ผิด เจ้าผู้รับเหมาได้ไปสร้างหมู่บ้านจัดสรรที่อยุธยา บ้านภรรยาเขากระมัง
และน้ำท่วมโครงการ ธุรกิจคงเจ้ง นี่คือปัญหาหนึ่งที่เขาต้องหนีเจ้าหนี้
และเจ้าหนี้มันก็เก่งนะ มันมาสืบหาผู้รับเหมาคนนี้ถึงที่บ้านเฮียเลย
เฮียเลยรู้ว่าเขาคงหนีหายไปจากโลกนี้แล้วแน่ๆ
เจ้าหนี้สมัยนี้เขาช่างสืบเก่งมากเลย รู้ไปหมดว่าหมอนี่มีรายได้ มีงานค้างคาอยู่ทีไหนบ้าง
เฮียยังใจร้ายบอกให้เจ้าหนี้ยึดอุปกรณ์ก่อสร้างของมันไปเลย
แต่ให้มาเอาวันรุ่งขึ้น เพราะเฮียไม่อยากอยู่ในเหตุการณ์ (ขี้เกียจเป็นผู้ร่วมสมคบคิดขโมยของ)

เรื่องไม่ยอมบอกความเลว หรือนิสัยเสียของผู้อื่น
อย่างที่อาหมวยเล่าเรื่องร้านตัดเสื้อที่ไม่ยอมเล่าให้ทราบเรื่องช่างแต่งบ้านนั้น
คนเมืองเราเขาก็มักจะเป็นแบบนี้นะ
คิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวและเหตุการณ์ก็ผ่านไปแล้ว
เขาจะไปทำอะไรกับใครในอนาคตก็เป็นเรื่องของเขากับคู่กรณีรายใหม่
เรื่องแบบนี้ผ่านหูผ่านตาเฮียบ่อยมาก
แต่เฮียก็ไม่เข็ดเพราะชอบเชื่อคนง่าย
อย่างบางคนเขาเล่าซะเฮียน้ำตาไหลพรากๆเลย
เขาว่าเขากำลังจะโดนฟ้องล้มละลาย
เมื่อก่อนก็เข้าๆออกโรงพยาบาลมาโดยตลอด หมดเงินเป็นล้าน
ตอนนี้เป็นโรคร้ายแรงที่ไม่มีทางรักษาหาย หมอบอกว่าคงอยู่ได้ไม่นาน
คู่สมรสก็นอกใจแถมทำท่าจะขอหย่าอีก
พี่น้องก็พึ่งพาไม่ได้
ลูกๆก็เป็นเด็กมีปัญหาต้องเอาไปให้คนอื่นเลี้ยง
คิดว่าตัวเองคงจะตายในไม่กี่วันนี้
เรื่องจบอย่างไรก็ไม่อยากบอก ไม่อยากเล่าความโง่ของตัวเอง
ทุกวันนี้ เฮียก็ยังเห็นเขาไปไหนมาไหน ขับรถคันโต(สิบแปดล้อ 555)
เที่ยวโน้นเที่ยวนี้ได้ ดื่มเหล้าเมาน้ำจันทน์
ไม่เห็นต้องไปนอนโรงพยาบาลที่ไหนเลย
คงเป็นเพราะเขาหมดเคราะห์กระมัง?
แต่ข้อดีของเรื่องนี้ก็คือ เวลาที่เฮียทำเลวๆเอาไว้ที่ไหน
คนก็คงจะไม่เอาไปเล่าให้ใครๆฟัง
(ถ้าใครเอาไปเล่า มันก็เลวกว่าเฮีย เอ้ย...ตรรกศาสตร์เล่มไหนฟระ)
โดยเฉพาะถ้าหมวยใหญ่ไปถามใครว่าเฮียเป็นคนไม่ดีหรือเปล่า?
ก็คงจะไม่มีใครบอกหรอกว่าเฮียเป็นคนไม่ดี หุหุ

Ref: Ref: มินทิวา Mintiva RoyalBlue 41 69 E1

 

โดย: zoomzero 26 มกราคม 2553 11:02:40 น.  

 



มินว่า four strong winds...that blow slowly
น่าจะหมายถึงสายลมของ 4 ฤดูที่แตกต่างกันไปหรือป่าวคะ
เพราะฝรั่งเค้ามี 4 ฤดูนี่นา ว่าไม๊คะ
ถ้ามันแปลว่า สายลมอันรุนแรงเกรี้ยวกราดทั้ง 4 สาย
มันก็ทะแม่ง ๆ อยู่กับประโยตต่อจากนั้นอ่ะนะคะ
ลมที่รุนแรงแต่กลับพัดพาอย่างเอื่อย ๆ ช้า ๆ อ่ะนะ ฮ่า ๆ ๆ
มินหน่ะ เป็นคนที่ชอบเพลงแนวบัลลาดค่ะ
แต่ต้องเป็นบัลลาดแบบช้า ๆ นิดนึง
จะเป็นป๊อบบัลลาด ก็ยังโอเคนะ
แล้วเพลงบัลลาดที่เพราะ ๆ อ่ะ เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยจะเจอแบบโดน ๆ เลยอ่ะค่ะ
เนล ยัง ก็เคยเอาเพลงนี้มาร้อง แต่ มินชอบเอียนร้องมากกว่าค่ะ





Fly me to the moon เป็นอีกเพลงนึง ที่เป็นเพลงประจำตัวของมินเลยอ่ะค่ะ อิอิ
ตอนนั้นดูหนังฝรั่งเรื่องนึง จำชื่อพระเอกไม่ได้
พระเอกในเรื่องใจดี แก่คราวพ่อนางเอก
และรักนางเอกมาก ตามใจนางเอกทุกอย่าง
ตอนจบพระเอกตาย แล้วมีเพลงนี้ขึ้นมาตอน
ที่ขับรถแห่ร่างพระเอกไปรอบ ๆ เป็นวงกลม
มีรถญาติ ๆ นางเอกขับตามเป็นขบวน
ตอนแรกญาติพี่น้องนางเอกไม่ชอบพระเอก
แต่ ตอนพระเอกตายทุกคนก็ร้องไห้และรู้ตัวว่ารักพระเอก
โหย..เนี่ย มินมันพูดวนไปวนมา เฮียงงรึป่าวคะ
เป็นคนที่เล่าเรื่องไร ไม่ค่อยเก่งอ่ะค่ะ ฮ่า ๆ ๆ
โห..มินร้องไห้ตามซะตาบวมเลยอ่ะค่ะ ฮ่า ๆ ๆ

ส่วนเรื่องผู้รับเหมาอ่ะ แหม..ถ้าไปคุ๊ยหาเอกสาร
ที่เคยถ่ายไว้เจอนะ ตัวเลขเดียวกันเด๊ะเลย
เพียงแต่ หลังจากนั้นไม่ถึงอาทิตย์ ขอเบิกอีก
ไอ้พวกที่มันเล่ห์เหลี่ยมจัดเนี่ย มันจบออกมาที่เดียวกันรึป่าวก็ไม่รู้จิ เฮ๊อ...

ปล. เรื่องจะไปถามเฮีย ว่าเป็นไง กับใครอ่ะ
หมวยมินไม่ถามหรอกค่ะ เพราะเป็นคนที่เชื่อความรู้สึกของตัวเองอ่ะ
บางคนนะ เพื่อนมันบอกว่า ดี๊ดี แต่ มินก็ยังรู้สึกว่าไม่เห็นจะดีเท่าที่เพื่อนมันโปรโมทเลยอ่ะ
บางคนมินรู้สึกว่าดี เพื่อนมันก็ไม่เห็นรู้สึกเหมือนเราเลย
มินหน่ะ มันเป็นคนชอบของแปลก..ฮ่า ๆ ๆ เฮียก็เข้าข่ายของแปลกด้วยนะคะ เพราะนู๋ชอบคุยกับเฮียแล้วอ่ะ
แต่เฮียจะชอบ(คุยกะ)มินหรือไม่ นู่ไม่รู๋หรอกค่า ฮ่า ๆ ๆ

 

โดย: มินทิวา 26 มกราคม 2553 14:56:17 น.  

 

To มินทิวา
ไอ๊หยา อาหมวยเล็ก(เรียกแบบนี้ดูน่ารักกว่านิ)

ตอนแรกอาเฮียก็ขอยอมรับเลยนะว่า
เกิดไม่ทันเพลง Fly me to the moon เหมือนอาหมวยเล็ก
พอจะหาเพลงฟัง ก็ต๊กกะใจ
ก็มันดันเป็นหนังอนิเมชั่น สงครามหุ่นยนต์อลเวง
เอ๋...ยังไงกัน
อ๋อ...ต้องอาศัย youtube ช่วย
อ้าว..มีใครร้องบ้างหละ
Daina Krall ไม่รู้จักเฟ้ย
Tony Bennett หน้าคุ้น หัวหงอกเหมือนเรา แต่ 555 ไม่รู้จัก แต่เฮียว่าเสียงเหมือน แอนดี้ วิลเลี่ยม จัง
Karonina Pasierbska คนนี้ชื่ออ่านยาก แต่หุ่นมองแล้วต้องกลืนน้ำลายหลายเอื๊อก ว๊าว
Utada Hikaru โน้น ชักจะยังไง ออกไปแนวยุ่นปี่ญี่ปุ่นไปเลย แต่ชีก็น่าตานาจับมาทำกิ๊กเหมือนกันนะ
Julie London โห..สมัยคุณน้าเขาสาวๆนี่ หนุ่มๆคงหัวหมุนแน่ๆ สวยยังกับมาราลีนเลย
Nat King Cole อ๋อ..คนนี้ ร้องเพลงนี้เอง ร้องได้ไพเราะ แต่ฟังแล้ว หูเฮียไม่ถึง
Frank Sinatra อืม..คนนี้เสียงดี เพราะไปอีกแนว ค่อนข้างชอบเสียงคนนี้นะ
Doris Day คนนี้ร้องได้ตรงอารมณ์เฮียจริง ลองเข้า youtube ดูเดะ
รู้สึกว่าจะมาจากหนังเรื่อง Lover Come Back แต่เรื่องนี้พระเอกนางเอกเป็นหนุ่มสาวอายุเท่ากัน
ทำงานด้านโฆษณา เฮียว่าคนละเรื่องกับที่อาหมวยเล็กดูซะกระมังขอรับ
ส่วนอีกเรื่องที่เอาเพลงนี้ไปเปิดก็ชื่อ Space Cowboys แสดงนำโดยคลิ้น อีสวูด งานนี้มียานอวกาศล้วนๆ

สำหรับเพลงนี้ เท่าที่ไปหาข้อมูลมาได้
นอกจากจะมีเนื้อเพลงสั้นๆ ร้องง่ายด้วยคำพูดที่ฝรั่งมักจะพูดกันเวลาจู๋จี๋กับคนรักกันแล้ว
ยังเพราะว่ามีคำว่า moon อยู่ด้วย
เลยทำให้เกิดการเปิดเพลงนี้บนยานอวกาศอะพอลโล่ 10 กับ 11
ซึ่งก็มีคนบอกว่าเสียงเพลงที่ถ่ายทอดมันชัดเกินเหตุ
เหมือนว่าเปิดเทปอยู่ในโรงเก็บเครื่องบินของ NASA แถวๆหัวลำโพงหรือเยาวราช (เสียงตามสาย)ก็ไม่ปาน
ข่าวว่าอเมริกันแหกตาชาวโลก หรืออเมริกานาธาน ก็เลยปูดออกมาแรงมาก
แต่พวกนาซ่าออกมาด่าสวนกลับทันที หาว่าโง่แล้วยังมาวิจารณ์เราเสียหายอีก
เรื่องจริงเป็นอย่างไร ใครรู้จริงๆก็คงตายไปหมด ที่ตายไม่ได้แก่ตายนะ
เพราะโครงการอะพอลโล่ ตอนหลังมีการเอาข้อมูลออกมาแฉว่ามีเจ้าหน้าที่ตายโหงเยอะผิดปกติ
ขนาดนักบินอวกาศ 3 คนตัวจริงๆก็ไม่ใช่พวกที่ไปเหยียบดวงจันทร์ เป็นกลุ่มตัวสำรอง
พวกตัวจริงดันไปเกิดอุบัติเหตุตายกันทีละคนๆ ในช่วงก่อนทำการบินในช่วง 5-6 เดือนนั้น
นาซ่าก็ว่า คนหาเรื่องก็ชอบมั่วนิ่มไปเรื่อย 555
ตกลงนี่เรื่องเพลงหรือเรื่องนาซ่ากันแน่

ระวังเหอะ คุยไปคุยมา
น้ำหมากกระเด็นโดนตากัน
เดี๋ยวได้ตีกันแน่ 555


จะเปลี่ยน entry ใหม่แล้ว ปิดห้องแล้วนะ

Ref: Ref: มินทิวา Mintiva RoyalBlue 41 69 E1

 

โดย: zoomzero 26 มกราคม 2553 18:31:30 น.  

 


ในโลกไซเบอร์เนี้ย!สัยสน วุ่นวายเหมือนกันน่ะ วันก่อนจู่ๆ ก็นึกสับสนขึ้นมา คนไหนดีจริง คนไหนดีปลอม
โอยยย ปวดหัว อยากปลีกวิเวก
ไม่มีอะไรเข้ามาบ่นๆ อิอิ จะเล่นบทไหนดี นางเอกร้ายลึกดีมั้ย

 

โดย: นกสีขาว IP: 79.66.1.120 28 มกราคม 2553 6:49:37 น.  


zoomzero
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ของทุกอย่างในโลกมี 2 ด้าน ถ้าเริ่มต้นก็คิดแต่ว่า สิ่งนั้นมีแต่ด้านดีด้านเดียว หรือเลวสุดขีด ต่อให้ศึกษาสิ่งนั้นไปอีกพันๆปี ก็ไม่มีวันเข้าใจ แต่ถ้าเปิดใจมองให้เห็นทั้งสองด้าน และหาความพอดีกับการอยู่กับสิ่งนั้นได้
...
ความสุขย่อมมาคู่กับความทุกข์ เพราะสุขเป็นของไม่เที่ยง เมื่อติดสุข แล้วไม่มีสุขมาให้ชื่นใจ จิตก็จะเป็นทุกข์ ความสงบจึงเป็นของที่เราท่านควรปฏิบัติ
...
การตั้งตัวเป็นจอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด จึงไม่หวังให้ผู้ใดมีสุข ไม่อยากให้คนยึดติดกับสุข หากแต่อยากให้พ้นทุกข์ และได้พบกับธรรมมะของจริง ดั่งคำว่า "ไม่มีมาร อรหันต์ไม่เกิด" 555
...
Group Blog
 
<<
มกราคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
20 มกราคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add zoomzero's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.