Ninja!
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2549
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
12 พฤศจิกายน 2549
 
All Blogs
 
จิตวิทยากับการโกหก

ไม่มีใครในโลกที่ไม่เคยโกหก คนบางคนโกหกบ่อย แต่บางคนนาน ๆ ครั้ง ถึงแม้ศีลข้อหนึ่งของพุทธศาสนา และบัญญัติข้อหนึ่ง ของคริสต์ศาสนาจะสั่งห้ามคนโกหกก็ตาม แต่เราก็ยังทำ พวกเราคงแปลกใจไม่น้อย เมื่อรู้ว่าวงการจิตวิทยาเริ่มให้ความสนใจ เกี่ยวกับการโกหกอย่างจริงจัง เมื่อไม่นานมานี้เอง แม้แต่ S .Freud นักจิตวิทยาผู้มีชื่อเสียงเองก็มิได้เคยถูกกล่าวถึงจิตวิทยาของพวกชอบโกหกพกลมทั้งหลายเลยพจนานุกรม Encyclopedia of Psychology ที่ตีพิมพ์เมื่อ 13 ปีก่อนนี้ได้กล่าวถึงการโกหกแต่เพียงสั้นๆ เท่านั้นเอง



คนเราจะมีชีวิตอยู่อย่างปกติสุขหรือไม่ ถ้าไม่โกหกเลย สำหรับเรื่องนี้นักจิตวิทยาที่กำลังศึกษาพฤติกรรมโกหกของมนุษย์ได้พบว่า การโกหกเป็นพฤติกรรมปกติของคนทั่วไป และขั้นตอนหรือเหตุผลที่ทำให้คนพูดโกหกนั้นลึกลับ และซับซ้อนพอสมควร



เมื่อไม่นานมานี้เอง B. DePaulo นักจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัย Virginia ในประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ศึกษาคน 147 คน ที่มีอายุระหว่าง 18 - 71 ปี โดยทำให้คนเหล่านั้นบันทึกข้อมูลที่ตนโกหกในเวลา 1สัปดาห์ เธอได้พบว่าภายในเวลาดังกล่าวคนส่วนมากจะโกหกกันวันละครั้งหรือสองครั้ง (คือบ่อยพอ ๆ กับการแปรงฟัน) ชายและหญิงที่สนทนากันนานเกิน 10 นาที มักจะห้ามใจที่จะไม่โกหกกันไม่ได้ และในกรณีลูกกับพ่อแม่การโกหกเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงแทบไม่ได้เลย



ในวารสาร Psychology Today ฉบับเดือนพฤษภาคม และมิถุนายน พ.ศ.2540 นี้ L. Saxe นักจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัย Brandeis ในสหรัฐอเมริกาได้รายงานว่าถึงแม้สังคมจะกำหนดให้คนเราพูดความจริง แต่ในขณะเดียวกันสังคมก็สนับสนุนให้เราโกหกด้วย โดยมักจะให้รางวัลกับคนโกหก เช่น เวลาใครมาทำงานสาย หากเขาพูดความจริงว่าเมื่อคืนเที่ยวดึกไปหน่อยเลยหลับเลยเวลา เขาก็จะถูกคาดโทษ แต่หากเขาอ้างว่าเพราะรถติด โทษที่เขาได้รับก็จะไม่รุนแรง คนมีอาชีพทนาย ตำรวจสอบสวน หรือผู้สื่อข่าว (ที่ไม่รับผิดชอบ)มักจะมี”นิทาน”ให้สังคมรับรู้ตลอดเวลา หรือแม้แต่คนที่รักกัน บางครั้งก็มิวายที่จะต้องโกหกกัน สถิติที่ D.Hollander นักจิตวิทยาแห่งมหาลัย Missouri ในสหรัฐอเมริกาได้รวบรวมมาชี้บอกว่าในการสำรวจบรรดานิสิตหนุ่ม-สาวของมหาวิทยาลัยเมื่อ 4 ปีก่อนนั้น เธอได้พบว่า 85% ของนิสิตที่เป็นแฟนกันให้ข้อมูลเกี่ยวกับคนรักเก่าที่ไม่เป็นจริง และในขณะที่กำลังดูใจอยู่นั้น หนึ่งในสามของคู่รักจะเล่าอะไรๆ ที่ไม่จริงถึง30% และถึงคนรักกันจะ”โกหก”กันบ่อยก็ตาม แต่พอเป็นสามี-ภรรยากันปริมาณการโกหกจะลดลงเหลือเพียง 10% เท่านั้นเอง (นี่คือตัวเลขในระยะแรกๆ ของการแต่งงาน ตัวเลขอาจจะเพิ่มสูงมาก ถ้าการสมรสนั้นล้มเหลว) และคนทั่วไปมักจะโกหกเรื่องที่ร้ายแรงที่สุดกับคนที่ใกล้ชิดที่สุด



นักจิตวิทยาได้พบว่า ถึงแม้ว่าเรื่องโกหกบางเรื่องจะทำให้สัมพันธภาพระหว่างคนสองคนถูกกระทบกระเทือนก็ตาม แต่การโกหก ในบางกรณีก็ทำให้สังคมดำเนินไปได้ด้วยดี เพราะในบางครั้งเราจำต้องโกหกเพื่อถนอมความรู้สึกของคนอื่น เช่นเวลาเราพูดว่า ในสายตาผมคุณสวยที่สุดในโลก เป็นต้น วัฒนธรรมของชาติก็มีส่วนในการกำหนดให้คนโกหก เพราะอ้างเจตนาดี เช่นได้มีการสำรวจพบว่า50% ของคนอเมริกันเชื้อสาย เกาหลีคิดว่าคนที่ถูกตรวจพบว่าเป็นมะเร็งควรจะรู้ความจริง ในขณะเดียวกันคนอเมริกันเชื้อสายยุโรปถึง 90% จะมีความเห็นว่าคนเป็นมะเร็ง ควรจะได้รับรู้ความจริง



นักจิตวิทยายังพบอีกว่าสตรีมักจะโกหกเพื่อถนอมความรู้สึกของคนใกล้ชิด และบุรุษมักจะปดในเรื่องที่เกี่ยวกับตนเอง จะยังไง ก็ตามเวลาชายและหญิงจะจับโกหกเพื่อนฝูง ความสามารถของชายและหญิงในเรื่องนี้จะแตกต่างกัน โดยผู้หญิงจะจับโกหกได้ดีกว่าผู้ชาย และเมื่อความสัมพันธ์ระหว่างกันยิ่งลึก ผู้หญิงก็จะ
ยิ่งอ่านใจได้ดีขึ้นๆ (สามีทั้งหลายโปรดสำเหนียกข้อสังเกตนี้ให้ดี)



Saxe มีความเชื่ออีกว่าบุคคลใดก็ตามที่ตกอยู่ใต้ความกดดันมากๆ จะโกหกทันที ดังรายงานของ DePaulo ในวารสาร Journal of Personality and Social Psychology ฉบับเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมานี้ว่า
การที่คนเราชอบปดเพราะมีความต้องการจะสร้างความประทับใจกับคนรอบข้างจนเกินความพอดี คนที่ชอบแสดงออก คนที่มีความมั่นใจว่าสวยหรือหล่อ เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ถูกบังคับ จะโกหกทันที ในทางตรงกันข้ามคนที่โกหกน้อยที่สุดมักจะเป็นคนรู้สึกรับผิดชอบสูง เพื่อนเพศเดียวกันที่สนิทกันมักจะไม่โกหกกัน คนที่ตกอยู่ในสภาพเศร้าซึมก็จะไม่โกหกเหมือนกัน ทั้งนี้ไม่ว่าจะโกหกตัวเองหรือคนอื่นก็ตาม เรามีวิธีจับโกหกหรือไม่ เราทุกคนรู้ดีว่าเวลาเราเล่นโป๊กเกอร์ เซียนทั้งหลายมักจะตีหน้าตายสนิทจนเราอ่านอะไรไม่ออก คนที่โกหก เก่งก็เช่นกัน อุปกรณ์วิทยาศาสตร์ เช่น เครื่องจับเท็จ ก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย จนวงการตำรวจปัจจุบันได้ประกาศเลิกใช้เครื่องจับเท็จไปเมื่อไม่นานมานี้เอง สิ่งที่เครื่องจับเท็จจับได้ คือความกลัวของผู้ถูกจับเสียมากกว่า ทั้งนี้เพราะได้มีการพบว่าการที่หัวใจจะเต้นเร็วกว่าปกติ หรือการที่เหงื่อจะตกมากๆ ไม่ได้หมายความว่า คนๆ นั้นกำลังโกหก จุดดับของเครื่องจับเท็จคือ การที่คนบางคนสามารถพูดโกหกได้อย่างสบายใจ ไร้ความกังวลหรือความเสียใจใดๆ หนำซ้ำไม่แสดงพิรุธอะไรๆ ให้เห็นเลย หรือคนที่บริสุทธิ์บางคนเวลาพูดความจริงรู้สึกกลัวผลที่จะติดตามมา เหงื่อจึงออกและหัวใจจึงเต้นเร็วกว่าปกติเช่นนี้เป็นต้น



ดังนั้น เมื่อมีการวิจัยที่ตรวจพบว่าเครื่องจับเท็จทำงานผิดพลาด 25-75% ศาลจึงไม่อนุญาตให้ใช้เครื่องจับเท็จเป็นหลักฐานหนึ่งในการต่อสู้คดี

นักจิตวิทยาหลายคนมีความคิดว่า เมื่ออุปกรณ์วิทยาศาสตร์ไม่สามารถช่วยเราสังเกตหรือจับโกหกได้ เราก็ต้องอาศัยวิธีอื่น เช่น โดยการพิจารณาจังหวะการพูด หรือการเปลี่ยนน้ำเสียง เป็นต้น แต่นักจิตวิทยาเองก็ยอมรับว่าวิธีการที่เราใช้ในการจับโกหกทุกวิธีนั้น ต่างก็มีจุดบกพร่องด้วยกันทั้งสิ้น พูดง่ายๆ คือเรายังไม่มีวิธีใดๆ ที่จะจับโกหกคนได้ผล 100% (คนที่ชอบโกหกคงสบายขึ้นเมื่ออ่านถึงตรงนี้)

จึงเป็นจริงว่า ณ วันนี้การศึกษา ด้านจิตวิทยาของการโกหกได้ทำให้เรารู้สึกว่า การโกหกมิได้เป็นบาปหนักหนาสาหัส ดังที่ได้มีศีลห้ามไว้ตั้งแต่สมัยพุทธกาลอีกต่อไป แต่คนที่ชอบโกหกนั้นก็ต้องรับความจริงข้อหนึ่งว่า เวลาที่พูดโกหกไปแล้วคนพูดจะรู้สึกห่างไกลจากคนฟัง และยิ่งปด ก็ยิ่งรู้สึกห่างเพราะกลัวเขาจะจับได้จะยังไงก็ตาม 75% ของคนที่พูดโกหก หากตรวจพบตอนหลังว่าไม่มีใครจับโกหกได้ก็มีแนวโน้มจะพูดปดอีก ส่วนคนที่จะสาปแช่งหรือประณามคนพูดโกหกไม่ว่าจะในกรณีใดทั้งสิ้นนั้นก็ขอให้ตระหนักว่า หากทุกคน (รัฐบาล นักการเมือง คนขับแท็กซี่ สาม-ี ภรรยา) พูด ความจริงกันทุกเรื่องประเทศชาติจะเป็นอย่างไร ความแตกตื่นจะมีหรือไม่ ความไว้วางใจและความใกล้ชิดจะหมดไปหรือไม่

แต่หากคุณคิดว่าเรื่องที่คุณโกหกนั้นไม่มีพิษหรือเป็นภัยใด ๆ และทำให้คนฟังสุขใจ ก็โกหกต่อไปเถอะครับ คนบางคนชอบให้เขาหลอกครับ

ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล //www.ipst.ac.th วิทยาศาสตร์น่ารู้ ศ.ดร.สุทัศน์ ยกส้าน




Create Date : 12 พฤศจิกายน 2549
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2549 18:43:53 น. 13 comments
Counter : 871 Pageviews.

 
แสดงว่าผู้หญิงโกหกมากกว่าหรือป่าว แสดงว่าผู้หญิงเค้ารักจิงนะสิ


โดย: nakwan6 วันที่: 12 พฤศจิกายน 2549 เวลา:22:17:16 น.  

 
โอ้ อ่านแล้วใจหาย คนเราโกหกกันมากถึงเพียงนี้เชียวหรือ รวมถึงตัวเองด้วย เหอๆๆๆ


โดย: เบบูญ่า วันที่: 12 พฤศจิกายน 2549 เวลา:23:31:15 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับ ลุงกล้วยว่าการโกหกที่ทำเพื่อให้เกิดความสบายใจก็เป็นเรื่องดีเหมือนกันนะครับ แต่อย่าโกหกเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์อันนี้ไม่ดีเลยครับ


โดย: ลุงกล้วย วันที่: 13 พฤศจิกายน 2549 เวลา:5:11:08 น.  

 
คุณ nakwan6 ผมว่าผู้หญิงเป็นเพศที่แคร์ความรู้สึกคนรักมากกว่าผู้ชายก็เป็นได้ แต่เท่าที่ผมอ่านนี่ไม่ได้ระบุว่า ผู้หญิงจะโกหกมากกว่าผู้ชายนะ ขอบคุณครับที่แวะมาเยี่ยมบล็อคผมครับ

คุณ เบบูญ่า ผมคิดว่าการใช้ชีวิตในหมู่สังคมมากมายหลายหลากมันก็เป็นการยากเหมือนกันที่จะหลีกเลี่ยงเรื่องเหล่านี้ ถ้าไม่ไปเบียดเบียนหรือทำร้ายจิตใจใคร หรือไปหลอกเอาผลประโยชน์จากใคร ผมว่าก็โอเคหล่ะ (อาจจะรู้สึกไม่ดีเมื่อรู้ทีหลัง) ขอบคุณครับที่แวะเข้ามาเยี่ยมอ่านบทความที่ผมโพสไว้

ขอบคุณ ลุงกล้วย ครับที่แวะเข้ามาอรุณสวัสดิ์แต่เช้า และผมก็เห็นด้วยกับลุงกล้วยทุกประการเลยครับ เป็นศีลข้อที่หลีกเลี่ยงยากที่สุด บางสถานการณ์ก็ต้องทำอย่างนั้นจริง ๆ เพื่อป้องกันตัวเองหรือให้คนฟังสบายใจ เรื่องบางเรื่องที่จุกจิกหรือเรื่องเล็ก ๆ ถ้ายังขวานผ่าซากอยู่ผมว่าก็เหมือนคนไม่มีเสน่ห์เนอะ ขอบคุณลุงกล้วยอีกครั้งครับ


โดย: postmaker วันที่: 13 พฤศจิกายน 2549 เวลา:22:16:50 น.  

 
แวะมาราตรีสวสัดิ์ค่ะพี่โพส

กระต่ายไม่ค่อยสบายค่ะ อาจจะมีหายหน้าหายหนวดไปบ้าง แต่ยังไงก็จะพยายามมาเยี่ยมนะคะ


โดย: กระต่ายลงพุง วันที่: 13 พฤศจิกายน 2549 เวลา:22:51:36 น.  

 

สวัสดีครับวันนี้ขอให้สนุกกับสิ่งที่กำลังทำนะครับ ห้ามเครียดนะครับ


โดย: ลุงกล้วย วันที่: 14 พฤศจิกายน 2549 เวลา:9:48:18 น.  

 
ขอบคุณมากครับ น้องกระต่ายที่แวะมาเยี่ยมบล็อคพี่ ขอให้หายป่วยหายไข้ในเร็ววันครับ

ขอบคุณลุงกล้วยครับ ที่แวะมาเยี่ยมครับ เรื่องเครียดนี่บางครั้งหลีกเลี่ยงยากจริง ๆ ครับ


โดย: postmaker วันที่: 14 พฤศจิกายน 2549 เวลา:17:45:57 น.  

 
แกงส้มมักจะโกหกแบบว่าไม่โกหก (ประมาณโกหกขาว) งง งง งง ล่ะซิ แกงส้มก็งง ....


ปล..แกงส้มเอาดอกไม้มาฝากจ๊ะ..


โดย: แกงส้มชะอมกุ้งใส่ผักบุ้งนิดนึง ณ.จ๊ะ.... (น้องแกงส้ม ) วันที่: 14 พฤศจิกายน 2549 เวลา:23:41:45 น.  

 
5555 ผมก็ของงด้วยคนละกัน ปนขำด้วยครับ

ขอบคุณสำหรับดอกไม้ครับน้องแกงส้ม


โดย: postmaker วันที่: 15 พฤศจิกายน 2549 เวลา:2:56:12 น.  

 

อรุณสวัสดิ์เช้าวันพุธครับ อากาศกำลังเปลี่ยนดูแลสุขภาพด้วยนะครับ


โดย: ลุงกล้วย วันที่: 15 พฤศจิกายน 2549 เวลา:4:38:45 น.  

 
ลุงกล้วยตื่นแต่เช้ามืดเลยหรือครับ ขอบคุณครับที่มาเยี่ยมผมแต่เช้าเลย เช่นกันครับ ลมหนาวใกล้เข้ามาแล้ว(แต่ที่บ้านผมยังร้อนอยู่เลย) ดูแลสุขภาพนะครับ


โดย: postmaker วันที่: 15 พฤศจิกายน 2549 เวลา:12:52:06 น.  

 


ผ่านเข้ามาอ่านสาระดีๆเรื่องจิตวิทยากับการโหก
ถ้าโกหกแล้ว..ทำให้สบายใจก็โอเค อ่าน๊า แต่ถ้า..
ไปเจอคนบางคน..ที่ชอบ โกหก จนเคยชินล่ะคะ
พูดไม่ออกเลย..อย่างที่เจอมาเนี่ยคือ เรื่องที่พูดออกมา
แต่ละเรื่อง..เชื่อถือไม่ได้เลยค่ะ makeเรื่องจนเคยตัว เศร้าเลย


โดย: copbureau วันที่: 15 พฤศจิกายน 2549 เวลา:18:59:02 น.  

 
ขอบคุณ คุณ copbureau ที่แวะเข้ามาอ่านบทความในบล็อคผมครับ(ไม่เสียแรงที่ทำมาเลยเนอะ) อย่างเรื่องโกหกเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือพูดเพื่อความสบายใจ ถึงรู้ทีหลัง แม้จะโกธรไม่ลงแต่ก็รู้สึกไม่ดีเหมือนกันนะ(หมายถึงโดนกับตัวเองนะทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็เหมือนกันแหละ) แต่ที่น่าเบื่อที่สุดประเภทแต่งนิทานหรือพวกที่โกหกตาใส นี่หล่ะเซ็งที่สุดเลย

ขอบคุณอีกครั้งนะครับ


โดย: postmaker วันที่: 15 พฤศจิกายน 2549 เวลา:21:06:09 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

MaThilDra
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add MaThilDra's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.