กว่าจะถึง Zermatt

ถ้าจะบอกว่าช่วงปลายเดือนตุลาคมต่อต้นเดือนพฤศจิกายนเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาวของประเทศไทยก็คงไม่ผิดไปจากความจริงเท่าไหร่นัก แต่ไม่น่าเชื่อเลยว่า ปลายฝนต้นหนาวของปีนี้ ฉันจะได้ไปเยือนประเทศที่ถือได้ว่าเป็นประเทศที่มีลักษณะภูมิประเทศที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของบยุโรปหรือของโลกเลยก็ว่าได้ นั่นก็คือประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จริงๆ แล้วฉันไม่ได้เดินทางจากเมืองไทย เพื่อที่จะมาเที่ยวที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ แต่เนื่องจากในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต ฉันได้มีโอกาสมาใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศเยอรมัน ประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงของสวิตเซอร์แลนด์ จึงไม่ได้เป็นการยากอะไร ที่ฉันจะทำความฝันของฉันให้เป็นจริง ตอนเด็กๆ ฉันได้เห็นและได้ยิน ใครต่อใครพูดกันนักหนาว่า ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศที่สวยที่สุดในโลก จนทำให้ฉันใฝ่ฝันว่าครั้งหนึ่งในชีวิตฉันต้องไปสัมผัสบรรยากาศของสวิตเซอร์แลนด์ให้ได้

มาจนถึงบัดนี้ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ครั้งนี้จะเป็นครั้งที่ 4 ที่ฉันได้กลับมาเยือนสวิสเซอร์แลนด์อีกครั้ง แต่ที่แตกต่างไปจากเดิมก็คือจุดประสงค์ของการมาเยือนอีกครั้งและจุดหมายปลายทาง โดยครั้งนี้ฉันตั้งใจว่าจะมาดูใบไม้เปลี่ยนสีที่สวิสเซอร์แลนด์ จึงทำให้ต้องเลือกมาในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ก็คือช่วงต้นเดือนกันยายนถึงปลายตุลาคม หลังจากที่ได้กำหนดเวลาเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องมาดูว่าจะไปที่ไหน จริงๆ แล้วจะไปที่ไหนในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ก็คงสวยเหมือนกันหมด แต่ภาพในจินตนาการของฉัน จะต้องมียอดเขาสวยๆ ซักอัน โดยด้านหน้าของยอดเขาจะต้องมีทะเลสาบ และข้างๆ ก็ต้องมีต้นไม้หลากหลายสี เมื่อได้ข้อจำกัดเช่นนี้ ฉันก็เทียวเสริ์ชหารูปในมโนภาพของฉันทางอินเตอร์เนต จนได้คำตอบสุดท้ายเป็นยอดเขา „Matterhorn“ ในเมือง „Zermatt“ ดังนั้นฉันกับเพื่อนอีกคน ก็เลยจัดกระเป๋าพร้อมเดินทางสู่ที่หมาย

ก่อนที่จะไปเที่ยวเมือง Zermatt กัน เรามาลองทำความรู้จักกับเมือง Zermatt กันหน่อยดีกว่า........ Zermatt เป็นเมืองหรือเรียกได้ว่าเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ซึ่งมีพื้นที่เพียงประมาณ 243 ตารางกิโลเมตร อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1610 เมตร ตั้งอยู่บริเวณฐานทางด้านเหนือของยอดเขา Matterhorn ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขา Alp เมืองนี้ตั้งอยู่ในเขต Valais ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของสวิตเซอร์แลนด์ ห่างจากเขตแดนรอยต่อระหว่างประเทศสวิตเซอร์แลนด์กับประเทศอิตาลีเพียงแค่ 10 กิโลเมตร ประชากรในเมือง Zermatt มีประมาณ 5,500 คน ภาษาที่ใช้ในท้องถิ่นก็คือภาษาเยอรมัน


คั่นเวลาด้วยรูปสวยๆ จาก Zermatt แล้วกลับไปอ่านต่อนะคะ

การเดินทางสู่ Zermatt นั้น สามารถไปได้โดยใช้รถไฟของทางการสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นวิธีที่สะดวกที่สุด โดยการเดินทางโดยรถไฟนั้น สามารถจะเริ่มต้นจากเมืองไหนก็ได้ เช่น ถ้าเดินทางจาก Zurich หรือ Basel ก็จะใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงกว่าๆ ครั้งนี้พวกเราเลือกที่จะขึ้นรถไฟจาก Basel โดยราคาค่าโดยสารก็ประมาณ 104 ฟรังค์สวิสสำหรับตั๋วชั้นสองและสำหรับคนที่ไม่มีบัตรลดใด้ทั้งสิ้น เป็นราคาที่เอาการเลยล่ะ แต่ในครั้งนี้พวกเราซื้อตั๋ว Swiss Flexi Pass แบบ 3 วันเอาไว้ ก็เลยได้เดินทางฟรีตามวันที่ระบุไว้ในตั๋ว การเดินทางเป็นเวลา 4 ชั่วโมงกว่าๆ ถือว่าค่อนข้างนานและน่าเบื่ออยู่เหมือนกัน แต่สำหรับฉันแล้ว การได้นั่งริมหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่ดูธรรมชาติสองข้างทางที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ จากเขตที่ราบในเมือง Basel ผ่านทะเลสาบ Thun และ Brienz จนกระทั่งขึ้นสู่เทือกเขาสูงในเขตของเทือกเขา Alp ก็ลดความน่าเบื่อ และสร้างความเพลิดเพลินบันเทิงใจได้เหมือนกัน
นอกจากการเดินทางสู่ Zermatt ทางรถไฟแล้ว ก็ยังสามารรถเดินทางโดยรถยนต์ได้อีกด้วย แต่เนื่องจาก Zermatt เป็นเมืองที่ไม่ให้รถยนต์ของนักท่องเที่ยวเข้าไปในเขตเมือง เคยดูในหนังโฆษณาของ Zermatt เขาเรียกเมืองของเขาว่า „Car free resort“ ดังนั้นถ้าใครเอารถยนต์ไป ก็จะต้องฝากรถไว้ที่เมือง Taesch แล้วค่อยหอบข้าวของสัมภาระขึ้นรถไฟจากเมือง Taesch ขึ้นสู่ Zermatt ค่าโดยสารรถไฟก็ตกไปกลับคนละ 15.60 ฟรังค์สวิส สิ่งที่ต้องพึงระลึกอยู่ถึงเสมอก็คือ ไม่มีของฟรีในประเทศส่วนใหญ่ในยุโรป ดังนั้นสำหรับการฝากรถที่เมือง Taesch นั้นเราก็ต้องเสียค่าจอดรถ อาจจะเป็นต่อ 1 วัน 2 วัน หรือคิดแบบเหมาจ่ายก็ต้องไปต่อรองกันดู เอาเป็นว่าสำหรับฉันแล้วเนี่ย นั่งรถไฟสะดวกที่สุด

...Click here to continue reading...

Create Date : 12 มกราคม 2550 Last Update : 4 เมษายน 2551 22:20:57 น. Counter : 1616 Pageviews.		2 comments
Share Tweet