Ninja!
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2549
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
5 ธันวาคม 2549
 
All Blogs
 
ปัญญาแห่งชราชน

เมื่อย่างเข้าวัยชรา คนทุกคนตระหนักดีว่า อวัยวะต่างๆ ของร่างกายจะเคลื่อนไหวได้ช้าลง ความแหลมคมของสายตาจะเสื่อม ความทรงจำต่างๆ จะค่อยๆ เลือนหาย ฯลฯ เหตุการณ์เช่นนี้สำหรับคนบางคนได้เริ่มบังเกิดมาตั้งแต่มีอายุเพียง 20 ปี ซึ่งนั่นก็หมายความว่า คนลักษณะนี้มีสมรรถภาพทางสมองสูงสุดในสมัยที่ยังเรียนในมหาวิทยาลัย แล้วหลังจากนั้นความสามารถก็ได้ลดน้อยถอยลงเรื่อยไปจนตาย

ในช่วงเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ นักวิทยาศาสตร์หลายคนได้สนใจศึกษาหาความสัมพันธ์ระหว่างอายุของคนกับสติปัญญา โดยหวังว่าข้อสรุปที่ได้จากงานวิจัยจะเป็นประโยชน์ต่อชราชนทั้งหลาย ในยามที่ถูกลูกหลานทอดทิ้ง ให้ครองชีวิตอย่างโดดเดี่ยวและให้สังคมได้รู้ว่า คนแก่สามารถให้อะไรที่ดีๆ แก่สังคมได้บ้าง

ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า ทักษะและความชำนาญหลายด้านของคนชราจะดีขึ้นเมื่อวัยเพิ่มขึ้น และความสามารถหลายด้านที่สังคมเคยเชื่อว่าร้ายนั้นกลับมิได้บกพร่องถึงระดับรุนแรงอย่างที่คิด

ยกตัวอย่างเช่น ความสามารถในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ซึ่งงานวิจัยได้ข้อสรุปที่ชัดเจนว่า เด็กสามารถเรียนรู้อะไรที่แปลกใหม่ได้รวดเร็วกว่าคนสูงวัย แต่คนชรามีสติปัญญาสูงกว่าเด็กในด้านการสังคมเช่น สามารถประเมินบุคลิกภาพของคนแปลกหน้าได้แม่นยำและถูกต้องกว่าเด็ก และถ้าวัยยังไม่สูงมากนัก คนมีอายุก็มีความสามารถในการสื่อสารได้สูงกว่าคนไม่ค่อยจะมีอายุ

ถึงแม้ในอดีตเราเคยเชื่อกันว่า เซลล์สมองที่พ่อกับแม่ให้มาตั้งแต่เกิดนั้น หลังจากที่ได้เจริญเติบโตเต็มที่แล้ว ก็มีแต่จะตายกับตาย ดังนั้น จำนวนเซลล์สมองจะไม่เพิ่ม เพราะร่างกายไม่สามารถสร้างเซลล์สมองขึ้นมาใหม่ได้นั่นเอง ด้วยเหตุที่ว่าเซลล์สมองจะตายไปทุกวัน ดังนั้น ความสามารถของสมองจึงมีแต่จะลดกับลด แต่งานวิจัยที่ได้ลงพิมพ์เมื่อต้นปีนี้กลับแสดงให้เห็นว่า สมองสามารถสร้างเซลล์สมองขึ้นใหม่ได้ ดังนั้น ความรวดเร็วในการเสื่อมถอยของสมองคนมีวัย จึงไม่เร็วรี่อย่างที่คิด

M. Wagster แห่ง National Institute on Aging ที่ Bethesda ในรัฐ Maryland ของสหรัฐอเมริกา เป็นนักวิจัยผู้หนึ่งที่สนใจศึกษาเรื่องนี้ และได้พบว่าโดยทั่วไปแล้วคนชรามีสุขภาพจิตดียิ่งกว่าเด็กวัยรุ่น เพราะรู้จักวิธีการผูกมิตร และมีมนุษยสัมพันธ์กับคนรอบข้างได้ดีกว่าเด็ก และมักไม่รู้สึกทุกข์จากการมีอารมณ์ร้ายมากเหมือนเด็ก

ดังนั้น เมื่อความสามารถของคนชราอยู่ในระดับที่สมวัย งานวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้จึงมีจุดมุ่งหมายจะค้นหาวิธีที่จะทำให้คนชราสามารถเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ได้ดีขึ้น และเร็วขึ้น และก็ได้พบว่าหากมีการจัดเวลาฝึกทดสอบและวิธีที่เหมาะสม คนชราก็สามารถเรียนรู้อะไรต่อมิอะไรได้เร็วขึ้น

ตามปกติคนชรา 3 ใน 4 คนเป็นคนตื่นเช้า ดังนั้น เวลาเช้าจะเป็นเวลาที่ชราชนมีความสามารถทางสมองสูงสุด ในขณะที่เวลาบ่ายเป็นเวลาที่สมองของนักเรียนและนักศึกษาปราดเปรื่องที่สุด นอกจากนี้งานวิจัยก็ยังได้ข้อสรุปอีกว่า เวลานำคนชรามาทดสอบความสามารถทางสมองอย่างฉับพลันทันที โดยมิได้บอกล่วงหน้า คนชรามักรู้สึกเครียดและจะทำแบบทดสอบได้ไม่ดี แต่หากมีการบอกล่วงหน้าให้เตรียมตัวนานๆ ผลการทดสอบต่างๆ จะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ในรายงานของ T. Hess แห่งมหาวิทยาลัย Carolina State ที่เมือง Raleigh ในรัฐ Carolina ซึ่งลงพิมพ์ในวารสาร Journal of Gerontology ฉบับเดือนมกราคม พ.ศ. 2546 Hess ได้แสดงให้เห็นว่า ในการทดสอบความทรงจำนั้น หากบททดสอบมีเนื้อหาในเชิงสร้างสรรค์ คนชราจะสามารถตอบคำถามเกี่ยวกับบทความนั้นได้ดี แต่ถ้าให้บทความที่มีเนื้อหาเชิงทำลายเช่น แก่แล้วก็ต้องลืมเป็นธรรมดาอะไรทำนองนี้ ตัวเลขผลสัมฤทธิ์ด้านความจำของคนชรา ในกรณีลบนี้จะต่ำกว่าในกรณีบวก 20-30%

Hess ยังได้พบอีกว่า คนชรามีความสามารถในการบอกบุคลิกภาพของคนแปลกหน้าได้แม่นยำยิ่งกว่าคนหนุ่มสาว เช่นว่าคนคนนั้นเป็นคนที่ฉลาดเฉลียว หรือซื่อสัตย์เพียงใด ด้วยเหตุนี้คนชราจึงเป็นผู้ที่ค่อนข้างรอบรู้ด้านสังคม

และในวารสาร Psychological Science ฉบับเดือนมีนาคมปี พ.ศ. 2545 Hess ได้รายงานว่า ตามปกติเวลาได้ข้อมูลอะไรมา คนชรามักจะจำผู้ที่ให้ข้อมูลไม่ค่อยจะได้ เมื่อเวลาผ่านไปนานๆ ดังนั้น ในบางครั้งเวลาเราสนทนากับคนชรา เราจึงได้ยินเรื่องที่เราเองเป็นคนเล่าให้คนชราคนนั้นฟัง โดยคนชรานั้นจะเล่าเรื่องดังกล่าวอย่างไม่กระอักกระอ่วนใดๆ เลย แต่ Hess ได้พบว่า หากผู้ที่ให้ข้อมูลเป็นคนที่สำคัญในสายตาของคนชรา คนชรามักจะจำชื่อของผู้ให้ข้อมูลได้ดี และในการทดสอบดูว่าเนื้อหาหรือเรื่องราวต่างๆ ที่คนชราได้ยินมานั้น มีบทบาทหรือไม่ในการทำให้ผู้มีวัยลืม-จำ นักวิจัยก็ได้พบว่า ถ้าเรื่องนั้นๆ เกี่ยวข้องโดยตรงกับชีวิตของท่านผู้สูงวัย ท่านก็จะจำได้ดี แต่ถ้าเรื่องนั้นไม่เกี่ยวข้องกับชีวิตท่านเลย ท่านก็มักจะลืมเลยเช่นว่า ถ้ามีการเล่าเรื่องความยากลำบากในการหางานทำ และเรื่องบ้านพักของคนชราให้ผู้ชราฟัง ผู้ชราก็จะจำเรื่องบ้านพักได้ดี แต่จะจำเรื่องการหางานทำไม่ค่อยจะได้ การทดลองนี้จึงแสดงให้เห็นว่า หากข้อมูลที่ให้แก่คนชรานั้นเกี่ยวข้องกับท่านโดยตรงหรือมาก ท่านก็จะชี้แจงจำและอธิบายได้ดีพอๆ กับคนหนุ่มสาว แต่ถ้าข้อมูลนั้นห่างไกลจากตัวท่าน ท่านก็จะปล่อยวางกองตรงนั้น ทั้งนี้เพราะสมองของชราชนมีเนื้อที่ในการเก็บข้อมูลน้อยลงๆ ทุกวัน ดังนั้น คนชราจึงจำเป็นต้องเลือกเรื่องจำ

ส่วน P. Baltes แห่ง Max Planek Institute for Human Development ในกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ได้พบว่า ความเฉลียวฉลาดด้านการดำเนินชีวิตสังคมเป็นความสามารถที่โดดเด่นที่สุดของคนชรา เพราะเขาได้ทดสอบพบว่า เวลาเขาให้คนชราแก้ปัญหาชีวิต เช่นว่าจะให้คำแนะนำแก่เด็กวัย 15 ขวบ ที่มีครรภ์อย่างไร คนชรามักจะให้คำตอบที่ดีกว่าคนหนุ่มสาว ด้วยเหตุนี้ Baltes จึงคิดว่า การมีวัยเพิ่มที่ควบคู่กับการมีปัญญาเพิ่มเป็นเครื่องหมายของการเจริญวัยในทางบวก ข้อสรุปของ Baltes นี้ คงทำให้เราหลายคนไม่ประหลาดใจ เมื่อเห็นศิราณี และ Ann Landers หรือผู้สูงวัยหลายคนทุ่มเทชีวิตแก้ปัญหาสังคม หรือปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลทางหนังสือพิมพ์ นอกจากนี้ Baltes ก็ยังพบอีกว่า คนชราหลายคนมีสุขภาพจิตที่มั่นคง เพราะรู้ตระหนักชัดในข้อจำกัด และขีดจำกัดของชีวิตตนดีกว่าคนหนุ่มสาวที่มักมีความหวังจากสังคม และจากตนเองสูงเกินความจริง

สำหรับเรื่องความสามารถในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ นั้น ใครๆ ก็รู้ว่าวัยเด็กและวัยหนุ่มสาวเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนกระหายจะเรียนรู้ชีวิตให้มาก เพื่อจะได้มีอนาคตที่ดีเป็นเวลานานจนตลอดชีวิต แต่พอมีอายุมากขึ้นๆ และชีวิตอนาคตที่เหลือจะหดสั้นลงๆ ความสนใจของคนชราจะมุ่งเน้นที่ชีวิตปัจจุบันของเขามากกว่าชีวิตอนาคตเช่น ถ้าให้กล้องถ่ายรูปแก่คนหนุ่มสาวและคนชรา คนหนุ่มสาวมักจะถ่ายรูปโลกภายนอก แต่คนชราจะสนใจถ่ายภาพครอบครัวของตน

ในส่วนที่เกี่ยวกับการจำเหตุการณ์ร้าย-ดีนั้น งานวิจัยของ L. Carstensen ได้แสดงให้เห็นว่า คนหนุ่มสาวมักจดจำเหตุการณ์ร้ายได้ดีกว่าเหตุการณ์ดี แต่คนชรากลับจำเหตุการณ์ดีได้แม่นยำกว่าเหตุการณ์ร้าย ดังจะเห็นได้จากการทำงานของสมองเวลาให้คนต่างวัยดูภาพร้าย-ดี การทดลองของนักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัย Stanford ผู้นี้ จึงแสดงให้เห็นว่า สมองส่วนที่เรียกว่า amygdala ที่ควบคุมอารมณ์ของคนต่างวัยนั้น มีลักษณะการทำงานที่ต่างกัน

ถึงข้อมูลต่างๆ ดังที่กล่าวมานี้ เป็นข้อมูลที่ได้จากฝรั่งวัย 60-70 ปี ซึ่งถือเป็นคนที่ชราน้อย แต่ถ้าเป็นคนชรามาก คือวัย 80 ขึ้นไป ความชราก็อาจทำลายความสามารถด้านต่างๆ จนราบคาบ แต่ข้อสังเกตหนึ่งที่ได้จากการวิจัยนี้ก็คือ คนชรายุคนี้มีความสามารถสูงกว่าคนชราในอดีตมาก ทั้งนี้เพราะคนชรายุคนี้มีสุขภาพร่างกายที่ดีกว่า สืบเนื่องจากการมีอาหารและการรักษาโรคที่ดีกว่าการมีสุขภาพดีกว่า จึงมีส่วนทำให้ความสามารถทางสมองสูงกว่าด้วย แต่ถึงจะดีกว่าอย่างไร สมองของคนทุกคนก็ต้องตาย ดังนั้น ปัญหาการวิจัยขั้นต่อไปคือ เราจะชะลอสมองให้เสื่อมช้าลงได้อย่างไร นักวิจัยบางคนคิดว่าการใช้ชีวิตที่แวดล้อมด้วยเพื่อนฝูงและสังคมเป็นวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยให้คนเป็นโรคสมองเสื่อมหรือ Alzheimer ช้าลง คนบางคนเสนอแนะให้คนชราออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อจะทำให้เรียนรู้อะไรๆ ได้ดีขึ้นและเร็วขึ้น แต่การใช้ชีวิตที่เหลือรูปแบบเดียว คงไม่สามารถทำให้คนชราเก่งขึ้นได้ทุกเรื่อง ดังนั้น ในอนาคตเราก็อาจจะเห็นคลินิกเสริมพลังสมองของคนชรา เช่นเดียวกับสมาคมฟิตเนสดีที่มีกลาดเกลื่อนทุกวันนี้ ก็ได้เพื่อให้คนสูงวัยทั้งหลายมีความคิด และความทรงจำที่ดีนานๆ

แต่ปริศนาก็ยังคงมีต่อไปว่า ทำไมคนเราจึงต้องจำสิ่งต่างๆ ด้วย

ความสามารถในการจำเป็นปัจจัยสำคัญที่ชีวิตต้องมีหรือไม่ เพราะสัตว์หลายชนิดมีชีวิตโดยไม่ต้องจำว่า มันผสมพันธุ์กับใคร และเมื่อไร คำตอบก็มีว่า ความจำเป็นปัจจัยสำคัญหนึ่งของความเป็นปัจเจกชนที่ทำให้คนแต่ละคนไม่เหมือนกัน เพราะถึงแม้คนสองคนจะรับประสบการณ์พร้อมกัน แต่การมีจุดมุ่งหมายในชีวิตที่แตกต่างกัน ทำให้ความทรงจำในเหตุการณ์ของคนสองคนนั้นแตกต่างกันครับ

ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล //www.ipst.ac.th


Create Date : 05 ธันวาคม 2549
Last Update : 5 ธันวาคม 2549 23:17:47 น. 9 comments
Counter : 386 Pageviews.

 
แวะมาอ่านค่ะ
อยากคิดว่าคนแก่แก่แล้วแก่เลยนะคะ
ราตรีสวัสดิ์ค่ะ


โดย: nakwan6 วันที่: 5 ธันวาคม 2549 เวลา:23:26:53 น.  

 
แวะมาสวัสดีวันพ่อค่ะ~

อย่านอนดึกนะค๊า


โดย: แพนด้า (dekhype ) วันที่: 5 ธันวาคม 2549 เวลา:23:55:02 น.  

 
ขอบคุณ คุณนาขวัญที่อุตสาห์แวะมาเยี่ยมกลางดึกครับ ราตรีสวัสดิ์ครับ

ขอบคุณ น้องแพนด้านะครับที่แวะมาเยี่ยมเช่นกันครับ จะพยายามไม่นอนดึกครับ


โดย: postmaker วันที่: 6 ธันวาคม 2549 เวลา:1:15:47 น.  

 


อรุณสวัสดิ์เช้าวันพุธครับ แล้วลุงกล้วยตื่นเช้านี่เข้าข่าย ชราชนแล้วหรือยังครับ55555


โดย: ลุงกล้วย วันที่: 6 ธันวาคม 2549 เวลา:5:10:11 น.  

 
ขอบคุณลุงกล้วย แวะมาเยี่ยมบล็อคผมแต่เช้าครับ

แล้วผมหลับ ๆ ตื่น ๆ ตอนกลางคืน สงสัยเข้าข่ายชราแล้วแหง ๆ


โดย: postmaker วันที่: 6 ธันวาคม 2549 เวลา:12:07:13 น.  

 
แล้วผมหลับ ๆ ตื่น ๆ ตอนกลางคืน สงสัยเข้าข่ายชราแล้วแหง ๆ

5555





โดย: nakwan6 วันที่: 6 ธันวาคม 2549 เวลา:20:03:03 น.  

 
ยอมรับว่าทั้งแก่ แถมมีพุงด้วย5555


โดย: nakwan6 วันที่: 6 ธันวาคม 2549 เวลา:20:04:48 น.  

 
แกงส้มกลับมาป่วนแล้วค่ะ....

โอ้โห!!! อ่านแบบนี้แล้วไม่กลัวแก่เลยเน๊อะ....55555 ถึงยังไงๆ ก็ยังไม่อยากแก่ (ไว) อยู่ดีเน๊อะ..

ขอบคุณสำหรับข้อความดีดี นะคะ มีประโยชน์มากๆ สำหรับคนจะแก่...


โดย: แกงส้มชะอมกุ้งใส่ผักบุ้งนิดนึง ณ.จ๊ะ.... (น้องแกงส้ม ) วันที่: 6 ธันวาคม 2549 เวลา:21:09:56 น.  

 
............ ต่อไปตูจะปล่อยอะไรอีกมั้ยเนี่ย ขอบคุณแวะมาเยี่ยมครับ คุณนาขวัญ+เจ้าเปียกปูน

ขอบคุณน้องแกงส้มแวะมาเยี่ยมชมครับ หลังจากที่ไปเที่ยวเกาะช้างมา(แอบไปดูบล็อคมาแล้ว อิจฉาจัง)


โดย: postmaker วันที่: 6 ธันวาคม 2549 เวลา:22:46:32 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

MaThilDra
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add MaThilDra's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.