ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
เมษายน 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
18 เมษายน 2554
 
All Blogs
 
เทพมารสะท้านมิติ ตอนที่ 7

ชีวิตในหมู่บ้านเช่นนี้สมควรสงบเงียบ เวลาของพวกเขาไม่เคยเร่งรีบ หมุนเวียนสอดผสานไปพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นการเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ หรือกิจกรรมต่างๆ ล้วนถูกกำหนดไว้อย่างเหมาะสม แต่ในวันนี้ถนนสายเดียวของหมู่บ้านกำลังอยู่ในความวุ่นวาย

ผู้คนมากมายต่างขนผลผลิตของตนมาเพื่อทำการแลกเปลี่ยน คนที่ปลูกพืชผัก คนที่จับปลา คนที่ล่าสัตว์ คนที่ทอผ้าตัดเย็บเครื่องนุ่งห่ม คนที่ตัดไม้มาทำเป็นสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ และอื่นๆ อีกมากมาย การต่อรองค้าขายเกิดขึ้นทุกที่ ทุกๆ รอบของจันทร์เต็มดวงจะเกิดตลาดแบบนี้ขึ้นครั้งหนึ่ง

กรุณามองดูสิ่งต่างๆ ด้วยความสนใจใคร่รู้ แม้แต่สูญเองก็ดูเหมือนถูกความมีชีวิตชีวาของสถานที่แห่งนี้กระตุ้นให้รู้สึกคืกคักขึ้นเช่นกัน เสียงเรียกชี้ชวนให้เข้ามาชมดูสิ่งของต่างๆ ดังขึ้นไม่ขาดหู เธอแวะเข้าไปทางนั้นที ทางนี้ทีมองดูสิ่งต่างๆ ด้วยความสนใจ

“ช่างวุ่นวายนัก”

“ตลาดแบบนี้คงมิได้มีทุกวัน”

เธอตอบคำถามของเขา แต่สายตายังคงสอดส่ายมองดูสิ่งของต่างๆ ไม่หยุด

“...แล้วทุกวัน ปู่ของเจ้าจะทำอะไรบ้าง”

เธอหยุดแล้วหันกลับมา คำถามที่เรียบง่ายของเขามักก่อกวนเธอให้ยากที่จะตอบได้

“ท่านปู่ก็ออกไปเก็บหาอาหารจากในป่า บางครั้งก็ตกปลา ล่าสัตว์ พอว่างก็สอนสิ่งต่างๆ ให้กับเรา เครื่องใช้ภายในบ้านท่านก็สร้างขึ้นเอง รวมทั้งบ้านหลังนั้นด้วย พอพวกมันชำรุดท่านก็ซ่อมแซม แม้แต่เสื้อผ้าที่พวกเราสวมใส่อยู่นี้ ท่านก็เป็นคนถักทอขึ้นใช้เอง เรายังคอยช่วยท่านรดน้ำ ทำสวนผักเล็กๆ ไว้เก็บกินอีกด้วย”

“นั่นเพียงพอกับการมีชีวิต”

“ถูกต้อง แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว”

หลังจากตอบคำถามของเขา ความตื่นเต้นของเธอต่อสิ่งของต่างๆ ในตลาดก็ลดลง พวกมันดึงดูดใจเธอน้อยลงกว่าในตอนแรกมากมายนัก ทั้งสองเดินต่อไปจนได้กลิ่นหอมของอะไรบางอย่าง บริเวณนี้ของตลาดมีอาหาร และขนมหลายชนิดวางขายอยู่รวมกัน

แม้จะกินผลไม้ไปหลายลูกแต่กลิ่นที่หวานหอมของขนมชนิดหนึ่งก็ดึงดูดให้เธอเดินเข้าไปหา ข้าวเหนียวที่ถูกนวดจนกลายเป็นแป้งเหนียวๆ ก่อนจะนำมาปั้นให้เป็นก้อนพอดีคำ กำลังถูกย่างด้วยไฟอ่อนๆ หญิงสาวทาน้ำจิ้มสีเข้มที่คาดว่าน่าจะเคี่ยวมาจากน้ำตาลลงบนก้อนขนมเหล่านั้น มันส่งเสียงดังฉู่ฉี่พร้อมกับส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่ว

เธอเผลอกลืนน้ำลายอย่างลืมตัว

“เจ้ายังหิวอยู่อีกหรือ”

“เปล่า...แต่ข้าอยากจะลองชิมพวกมันดูหน่อย”

เขาฟังคำตอบแล้วรู้สึกว่ามันขัดแย้งกันอย่างประหลาด การกินควรมีไว้เพื่อยุติความหิว แต่ความอยากกลับมีอำนาจอยู่เหนือสิ่งใด ความคิดบางอย่างเรียงตัวเข้ากันอย่างช้าๆ แต่เขายังตอบตัวเองไม่ได้ว่ามันคืออะไรกันแน่ ทั้งสองเดินเข้าไปหาแผงขายขนมนั้น

หญิงสาวที่กำลังย่างขนมส่งยิ้มหวานให้กับทั้งสอง

“ขนมหวานหอมชิ้นละหนึ่งเหรียญเท่านั้น”

ทั้งคู่หันมองหน้ากัน เธอรู้ว่าเทพวานรนั้นย่อมไม่มีเงินติดตัวแน่ และตัวเธอเองก็ไม่มีเช่นกัน ท่านปู่ไม่เคยจำเป็นต้องซื้อหาสิ่งใดมาก่อนเลย หญิงสาวคล้ายกับสามารถอ่านสีหน้าของเธอได้

“หากไม่มีเงินเหรียญ ก็นำสิ่งของมาแลกเปลี่ยนได้”

เธอมองหน้าหญิงสาว ดูเหมือนว่าเธอจะไม่เคยได้ยินเรื่องการแลกเปลี่ยนเช่นนี้มาก่อน

“ต้องใช้สิ่งใดแลกเล่า”

หญิงสาวหันไปมองสูญ แต่สีหน้าที่ว่างเปล่าของเขาทำให้เธอตัดสินใจหันกลับมาพูดคุยกับเธออีกครั้ง ทั้งคู่ดูเหมือนไม่คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตภายในเมืองมาก่อนเลย

“ข้าชื่อมายา เจ้าชื่ออะไร”

“เราชื่อกรุณา ส่วนท่านนี้ชื่อว่า...”

เธอหยุดพูดเพียงแค่นั้น การบอกใครต่อใครว่าเขาคือเทพวานรคงไม่ใช่ความคิดที่ฉลาดเท่าใดนัก

“สูญ...เรียกข้าว่าสูญ”

เธอหันไปมองหน้าเขาอย่างแปลกใจ เธอเอาแต่เรียกเขาว่าเทพวานรมาตลอดทาง และเขาเองก็ไม่เคยปฏิเสธ เธอจึงไม่เคยคิดจะถามถึงชื่อของเขามาก่อน

“การแลกเปลี่ยนนั้นง่ายมาก หากเจ้ามีสิ่งของใดที่คิดว่าไม่ต้องการแล้วก็จงนำออกมา”

“แล้วจะแลกได้เท่าไรกัน”

“นั่นก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่นำมาแลกเปลี่ยน กับการต่อรองของเจ้า”

“...หมายความว่าอย่างไร”

หญิงสาวพลิกกลับขนมบนเตา ก่อนทาน้ำจิ้มเพิ่มลงไปอีก มันส่งกลิ่นหอมเย้ายวนมากขึ้นกว่าเดิม เด็กน้อยต้องลอบกลืนน้ำลาย ตอนนี้ขนมย่างที่อยู่ตรงหน้าคล้ายมีความสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใดในโลก หญิงสาวยิ้มราวกับสามารถมองทะลุเข้าไปในใจของเธอได้

“หากเจ้ามีทองหรือของมีค่า นำมาแลกกับขนมปิ้งเหล่านี้ แม้ข้ามอบมันให้ทั้งหมดก็คงไม่เพียงพอใช่หรือไม่”

เด็กน้อยพยักหน้า

“แต่หากตอนนี้เราหลงทางติดอยู่กลางทะเลทราย แล้วข้ามีน้ำส่วนเจ้ามีทอง หากเจ้าต้องการแลกเปลี่ยนคิดว่าข้าจะยินยอมหรือไม่”

ครั้งนี้เธอส่ายหน้า

“นี่ก็คือความหมายของการแลกเปลี่ยนอย่างไรเล่า”

“...หมายความว่านอกจากจะขึ้นอยู่กับสิ่งที่นำมาแลกเปลี่ยนกันแล้ว ยังมีเรื่องของความต้องการด้วย”

หญิงสาวพยักหน้า เธอพยายามนึกดูว่าตนเองมีสิ่งใดที่สมควรนำออกมาแลกกับขนมปิ้งนี้หรือไม่ บทสนทนาข้างเตาขนมนี้ดึงดูดความสนใจของสูญได้มิใช่น้อย เขาขบคิดครู่หนึ่งก่อนเริ่มตั้งคำถามบ้าง

“เมื่อครู่เจ้าบอกว่าหากอยู่ในทะเลทรายน้ำย่อมมีความสำคัญเหนือกว่าเงินทองสิ่งมีค่าทั้งหลาย เป็นเพราะมันมีความสำคัญต่อชีวิตใช่หรือไม่”

หญิงสาวพยักหน้า

“หมายความว่าไม่มีสิ่งใดที่สำคัญยิ่งกว่าชีวิตใช่หรือไม่”

เธอขบคิดครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหน้า

“ครั้งนี้เจ้าผิดแล้ว ในโลกนี้ยังมีอีกหลายสิ่งที่ผู้คนยินยอมสละชีวิตเพื่อจะปกป้องมันเอาไว้”

เขากลับเป็นฝ่ายที่ต้องขบคิดบ้าง

“...อย่างเช่นสิ่งใดกัน”

“จอมยุทธที่ยินยอมอุทิศชีวิตของตนเพื่อผดุงไว้ซึ่งความเป็นธรรม ผู้ศรัทธาที่ยอมตายเพื่อปกป้องสิ่งที่ตนเองนับถือ ผู้กล้าที่ยอมสละชีวิตเพื่อรักษาไว้ซึ่งเกียรติแห่งตน นักรักผู้ยอมแลกทุกสิ่งเพื่อคนที่ตนรัก พ่อแม่ที่ปกป้องลูกไว้ด้วยชีวิต นอกจากนี้ก็ยังมีอีกมากมายนัก”

“หมายความว่าแต่ละคนอาจมีสิ่งอื่นที่สำคัญยิ่งกว่าชีวิตของตนเอง และไม่เหมือนกับผู้ใดก็เป็นได้”

เด็กน้อยที่ได้รับฟังอยู่ก็คิดใคร่ครวญตามไปจนลืมเลือนขนมที่อยู่ตรงหน้าไปครู่หนึ่ง หญิงสาวพลิกกลับขนมอีกครั้ง กลิ่นหอมของมันดึงดูดความอยากของเธอให้กลับคืนมา เธอล้วงมือหยิบผ้าเช็ดหน้าที่ท่านปู่เป็นคนทอ และเธอลงมือปักลวดลายดอกไม้ด้วยตนเอง แม้จะไม่งดงามมากนัก แต่มันก็มีความทรงจำของทั้งสองสอดแทรกอยู่

เธอเหม่อมองผืนผ้าอยู่ครู่หนึ่ง แต่มันเป็นเพียงสิ่งเดียวที่มีติดตัว และอาจนำมาใช้แลกกับขนมเหล่านี้ได้

“...ผ้าผืนนี้เป็นอย่างไร”

หญิงสาวรับไปดูพร้อมกับส่ายหน้า

“ผ้าผืนนี้เก่าอย่างยิ่ง อีกทั้งลายปักยังไม่เรียบร้อย แต่หากเจ้ายืนกราน เราคงให้ได้เพียงขนมสองก้อนเท่านั้น พวกเจ้าสองคนแบ่งกันได้พอดี”

ผ้าเช็ดหน้าที่เธอคิดว่ามีคุณค่าต่อตนเองมากมายนัก กลับถูกตีราคาว่าเทียบเท่ากับขนมเพียงสองก้อนเท่านั้น แต่เมื่อขบคิดดูให้ดีแล้วเธอก็เข้าใจ คุณค่าที่ว่านี้มีความหมายต่อเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น สำหรับผู้อื่นแล้วมันก็เป็นเพียงผ้าเก่าๆ ผืนหนึ่งเท่านั้นเอง

“เราไปกันเถอะ”

ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจที่จะเก็บผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเอาไว้ และตัดใจจากขนมปิ้งพวกนั้น หญิงสาวมองตามหลังทั้งสองก่อนจะส่งเสียงเรียกเอาไว้ เธอหยิบไม้ไผ่ที่ถูกเหลาให้เป็นแท่งสั้นๆ จิ้มขนมบนเตาขึ้นมาลูกหนึ่ง

“ข้าให้เจ้า”

หญิงสาวยิ้มพร้อมกับยื่นแท่งขนมในมือให้กับเธอ

“พวกเราพูดคุยกันถูกคอ ข้าให้เจ้าชิมชิ้นหนึ่ง แต่หากผ่านมาคราวหน้า อย่าลืมอุดหนุนข้าบ้างก็แล้วกัน”

เธอรับขนมมาพร้อมกับกล่าวขอบคุณ ทั้งคู่ต่างยิ้มให้แก่กัน เธอเป่าขนมสองสามทีก่อนจะกัดมันคำหนึ่ง น้ำจิ้มที่ทาอยู่นั้นนอกจากหวานแล้วยังมีรสเค็มแทรกอยู่ด้วย ตัวแป้งด้านนอกกรอบข้างในนุ่ม กลิ่นหอมจากการปิ้งกระจายไปทั่วทั้งปาก นั่นคือทั้งหมดที่เด็กสาวจำได้ก่อนที่ร่างจะอ่อนระทวยล้มลงไปนอนกองอยู่กับพื้น

เขามองหน้าหญิงสาวอย่างไม่เข้าใจ แต่ทั้งหมดนี้ต้องเป็นการลงมือของเธอแน่ ผู้คนในตลาดพากันหันมาสนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น หญิงสาวตวัดมือชกทำลายเตาปิ้งขนมของตนจนแหลกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยด้วยหมัดเดียว พร้อมกับส่งเศษลูกไฟเล็กๆ ปลิวกระจายไปทั่ว

“ผู้ไม่เกี่ยวข้องรีบไสหัวไป”

ความวุ่นวายทั้งหลายในตลาดเกิดขึ้น และสิ้นสุดลงอย่างรวดเร็ว มีข้าวของมากมายถูกวางทิ้งเอาไว้ ดูเหมือนว่าทุกผู้คนในที่นี้ต่างรักชีวิตของตนยิ่งกว่าสิ่งใดทั้งสิ้น

“เจ้าเป็นใครกันแน่”

เขาถามหลังจากที่ก้มลงดูอาการของเด็กน้อยเรียบร้อยแล้ว เธอยังคงหายใจเป็นปกติ แต่ไม่ว่าจะเรียก จะเขย่าร่างสักเท่าไรก็ไม่ยอมฟื้นคืนสติกลับมา หญิงสาวส่งเสียงหัวเราะอย่างเปิดเผย ท่าทางของเธอแตกต่างไปจากในตอนแรกราวกับเป็นคนละคน

“ข้าคือสัจจะ จ้าวกิเลนสัจจะแห่งพรรคฟ้าดิน”

เสียงของเธอแหบห้าวขึ้นจนแยกไม่ออกว่าเป็นหญิงหรือชายกันแน่ แม้แต่วิธีการยืน และการก้าวเดินก็เปลี่ยนแปลงไปไม่เหมือนเดิม เขาได้แต่มองดูด้วยความประหลาดใจ

“เด็กน้อยผู้นี้รับประทานยาพิษของข้าเข้าไปแล้ว หากไม่ได้ยาถอนพิษ ก็จะไม่มีวันตื่นขึ้นอีกเลย”

“เจ้าต้องการสิ่งใด”

“ย่อมเป็นการแลกเปลี่ยนที่เหมาะสม หนึ่งชีวิตแลกกับตำราฟ้าดิน”

เขาลุกขึ้นยืนพร้อมกับขบคิด

“ตำราฟ้าดินมิใช่ของข้า ข้าย่อมไม่อาจตัดสินใจแทนได้”

ชายหนุ่มในคราบของหญิงสาวมองหน้าเขาอย่างขบขัน

“ตำราเล่มหนึ่งแลกกับชีวิตของตนเอง ใครเล่าจะไม่ยินยอม”

“แต่เมื่อครู่เจ้าเป็นคนบอกเองว่า ในโลกนี้ยังมีบุคคลอีกมากมายที่ยินยอมแยกชีวิตของตนกับสิ่งอื่น เธออาจเป็นหนึ่งในนั้นก็เป็นได้”

สัจจะพลันขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

“ถ้าอย่างนั้นก็แลกกับชีวิตของเจ้าเป็นอย่างไร”

เขากำมือเป็นหมัดจนเกิดเสียงดังขึ้น มวยกิเลน เป็นวิชากำลังภายนอกที่เน้นการสร้างเสริมความแข็งแกร่งของกระดูก และกล้ามเนื้อจนถึงขีดสุด จ้าวกิเลนสัจจะนั้นยังผลักดันให้มันก้าวข้ามขีดจำกัด เขาสามารถใช้ผ้ารัดเพื่อช่วยปรับรูปทรงของกล้ามเนื้อ เปลี่ยนรูปร่าง แปลงรูปโฉมได้อย่างพิสดาร แม้แต่กล้ามเนื้อที่เส้นเสียงของเขาก็ยังสามารถบังคับให้ทุ้มแหลมได้ดั่งใจ

ผืนผ้าที่รัดร่างของเขาเอาไว้พลันขาดออกเผยให้เห็นรูปกายที่ประกอบไปด้วยกล้ามเนื้อสมส่วน แม้แต่เสียงของเขาก็กลับทุ้มเป็นเสียงของผู้ชายดังเดิม แม้ยังคงสวมใส่เสื้อผ้าของสตรี แต่เขาก็นับเป็นชายหนุ่มรูปงามผู้หนึ่งเลยทีเดียว สูญมองดูการแปลงร่างที่เกิดขึ้นด้วยความสนใจ หมัดที่พึ่งชกใส่เตาเมื่อครู่นี้มีพลังทำลายน่ากลัว หากจู่โจมถูกคงต้องได้รับบาดเจ็บไม่น้อย แต่เหตุไฉนศัตรูผู้นี้จึงต้องดำเนินแผนให้ซับซ้อนวุ่นวายปานนี้ด้วย

สัจจะพุ่งตัวเข้าจู่โจมอย่างรวดเร็ว ท่าเท้าของเขายักย้ายไปมาส่งแรงพลังทำลายไปสู่หมัดทั้งสอง การจู่โจมรวดเร็วต่อเนื่องดุดันราวม้าป่าที่กำลังบ้าคลั่ง สูญพลันใช้ท่าเท้าบันไดเมฆาของกรุณาหลบหลีกการจู่โจม ก่อนตอบโต้ด้วยท่าที่ทำให้อีกฝ่ายต้องตกตะลึง ที่เขาใช้ออกคือท่ามังกรสะบัดหางที่เป็นของจ้าวมังกรคุณธรรมนั่นเอง

สูญนั้นเป็นดั่งแก้วว่างที่สามารถรองรับได้ทุกสิ่ง เพียงพบเห็นด้วยสองตาเขาก็สามารถเลียนแบบใช้ออกได้ การโจมตีเป็นเส้นตรงด้วยขาซึ่งมีความยาวมากกว่าแขนนี้ พอดีเป็นจุดอ่อนของมวยกิเลน สัจจะยังคงรุกไล่จู่โจมอีกครู่หนึ่ง ก่อนพาร่างถอยหลังกลับไป

“เจ้าใช้ท่าเท้ามังกรสะบัดหางนี้ได้อย่างไร”

“ข้าเคยเห็นมันมาก่อน”

“...เพียงแค่เคยเห็นก็ใช้ออกได้ เจ้าคิดว่าข้าเป็นเด็กอมมือหรือไร”

เขาไม่ตอบโต้ สัจจะจึงถามต่อไป

“เจ้าเกี่ยวข้องอันใดกับเต๋า หรือเด็กน้อยผู้นี้ หรือว่า...เจ้าจะเป็นคนฆ่าจ้าวมังกรคุณธรรม”

'เจ้าหนุ่มนั่นตายเสียแล้วหรือ แต่ตอนจากกันเมื่อวานมันยังมีลมหายใจอยู่แน่' เขาพลันคิดถึงเงาลึกลับน่ากลัวที่คอยติดตามพวกเขามาจนถึงเมื่อคืนนี้ 'หรือว่าจะเป็นฝีมือของมันกันแน่'

“ข้าไม่มีความเกี่ยวข้องอันใดกับคนเหล่านี้ และข้าไม่ได้ฆ่าใครทั้งสิ้น”

สัจจะมองเขาอย่างชั่งใจ

“ถ้าอย่างนั้นทำไมเจ้าต้องเสี่ยงชีวิตช่วยเหลือเด็กผู้นี้ด้วย”

เขาเองก็ตั้งคำถามนี้กับตัวเองอยู่ภายในใจเช่นกัน เรื่องวุ่นวายทั้งหมดไม่เกี่ยวข้องอันใดกับตัวเขาเลยแม้แต่น้อย เหตุใดเขาจึงต้องทำเช่นนี้ด้วย

“...คงเป็นเพราะพวกเรามีวาสนาร่วมกัน”

สุดท้ายเขาก็ไม่ได้คำตอบ จึงได้แต่เลียนแบบคำพูดของกรุณา สัจจะมองหน้าเขาก่อนส่งเสียงหัวร่อออกมา

“เจ้านี่น่าสนใจจริงๆ ...เอาอย่างนี้ ข้าเพียงต้องการตำราฟ้าดินเท่านั้น เจ้ามีข้อเสนอที่ดีหรือไม่”

เขาล้วงมือเข้าไปในเสื้อหยิบเอาขวดเคลือบเล็กๆ ออกมาใบหนึ่ง

“หากมี ยาแก้พิษก็อยู่ที่นี่แล้ว”


Create Date : 18 เมษายน 2554
Last Update : 18 เมษายน 2554 7:56:56 น. 3 comments
Counter : 473 Pageviews.

 
แบบว่า "เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว"


โดย: อาณาจักรแห่งเรา วันที่: 19 เมษายน 2554 เวลา:10:25:58 น.  

 
เปลี่ยนแปลงที่ว่าหมายถึงเรื่องไหนครับ
ตัวละคร เนื้อเรื่อง หรือว่าวิธีการเล่าเรื่อง


โดย: zoi วันที่: 19 เมษายน 2554 เวลา:11:29:35 น.  

 
คือผมไม่นึกว่ามายา หรือจ้าวกิเลนสัจจะจะคิดร้ายต่อสูญและกรุณา เลยว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว (ปรับตัวต่อฉากไม่ทันเท่านั้นเอง)


โดย: อาณาจักรแห่งเรา วันที่: 22 เมษายน 2554 เวลา:11:48:41 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.